ก่อนอื่นเราอาจจะย้อนอดีตไปสักนิดสักหน่อยว่า
สาเหตุการเป็นโรคนี้ หรือ อาการที่เกิดขึ้นนั้น เกิดขึ้นอย่างไร
บางคน บางเคส อาจจะเกิดไม่เหมือนกัน เราเข้าใจได้
เรากับแฟนเราคบกันได้เกือบจะ 4 ปีแล้ว
เรารู้จักกันได้ตอนสมัยแฟนเราเรียน ปี 4 เค้าเรียนนิติศาสตร์ที่ ตจว. ส่วนเราอยู่กทม
ช่วงนี้แรกเราเจอกันเดือนละครั้งโดยที่เค้าบินมาหาที่ กทม เราก็พากันไปเที่ยว กิน นู้นนี้โดยปกติ
พอแฟนเราเรียนจบ เราก็แนะนำให้เค้ามาทำงานที่ กทม.
สาเหตุและข้อสังเกตุ
ตอนแรกเราก็หางานทำให้ที่แรก ทำตำแหน่ง เจ้าหน้าที่ธุรการขาย โดยได้พบปะพวกลูกค้าส่วนใหญ่
แต่ พอทำได้สักพัก แฟนเราได้กลับมาจากทำงานแล้วแอบบ่นว่า ไม่ค่อยชอบเพื่อนร่วมงาน ไม่ค่อยชอบเจอคนเยอะ พวกลูกค้า
เราก็แต่บอกเค้าว่า ทำไปก่อนเดี๋ยวก็ชินเพราะเธอเพิ่งเริ่มทำงานครั้งแรก แฟนเราก็ทำไปได้ 2 เดือนแฟนเราก็บอกไม่ไหว ทำต่อไม่ได้
เราก็โอเคงั้นเราจะหางานใหม่ให้
1 เดือนต่อมาเราก็ให้แฟนไปสมัครทำ พนักงานธนาคาร ทำหน้าที่หน้าเค้าเตอร์
ตอนแรกก็ไม่มีปัญหาอะไร เราก็นึกในใจว่าโอเคงานนี้แฟนเราอาจจะชอบเพราะได้แต่งตัวสวย ทำงานในห้าง
แต่พอทำได้สักพัก
ปัญหาที่เกิดคือ แฟนเราบอกไม่ชอบโดนกดดันเรื่องยอด เรื่องทำประกัน
เราก็บอกว่าเธอลองอดทนทำไปก่อน
เค้าอาจจะไม่ซีเรียสเรื่องพวกนี้ก็ได้ เธอคิดมากไปหรือปล่าว
สรุปแฟนเราก็ทำได้ต่อ 2 เดือนแล้วบอกไม่ไหวแล้วก็ ลาออก
สักพักเราก็ทนไม่ไหวเราก็คุยกับแฟนเรา ว่า
ทำไมเธอไม่อดทนคนอื่นทำได้ ทำไมเธอทำไม่ได้
ทำไมเธอไม่สู้ ทำไมเธอไม่ขยัน ทำไมเธอมีปัญหาเยอะจริง
เราก็โอเคทำไม่ได้ไม่เป็นไรเราก็อยู่ด้วยกันไปก่อนรอแฟนเราทำ สมาธิ ทำใจได้ หางานที่ชอบ หางานที่อยากทำแล้วไปสมัคร
อาการเริ่มต้น
ช่วงแรกผมจะทำงานผมก็จะมีเวลาว่างประมาณช่วงบ่ายเป็นต้นไปผมก็จะไปรับเค้าไปเที่ยว กินข้าว ดูหนังตามภาษาทั่วไป
แต่พอตกกลางคืน ถึงเวลากลับบ้านผม ผมก็จะไปส่งที่คอนโดเค้า แล้วเค้าก็จะชอบให้ผมอยู่ด้วยถึงดึกประมาณ เที่ยงคืนแล้วค่อยกลับ
โดนให้เหตุผลว่า
อยากให้มีคนอยู่ด้วย เค้าอยู่นี้คนเดียวไม่มีญาติ ผมก็โอเคอยู่เป็นเพื่อน พอผมกลับบ้านเค้าก็ไปหาไรทำเรื่อยเปื่อยจนกว่า
จะได้นอนก็ประมาณ ตี 2 ตี 3 เป็นประจำแล้วตื่นอีกที เกือบเที่ยง
เป็นอย่างนี้ประมาณเกือบ 2 เดือนผมก็คุยกับแฟนว่ามันไม่โอเคละนะเพราะให้ผมกลับดึก ตื่นเช้าไปทำงาน
มันไม่ค่อยไหวเพลียด้วย แฟนผมก็บอกโอเค แต่แอบน้อยใจว่าไม่มีเวลาให้
อาการขึ้นที่ 2
ผมเริ่มสงสัยตรงที่ว่า เวลาผมชวนเค้าไปบ้านหรือแวะเอาของที่บ้าน ผมจะชวนเค้าไปลงหรือชวนไปคุยกับพ่อแม่ผม
แต่เค้ากลับ ปฏิเสธิทุกครั้งโดยให้เหตุผลว่า ไม่ชอบคนเยอะ เดี๋ยวมีคนมาถามนู้นนี้ ( ผมก็สงสัยเอะ ทำไม ใช่หรอ หรือไม่อยากเจอพ่อแม่เรา )
แต่ผมก็แอบคิดในใจ เหตุผลของแฟนครั้งนี้ เหมือนกันตอนที่ออกจากงานทั้ง 2 ที่ว่าไม่ชอบคนเยอะ
จนอยู่มาวันหนึ่ง แม่ผมกับแฟนก็ได้เจอกัน แล้วก็ได้คุยกัน แม่ผมก็แนะนำว่าให้ไปทำงาน นู้นนี้ไหม แม่ผมฝากให้ได้นะ
แฟนผมกลับตอนว่ายังไม่พร้อม แม่ผมก็สงสัย ( ทำไมต้องรอให้พร้อม ? )
แม่ผมก็กดดันผมโดยบอกว่าให้ผมรีบหางานให้แฟนทำ
เพราะเดี๋ยวอายุเยอะหางานยาก
อาการขั้นที่ 3
หลัวจากได้การบ้านจากแม่ผมว่า ผมต้องหางานหรือให้เธอทำงานให้ได้ปกติ
ผมก็เริ่มเปิดใจ ว่าทำไมแฟนผมถึงออกจากงาน ทำไมถึงทำไม่ได้
1.เธอไม่ชอบทำงานกับคนเยอะ
2.เธอไม่ชอบให้คนมาสั่งงานหรือกดดันเธอ
3.เธอชอบนำความกดดันที่ได้จากหัวหน้ามาคิดทำให้เธอนอนไม่หลับ หรือ นอนดึก
ผมก็เลยเช่าคอนโดเพื่อจะได้อยู่ดูแลแฟนผม แต่เชื่อไหมว่าอาการหนักสุดคือการได้อยู่ด้วยกันเนี้ยละครับ
- แฟนผมติดผมมากจนไม่อยากให้ผมไปไหน
- กลับจากทำงานให้มาหา ให้พาไปกินข้าวดูหนัง
- เมื่อก่อนผมได้เตะบอลทุกเย็นเค้าก็ไม้ให้ผมไปเตะ
- ผมก็ไปหาพ่อแม่ที่บ้านเค้าก็ไม่ให้ผมไป
เชื่อไหมครับการที่ผมไม่ได้อยู่กับเค้าตลอดเวลา
ทำให้เราเกิดการทะเลาะกันขึ้น ไม่พอใจที่ผมไปเตะบอลก็จะงอล น้อยใจ
ยิ่งผมหายไปเตะบอลนานๆ เค้าก็จะเริ่มเรียกร้องความสนใจโดยการโทรมาหาบ่อยๆ
และแล้ววันที่ผมทนไม่ไหวก็มาถึง ....
ผมก็บอกผมไม่ชอบนะ ผมรำคาญ
ทำไมเธองี่เง่าไม่เหมือนคนอื่นเลยอ่ะ นี้เราอยู่ตัวจะติดกัน 24ชม. ละนะเธอยังไม่พอใจอีกหรอ
แฟนผมชอบนอนดึกก็จะเปิดไฟทิ้งไว้ ให้ผมนอนไม่หลับ ผมก็รำคาญก็จะด่าว่าเค้า ทำไมถึงทำตัวแบบนี้
สำคัญตรงนี้
เป็นแบบนี้มาเป็นเดือนโดยทุกครั้งที่ผมว่า เค้าจะทำร้ายตัวเอง
โดยการ ทุบขา ทุบน้อง มือต่อยกำแพง จนแดงและช้ำมาก
โดยที่ผมมีการท้าทายว่า
เธอจำทำร้ายตัวเองทำไป ตัวเธอไม่ใช่ตัวเค้า
เธอทำไปก็ไม่มีใครสงสารเธอหรอก
เธอเจ็บคนเดียว เค้าไม่ได้เจ็บกับเธอ
ผมพูดแบบนี้มาเป็นเกือบเดือนจนในที่สุดวันที่ผมต้องตัดสินใจพาแฟนไปหาหมอ คือ
เราทะเลาะกันแล้วแฟนผม กินยาพาราหมดกระปุก แล้วออกจากห้องน้ำในสภาพคนไม่มีแรง เชื่อไหม
ผมยังมีหน้าไปท้าทายแฟนผมอีกนะ ว่ากินๆไปเลยจะได้ตาย
เนี้ยน่าสงสารพ่อแม่เนอะเลี้ยงมาให้โต แล้วเธอก็กินยาตายโดยไม่สงสารพ่อแม่มั้ง
สักพักมีเพื่อนในเฟสบุ๊คแฟนผม เค้าอยู่กลุ่มโรคซึมเศร้า
เค้าทักเฟสมาบอกผม ว่า
" คุณค่ะ คุณรีบพาแฟนคุณไปล้างท้องก่อนเลยนะค่ะ เค้ากินยาเยอะมากเกินไป "
เชื่อไหมครับว่า หลังจบประโยคนี้ผมรู้สึกเสียใจมาก กับคำพูดที่พูดกับแฟนผมไป
ผมรีบแต่งตัว รีบแต่งตัวแฟนผมแล้วแบกร่างเธอไป รพ เพื่อล้างท้องให้เร็วที่สุด
ก็ล้างท้องเสร็จตื่นเช้ามา ผมเล่าให้แฟนผมฟัง ผมก็บอกว่าเราควรจะต้องรักษาแล้ว ...
ผมข้อเขียนข้อสรุปให้หน่อยละกันนะครับ
1. ผู้ป่วยที่เป็นโรคซึมเศร้าเค้าอยากให้เรารับฟังเค้าในเกือบทุกเรื่องครับไม่ว่าเรื่องจะดีไม่ดี จะไร้สาระหรือไม่
2. เราอย่าไปเปรียบเทียบเค้ากับคนอื่นเลยครับ เพราะจะทำให้เค้าคิดมาก
3. ผมกับแฟนโชคดีที่ตอนเค้ากินยาฆ่าตัวตาย เราได้อยู่ด้วยกัน ผมจึงช่วยรอดชีวิตมาได้
4. โรคซึมเศร้าเราต้องเข้าใจก่อนว่า ในสังคมไทย การที่เราไปหาหมอจิตเวชส่วนใหญ่คิดว่าเป็นคนบ้า แต่ที่จริงไม่ใช่นะครับ
5. ในเมืองนอก คนส่วนใหญ่นิยมไปหาหมอจิตเวช เพื่อจะได้มีคนรับฟังและแก้ปัญหาไปด้วยกัน
6. คนใกล้ตัวต้องเข้าใจโรคนี้ให้ดีก่อน เราอย่าไปหวังให้คนอื่นเค้าใจเลยครับ พ่อแม่ญาติผมตอนแรกไม่เข้าใจแต่ผมอธิบายให้ฟัง
ให้เค้าได้รู้ว่าโรคนี้ไม่ได้เลวร้าย แต่โรคนี้ต้องการคนเข้าใจมากกว่า
7. หมอบอกกับผมและแฟนในช่วงแรกว่า เราต้องพยายามช่วยกันให้ผ่านพ้นช่วงนี้ไปให้ได้แล้วมันจะดีขึ้นเอง
8. ทุกวันนี้แฟนผมดีขึ้นมาก มีงานทำปกติ โดนไม่ต้องลาออกไม่ต้องกลัวใครแล้วครับ
ถ้าใครอยากจะฟังวิธีการรักษาพรุ่งนี้มาต่อให้ครับ
ผมง่วงแล้วครับเดี๋ยวพรุ่งนี้มาเขียนต่อให้จบนะครับ .
ในวันที่แฟนเราเป็น " โรคซึมเศร้า "
สาเหตุการเป็นโรคนี้ หรือ อาการที่เกิดขึ้นนั้น เกิดขึ้นอย่างไร
บางคน บางเคส อาจจะเกิดไม่เหมือนกัน เราเข้าใจได้
เรากับแฟนเราคบกันได้เกือบจะ 4 ปีแล้ว
เรารู้จักกันได้ตอนสมัยแฟนเราเรียน ปี 4 เค้าเรียนนิติศาสตร์ที่ ตจว. ส่วนเราอยู่กทม
ช่วงนี้แรกเราเจอกันเดือนละครั้งโดยที่เค้าบินมาหาที่ กทม เราก็พากันไปเที่ยว กิน นู้นนี้โดยปกติ
พอแฟนเราเรียนจบ เราก็แนะนำให้เค้ามาทำงานที่ กทม.
สาเหตุและข้อสังเกตุ
ตอนแรกเราก็หางานทำให้ที่แรก ทำตำแหน่ง เจ้าหน้าที่ธุรการขาย โดยได้พบปะพวกลูกค้าส่วนใหญ่
แต่ พอทำได้สักพัก แฟนเราได้กลับมาจากทำงานแล้วแอบบ่นว่า ไม่ค่อยชอบเพื่อนร่วมงาน ไม่ค่อยชอบเจอคนเยอะ พวกลูกค้า
เราก็แต่บอกเค้าว่า ทำไปก่อนเดี๋ยวก็ชินเพราะเธอเพิ่งเริ่มทำงานครั้งแรก แฟนเราก็ทำไปได้ 2 เดือนแฟนเราก็บอกไม่ไหว ทำต่อไม่ได้
เราก็โอเคงั้นเราจะหางานใหม่ให้
1 เดือนต่อมาเราก็ให้แฟนไปสมัครทำ พนักงานธนาคาร ทำหน้าที่หน้าเค้าเตอร์
ตอนแรกก็ไม่มีปัญหาอะไร เราก็นึกในใจว่าโอเคงานนี้แฟนเราอาจจะชอบเพราะได้แต่งตัวสวย ทำงานในห้าง
แต่พอทำได้สักพัก ปัญหาที่เกิดคือ แฟนเราบอกไม่ชอบโดนกดดันเรื่องยอด เรื่องทำประกัน
เราก็บอกว่าเธอลองอดทนทำไปก่อน เค้าอาจจะไม่ซีเรียสเรื่องพวกนี้ก็ได้ เธอคิดมากไปหรือปล่าว
สรุปแฟนเราก็ทำได้ต่อ 2 เดือนแล้วบอกไม่ไหวแล้วก็ ลาออก
สักพักเราก็ทนไม่ไหวเราก็คุยกับแฟนเรา ว่า
ทำไมเธอไม่อดทนคนอื่นทำได้ ทำไมเธอทำไม่ได้
ทำไมเธอไม่สู้ ทำไมเธอไม่ขยัน ทำไมเธอมีปัญหาเยอะจริง
เราก็โอเคทำไม่ได้ไม่เป็นไรเราก็อยู่ด้วยกันไปก่อนรอแฟนเราทำ สมาธิ ทำใจได้ หางานที่ชอบ หางานที่อยากทำแล้วไปสมัคร
อาการเริ่มต้น
ช่วงแรกผมจะทำงานผมก็จะมีเวลาว่างประมาณช่วงบ่ายเป็นต้นไปผมก็จะไปรับเค้าไปเที่ยว กินข้าว ดูหนังตามภาษาทั่วไป
แต่พอตกกลางคืน ถึงเวลากลับบ้านผม ผมก็จะไปส่งที่คอนโดเค้า แล้วเค้าก็จะชอบให้ผมอยู่ด้วยถึงดึกประมาณ เที่ยงคืนแล้วค่อยกลับ
โดนให้เหตุผลว่า อยากให้มีคนอยู่ด้วย เค้าอยู่นี้คนเดียวไม่มีญาติ ผมก็โอเคอยู่เป็นเพื่อน พอผมกลับบ้านเค้าก็ไปหาไรทำเรื่อยเปื่อยจนกว่า
จะได้นอนก็ประมาณ ตี 2 ตี 3 เป็นประจำแล้วตื่นอีกที เกือบเที่ยง
เป็นอย่างนี้ประมาณเกือบ 2 เดือนผมก็คุยกับแฟนว่ามันไม่โอเคละนะเพราะให้ผมกลับดึก ตื่นเช้าไปทำงาน
มันไม่ค่อยไหวเพลียด้วย แฟนผมก็บอกโอเค แต่แอบน้อยใจว่าไม่มีเวลาให้
อาการขึ้นที่ 2
ผมเริ่มสงสัยตรงที่ว่า เวลาผมชวนเค้าไปบ้านหรือแวะเอาของที่บ้าน ผมจะชวนเค้าไปลงหรือชวนไปคุยกับพ่อแม่ผม
แต่เค้ากลับ ปฏิเสธิทุกครั้งโดยให้เหตุผลว่า ไม่ชอบคนเยอะ เดี๋ยวมีคนมาถามนู้นนี้ ( ผมก็สงสัยเอะ ทำไม ใช่หรอ หรือไม่อยากเจอพ่อแม่เรา )
แต่ผมก็แอบคิดในใจ เหตุผลของแฟนครั้งนี้ เหมือนกันตอนที่ออกจากงานทั้ง 2 ที่ว่าไม่ชอบคนเยอะ
จนอยู่มาวันหนึ่ง แม่ผมกับแฟนก็ได้เจอกัน แล้วก็ได้คุยกัน แม่ผมก็แนะนำว่าให้ไปทำงาน นู้นนี้ไหม แม่ผมฝากให้ได้นะ
แฟนผมกลับตอนว่ายังไม่พร้อม แม่ผมก็สงสัย ( ทำไมต้องรอให้พร้อม ? )
แม่ผมก็กดดันผมโดยบอกว่าให้ผมรีบหางานให้แฟนทำ
เพราะเดี๋ยวอายุเยอะหางานยาก
อาการขั้นที่ 3
หลัวจากได้การบ้านจากแม่ผมว่า ผมต้องหางานหรือให้เธอทำงานให้ได้ปกติ
ผมก็เริ่มเปิดใจ ว่าทำไมแฟนผมถึงออกจากงาน ทำไมถึงทำไม่ได้
1.เธอไม่ชอบทำงานกับคนเยอะ
2.เธอไม่ชอบให้คนมาสั่งงานหรือกดดันเธอ
3.เธอชอบนำความกดดันที่ได้จากหัวหน้ามาคิดทำให้เธอนอนไม่หลับ หรือ นอนดึก
ผมก็เลยเช่าคอนโดเพื่อจะได้อยู่ดูแลแฟนผม แต่เชื่อไหมว่าอาการหนักสุดคือการได้อยู่ด้วยกันเนี้ยละครับ
- แฟนผมติดผมมากจนไม่อยากให้ผมไปไหน
- กลับจากทำงานให้มาหา ให้พาไปกินข้าวดูหนัง
- เมื่อก่อนผมได้เตะบอลทุกเย็นเค้าก็ไม้ให้ผมไปเตะ
- ผมก็ไปหาพ่อแม่ที่บ้านเค้าก็ไม่ให้ผมไป
เชื่อไหมครับการที่ผมไม่ได้อยู่กับเค้าตลอดเวลา
ทำให้เราเกิดการทะเลาะกันขึ้น ไม่พอใจที่ผมไปเตะบอลก็จะงอล น้อยใจ
ยิ่งผมหายไปเตะบอลนานๆ เค้าก็จะเริ่มเรียกร้องความสนใจโดยการโทรมาหาบ่อยๆ
และแล้ววันที่ผมทนไม่ไหวก็มาถึง ....
ผมก็บอกผมไม่ชอบนะ ผมรำคาญ
ทำไมเธองี่เง่าไม่เหมือนคนอื่นเลยอ่ะ นี้เราอยู่ตัวจะติดกัน 24ชม. ละนะเธอยังไม่พอใจอีกหรอ
แฟนผมชอบนอนดึกก็จะเปิดไฟทิ้งไว้ ให้ผมนอนไม่หลับ ผมก็รำคาญก็จะด่าว่าเค้า ทำไมถึงทำตัวแบบนี้
สำคัญตรงนี้
เป็นแบบนี้มาเป็นเดือนโดยทุกครั้งที่ผมว่า เค้าจะทำร้ายตัวเอง
โดยการ ทุบขา ทุบน้อง มือต่อยกำแพง จนแดงและช้ำมาก
โดยที่ผมมีการท้าทายว่า
เธอจำทำร้ายตัวเองทำไป ตัวเธอไม่ใช่ตัวเค้า
เธอทำไปก็ไม่มีใครสงสารเธอหรอก
เธอเจ็บคนเดียว เค้าไม่ได้เจ็บกับเธอ
ผมพูดแบบนี้มาเป็นเกือบเดือนจนในที่สุดวันที่ผมต้องตัดสินใจพาแฟนไปหาหมอ คือ
เราทะเลาะกันแล้วแฟนผม กินยาพาราหมดกระปุก แล้วออกจากห้องน้ำในสภาพคนไม่มีแรง เชื่อไหม
ผมยังมีหน้าไปท้าทายแฟนผมอีกนะ ว่ากินๆไปเลยจะได้ตาย
เนี้ยน่าสงสารพ่อแม่เนอะเลี้ยงมาให้โต แล้วเธอก็กินยาตายโดยไม่สงสารพ่อแม่มั้ง
สักพักมีเพื่อนในเฟสบุ๊คแฟนผม เค้าอยู่กลุ่มโรคซึมเศร้า
เค้าทักเฟสมาบอกผม ว่า
" คุณค่ะ คุณรีบพาแฟนคุณไปล้างท้องก่อนเลยนะค่ะ เค้ากินยาเยอะมากเกินไป "
เชื่อไหมครับว่า หลังจบประโยคนี้ผมรู้สึกเสียใจมาก กับคำพูดที่พูดกับแฟนผมไป
ผมรีบแต่งตัว รีบแต่งตัวแฟนผมแล้วแบกร่างเธอไป รพ เพื่อล้างท้องให้เร็วที่สุด
ก็ล้างท้องเสร็จตื่นเช้ามา ผมเล่าให้แฟนผมฟัง ผมก็บอกว่าเราควรจะต้องรักษาแล้ว ...
ผมข้อเขียนข้อสรุปให้หน่อยละกันนะครับ
1. ผู้ป่วยที่เป็นโรคซึมเศร้าเค้าอยากให้เรารับฟังเค้าในเกือบทุกเรื่องครับไม่ว่าเรื่องจะดีไม่ดี จะไร้สาระหรือไม่
2. เราอย่าไปเปรียบเทียบเค้ากับคนอื่นเลยครับ เพราะจะทำให้เค้าคิดมาก
3. ผมกับแฟนโชคดีที่ตอนเค้ากินยาฆ่าตัวตาย เราได้อยู่ด้วยกัน ผมจึงช่วยรอดชีวิตมาได้
4. โรคซึมเศร้าเราต้องเข้าใจก่อนว่า ในสังคมไทย การที่เราไปหาหมอจิตเวชส่วนใหญ่คิดว่าเป็นคนบ้า แต่ที่จริงไม่ใช่นะครับ
5. ในเมืองนอก คนส่วนใหญ่นิยมไปหาหมอจิตเวช เพื่อจะได้มีคนรับฟังและแก้ปัญหาไปด้วยกัน
6. คนใกล้ตัวต้องเข้าใจโรคนี้ให้ดีก่อน เราอย่าไปหวังให้คนอื่นเค้าใจเลยครับ พ่อแม่ญาติผมตอนแรกไม่เข้าใจแต่ผมอธิบายให้ฟัง
ให้เค้าได้รู้ว่าโรคนี้ไม่ได้เลวร้าย แต่โรคนี้ต้องการคนเข้าใจมากกว่า
7. หมอบอกกับผมและแฟนในช่วงแรกว่า เราต้องพยายามช่วยกันให้ผ่านพ้นช่วงนี้ไปให้ได้แล้วมันจะดีขึ้นเอง
8. ทุกวันนี้แฟนผมดีขึ้นมาก มีงานทำปกติ โดนไม่ต้องลาออกไม่ต้องกลัวใครแล้วครับ
ถ้าใครอยากจะฟังวิธีการรักษาพรุ่งนี้มาต่อให้ครับ
ผมง่วงแล้วครับเดี๋ยวพรุ่งนี้มาเขียนต่อให้จบนะครับ .