กระทู้นี้เป็นกระทู้ต่อเนื่องจากกระทู้ที่แล้ว “แบกกล้อง ท่องลาดัคก์” นะคะ สำหรับคนที่หาที่เที่ยวต่อก่อนบินกลับไทย
หรือจะไปเที่ยวศรีนาคาเวลาที่ไปเยือนแคชเมียร์โดยเฉพาะก็ได้นะคะ

ที่ศรีนาคานี่เป็นเมืองที่เที่ยวง่ายกว่าลาดัคก์ และบรรยากาศชิลมากค่ะ ใครที่ออกจากลาดัคก์แล้วหาที่ไปต่อ ลองมาเที่ยวที่นี่กันดู ตั๋วเครื่องบินจากเลห์มาศรีนาคาก็ราคาไม่แพง แค่พันเศษๆเท่านั้นค่ะ พวกเราอยู่ที่นี่กันแค่ 2 วัน แต่เป็น2 วันที่มีความสุขมาก เพราะสะบักสะบอมกับการตลุยลาดัคก์เหลือเกิน พอมาเจอกับบรรยากาศชิลๆ กำลังสบาย ไม่หนาว ไม่ร้อน เป็นการพักยกที่ฟินสุดๆ บอกเลยว่าต้องมา!
การเดินทางเข้าศรีนาคามีเรื่องต้องเตรียมตัวบ้าง ไม่ยากค่ะ ตามนี้เลย
***เตรียมตัว
- ศรีนาคามีการประท้วงใหญ่เมื่อปี 2559 ทำให้การเมืองแอบมาคุอยู่นิดๆ ผลก็คือระบบรักษาความปลอดภัยเข้มงวดมาก ไปไหนมาไหนขอให้พกสำเนาพาสปอร์ตไปด้วยเสมอ
- เมื่อบินเข้าศรีนาคา ตอนเดินผ่าน ตม นักท่องเที่ยวต่างชาติต้องกรอกเอกสารขาเข้าอีกครั้ง ซึ่งขอแนะนำให้คนที่จะไปเป็นกลุ่ม ทำใบรายชื่อสมาชิกที่ร่วมเดินทางด้วยกัน พร้อมหมายเลขพาสปอร์ตกำกับ เป็นภาษาอังกฤษ ไม่อย่างนั้นทาง ตม จะบังคับให้ทุกคนกรอกเอกสาร ถ้ามีใบรายชื่อดังกล่าว หัวหน้าคณะจะกรอกแค่คนเดียว แล้วแนบรายชื่อไปด้วยได้ค่ะ
- ในการเข้าสนามบิน ทุกครั้งต้องมีใบจองตั๋วเครื่องบิน ที่ทางสายการบินส่งให้เราเวลาจองตั๋วทางเน็ท พิมพ์ออกมาแล้วเอาไปยื่นค่ะ แนะนำให้พิมพ์เผื่อมาสัก 2-3 ใบนะคะ เผื่อเอาไว้ หากเราไม่มีใบจองเค้าไม่ให้เราเข้าไปในเขตสนามบินด้วยซ้ำค่ะ
- รถที่ใช้ในการเดินทางภายในเมือง ที่นี่มีแท็กซี่ ต้องต่อลองกันดีๆ เตรียมแบ็งค์ปลีกไว้เยอะๆ จ่ายพอดี ไม่งั้นจะไม่ได้เงินทอน คนขับจะอ้างว่าขอเป็นทิป
- หากไปเป็นหมู่คณะ แนะนำให้เช่ารถเป็นวันๆไป ติดต่อผ่านทางโรงแรมได้ ต่อราคากันไว้ก่อนเลย จะสะดวกกว่า เวลาต่อราคา ย้ำด้วยว่าให้รวมค่าน้ำมันที่จอดรถไปเลย ไม่อย่างนั้นอาจจะโดนโมเมคิดเงินเพิ่มได้
- ขาออก ให้ติดแท็คกระเป๋าทุกใบนะคะ ถ้าเอากล้องมาห้อยคอก็ต้องติดแท็คด้วย กล้องหรือโน้ตบุ้คจะถูกเจ้าหน้าที่ขอให้เปิดให้ดูนะคะ เลนส์ต่างๆก็จะถูกขอถอดออกมาให้ดู ดังนั้นระวังกันด้วยค่ะ
***ไปไหนดี
- ล่องเรือทะเลสาบ Dal
ศรีนาคาเป็นเมืองเล็กค่ะ ที่นี่เป็นเมืองตากอากาศของเศรษฐีอินเดีย ถึงตอนนี้จะดูค่อนข้างโทรม แต่ก็มีสถาปัตยกรรมโบราณที่ยังคงความอลังการให้ดู แต่ที่เป็นหัวใจของศรีนาคาเลยคือทะเลสาบ Dal ดังนั้นใครที่มาที่นี่ ถ้าไม่ลองล่องเรือล่องทะเลสาบดูนี่ถือว่ายังมาไม่ถึง
รูปนี้เป็นบรรยากาศยามเย็นที่ทะเลสาบดาล

ในทะเลสาบดาล ยังมีสิ่งที่น่าสนใจมากมายเช่น น้ำที่นี่ใสเว่อร์วังเพราะเป็นน้ำที่เกิดจากหิมะบนภูเขาละลายแล้วไหลมารวมกันที่ทะเลสาบดาลนี่
การล่องเรือยังเป็นกิจกรรมที่พวกคู่รักชอบมาทำและถ่ายรูปเก็บไว้ ถึงขนาดที่เกิดเป็นแพ็คเกจ pre wedding ที่ศรีนาคานี่เลยทีเดียว

เรือที่เราใช้ล่องในทะเลสาบดาล เป็นพื้นเมืองที่น่ารักและสีสันสดใสมาก เรียกว่าชิกคาร่า Shikara เหมือนเรือแจวบ้านเราแต่มีหลังคาคลุมเพื่อบังแดด และมีเบาะนิ่มปูให้เรานั่งเอกเขนกในเรือราวกับพระราชา

ในทะเลสาบยังมีตลาดน้ำ คือเป็นเพิงหรือกระต๊อบปลูกอยู่กลางน้ำ ขายพวกอาหารและของที่ระลึก น่าสนใจมากเพราะบางร้านมีขายตั้งแต่เครื่องประดับไปยันไก่สด (ที่ยังกระพริบตาปริบๆยืนยันความสดซิงอยู่ในกรง)

รูปบางส่วนจากมือถือ ถ่ายมาจากริมถนนเลียบทะเลสาบ ช่วงเย็นๆที่พวกเราออกไปเดินหาอะไรทานกัน
- มัสยิดJamia ซึ่งอายุเกือบ 700 ปี แต่ก็ยังอยู่ในสภาพดี ตัวอาคารไม่ได้ตกแต่งหรูหราอย่างมัสยิดในตะวันออกกลาง แต่ก็ยังดูโอ่โถง สวยและสง่างาม ตรงกลางมีสวนเล็กๆและน้ำพุตรงกลาง ทำให้รู้สึกสงบ ร่มเย็น ผนังอิฐแดงสวยๆ ให้ถ่ายเซลฟี่กันได้อย่างเพลิดเพลิน

ด้านในเป็นโถงโล่ง เรียบๆ โครงสร้างทำด้วยไม้แต่ยังสวยท้ากาลเวลา

เมื่อเดินผ่านห้องโถงแรกไป จะเจอสวนน้ำพุกลางหมู่อาคารเป็นลักษณะที่เรียกว่า courtyard

มีหอคอยแบบโบราณด้วย แต่เค้าไม่อนุญาตให้ขึ้นไป


ข้างๆกัน มีร้านค้าขายของที่ระลึกให้เดินค่ะ

- Hazratbal ซึ่งเป็นสุเหร่าศักสิทธิ์ที่เป็นที่เคารพนับถือของคนมุสลิมในศรีนาคา เพราะ เชื่อกันว่าพระธาตุส่วนหนึ่งของศาสดามูฮัมหมัด ได้ถูกเก็บรักษาไว้ที่นี่ ตัวอาคารของ Hazratbal ที่ทำจากหินอ่อนสีขาวนี้ เมื่อมองจากทะเลสาบดูเหมือนทัชมาฮาลมากเลย

รอบๆวิหารยังมีตลาดเล็กๆ ที่ขายของที่ระลึก อาหารและเสื้อผ้า ที่มีขนมแบบโบราณของชาวศรีนาคาและอาหารมุสลิม ขายในราคาไม่แพง ใครชอบเดินตลาด ที่นี่เดินเพลินเลยทีเดียว

ลุงคนนี้ท่าทางขายไม่ดี YY"

- สวน Nishat Bagh อายุประมาณ 400 ปี เป็นสวนสไตล์โมกุล แบบเปอร์เซีย ซึ่งประกอบด้วยน้ำพุเป็นแนวยาว เชื่อมต่อระหว่างอาคาร ไหลลงมาจากภูเขา และทอดยาวลงสู่ทะเลสาบดาล มีทั้งหมด 12 ชั้น มีสวนหย่อมประกอบทั้งสองข้างของน้ำพุ ซึ่งพบเห็นได้ในหลายๆที่ในอินเดีย อย่างเช่น ทัชมาฮาล ที่นี่เงียบสงบและร่มเย็นมาก อากาศก็กำลังสบาย หากขึ้นไปอยู่ชั้นบนตรงเนินเขา ก็สามารถมองเห็นวิวของทะเลสาบได้อย่างสวยงาม
Nishat Bagh สร้างโดยเจ้าเมืองชื่อ Asif Khan ผู้เป็นพ่อตาของกษัตริย์ Shan Jehan ผู้สร้างทัช มาฮาล ว่ากันมาเมื่อกษัตริย์ Shan Jehan มาเห็นสวนนี้เข้าก็ชอบใจมาก ออกปากชมเป็นการใหญ่ โดยแอบหวังไว้ว่า Asif Khan จะยกสวนนี้ให้ แต่พ่อตาก็ไม่ทันเฉลียวใจยกให้ซักที ด้วยความหมั่นไส้ Shan Jehan เลยสั่งตัดน้ำที่ไหลเข้าไปหล่อเลี้ยงสวน ทำให้ต้นไม้เหี่ยวเฉาและต้องปิดไปในที่สุด

Asif Khan เสียใจมาก และมักจะไม่นั่งถอดถอนหายใจอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ในสวน ทำให้ข้ารับใช้คนหนึ่งสงสารนายมาก ยอมตายด้วยการขัดคำสั่งกษัตริย์เปิดทางน้ำให้ไหลเข้าสวนอีกครั้ง เรื่องรู้ไปถึงพระกรรณ์ของกษัตริย์ Shan Jehan ด้วยความชื่นชมในความจงรักภักดีของข้ารับใช้ผู้นี้ ท่านจึงยอมละเว้นและปล่อยน้ำกลับเข้าสวน ทำให้ Nishat Bagh ฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้งค่ะ

***ที่พัก
- ที่ศรีนาคา เวลามาพักเค้าก็จะแนะนำให้พักกันในเรือบ้าน หรือ Boat house ซึ่งสามารถหาได้ตามเว็บจองโรงแรมทั่วไป แต่”อ่านรีวิวดีๆนะคะ ดูรูปให้ดีๆด้วย” เพราะบางทีมันไม่ได้ดีอย่างที่เราคิด บ้านเรือที่เราเจอตอนจองรูปสวยมาก แต่พอไปจริงๆก็พบว่ามันโทรมและไม่สวยอย่างที่เห็น วิวก็ไม่ใช่อย่างที่เห็นในรูปที่โพ้สไว้บนเว็บ โชคดีว่าเจ้าของนิสัยดี เลยพอจะให้อภัยได้บ้าง และหากไม่ต้องการจองสามารถมาหาเอาที่นี่เลยก็ได้ เพราะมีให้เลือกเยอะมาก
- น้ำที่ใช้อาบใน boat house มาจากในทะเลสาบดาลที่เรือจอดอยู่ สูบขึ้นมาเข้าเครื่องทำน้ำร้อน แล้วก็ออกมาที่ก้อกน้ำให้เราอาบ แล้วก็กลับลงทะเลสาบไปอีกที ดังนั้นหากเลือกเรือที่อยู่ตามคลองย่อย น้ำจะไม่ค่อยสะอาด แต่ถ้านอนเรือลำที่อยู่ในบริเวณทะเลสาบเลย น้ำที่ใช้จะสะอาดกว่าเยอะค่ะ
- เวลาจองเรือ ให้เช็คด้วยนะคะว่ามีเครื่องทำความร้อนให้รึเปล่า เรือมีกี่ห้อง เพราะบางลำก็ไม่มีฮีทเตอร์ให้
- อาหารเช้าที่ให้ส่วนมากจะเป็นอาหารง่ายๆ พวกโยเกิต แกงถั่ว ข้าวโอ้ตต้ม
- Boat house ทุกลำจะเสนออาหารมื้อเย็น หรือเป็นแพ็คเกจ 3 มื้อ แบบชาวแคชเมียร์ โดยส่วนตัวแนะนำว่าให้ลอง Homemade dinner ดูสักมื้อนะคะ เพื่อสัมผัสกับบรรยากาศครอบครัวชาวแคชเมียร์ แล้วมื้ออื่นๆ ลองไปทานอาหารร้านนู้นร้านนี้บ้าง จะถูกและหลากหลายกว่าค่ะ
Boat house หน้าตาเป็นแบบนี้นะคะ
เวลาที่เราเข้าพักที่ boat house เจ้าของมักจะบอกเราว่านั่งเรือฟรี แต่จริงๆแล้วฟรีแค่ข้ามฟากจากฝั่งหรือถนนมาที่เรือที่พักเท่านั้น แต่ถ้าล่องเรือ เค้าจะคิดคนละ 300 รูปี เรือลำหนึ่ง นั่งได้ประมาณ 4 คน ใช้เวลาประมาณ 2 ชม เจ้าของเรือเค้าจะพาเราไปเรื่อยๆ สักพักก็จะเข้าคลองเล็กๆ ไปดูหมู่บ้านของชาวศรีนาคา ดูการทำสวนผักลอยน้ำ แบบที่เห็นได้ในอินเล ประเทศพม่า ที่นี่ก็มีเหมือนกัน ระหว่างทางก็จะมีเรือชาวบ้านพายเข้ามาประกบ เพื่อขายสินค้าและอาหาร บางอย่างก็ไม่เลวอย่างเช่น ชาผลไม้ จิบไปด้วยระหว่างล่องเรือ บอกเลยว่าสุดฟิน แต่ทุกอย่างที่จะซื้อ เวลาคนขายบอกราคามาให้ต่อเหลือครึ่งเดียว (และราคาก็ยังสูงกว่าราคาที่คนอินเดียซื้ออยู่ดี)
==== หมดที่แล้ว โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ
หากใครสนใจกระทู้ก่อนหน้านี้ แบกกล้อง ท่องLadakh ตามลิ้งค์ข้างล่างไปค่ะ
https://pantip.com/topic/36616573
แบกกล้อง ล่องศรีนาคา แชร์จุดถ่ายภาพ ช้อป ชิม ชิล สำหรับสายแช๊ะโดยเฉพาะ
หรือจะไปเที่ยวศรีนาคาเวลาที่ไปเยือนแคชเมียร์โดยเฉพาะก็ได้นะคะ
ที่ศรีนาคานี่เป็นเมืองที่เที่ยวง่ายกว่าลาดัคก์ และบรรยากาศชิลมากค่ะ ใครที่ออกจากลาดัคก์แล้วหาที่ไปต่อ ลองมาเที่ยวที่นี่กันดู ตั๋วเครื่องบินจากเลห์มาศรีนาคาก็ราคาไม่แพง แค่พันเศษๆเท่านั้นค่ะ พวกเราอยู่ที่นี่กันแค่ 2 วัน แต่เป็น2 วันที่มีความสุขมาก เพราะสะบักสะบอมกับการตลุยลาดัคก์เหลือเกิน พอมาเจอกับบรรยากาศชิลๆ กำลังสบาย ไม่หนาว ไม่ร้อน เป็นการพักยกที่ฟินสุดๆ บอกเลยว่าต้องมา!
การเดินทางเข้าศรีนาคามีเรื่องต้องเตรียมตัวบ้าง ไม่ยากค่ะ ตามนี้เลย
***เตรียมตัว
- ศรีนาคามีการประท้วงใหญ่เมื่อปี 2559 ทำให้การเมืองแอบมาคุอยู่นิดๆ ผลก็คือระบบรักษาความปลอดภัยเข้มงวดมาก ไปไหนมาไหนขอให้พกสำเนาพาสปอร์ตไปด้วยเสมอ
- เมื่อบินเข้าศรีนาคา ตอนเดินผ่าน ตม นักท่องเที่ยวต่างชาติต้องกรอกเอกสารขาเข้าอีกครั้ง ซึ่งขอแนะนำให้คนที่จะไปเป็นกลุ่ม ทำใบรายชื่อสมาชิกที่ร่วมเดินทางด้วยกัน พร้อมหมายเลขพาสปอร์ตกำกับ เป็นภาษาอังกฤษ ไม่อย่างนั้นทาง ตม จะบังคับให้ทุกคนกรอกเอกสาร ถ้ามีใบรายชื่อดังกล่าว หัวหน้าคณะจะกรอกแค่คนเดียว แล้วแนบรายชื่อไปด้วยได้ค่ะ
- ในการเข้าสนามบิน ทุกครั้งต้องมีใบจองตั๋วเครื่องบิน ที่ทางสายการบินส่งให้เราเวลาจองตั๋วทางเน็ท พิมพ์ออกมาแล้วเอาไปยื่นค่ะ แนะนำให้พิมพ์เผื่อมาสัก 2-3 ใบนะคะ เผื่อเอาไว้ หากเราไม่มีใบจองเค้าไม่ให้เราเข้าไปในเขตสนามบินด้วยซ้ำค่ะ
- รถที่ใช้ในการเดินทางภายในเมือง ที่นี่มีแท็กซี่ ต้องต่อลองกันดีๆ เตรียมแบ็งค์ปลีกไว้เยอะๆ จ่ายพอดี ไม่งั้นจะไม่ได้เงินทอน คนขับจะอ้างว่าขอเป็นทิป
- หากไปเป็นหมู่คณะ แนะนำให้เช่ารถเป็นวันๆไป ติดต่อผ่านทางโรงแรมได้ ต่อราคากันไว้ก่อนเลย จะสะดวกกว่า เวลาต่อราคา ย้ำด้วยว่าให้รวมค่าน้ำมันที่จอดรถไปเลย ไม่อย่างนั้นอาจจะโดนโมเมคิดเงินเพิ่มได้
- ขาออก ให้ติดแท็คกระเป๋าทุกใบนะคะ ถ้าเอากล้องมาห้อยคอก็ต้องติดแท็คด้วย กล้องหรือโน้ตบุ้คจะถูกเจ้าหน้าที่ขอให้เปิดให้ดูนะคะ เลนส์ต่างๆก็จะถูกขอถอดออกมาให้ดู ดังนั้นระวังกันด้วยค่ะ
***ไปไหนดี
- ล่องเรือทะเลสาบ Dal
ศรีนาคาเป็นเมืองเล็กค่ะ ที่นี่เป็นเมืองตากอากาศของเศรษฐีอินเดีย ถึงตอนนี้จะดูค่อนข้างโทรม แต่ก็มีสถาปัตยกรรมโบราณที่ยังคงความอลังการให้ดู แต่ที่เป็นหัวใจของศรีนาคาเลยคือทะเลสาบ Dal ดังนั้นใครที่มาที่นี่ ถ้าไม่ลองล่องเรือล่องทะเลสาบดูนี่ถือว่ายังมาไม่ถึง
รูปนี้เป็นบรรยากาศยามเย็นที่ทะเลสาบดาล
ในทะเลสาบดาล ยังมีสิ่งที่น่าสนใจมากมายเช่น น้ำที่นี่ใสเว่อร์วังเพราะเป็นน้ำที่เกิดจากหิมะบนภูเขาละลายแล้วไหลมารวมกันที่ทะเลสาบดาลนี่
การล่องเรือยังเป็นกิจกรรมที่พวกคู่รักชอบมาทำและถ่ายรูปเก็บไว้ ถึงขนาดที่เกิดเป็นแพ็คเกจ pre wedding ที่ศรีนาคานี่เลยทีเดียว
เรือที่เราใช้ล่องในทะเลสาบดาล เป็นพื้นเมืองที่น่ารักและสีสันสดใสมาก เรียกว่าชิกคาร่า Shikara เหมือนเรือแจวบ้านเราแต่มีหลังคาคลุมเพื่อบังแดด และมีเบาะนิ่มปูให้เรานั่งเอกเขนกในเรือราวกับพระราชา
ในทะเลสาบยังมีตลาดน้ำ คือเป็นเพิงหรือกระต๊อบปลูกอยู่กลางน้ำ ขายพวกอาหารและของที่ระลึก น่าสนใจมากเพราะบางร้านมีขายตั้งแต่เครื่องประดับไปยันไก่สด (ที่ยังกระพริบตาปริบๆยืนยันความสดซิงอยู่ในกรง)
รูปบางส่วนจากมือถือ ถ่ายมาจากริมถนนเลียบทะเลสาบ ช่วงเย็นๆที่พวกเราออกไปเดินหาอะไรทานกัน
- มัสยิดJamia ซึ่งอายุเกือบ 700 ปี แต่ก็ยังอยู่ในสภาพดี ตัวอาคารไม่ได้ตกแต่งหรูหราอย่างมัสยิดในตะวันออกกลาง แต่ก็ยังดูโอ่โถง สวยและสง่างาม ตรงกลางมีสวนเล็กๆและน้ำพุตรงกลาง ทำให้รู้สึกสงบ ร่มเย็น ผนังอิฐแดงสวยๆ ให้ถ่ายเซลฟี่กันได้อย่างเพลิดเพลิน
ด้านในเป็นโถงโล่ง เรียบๆ โครงสร้างทำด้วยไม้แต่ยังสวยท้ากาลเวลา
เมื่อเดินผ่านห้องโถงแรกไป จะเจอสวนน้ำพุกลางหมู่อาคารเป็นลักษณะที่เรียกว่า courtyard
มีหอคอยแบบโบราณด้วย แต่เค้าไม่อนุญาตให้ขึ้นไป
ข้างๆกัน มีร้านค้าขายของที่ระลึกให้เดินค่ะ
- Hazratbal ซึ่งเป็นสุเหร่าศักสิทธิ์ที่เป็นที่เคารพนับถือของคนมุสลิมในศรีนาคา เพราะ เชื่อกันว่าพระธาตุส่วนหนึ่งของศาสดามูฮัมหมัด ได้ถูกเก็บรักษาไว้ที่นี่ ตัวอาคารของ Hazratbal ที่ทำจากหินอ่อนสีขาวนี้ เมื่อมองจากทะเลสาบดูเหมือนทัชมาฮาลมากเลย
รอบๆวิหารยังมีตลาดเล็กๆ ที่ขายของที่ระลึก อาหารและเสื้อผ้า ที่มีขนมแบบโบราณของชาวศรีนาคาและอาหารมุสลิม ขายในราคาไม่แพง ใครชอบเดินตลาด ที่นี่เดินเพลินเลยทีเดียว
ลุงคนนี้ท่าทางขายไม่ดี YY"
- สวน Nishat Bagh อายุประมาณ 400 ปี เป็นสวนสไตล์โมกุล แบบเปอร์เซีย ซึ่งประกอบด้วยน้ำพุเป็นแนวยาว เชื่อมต่อระหว่างอาคาร ไหลลงมาจากภูเขา และทอดยาวลงสู่ทะเลสาบดาล มีทั้งหมด 12 ชั้น มีสวนหย่อมประกอบทั้งสองข้างของน้ำพุ ซึ่งพบเห็นได้ในหลายๆที่ในอินเดีย อย่างเช่น ทัชมาฮาล ที่นี่เงียบสงบและร่มเย็นมาก อากาศก็กำลังสบาย หากขึ้นไปอยู่ชั้นบนตรงเนินเขา ก็สามารถมองเห็นวิวของทะเลสาบได้อย่างสวยงาม
Nishat Bagh สร้างโดยเจ้าเมืองชื่อ Asif Khan ผู้เป็นพ่อตาของกษัตริย์ Shan Jehan ผู้สร้างทัช มาฮาล ว่ากันมาเมื่อกษัตริย์ Shan Jehan มาเห็นสวนนี้เข้าก็ชอบใจมาก ออกปากชมเป็นการใหญ่ โดยแอบหวังไว้ว่า Asif Khan จะยกสวนนี้ให้ แต่พ่อตาก็ไม่ทันเฉลียวใจยกให้ซักที ด้วยความหมั่นไส้ Shan Jehan เลยสั่งตัดน้ำที่ไหลเข้าไปหล่อเลี้ยงสวน ทำให้ต้นไม้เหี่ยวเฉาและต้องปิดไปในที่สุด
Asif Khan เสียใจมาก และมักจะไม่นั่งถอดถอนหายใจอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ในสวน ทำให้ข้ารับใช้คนหนึ่งสงสารนายมาก ยอมตายด้วยการขัดคำสั่งกษัตริย์เปิดทางน้ำให้ไหลเข้าสวนอีกครั้ง เรื่องรู้ไปถึงพระกรรณ์ของกษัตริย์ Shan Jehan ด้วยความชื่นชมในความจงรักภักดีของข้ารับใช้ผู้นี้ ท่านจึงยอมละเว้นและปล่อยน้ำกลับเข้าสวน ทำให้ Nishat Bagh ฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้งค่ะ
***ที่พัก
- ที่ศรีนาคา เวลามาพักเค้าก็จะแนะนำให้พักกันในเรือบ้าน หรือ Boat house ซึ่งสามารถหาได้ตามเว็บจองโรงแรมทั่วไป แต่”อ่านรีวิวดีๆนะคะ ดูรูปให้ดีๆด้วย” เพราะบางทีมันไม่ได้ดีอย่างที่เราคิด บ้านเรือที่เราเจอตอนจองรูปสวยมาก แต่พอไปจริงๆก็พบว่ามันโทรมและไม่สวยอย่างที่เห็น วิวก็ไม่ใช่อย่างที่เห็นในรูปที่โพ้สไว้บนเว็บ โชคดีว่าเจ้าของนิสัยดี เลยพอจะให้อภัยได้บ้าง และหากไม่ต้องการจองสามารถมาหาเอาที่นี่เลยก็ได้ เพราะมีให้เลือกเยอะมาก
- น้ำที่ใช้อาบใน boat house มาจากในทะเลสาบดาลที่เรือจอดอยู่ สูบขึ้นมาเข้าเครื่องทำน้ำร้อน แล้วก็ออกมาที่ก้อกน้ำให้เราอาบ แล้วก็กลับลงทะเลสาบไปอีกที ดังนั้นหากเลือกเรือที่อยู่ตามคลองย่อย น้ำจะไม่ค่อยสะอาด แต่ถ้านอนเรือลำที่อยู่ในบริเวณทะเลสาบเลย น้ำที่ใช้จะสะอาดกว่าเยอะค่ะ
- เวลาจองเรือ ให้เช็คด้วยนะคะว่ามีเครื่องทำความร้อนให้รึเปล่า เรือมีกี่ห้อง เพราะบางลำก็ไม่มีฮีทเตอร์ให้
- อาหารเช้าที่ให้ส่วนมากจะเป็นอาหารง่ายๆ พวกโยเกิต แกงถั่ว ข้าวโอ้ตต้ม
- Boat house ทุกลำจะเสนออาหารมื้อเย็น หรือเป็นแพ็คเกจ 3 มื้อ แบบชาวแคชเมียร์ โดยส่วนตัวแนะนำว่าให้ลอง Homemade dinner ดูสักมื้อนะคะ เพื่อสัมผัสกับบรรยากาศครอบครัวชาวแคชเมียร์ แล้วมื้ออื่นๆ ลองไปทานอาหารร้านนู้นร้านนี้บ้าง จะถูกและหลากหลายกว่าค่ะ
Boat house หน้าตาเป็นแบบนี้นะคะ
เวลาที่เราเข้าพักที่ boat house เจ้าของมักจะบอกเราว่านั่งเรือฟรี แต่จริงๆแล้วฟรีแค่ข้ามฟากจากฝั่งหรือถนนมาที่เรือที่พักเท่านั้น แต่ถ้าล่องเรือ เค้าจะคิดคนละ 300 รูปี เรือลำหนึ่ง นั่งได้ประมาณ 4 คน ใช้เวลาประมาณ 2 ชม เจ้าของเรือเค้าจะพาเราไปเรื่อยๆ สักพักก็จะเข้าคลองเล็กๆ ไปดูหมู่บ้านของชาวศรีนาคา ดูการทำสวนผักลอยน้ำ แบบที่เห็นได้ในอินเล ประเทศพม่า ที่นี่ก็มีเหมือนกัน ระหว่างทางก็จะมีเรือชาวบ้านพายเข้ามาประกบ เพื่อขายสินค้าและอาหาร บางอย่างก็ไม่เลวอย่างเช่น ชาผลไม้ จิบไปด้วยระหว่างล่องเรือ บอกเลยว่าสุดฟิน แต่ทุกอย่างที่จะซื้อ เวลาคนขายบอกราคามาให้ต่อเหลือครึ่งเดียว (และราคาก็ยังสูงกว่าราคาที่คนอินเดียซื้ออยู่ดี)
==== หมดที่แล้ว โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ
หากใครสนใจกระทู้ก่อนหน้านี้ แบกกล้อง ท่องLadakh ตามลิ้งค์ข้างล่างไปค่ะ
https://pantip.com/topic/36616573