ผมไปสมัครงานธนาคารที่นึง คุยกับ HR อยู่ 10 นาที HR ก็ไม่ได้ถามเยอะเพราะเหมือนจะเรียกเงินเยอะไปถามแค่ว่าเคยทำงานอะไรมาบ้างนู่นนี่นั่น ไม่ได้ลงรายละเอียดเรื่องของงานที่เราสมัครเลย เขาถามว่า ปกติพนักงานตำแหน่งนี้เรามีนโยบายให้เงินเดือน เท่านี้นะ ไม่ได้เท่าที่ผมเรียก ถ้าได้ ใน rate นั้น ยังสนใจอยู่มั้ย ผมเลยบอกว่า เดี๋ยวขอกลับไปพิจารณาอีกทีครับ แล้วทาง HR ก็ ขอบคุณค่ะ หลังจากนั้นก็ไม่มีการติดต่อกลับมาเลย
_________________________________________________________________________________________________________________
สิ่งที่จะเล่าจิงๆคืออันนี้ครับ (interview บทสนทนาประมาณ 40-50นาทีกับ HR Executive คนเดียวเลย)
ไปสมัครงาน ที่ law firm แห่งนึง ไม่เอ่ยชื่อบริษัทนะ หลังยื่น Resume ไปได้ 7 วัน ก็ได้มีการโทรนัดให้ไป สัมภาษณ์งาน ตำแหน่ง legal secretary เล่าตั้งแต่ตอนโทรมานะ ทางบริษัทบอกว่าตำแหน่งนี้ เปิดรับเป็น spare (ประมาณว่าตอนนี้ยังไม่ได้รับเข้าทำงานเลย เพียงแต่ประมาณว่าเหมือนเร็วๆนี้จะมีคนตำแหน่ง legal secretary ลาออก ถ้าเขาออกเราถึงจะได้เข้ามาแทน)นะค่ะคุณ...... แต่มีอีกตำแหน่งนึงที่ทางเราคิดว่าเหมาะกับคุณ..... คือ ตำแหน่ง Intellectual Property Communications Administrator - Trademark (เจ้าหน้าที่รับลงทะเบียนการค้าของชาวต่างชาติ) ก็คุยกันได้3-5นาทีครับ
หลังจากนั้นก็มีการนัดสัมภาษณ์งานรอบแรก (นัดสัมภาษณ์หลังวันโทรมา 7 วัน วันสัมภาษณ์คือวันที่ 19/7/60) ผมก็ไปตรงเวลาครับ ไปนั่งรอ สักพักทาง
HR manager เขาก็เดินมาแล้วก็ถามคำถามแรกว่า
HR > ทานข้าวรึยังค่ะ
ผม > เรียบร้อยแล้วครับ
HR > งั้นเราเข้าห้องสัมภาษณ์กันเลยเนอะ
ผม > ยินดีครับ
เริ่มการสัมภาษณ์งานอย่างเป็นทางการ เดินเข้าห้องทั้งคู่ นั่งตรงข้ามกัน
HR > อันนี้คุณ... เขียน expected salary มาแล้วเนอะ รบกวนขอเอกสารการสมัครงานทั้งหมดด้วยนะคะ
ผม > นี่ครับ transcript , หลักฐานการศึกษา(เกรด

มาก จบ ป ตรี ที่ ม รามคำแหง เอกภาษาอังกฤษแต่ใช้เวลาเรียนแค่ 3 ปี , สำเนาทะเบียนบ้าน ,
สำเนาบัตรประชาชน (ไม่ได้กรอกเอกสารอะไรครับเลย เพราะตอนนัดสัมภาษณ์ ทาง
HR ส่ง ไฟล์ PDF มาให้กรอก แล้วเราก็กรอกเสร็จแล้ว ส่งกลับไป ทางเมลล์ และทาง HR ก็ได้ตอบกลับการรับข้อมูล ไฟล์ PDF ของผมแล้ว)
HR > พี่นัดสัมภาษณ์ เราวันนี้ ด้วยงานสองตำแหน่ง คือ Legal secretary และ IPCA นะค่ะ ว่าทางคุณ... สนใจตำแหน่งไหนมากกว่ากัน แต่ถ้าคำถามไหน
ที่พี่ถามแล้ว เรารู้สึกว่ามันเป็น confidential ( ความลับ ) คุณ...ก็สามารถข้ามได้เลยนะค่ะไม่ว่ากัน และวันนี้พี่ก็จะมาตอบคำถาม ข้อสงสัยจากคุณ...
ด้วย...พี่ว่ามีอยู่แล้วหละ
ผม > มีครับ ถ้ายังไงรบกวนอธิบายเนื้องานคร่าวๆ ของทั้งสองตำแหน่งนี้ให้ผมฟังได้มั้ยครับ
HR > ก็ถ้าเป็น legal secretary เนื้องานก็จะออกเป็น 5 หมวด คือ 1 litigation การฟ้องร้อง 2 tax ภาษี 3 4 5 (จำได้ไม่หมด ขอโทษที)
เลขา 1 ท่าน จะดูแลทนาย 1-3 คน ด้วยกัน จะดูแลเรื่องเอกสาร การนัดประชุม meeting และรวมทั้งชีวิตส่วนตัวของทางทนายด้วย
หมายถึงทนายติดลูกค้า เราอาจจะต้องปลีกตัวไปซื้อข้าวให้ทนาย ประมาณนี้ ที่นี่เรามีห้องสมุด บริการให้ค้นคว้าข้อมูลด้วย แรกๆที่เข้าไปได้ยินคำนี้
ในใจเหวอนิดๆแต่ก็ไม่ได้แสดงออกอะไรมาก
ส่วนงาน IPCA เป็นการรับลงทะเบียนการค้า ก็จะมี หัวหน้างาน supervisor ที่คอยดูแลเรื่องการแบ่งงานว่า หลักๆ คือการรับลงทะเบียน และการเช็ค
ข้อมูล โลโก้ ของลูกค้าที่มาลงทะเบียน ว่า มันเหมือนกับของใครมั้ย หรือมีความใกล้เคียงกับของบริษัทไหนจนเขาสามารถฟ้องได้มั้ยประมาณนี้
หลังจากนั้น HR ก็เงียบไปประมาณ 5-8 วิ ผมเลยพูดว่า
ผม > ถ้าถามความเห็นส่วนตัวผม ผม prefer legal secretary มากกว่าครับ
HR > ทำไมถึงสนใจตำแหน่งนี้เป็นพิเศษหรอ ( เป็นคำถามที่ผมรู้อยู่แล้วว่าสัมภาษณ์งานทุกที่ เราสมัครตำแหน่งไหนเราต้องโดนถามแบบนี้ )
ผม > ผมเคยฝึกงานกับบริษัทนึงครับ แต่นานแล้ว อยู่ตำแหน่งเลขาเจ้านาย บริษัทนั้น เป็นบริษัทขนาดเล็ก ทั้ง organization มีทั้งหมด 20 คนได้
ไม่รู้สิ ผมรู้สึกว่าการที่ผมได้อยู่กับการเอกสาร พิมพ์งาน มันเป็นอะไรที่สนุก และท้าทายความเร็วในการทำงาน และในช่วงเวลาที่ทำงานก็งานเยอะ
นะครับ แต่ผมไม่ได้รู้สึกกดดันอะไร แค่รู้สึกว่ามันท้าทายดี ตอนฝึกงานมีเลขาสองคนครับ สนุกดีครับ อีกอย่าง ผมเป็นคนที่อยากเรียนกฏหมายอยู่
แล้วด้วย แต่ ณ 3-4 ปีที่แล้วสถานะ finance ทางครอบครัวและตัวผมเอง ไม่ดีเท่าไหร่ ผมเลยสมัครเรียนที่ ม ราม เอกภาษาอังกฤษ เพราะผมต้อง
ทำงานและนำเอาเงินเดือนมาใช้จ่ายส่วนตัว ที่เรียนเอกภาษาอังกฤษเพราะผมมี background knowledge ประมาณนึงอยู่แล้ว ส่วนตัวผมเลยคิด
ว่าการที่เรามี background knowledge จะทำให้ผมเรียนเข้าใจเนื้อหาง่ายขึ้น ง่ายกว่าเรียนกฏหมาย เพราะถ้าเรียนกฏหมายคงต้องใช้เวลามากใน
การเรียน งานที่ทำก็งานจับฉ่ายไปเรื่อยครับ เฝ้ากิจการที่บ้าน (ร้านข้าวสาร) เลิกงานตอนมึดก็ไปร้องเพลงกลางคืนต่อ (เขินๆแอบหัวเราะนิดๆตอน
บอกว่าร้องเพลงกลางคืนแต่มันคือชีวิตเราจริงๆในช่วงระยะเวลานึงเลยอยากเล่า) แต่มีช่วงนึงที่ได้มีโอกาสร่วมงาน สั้นๆ กับทางบริษัท..... ที่
จำหน่ายproductเกี่ยว IT คอมพิวเตอร์ เป็น contract สั้นๆ 3 เดือนเน้นออกตาม boost ครับ จากนั้นผมเงียบไป 3-5 วินาที
HR > เมื่อกี้บอกว่า มีเลขาสองคน แล้วแบ่งงานกันยังไงหรอ
ผม > บริษัทขนาดเล็ก ผมเชื่อว่าคงต่างกับที่นี่มากครับ (หมายถึงที่ๆผมมาสมัครงานอะครับ) แบ่งงานไว้สองส่วนครับ ส่วนเอกสารที่เกี่ยวข้องกับลูกค้า
ทั้งหมด และmeeting กับลูกค้า , ติดต่องาน ซื้อขาย กับทางลูกค้า ผมเป็นคนรับผิดชอบ ส่วนเลขาอีกท่านนึง ดูแลเรื่องภายในองค์กร ครับ
พนักงานมาเบิกค่านู่นนี่ มีใครจะติดต่ออะไรเร่งด่วนตอนเจ้านายไม่อยู่ ก็จะติดต่อเลขาไว้ และเอกสารการบัญชีต่างๆ ในที่ทำงานก็จะรับผิดชอบ
ส่วนนี้ไป...ประมาณนี้ครับ
HR > เมื่อกี้บอกว่าเคยทำงาน ที่ IT ด้วย เล่าให้ฟังหน่อยได้มั้ยคะ เป็นยังไงบ้าง
ผม > ครับก็ ลักษณ์งาน contract สามเดือน เนื้องานคือเน้นไปตาม exhibition boost ต่างๆ ถ้าช่วงไหนที่ไม่มี boost ก็อยู่ตาม shop ตามห้างต่างๆ
ผมเป็น sales ขาย โน๊ตบุ๊ค และคอมพิวเตอร์ ในลักษณะ งานตรงนั้นนะครับ ณ ตอนที่เป็น sales ... ถ้ามี โน๊ตบุ๊ค สเปคเครื่องเดียวกัน ขนาดหน้าจอ
เท่ากัน เรียงกัน 4 5 เครื่อง 4 5 แบรนด์ ผมจะมีวิธีพูดของผมไว้ครับว่า ทำไมถึงต้องเป็นบริษัทเราที่ผมอยากให้ทางลูกค้าได้มีโอกาสใช้ผลิตภัณฑ์
ของเรา....เรามีอะไรที่ให้ได้มากกว่าบริษัทอื่น เช่น ประกันหลังการขายที่แบรนด์อื่นไม่มีถึงมีก็ไม่ได้รวดเร็วเหมือนทางบริษัทเราดำเนินการให้ครับ
อะไรทำนองนี้ ครับ
HR > มีเหตุการณ์ไหนที่แบบว่าทางลูกค้าแบบ หงุดหงิด หรืออารมเสียอะไรประมาณนี้บ้างมั้ยค่ะ
ผม > เคยมีครั้งนึงครับ หลังจากผมหมดสัญญาไม่ได้ทำงานกับบริษัทนี้ 7 เดือนได้ คือตอนทางลูกค้าซื้อ note book จากผมที่เป็นคนขายไป ผมได้ลง
เบอร์โทรศัพท์ส่วนตัวผมด้วยครับ ทางลูกค้าก็โทรมา ตอนแรกผมก็งง ว่าใคร สักพักนึกได้ว่าเป็นลูกค้า โทรมาบอกว่า notebook อยู่ในประกันแต่
โทรเรียกให้ช่างมาซ่อมให้ช่างไม่มาซ่อมให้สักที ผมก็โทรไปประสานงานให้ครับ โทรไปเช็คว่าเกิดอะไรขึ้น สรุปผล คือมีช่างเสียชีวิต กระทันหัน
จากอุบัติเหตุ 1 ท่าน ท่านนี้แหละรับงานต้องซ่อมโน๊ตบุ๊คให้ลูกค้าหลังจากนั้น พอผมทราบว่าเกิดอะไรขึ้น ก็รีบโทรแจ้งลูกค้า แล้วก็นัดสถานที่ลูกค้า
ให้มาซ่อมโน๊ตบุ๊คกับช่างอีกท่านในวันต่อมา
HR > ที่พูดงาน sales มาทั้งหมดนี่ ทางคุณ..... ได้เรียนรู้อะไรบ้างค่ะ กับงานนี้
ผม > ผมก็นิ่งไป 3- 5 วิ แล้วพูดว่า ผมได้เรียนรู้ประสบการณ์งาน sales , เทคนิคการขาย และได้เรียนรู้ความเป็นองค์กรนิดนึง ถึงแม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ
แต่ผมก็ได้เรียนรู้ว่า หนึ่งในการประสบความสำเร็จของงานทาง sales คือการที่เราสามารถดึงความสนใจของลูกค้าทั้งๆที่ทางลูกค้าอาจจะไม่รู้
จักกับบริษัทของเราเลยด้วยซ้ำ ทำนองนี้ครับ
HR > ค่ะ จุดต่อไปนะค่ะ ทางเราอยากให้คุณ.... เล่าอะไรก็ได้เป็นภาษาอังกฤษ นะค่ะ นึกก่อนก็ได้ค่ะ พร้อมแล้วเล่าได้เลยนะค่ะ
ผม > พี่สนใจอยากรู้อะไรเป็นพิเศษรึเปล่าครับ
HR > เอาตามที่คุณ.... อยากพูดได้เลยค่ะ
ผม > งั้นผมขอเล่าเรื่องนี้ละกันครับ tragedy in my life...
One year and half ago, I got an motorcycle accident then my backbone was broken.
I was admitted at hospital for 3-4 months.I don't think that I am able to be alive today....because...at that time....When I was on
the bed , I felt everything , I saw every person who came to meet me.But that time , all of my bodies were no longer responsive.
I am very lucky to be able to come back to use my life as a regular human being again.(ประโยคท้ายไม่แน่ใจใช้คำศัพท์อิ้งผิดรึเปล่า
แต่ไม่ได้ดัดแปลงจาก dialog นะพูดอย่างงี้เลย)
Do you have any questions ? or Is there anything I should know about you can tell me now.
HR > If you had a magic that can change one thing , what would you change ?
ผม > If I had a magic like what you ask , I would change the relationship between Donald trump and the Kim.I mean The current
president of America and the leader from North Korea.I have been following CNN news and it is said that....In today's situation...
The relationship between both of them are not good which means this can lead to world war lll. And I think only one decision can
make between life or death to a large number of people all around the world especially their own solider.
HR > ค่ะ คุณ...... โอเค วันนี้ทางคุณ..... เตรียมคำถามอะไรมาถามบ้างค่ะ
ผม > มีครับ คือ อยากทราบว่า.... จริงๆก็กล้าๆกลัวๆอะนะครับที่จะถาม เพราะไม่รู้ว่าเป็นสิ่งที่สมควรถามรึเปล่า อยากทราบว่า ตำแหน่ง legal secretary
นี้มีโอกาสเติบโตในหน้าที่การงานมากน้อยแค่ไหนหรอครับ
HR > ถามได้เลยค่ะ เพราะหลายคนที่เข้ามาสัมภาษณ์ ก็ถามคำถามนี้ ก็ ทางบริษัทเราอาจจะไม่ได้มีนโยบายในการเลื่อนตำแหน่งของทางพนักงานนะค่ะ
แต่ทางเรามี นโยบายขึ้นเงินเดือนพนักงาน และโบนัสประจำปีอยู่แล้วค่ะ
ผม > อ้อครับ งั้นหายห่วง ( ยิ้มๆ )
HR > เอาละค่ะ ก่อนจะเข้าห้องทดสอบ พิมพ์ ไทย อังกฤษ และ ทดสอบภาษาอังกฤษ รวมทั้ง microsoft มีคำถามอะไรอีกมั้ยค่ะ
ผม > ไม่มีแล้วครับขอบคุณมากนะครับ
HR > ค่ะหลังจากทดสอบในห้องทดสอบที่กำลังจะไปเสร็จแล้ว ก็ถือเป็นการเสร็จสิ้น การสัมภาษณ์วันนี้นะค่ะ ทางบริษัทเรามีทนายอยู่ราวๆ ... คน
และเลขาอยู่......คน และตอนนี้มีนโยบายรับทนายเพิ่มด้วยเราจึงอาจจะมีนโยบายรับตำแหน่งเลขาเพิ่มด้วยนะค่ะ ถ้าผ่านสัมภาษณ์รอบแรก
ซึ่ง จะพิจารณาทั้งวันนี้ที่ได้พูดคุยกัน และผลการทดสอบด้วยซึ่งทางเราไม่ได้พิจารณาแค่คนเดียวค่ะ มีทีมงานพิจารณาด้วยนะค่ะ ถ้าผ่านรอบแรก
อาจจะมีการติดต่อกลับไป แต่ถ้าทางคุณ.... ไม่ผ่านก็ ทางเราจะไม่มีการติดต่อกลับไปนะค่ะ
ผม > ครับผม
HR > เชิญมาห้องทดสอบได้เลยค่ะ
ลักษณะการพูดคุยกับ HR Manager ตอนสัมภาษณ์แบบนี้ มีโอกาสได้งานนี้มากน้อยแค่ไหนครับ
_________________________________________________________________________________________________________________
สิ่งที่จะเล่าจิงๆคืออันนี้ครับ (interview บทสนทนาประมาณ 40-50นาทีกับ HR Executive คนเดียวเลย)
ไปสมัครงาน ที่ law firm แห่งนึง ไม่เอ่ยชื่อบริษัทนะ หลังยื่น Resume ไปได้ 7 วัน ก็ได้มีการโทรนัดให้ไป สัมภาษณ์งาน ตำแหน่ง legal secretary เล่าตั้งแต่ตอนโทรมานะ ทางบริษัทบอกว่าตำแหน่งนี้ เปิดรับเป็น spare (ประมาณว่าตอนนี้ยังไม่ได้รับเข้าทำงานเลย เพียงแต่ประมาณว่าเหมือนเร็วๆนี้จะมีคนตำแหน่ง legal secretary ลาออก ถ้าเขาออกเราถึงจะได้เข้ามาแทน)นะค่ะคุณ...... แต่มีอีกตำแหน่งนึงที่ทางเราคิดว่าเหมาะกับคุณ..... คือ ตำแหน่ง Intellectual Property Communications Administrator - Trademark (เจ้าหน้าที่รับลงทะเบียนการค้าของชาวต่างชาติ) ก็คุยกันได้3-5นาทีครับ
หลังจากนั้นก็มีการนัดสัมภาษณ์งานรอบแรก (นัดสัมภาษณ์หลังวันโทรมา 7 วัน วันสัมภาษณ์คือวันที่ 19/7/60) ผมก็ไปตรงเวลาครับ ไปนั่งรอ สักพักทาง
HR manager เขาก็เดินมาแล้วก็ถามคำถามแรกว่า
HR > ทานข้าวรึยังค่ะ
ผม > เรียบร้อยแล้วครับ
HR > งั้นเราเข้าห้องสัมภาษณ์กันเลยเนอะ
ผม > ยินดีครับ
เริ่มการสัมภาษณ์งานอย่างเป็นทางการ เดินเข้าห้องทั้งคู่ นั่งตรงข้ามกัน
HR > อันนี้คุณ... เขียน expected salary มาแล้วเนอะ รบกวนขอเอกสารการสมัครงานทั้งหมดด้วยนะคะ
ผม > นี่ครับ transcript , หลักฐานการศึกษา(เกรด
สำเนาบัตรประชาชน (ไม่ได้กรอกเอกสารอะไรครับเลย เพราะตอนนัดสัมภาษณ์ ทาง
HR ส่ง ไฟล์ PDF มาให้กรอก แล้วเราก็กรอกเสร็จแล้ว ส่งกลับไป ทางเมลล์ และทาง HR ก็ได้ตอบกลับการรับข้อมูล ไฟล์ PDF ของผมแล้ว)
HR > พี่นัดสัมภาษณ์ เราวันนี้ ด้วยงานสองตำแหน่ง คือ Legal secretary และ IPCA นะค่ะ ว่าทางคุณ... สนใจตำแหน่งไหนมากกว่ากัน แต่ถ้าคำถามไหน
ที่พี่ถามแล้ว เรารู้สึกว่ามันเป็น confidential ( ความลับ ) คุณ...ก็สามารถข้ามได้เลยนะค่ะไม่ว่ากัน และวันนี้พี่ก็จะมาตอบคำถาม ข้อสงสัยจากคุณ...
ด้วย...พี่ว่ามีอยู่แล้วหละ
ผม > มีครับ ถ้ายังไงรบกวนอธิบายเนื้องานคร่าวๆ ของทั้งสองตำแหน่งนี้ให้ผมฟังได้มั้ยครับ
HR > ก็ถ้าเป็น legal secretary เนื้องานก็จะออกเป็น 5 หมวด คือ 1 litigation การฟ้องร้อง 2 tax ภาษี 3 4 5 (จำได้ไม่หมด ขอโทษที)
เลขา 1 ท่าน จะดูแลทนาย 1-3 คน ด้วยกัน จะดูแลเรื่องเอกสาร การนัดประชุม meeting และรวมทั้งชีวิตส่วนตัวของทางทนายด้วย
หมายถึงทนายติดลูกค้า เราอาจจะต้องปลีกตัวไปซื้อข้าวให้ทนาย ประมาณนี้ ที่นี่เรามีห้องสมุด บริการให้ค้นคว้าข้อมูลด้วย แรกๆที่เข้าไปได้ยินคำนี้
ในใจเหวอนิดๆแต่ก็ไม่ได้แสดงออกอะไรมาก
ส่วนงาน IPCA เป็นการรับลงทะเบียนการค้า ก็จะมี หัวหน้างาน supervisor ที่คอยดูแลเรื่องการแบ่งงานว่า หลักๆ คือการรับลงทะเบียน และการเช็ค
ข้อมูล โลโก้ ของลูกค้าที่มาลงทะเบียน ว่า มันเหมือนกับของใครมั้ย หรือมีความใกล้เคียงกับของบริษัทไหนจนเขาสามารถฟ้องได้มั้ยประมาณนี้
หลังจากนั้น HR ก็เงียบไปประมาณ 5-8 วิ ผมเลยพูดว่า
ผม > ถ้าถามความเห็นส่วนตัวผม ผม prefer legal secretary มากกว่าครับ
HR > ทำไมถึงสนใจตำแหน่งนี้เป็นพิเศษหรอ ( เป็นคำถามที่ผมรู้อยู่แล้วว่าสัมภาษณ์งานทุกที่ เราสมัครตำแหน่งไหนเราต้องโดนถามแบบนี้ )
ผม > ผมเคยฝึกงานกับบริษัทนึงครับ แต่นานแล้ว อยู่ตำแหน่งเลขาเจ้านาย บริษัทนั้น เป็นบริษัทขนาดเล็ก ทั้ง organization มีทั้งหมด 20 คนได้
ไม่รู้สิ ผมรู้สึกว่าการที่ผมได้อยู่กับการเอกสาร พิมพ์งาน มันเป็นอะไรที่สนุก และท้าทายความเร็วในการทำงาน และในช่วงเวลาที่ทำงานก็งานเยอะ
นะครับ แต่ผมไม่ได้รู้สึกกดดันอะไร แค่รู้สึกว่ามันท้าทายดี ตอนฝึกงานมีเลขาสองคนครับ สนุกดีครับ อีกอย่าง ผมเป็นคนที่อยากเรียนกฏหมายอยู่
แล้วด้วย แต่ ณ 3-4 ปีที่แล้วสถานะ finance ทางครอบครัวและตัวผมเอง ไม่ดีเท่าไหร่ ผมเลยสมัครเรียนที่ ม ราม เอกภาษาอังกฤษ เพราะผมต้อง
ทำงานและนำเอาเงินเดือนมาใช้จ่ายส่วนตัว ที่เรียนเอกภาษาอังกฤษเพราะผมมี background knowledge ประมาณนึงอยู่แล้ว ส่วนตัวผมเลยคิด
ว่าการที่เรามี background knowledge จะทำให้ผมเรียนเข้าใจเนื้อหาง่ายขึ้น ง่ายกว่าเรียนกฏหมาย เพราะถ้าเรียนกฏหมายคงต้องใช้เวลามากใน
การเรียน งานที่ทำก็งานจับฉ่ายไปเรื่อยครับ เฝ้ากิจการที่บ้าน (ร้านข้าวสาร) เลิกงานตอนมึดก็ไปร้องเพลงกลางคืนต่อ (เขินๆแอบหัวเราะนิดๆตอน
บอกว่าร้องเพลงกลางคืนแต่มันคือชีวิตเราจริงๆในช่วงระยะเวลานึงเลยอยากเล่า) แต่มีช่วงนึงที่ได้มีโอกาสร่วมงาน สั้นๆ กับทางบริษัท..... ที่
จำหน่ายproductเกี่ยว IT คอมพิวเตอร์ เป็น contract สั้นๆ 3 เดือนเน้นออกตาม boost ครับ จากนั้นผมเงียบไป 3-5 วินาที
HR > เมื่อกี้บอกว่า มีเลขาสองคน แล้วแบ่งงานกันยังไงหรอ
ผม > บริษัทขนาดเล็ก ผมเชื่อว่าคงต่างกับที่นี่มากครับ (หมายถึงที่ๆผมมาสมัครงานอะครับ) แบ่งงานไว้สองส่วนครับ ส่วนเอกสารที่เกี่ยวข้องกับลูกค้า
ทั้งหมด และmeeting กับลูกค้า , ติดต่องาน ซื้อขาย กับทางลูกค้า ผมเป็นคนรับผิดชอบ ส่วนเลขาอีกท่านนึง ดูแลเรื่องภายในองค์กร ครับ
พนักงานมาเบิกค่านู่นนี่ มีใครจะติดต่ออะไรเร่งด่วนตอนเจ้านายไม่อยู่ ก็จะติดต่อเลขาไว้ และเอกสารการบัญชีต่างๆ ในที่ทำงานก็จะรับผิดชอบ
ส่วนนี้ไป...ประมาณนี้ครับ
HR > เมื่อกี้บอกว่าเคยทำงาน ที่ IT ด้วย เล่าให้ฟังหน่อยได้มั้ยคะ เป็นยังไงบ้าง
ผม > ครับก็ ลักษณ์งาน contract สามเดือน เนื้องานคือเน้นไปตาม exhibition boost ต่างๆ ถ้าช่วงไหนที่ไม่มี boost ก็อยู่ตาม shop ตามห้างต่างๆ
ผมเป็น sales ขาย โน๊ตบุ๊ค และคอมพิวเตอร์ ในลักษณะ งานตรงนั้นนะครับ ณ ตอนที่เป็น sales ... ถ้ามี โน๊ตบุ๊ค สเปคเครื่องเดียวกัน ขนาดหน้าจอ
เท่ากัน เรียงกัน 4 5 เครื่อง 4 5 แบรนด์ ผมจะมีวิธีพูดของผมไว้ครับว่า ทำไมถึงต้องเป็นบริษัทเราที่ผมอยากให้ทางลูกค้าได้มีโอกาสใช้ผลิตภัณฑ์
ของเรา....เรามีอะไรที่ให้ได้มากกว่าบริษัทอื่น เช่น ประกันหลังการขายที่แบรนด์อื่นไม่มีถึงมีก็ไม่ได้รวดเร็วเหมือนทางบริษัทเราดำเนินการให้ครับ
อะไรทำนองนี้ ครับ
HR > มีเหตุการณ์ไหนที่แบบว่าทางลูกค้าแบบ หงุดหงิด หรืออารมเสียอะไรประมาณนี้บ้างมั้ยค่ะ
ผม > เคยมีครั้งนึงครับ หลังจากผมหมดสัญญาไม่ได้ทำงานกับบริษัทนี้ 7 เดือนได้ คือตอนทางลูกค้าซื้อ note book จากผมที่เป็นคนขายไป ผมได้ลง
เบอร์โทรศัพท์ส่วนตัวผมด้วยครับ ทางลูกค้าก็โทรมา ตอนแรกผมก็งง ว่าใคร สักพักนึกได้ว่าเป็นลูกค้า โทรมาบอกว่า notebook อยู่ในประกันแต่
โทรเรียกให้ช่างมาซ่อมให้ช่างไม่มาซ่อมให้สักที ผมก็โทรไปประสานงานให้ครับ โทรไปเช็คว่าเกิดอะไรขึ้น สรุปผล คือมีช่างเสียชีวิต กระทันหัน
จากอุบัติเหตุ 1 ท่าน ท่านนี้แหละรับงานต้องซ่อมโน๊ตบุ๊คให้ลูกค้าหลังจากนั้น พอผมทราบว่าเกิดอะไรขึ้น ก็รีบโทรแจ้งลูกค้า แล้วก็นัดสถานที่ลูกค้า
ให้มาซ่อมโน๊ตบุ๊คกับช่างอีกท่านในวันต่อมา
HR > ที่พูดงาน sales มาทั้งหมดนี่ ทางคุณ..... ได้เรียนรู้อะไรบ้างค่ะ กับงานนี้
ผม > ผมก็นิ่งไป 3- 5 วิ แล้วพูดว่า ผมได้เรียนรู้ประสบการณ์งาน sales , เทคนิคการขาย และได้เรียนรู้ความเป็นองค์กรนิดนึง ถึงแม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ
แต่ผมก็ได้เรียนรู้ว่า หนึ่งในการประสบความสำเร็จของงานทาง sales คือการที่เราสามารถดึงความสนใจของลูกค้าทั้งๆที่ทางลูกค้าอาจจะไม่รู้
จักกับบริษัทของเราเลยด้วยซ้ำ ทำนองนี้ครับ
HR > ค่ะ จุดต่อไปนะค่ะ ทางเราอยากให้คุณ.... เล่าอะไรก็ได้เป็นภาษาอังกฤษ นะค่ะ นึกก่อนก็ได้ค่ะ พร้อมแล้วเล่าได้เลยนะค่ะ
ผม > พี่สนใจอยากรู้อะไรเป็นพิเศษรึเปล่าครับ
HR > เอาตามที่คุณ.... อยากพูดได้เลยค่ะ
ผม > งั้นผมขอเล่าเรื่องนี้ละกันครับ tragedy in my life...
One year and half ago, I got an motorcycle accident then my backbone was broken.
I was admitted at hospital for 3-4 months.I don't think that I am able to be alive today....because...at that time....When I was on
the bed , I felt everything , I saw every person who came to meet me.But that time , all of my bodies were no longer responsive.
I am very lucky to be able to come back to use my life as a regular human being again.(ประโยคท้ายไม่แน่ใจใช้คำศัพท์อิ้งผิดรึเปล่า
แต่ไม่ได้ดัดแปลงจาก dialog นะพูดอย่างงี้เลย)
Do you have any questions ? or Is there anything I should know about you can tell me now.
HR > If you had a magic that can change one thing , what would you change ?
ผม > If I had a magic like what you ask , I would change the relationship between Donald trump and the Kim.I mean The current
president of America and the leader from North Korea.I have been following CNN news and it is said that....In today's situation...
The relationship between both of them are not good which means this can lead to world war lll. And I think only one decision can
make between life or death to a large number of people all around the world especially their own solider.
HR > ค่ะ คุณ...... โอเค วันนี้ทางคุณ..... เตรียมคำถามอะไรมาถามบ้างค่ะ
ผม > มีครับ คือ อยากทราบว่า.... จริงๆก็กล้าๆกลัวๆอะนะครับที่จะถาม เพราะไม่รู้ว่าเป็นสิ่งที่สมควรถามรึเปล่า อยากทราบว่า ตำแหน่ง legal secretary
นี้มีโอกาสเติบโตในหน้าที่การงานมากน้อยแค่ไหนหรอครับ
HR > ถามได้เลยค่ะ เพราะหลายคนที่เข้ามาสัมภาษณ์ ก็ถามคำถามนี้ ก็ ทางบริษัทเราอาจจะไม่ได้มีนโยบายในการเลื่อนตำแหน่งของทางพนักงานนะค่ะ
แต่ทางเรามี นโยบายขึ้นเงินเดือนพนักงาน และโบนัสประจำปีอยู่แล้วค่ะ
ผม > อ้อครับ งั้นหายห่วง ( ยิ้มๆ )
HR > เอาละค่ะ ก่อนจะเข้าห้องทดสอบ พิมพ์ ไทย อังกฤษ และ ทดสอบภาษาอังกฤษ รวมทั้ง microsoft มีคำถามอะไรอีกมั้ยค่ะ
ผม > ไม่มีแล้วครับขอบคุณมากนะครับ
HR > ค่ะหลังจากทดสอบในห้องทดสอบที่กำลังจะไปเสร็จแล้ว ก็ถือเป็นการเสร็จสิ้น การสัมภาษณ์วันนี้นะค่ะ ทางบริษัทเรามีทนายอยู่ราวๆ ... คน
และเลขาอยู่......คน และตอนนี้มีนโยบายรับทนายเพิ่มด้วยเราจึงอาจจะมีนโยบายรับตำแหน่งเลขาเพิ่มด้วยนะค่ะ ถ้าผ่านสัมภาษณ์รอบแรก
ซึ่ง จะพิจารณาทั้งวันนี้ที่ได้พูดคุยกัน และผลการทดสอบด้วยซึ่งทางเราไม่ได้พิจารณาแค่คนเดียวค่ะ มีทีมงานพิจารณาด้วยนะค่ะ ถ้าผ่านรอบแรก
อาจจะมีการติดต่อกลับไป แต่ถ้าทางคุณ.... ไม่ผ่านก็ ทางเราจะไม่มีการติดต่อกลับไปนะค่ะ
ผม > ครับผม
HR > เชิญมาห้องทดสอบได้เลยค่ะ