ขออนุญาตตั้งกระทู้พูดคุย+ระบายหลังจากที่ดูหนังจบนะคะ

ความรู้สึกตอนนี้มันยังอึนๆมึนๆอยู่เลยค่ะ
เมื่อคืนนี้เราได้ไปดูเรื่อง Dunkirk มาค่ะ ทั้งๆที่ใจจริงก็ลังเลอยากดูวาเลอเรี่ยนด้วยเหมือนกัน (โรงหนังแถวบ้านเรานี่รอบเดียวกันเลยค่ะ เลือกไม่ถูกเลย 5555) ด้วยความมาไม่ทันหนังฉาย บวกกับความลังเลของเรา แฟนเลยไล่เราไปเข้าห้องน้ำก่อนเข้าโรงหนัง แล้วจัดแจงจิ้มดันเคิร์กมาค่ะ กว่าจะรู้ตัวก็ถึงหน้าโรงแล้ว
ตอนที่เราเข้าโรงหนังก็ฉายไปแล้ว น่าจะประมาณ 15 นาทีได้ TT เลยไม่รู้ว่าเรื่องเปิดมายังไง
บอกก่อนเลยค่ะว่า ตอนแรกเราก็งงๆว่า เอ๊ะ โนแลนกับหนังสงคราม มันจะเป็นไปได้ยังไง สรุปว่า เอออออ มันเป็นไปได้ค่ะ แต่มันก็จะเป็นหนังสงครามแบบโนแลนนะ ฮ่าาาาาาา
เนื้อเรื่องไม่มีอะไรมากค่ะ แค่ทุกคนพยายามหาทางกลับบ้านให้ได้แค่นั้น แต่ในส่วนนี้แหละค่ะที่แฝงข้อคิดอะไรไว้มากมายเลย ถ้าใครจะกลับมาคิดหาเหตุผลต่อคงหาได้เป็นร้อยๆข้อ แต่ถ้าใครดูจบแล้วก็จบไปก็อาจจะบอกว่าเหตุผลไม่ค่อยแน่นพอเท่าไหร่ ซึ่งเราคิดเอาเองว่าน่าจะเป็นความตั้งใจของ ผกก. ที่ต้องการให้เป็นแบบนี้
สำหรับเราหนังเรื่องนี้โดยรวมแล้วดีนะคะ แต่เป็นหนังที่ออกจะเรื่อยๆค่ะ ไม่มีหักมุมอะไรให้ลุ้น เรามองว่าดันเคิร์กเป็นหนังเล่าเรื่องสงครามนะ ไม่ได้เป็นหนังฮีโร่สงครามที่มีตัวเอกที่จะมอบความหวังให้แก่เพื่อนทหารด้วยกัน ไม่ได้เป็นหนังที่แมสมากนักค่ะ และด้วยความที่หนังบทพูดน้อย ให้ดูการกระทำของตัวละครแทนเนี่ย เลยมีความอึดอัดทั้งเรื่อง (เพราะมันมีแต่ดนตรีที่ค่อนข้างจะกดดัน เราก็ต้องมาลุ้นว่าจะมีใครโดนสาดกระสุนเมื่อไหร่ โดนระเบิดเมื่อไหร่) ไม่มีจุดพีคเป็นพิเศษ อาจจะเพราะหนังไม่ได้เล่าเรื่องแบบ 1>2>3>4 แต่เป็นการสลับพาร์ทไปมา ต้องมาคอยปะติดปะต่อว่านี่คือมุมมองของใคร มันก็ลุ้นดีนะคะ ลุ้นตลอดเวลาเลย แต่เพราะแบบนี้แหละเลยทำให้เรารู้สึกว่ามันแค่เรื่อยๆมาเรียงๆ และเราก็เชื่อว่าต้องมีหลายคนแน่ๆที่จะบอกว่าน่าเบื่อหรือดูแล้วงงๆ แต่โชคดีที่เราอ่านรีวิวก่อนเลยรอดตัวไป ฮ่า
สำหรับความสมจริงของหนังทั้งภาพเสียงและสิ่งที่หนังต้องการจะสื่อ ด้วยการที่หนังไม่เน้นตัวละครไหนเป็นพิเศษ เราเลยถือเป็นความสมจริงของสงครามด้วยเหมือนกัน เหมือนต้องการจะสื่อว่า สงครามน่ะมันไม่มีใครมานั่งสนใจคนอื่นหรอกนะ ทุกคนล้วนผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ไม่มีใครผูกพันกับใคร คนรอดก็ได้กลับบ้าน คนไม่รอดก็ถูกทิ้งไว้ข้างหลังและสุดท้ายก็จะถูกลืม
สิ่งที่เราชอบอย่างหนึ่งในการที่หนังเรื่องนี้ใช้คำพูดน้อย คือ ตัวละครพูดน้อยจริง แต่เพียงคำพูดสั้นๆกลับทำให้เราสามารถเข้าใจถึงเหตุผลต่างๆที่เค้ากระทำลงไปได้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เช่น ทำไมสองพ่อลูกกับอีกหนุ่มน้อยถึงดั้นด้นขับเรือออกไปช่วยเหลือทหาร แค่คำพูดไม่กี่คำ และก็เป็นเหตุผลที่ฟังแล้วทั่วไปมากๆ แต่สถานการณ์และตัวละครกลับทำให้เรารู้สึกว่ามันยิ่งใหญ่เหลือเกิน
สิ่งที่เราชอบอีกอย่างของหนังเรื่องนี้อยู่ที่พาร์ทเครื่องบินค่ะ แบบว่าชอบมากจริงๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ฉากร่อนตัวของเครื่องบินทั้งๆที่เครื่องยนต์ได้ดับไปแล้ว แถมยังสามารถทำลายศัตรูได้สำเร็จ ปิดท้ายที่ฉากเตรียมจอดท่ามกลางชายหาดตอนพระอาทิตย์จะตก คือมันสวยมากกกกก ประทับใจมากค่ะ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน
พูดถึงสิ่งที่ชอบไปแล้ว ขอพูดถึงสิ่งที่ไม่ชอบบ้างนะคะ ส่วนที่เราไม่ชอบก็ คือ การที่หนังไม่ต้องการให้คนดูผูกพันกับตัวละครนี่แหละค่ะ แง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้คืออยากจะขอเวลาอินอีกซักนิด ขอเวลาเสียใจอีกซักหน่อย แต่ไม่ทันไรฉากนั้นก็ถูกตัดไป และตัวละครนี้ก็ไม่มีใครนึกถึงอีกเลย เราเลยรู้สึกว่าคนที่รอดนี่ใจร้ายเกินไปแล้ว แม้จะเข้าใจนะว่าทุกอย่างมีเหตุผล แต่ด้วยความที่เราเป็นคนอ่อนไหว(ฮ่า) เลยรู้สึกเสียใจแบบอึนๆมากค่ะ
สรุปโดยรวมเราชอบหนังเรื่องนี้นะคะ แต่ไม่ได้ประทับใจอย่าง Interstella หรือ The prestige หรือ Inception เราชอบสามเรื่องนี้ของโนแลนมากกว่าค่ะ แต่เราอยากให้คนที่อยากดู ไปดูแบบปราศจากอคติ ไปดูแบบไม่ต้องคิดอะไร เราว่าทุกคนน่าจะได้อะไรกลับมาแน่นอนค่ะ
สุดท้ายนี้ ต้องขออภัยด้วยนะคะถ้าหากใครอ่านแล้วออกจะงงๆบ้าง 5555 และหากใครไม่เห็นด้วยตรงจุดไหน สามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้นะคะ แต่ได้โปรดอย่าใช้ถ้อยคำไม่สุภาพ หรือแขวะกัน เราเป็นคนอ่อนไหวค่ะ กลัวรับไม่ได้ เพราะนี่เป็นกระทู้แรกที่ตั้งพูดคุยกันเรื่องหนังเลย แอบกลัวเบาๆ
ขอบคุณค่ะ
[Spoil Alert] Dunkirk ดูแล้วมาคุยกัน
ความรู้สึกตอนนี้มันยังอึนๆมึนๆอยู่เลยค่ะ
เมื่อคืนนี้เราได้ไปดูเรื่อง Dunkirk มาค่ะ ทั้งๆที่ใจจริงก็ลังเลอยากดูวาเลอเรี่ยนด้วยเหมือนกัน (โรงหนังแถวบ้านเรานี่รอบเดียวกันเลยค่ะ เลือกไม่ถูกเลย 5555) ด้วยความมาไม่ทันหนังฉาย บวกกับความลังเลของเรา แฟนเลยไล่เราไปเข้าห้องน้ำก่อนเข้าโรงหนัง แล้วจัดแจงจิ้มดันเคิร์กมาค่ะ กว่าจะรู้ตัวก็ถึงหน้าโรงแล้ว
ตอนที่เราเข้าโรงหนังก็ฉายไปแล้ว น่าจะประมาณ 15 นาทีได้ TT เลยไม่รู้ว่าเรื่องเปิดมายังไง
บอกก่อนเลยค่ะว่า ตอนแรกเราก็งงๆว่า เอ๊ะ โนแลนกับหนังสงคราม มันจะเป็นไปได้ยังไง สรุปว่า เอออออ มันเป็นไปได้ค่ะ แต่มันก็จะเป็นหนังสงครามแบบโนแลนนะ ฮ่าาาาาาา
เนื้อเรื่องไม่มีอะไรมากค่ะ แค่ทุกคนพยายามหาทางกลับบ้านให้ได้แค่นั้น แต่ในส่วนนี้แหละค่ะที่แฝงข้อคิดอะไรไว้มากมายเลย ถ้าใครจะกลับมาคิดหาเหตุผลต่อคงหาได้เป็นร้อยๆข้อ แต่ถ้าใครดูจบแล้วก็จบไปก็อาจจะบอกว่าเหตุผลไม่ค่อยแน่นพอเท่าไหร่ ซึ่งเราคิดเอาเองว่าน่าจะเป็นความตั้งใจของ ผกก. ที่ต้องการให้เป็นแบบนี้
สำหรับเราหนังเรื่องนี้โดยรวมแล้วดีนะคะ แต่เป็นหนังที่ออกจะเรื่อยๆค่ะ ไม่มีหักมุมอะไรให้ลุ้น เรามองว่าดันเคิร์กเป็นหนังเล่าเรื่องสงครามนะ ไม่ได้เป็นหนังฮีโร่สงครามที่มีตัวเอกที่จะมอบความหวังให้แก่เพื่อนทหารด้วยกัน ไม่ได้เป็นหนังที่แมสมากนักค่ะ และด้วยความที่หนังบทพูดน้อย ให้ดูการกระทำของตัวละครแทนเนี่ย เลยมีความอึดอัดทั้งเรื่อง (เพราะมันมีแต่ดนตรีที่ค่อนข้างจะกดดัน เราก็ต้องมาลุ้นว่าจะมีใครโดนสาดกระสุนเมื่อไหร่ โดนระเบิดเมื่อไหร่) ไม่มีจุดพีคเป็นพิเศษ อาจจะเพราะหนังไม่ได้เล่าเรื่องแบบ 1>2>3>4 แต่เป็นการสลับพาร์ทไปมา ต้องมาคอยปะติดปะต่อว่านี่คือมุมมองของใคร มันก็ลุ้นดีนะคะ ลุ้นตลอดเวลาเลย แต่เพราะแบบนี้แหละเลยทำให้เรารู้สึกว่ามันแค่เรื่อยๆมาเรียงๆ และเราก็เชื่อว่าต้องมีหลายคนแน่ๆที่จะบอกว่าน่าเบื่อหรือดูแล้วงงๆ แต่โชคดีที่เราอ่านรีวิวก่อนเลยรอดตัวไป ฮ่า
สำหรับความสมจริงของหนังทั้งภาพเสียงและสิ่งที่หนังต้องการจะสื่อ ด้วยการที่หนังไม่เน้นตัวละครไหนเป็นพิเศษ เราเลยถือเป็นความสมจริงของสงครามด้วยเหมือนกัน เหมือนต้องการจะสื่อว่า สงครามน่ะมันไม่มีใครมานั่งสนใจคนอื่นหรอกนะ ทุกคนล้วนผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ไม่มีใครผูกพันกับใคร คนรอดก็ได้กลับบ้าน คนไม่รอดก็ถูกทิ้งไว้ข้างหลังและสุดท้ายก็จะถูกลืม
สิ่งที่เราชอบอย่างหนึ่งในการที่หนังเรื่องนี้ใช้คำพูดน้อย คือ ตัวละครพูดน้อยจริง แต่เพียงคำพูดสั้นๆกลับทำให้เราสามารถเข้าใจถึงเหตุผลต่างๆที่เค้ากระทำลงไปได้ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สิ่งที่เราชอบอีกอย่างของหนังเรื่องนี้อยู่ที่พาร์ทเครื่องบินค่ะ แบบว่าชอบมากจริงๆ[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
พูดถึงสิ่งที่ชอบไปแล้ว ขอพูดถึงสิ่งที่ไม่ชอบบ้างนะคะ ส่วนที่เราไม่ชอบก็ คือ การที่หนังไม่ต้องการให้คนดูผูกพันกับตัวละครนี่แหละค่ะ แง
สรุปโดยรวมเราชอบหนังเรื่องนี้นะคะ แต่ไม่ได้ประทับใจอย่าง Interstella หรือ The prestige หรือ Inception เราชอบสามเรื่องนี้ของโนแลนมากกว่าค่ะ แต่เราอยากให้คนที่อยากดู ไปดูแบบปราศจากอคติ ไปดูแบบไม่ต้องคิดอะไร เราว่าทุกคนน่าจะได้อะไรกลับมาแน่นอนค่ะ
สุดท้ายนี้ ต้องขออภัยด้วยนะคะถ้าหากใครอ่านแล้วออกจะงงๆบ้าง 5555 และหากใครไม่เห็นด้วยตรงจุดไหน สามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้นะคะ แต่ได้โปรดอย่าใช้ถ้อยคำไม่สุภาพ หรือแขวะกัน เราเป็นคนอ่อนไหวค่ะ กลัวรับไม่ได้ เพราะนี่เป็นกระทู้แรกที่ตั้งพูดคุยกันเรื่องหนังเลย แอบกลัวเบาๆ
ขอบคุณค่ะ