[CR] ทริปสั้นพาตะลุยเที่ยว "กาญ" เมืองที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ และมนต์เสน่ห์ที่สะกดใครหลายๆคน

เราได้มีโอกาสไปเที่ยวกาญมาในช่วงกลางเดือนกรกฎา ซึ่งก็เป็นช่วงฤดูฝนนั่นเอง ซึ่งโดยปกติแล้วกาญก็ถือเป็นอีกจังหวัดนึงที่เต็มไปด้วยภูเขา น้ำตก และป่า การได้มีโอกาสไปเที่ยวในช่วงหน้าฝนนี่แหละ วิวและบรรยากาศถือว่าดีงามมาก

เพื่อนๆคงจะพอทราบแล้วนะคะ ว่ากาญถือเป็นอีกจังหวัดนึงที่ใหญ่มากๆ ถ้าอยากเที่ยวให้ครบ ตามจุดสำคัญๆนี่ใช้เวลาไม่น้อยกว่า 3-4 วันแน่นอน
กระทู้นี่ก็จะเป็นทริปสั้นๆ สำหรับการท่องเที่ยวในกาญนะคะ เป็นจุดที่เราได้แวะเที่ยวมา แล้วเรารู้สึกประทับใจ ถือว่าเป็นอีกทางเรื่องนึงสำหรับผู้ที่สนใจน้า

ที่ๆเราได้ไปเที่ยวมาจะเป็นบริเวณอำเภอไทรโยคซะเป็นส่วนใหญ่นะค่ะ

เราขับรถจากกรุงเทพ ผ่านนครปฐม โดยใช้เส้นทางหลวง 323 มาถึงจังหวัดกาญจนบุรี
ที่ๆแรกที่เราตัวสินใจแวะจอดลงเที่ยวก็คือ วัดถ้ำเสือ ซึ่งเป็นวัดที่สำคัญของกาญนั้นเอง

เพื่อนๆอาจสงสัยว่าเอ๊ะ แล้ววัดนี้มันน่าสนใจยังไงหนอ
เรามาชมภาพกันหน่อยดีกว่า
ก่อนอื่นเลยเราต้องบอกว่าวัดนี้ เราต้องปืนบันไดขึ้นไปหน่อย เพราะวัดมันอยู่ยอดเขา สำหรับเด็กๆ วัยรุ่น อาจชิวๆ แต่สำหรับผู้สูงอายุอาจจะมีปัญหานิดหน่อย แต่อยากไรก็ตามวัดนี้ก็มีรถรางนะจ้ะ ไม่ต้องเสียเวลาเดินขึ้นให้เมื่อยเลย อิอิ แล้วก็ไม่เสียค่าบริการสำหรับรถรางด้วยค่า ดีงามจริงๆ

ด้วยความยากลำบากในการขึ้นนิดหน่อย แต่ก็ถือว่าคุ้มค่ากับวิวข้างบนจริงๆน้า ด้านบนมีพระประธานองค์ใหญ่ งดงามจริงๆ มีส่วนของประตูโค้งต่างๆ เป็นลวดลายวิจิตรงดงามมากๆ และที่สำคัญวิวบนนี้มองลงไปข้างล่างจะเห็นเป็นเนินเขาโอบ ต้นไม้เขียวๆ วิวดีมาก

หลังจากแวะชมแล้ว ลงมาก็เป็นเวลาเที่ยงๆพอดี เริ่มหิวละ เลยขับไปเรื่อยๆ แล้วเจอร้านอาหารร้านนี้พอดี ร้านแพรินเขื่อน เห็นบรรยากาศดี อยู่กลางแม่น้ำ สวยขนาดนี้ ไม่ตัดสินใจแวะ และก็พลาดแล้วละ ต้องแวะซะหน่อยแล้ว

เพื่อนคงสงสัยกันว่า แล้วนี่มันสวยยังไงล่ะนิ?
ก็เพราะมันอยู่ติดเขื่อนเลยล่ะ เขื่อนวชิราลงกรณ์นั้นเอง รอบข้างเป็นภูเขา สงบมากๆ เหมาะแก่การใช้เวลาพักแวะทานอาหารจริงๆ
ที่นี่เพื่อนสามารถแวะให้อาหารปลาได้ด้วยน้า


แล้วนี่ก็เป็นหน้าตาอาหารที่เราสั่งมาทาน
เมนูแรกเลย เห็ดผัดน้ำมันหอย

ตามด้วย ยำหน่อมะพร้าวทะเล

ต้มยำกุ้งน้ำข้น (เมนูนี้เด็ดจริงๆ ชอบมาก)

ตามด้วย ปลาทับทิมทอดน้ำปลา

กินกับข้าวร้อนๆ เลิศๆค่า

แวะทานเสร็จแล้ว แดดร้อนจริงๆเลย ขอแวะเข้าที่พักเช็คอิน แล้วพักผ่อนเอาแรงก่อนนะค่า
เพราะตอนเย็น เรามีแผนเที่ยวต่อ อิอิ

เย็นแล้ว เรามาหาไรทำกันหน่อย เราจะมาล่องแพชมวิวแม่น้ำแควกัน มากาญทั้งทีไม่ล่องแพไม่ได้แล้ว
แพที่เรานั่งเป็นแพของที่พักนะจ้ะ ช่วงวันหยุดยาวเขามีโปรโมชั่น ลดจาก 350 เหลือ 250 (ต่อหัวนะจ้ะ)
ลืมบอกไปเลย ที่พักเราชื่อเขาโทน ริเวอร์ รีสอร์ทน้า

วิวงามไหมล่ะ ช่างเหมาะแก่การพักผ่อนชิวๆอะไรขนาดนี้

ล่องแพไปซักพักก็เจอเรือยนต์แล่นผ่าน น้ำสาดกระเซ็น
ขาไปเราล่องแพ ขากลับเราก็นั่งเรือยนต์กลับแบบนี้แหละ สนุกดี เย็นๆ เพราะน้ำสาด5555

หมดไปแล้วกับวันแรกน้า ขอลาไปพักผ่อน นอนชิวๆในห้องพักตุนแรงสำหรับเที่ยวพรุ่งนี้ต่อ >_____<

วันที่สอง
เรารีบตื่นหน่อย ประมาณหกโมง รีบตื่น รีบออก ไม่ต้องแย่งเที่ยวกับคนอื่น อิอิ
แต่พอตื่นขึ้นมา ออกจากห้องพักมาเท่านั้นล่ะ ตะลึงกลับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเลย

เจอหมอกแอร้ เลยแวะถ่ายรูปเก็บไว้หน่อย เมื่อคืนฝนตกหน่อยๆ อากาศตอนเช้าเลยดีมาก ชุ่มชื้นจริงๆ มีน้ำค้างบนใบหญ้าด้วย ได้กลิ่นหญ้า กลิ่นดินหลังฝกตกอย่างสดชื่น อิอิ

ระหว่างรออาหารเช้า หาไรอ่านซักหน่อย

หลังจากเช็คเอาท์ออกจากที่พักเรียบร้อยแล้ว เราก็ตัดสินใจว่าจะแวะเที่ยวที่เที่ยวที่เจอระหว่างทางหลับ
ลิสต์ๆออกมา ทุกคนก็เห็นพ้องกันว่าจะเที่ยวกันสองที่ ที่ไหนล่ะ มาๆ อ่านต่อ อิอิ

ที่แรกเลย เป็นอุทยามแห่งชาติประวัติศาสตร์แห่งแรกของประเทศไทย เชื่อว่าหลายๆคนคงร้องอ่อ ขึ้นมาแล้วล่ะ
แต่สำหรับเพื่อนๆที่ยังไม่รู้เราจะมาเฉลยให้ นั่นก็คือ อุทยานแห่งชาติปราสาทเมืองสิงห์นั่นเอง

มาๆฟังประวัติคร่าวๆหน่อย อุทยานนี้เป็นอุทยานที่สร้างขึ้นโดยรับเอาวัฒนธรรมมาจากขอม ก่อด้วยศิลา่แลง สร้างขึ้นเพื่อเป็นพุทธสถานในพระพุทธศาสนา นิกายมหายาน

ที่นี่มีเสียค่าเข้าชมด้วยน้า คนไทย 10 บาท ต่างชาติ 50 บาท รถยนต์ 50 บาท
ชมรูปบริเวณปราสาทกันน

ออกจากอุทยานแห่งชาติประวัติศาสตร์เมืองสิงห์มาแล้ว มาเที่ยวที่ต่อไปกันเลย ที่สุดท้าย
และเป็นที่ๆเด็ดที่สุดสำหรับทริปนี้อีกด้วย อิอิ นั่นก็คือ... คืออออ เส้นทางรถไฟสายมรณะ

มาเข้าเกร็ดความรู้กันนิดนึง อย่าพึ่งเบื่อน้า5555
ทางรถไฟสายมรณะนี่สร้างขึ้นช่วงสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 สร้างโดยกองทัพญี่ปุ่นนะจ้ะ ปัจจุบันเส้นทางรถไฟที่เปิดให้บริการรถไฟมีระยะทางทั้งสิ้น 77 กิโลเมตร แต่ถ้ารวมเส้นทางรวมทั้งหมดจากไทยไปถึงพม่าจะมีระยะทางรวม 415 กิโลเมตร

สาเหตุที่เรียกว่าเส้นทางรถไฟสายมรณะก็เนื่องจาก การสร้างทางรถไฟสายนี้เป็นไปด้วยความยากลำบาก ความทารุณของสงคราม โรคภัย และการขาดแคลนอาหาร ทำให้มีเฉลยศึกจำนวนมากเสียชีวิตไปจากการสร้างเส้นทางรถไฟสายนี้

มาเข้าประเด็นสถานที่ท่องเที่ยวนี้กันดีกว่า
จุดที่เป็นแหล่งสำคัญของเส้นทางรถไฟสายมรณะนี้ก็คือ เป็นส่วนของบริเวณเชิงผาเรียบไปกับแม่น้ำแควน้อย ช่วงบริเวณถ้ำกระแซ

ขอเตื่อนเพื่อนๆ ก่อนนิดนึง สำหรับคนที่ต้องการเดินไปตามรางเพื่อชมบรรยากาศ ไปสู่ถ้ำกระแซ ต้องระวังๆนิดนึงน้า เดินยากๆหน่อย และอาจจะยากยิ่งกว่าสำหรับคนกลัวความสูง เวลามีคนเดินสวน เราต้องยืนหลบเพื่อให้คนเดินผ่าน และยังต้องวิ่งหนีรถไฟตอนที่รถไฟมา5555 (อันนี้พูดจริงๆนะไม่ได้ล้อเล่น5555) ตอนแรกก็พูดเล่นๆ แซวๆกับเพื่อนอยู่ว่าถ้าเดินๆอยู่ แล้วรถไฟมาจะทำไงละเนี่ย แล้วปรากฎว่ามันมาจริง555555 ทำเอาเงิ้บกันเลยทีเดียว แต่ก็ไม่ได้น่ากลัวขนาดนั่นน้า คือเวลารถไฟมาถึงสถานีก่อนจะผ่านเชิงผา รถไฟจะหยุดให้ แล้วจะมีเจ้าหน้าที่เดินมาแจ้งก่อน เพื่อให้เราเดินกลับไปหลบตามข้างทางให้รถไฟไปก่อน

มาชมรูปกันต่อดีกว่า ว่าวิวข้างทางมันดียังไง

เราเดินตามทางเรือยๆไปจนถึงถ้ำกระแซ เข้าถ้ำไปไหว้พระซักหน่อย
นี่เป็นบริเวณปากถ้ำน้า

และระหว่างที่เราเดินกลับเราก็ได้เจอกับรถไฟนั่นเอง คนบนรถไฟโบกมือทักทาย ให้กับคนยื่นริมทาง ยิ้มให้กล้องด้วย น่ารักมากๆ

ทางรถไฟเส้นนี้จะไปสุดทางที่น้ำตกไทรโยคนะจ้ะ
เรากะไว้ว่ามาคราวหน้าเราจะนั่งรถไฟไปลงน้ำตกกัน


จบแล้วนะจ้า ถือว่าเป็นอีกทางเลือกนึงให้กับคนที่สนใจอยากเที่ยวกาญแต่ไม่ค่อยมีเวลาน้า สามารถแวะพูดคุย และติชมได้นะค่า
ขอบคุณคะที่อ่านจนจบ