สวัสดีครับ....
ผมมีเรื่องอยากปรึกษา พี่ๆ ชาว pantip ครับ
คือ ผมเป็นเด็กต่างด้าวคนหนึ่ง ที่สู้ชีวิตมาตลอด ผมขอเล่าเป็นไปมาสั้นๆน่ะครับ
เรื่องมันมันเริ่ม ด้วยคำว่า ( อยากนอนกลางคืน ) ตอนนั้นผมอยุ13ปี ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย อยู่ที่พม่าน่ะครับ วันเสาร์ก็ต้องทำสวน ปลุกต้นยางชีวิตผม ความคิดเด็กอายุปี อยากนอนเหมือนเด็กบ้านคนอื่นๆเค้า นอนกลางคืน ไปเรียนตอนเช้า และ เสาร์อาทิต ก็ได้ไปเล่นกับเพือนๆ แต่กลับกันนั้น ชีวิตผม ตัดยางกลางคืน กลางวันไปเรียน วันหยุดเสาร์อาทิต ก็ไปทำสวนปลุกต้นยาง ตอนนั้นในใจคือ อยากนอนกลางคืน ตื่นตอนเช้า เหมือนชีวิตคนทั่วไป . คือพี่สาวผม ไปทำงานอยู่ที่ประเทศไทย ที่สุราษ ตอนนั้น ผมก็เลยเกิดความคิดอยากไปอยู่กับพี่สาว ให้พี่สาวหางานให้ งานพวก รับจ้างในร้านค้าทั่วไป ในใจเด็ก13ปี ตอนนนั้น อยู่มาสักพักผมเลยขอ พ่อ ออกมาจากบ้านเดินทางมาไทย มาอยู่กับพี่สาว พี่สาวก็ไม่หางานให้ตอนนั้น ผมเลยต้องช่วยทำยาง กับพี่สาวไปก่อนตอนนั้น พอสักหนึ่งพี่สาวกับพี่เคย ทะเลาะกัน เรืองที่ผมมาอยู่ด้วย ทะเลาะกันต่อหน้าผม .. ผมก็เลยขอไปอยู่กับพี่ชายคนโต ที่สุราษเหมือนกัน แต่คนล่ะ อ.ภ. ตอนนั้นเหมือนตัวเองไม่มีที่ไป ใครๆก็ไล่ไปไล่มา โทรหาแม่ร้องไห้ แต่ผมทำได้แค่ ลายตามนํ้า.. บ้างเอินน้องชายแม่ เมียเค้าเกิดลูก หาคนมาช่วยตัดยาง พี่ชายผมก็เลยให้ผมไปอยู่กับเค้า ผมเริ่มเข้า14ปีล่ะตอนนั้น ในวันๆหนึ่ง เริ่มจาก นอน18:00 ตื่น 21:30 ตื่นไปตัดยาง(กริดยาง) ตัดยางเสร็จ06:00 เก็บนํ้ายางต่อ เพื่อที่จะมาทำเพ้น เก็บนํ้ายางเสร็จ 08:00 ทำยางผสมนํ้ายางต่อเพื่อที่จะเอาไป ทำเพ้น ทำเสร็จ12:00 กินข้าวอาบนํ้าและก็นอนกลางวัน ตอน 13:00 ตื่น 16:00 เพื่อที่เอายางไปตากในโรงยาง แล้วก็อาบนํ้ากินข้าว นอนเวลาเดิม อยู่แต่ในป่า ไม่มีร้านค่าไม่มีเมือง ไม่มีโทรศัพ เป็นของตัวเอง .. อยู่บ้านคนอื่นๆเค้า มันสอนให้ผมรู้เรื่องด้วยตัวเองหลายๆอย่าง เช่น เราต้องลูกก่อนคนอื่นๆ ตื่นก่อนคนอื่นๆ ไม่อยู่นิ่งๆ มีงานก็ต้องทำให้หมด ห้ามเลือกว่างานอะไรก็ตาม ซักผ้าขี้เด็กก้ต้องทำ ทุกอย่าง .. เวลาคนอื่นๆนอนหลับ ประมาณเวลา 19:00 ผมจะแอบออกมาหน้าบ้าน แต่หมาชอบ เห่า
เพราะตรงนั้นมีช่องว่างอยู่ มองเห็นพระจันร์...ผมชอบมานั่งร้องไห้ แอบร้องไห้ ไม่ให้เสียงออกเพราะกลัวคนที่บ้านได้ยินว่าเราแอบมาร้องไห้ มันเหนื่อยมากๆ ตอนนั้นกับเด็ก14ปี เวลาที่เราได้คุยกับแม่ทาง มือถือ ดีใจมาก ร้องไห้ และบอกแม่ว่า ผมไว้ ..เพราะผมเลือกออกมาจากบ้านเอง 1ปีผ่านไปผมได้รับเงินเดือนน่าจะ 16000 มั่ง เพราะเงินเดือนตอนนั้นน่า4500/5000แต่เค้าให้ผมน้อยมาก ผมไม่ว่าอะไรขอแค่ได้ออกไปจากตรงนั้นก็พอ ผมก็กลับมาอยู่บ้าน มันเหมือนเดิมอ่ะครับ ทำยางอีก ซิ่งผมไมชอบเลย ผมอยากนอนกลางคืน ทำงานกลางวัน ....อยู่บ้าน1ปีผมก็กลับมาเมืองไทยอีกครั้ง มาอยู่กับพี่สาวที่สุราษอีก ทำงานตัดยางเหมือนเดิม แต่ครั้งนี้ พี่สาวเรียกให้มาช่วยเพราะพี่สาว เกิดลูก ผมเลยมาช่วยพี่สาว...หนักกว่าเดิมอีกครับ พี่เคย ผมเป็นคนชอบ หาปลา หาของป่า วันหยุด หรือวันฝนตก แทนที่ผมจะได้นอน แต่ต้องไปเป็นเพือนพี่เคย ไปหาปลา บ้าง นก บ้าง หนู บ้าง ตามภาษาคนพม่าอ่ะน่ะ จะให้ผมนอนเฉยๆและให้เค้าหามาให้กิน ก็คงอยู่ลำบากน่ะ นึกภาพออกใช่ไหมครับ เวลากินข้าวเราไม่ได้อยากกินของที่เค้าหามาให้หรอก แต่มันต้องกินไง อยู่กับเค้า เพราะเราต้องกิน ก็เลยต้องตามเค้าไป ช่วย ฆ่านกฆ่าปลาไล
ซิ่งผมคิดว่า เราควรเอาแรงไป พักผ่อน และ เอาเงินที่ทำงาน ไปแป่งให้ถูกต้อง สวนกินสวนใช้ สวนเก็บแค่นี้ เราก็ได้กินของดีๆ และ ร่างกายได้พักผ่อนด้วย ผมได้อายุ16.ปีแล้วตอนนั้น มีวันหนึ่งผม ผมเป็นคนชอบถ่ายรูปมากตอนนั้น(และพอผมลงรูป ในกลุ่มถ่ายรูป มือถึอ ก็มีแต่คน เชียร์ให้เราซื้อกล้อง เถอะ ถ่ายสสวย กว่าช่างภาพบ้างคนอีก เราก็ชอบอยุ่แล้ว เสียงตอบรับก็มีตอนนั้น อยากซื้อกล้องเห็นcanon60dออกใหม่ๆ ด้วยความที่ว่า เราทำงานมา2ปี เงินไม่ได้ใช้สักบาท เลยขอพี่สาวตอนนั้น . พี่ๆ ผมอยากซื้อกล้องครับ ผมอยากทำงานด้านนี้ จำได้แม่นเลยว่า พี่สาวตอบว่า ( จะทำได้หรอ . เป็นลูกคนตัดยาง
.พ่อแม่ตัดยาง ก็ต้องตัดยาง) เป็นคำตอบที่ผมจด และจำมาจนถึงทุกวันนี้ ผมก็คิดในใจว่า พ่อแม่ตัดยางลูกก็ไม่จำเป็นต้องตัดยาง ทำไมไม่เข้าใจผมเลย .. ทำไมผมไม่มีสิธที่จะเลือกเลยหรอ ชีวิตผม .. ช่วงนั้นผมไม่มีความสุขเลย ง่วงนอนทุกวัน ร้องไห้ทุกวัน ออกไปทำงานอย่างอื่น พวกเค้าก็ไม่ให้ผม ไปทำ ตอนนั้นผมยังเด็กอยู่ ไม่มีสิธที่จะพูดอะไรได้ แต่ผมก็ขอเค้ามาเรี่อยๆ คำตอบก็เหมือนเดิม อยู่2ปีแบบนี้ ตอนที่ผมอายุ18ปีผมกลับไปอยู่บ้านเหมือนเดิมครับ จนผมรู้สึกว่า ผมอายุ18ปีแล้ว ต่อไป ถ้าผมทำงานตัดยางอยู่แบบนี้ ชีวิตผม ก็คงวงเหวียนอยู่แบบนี้ เหมือนพม่าทั่วๆไป เกิดมาเรียนไม่จบ แต่งงาน มีลูก บ้านก็ไม่มี ไม่พร้อม ยากจน ลูกที่เกิดมา ไม่มีความรู้ และการศึกษา ก็เหมือนเดิม วงเหวียนอยู่แบบนี้ ผมเกิดความคิดว่าผมจะไม่เหมือนพวกเค้า ผมจะต้องไปได้ไกลกว่านี้ และเวลาที่ผมลงรูป ก็มีแต่คนชมรูปเรา ทำให้เรามีกำลังใจมากๆในดานถ่ายภาพ....อยู่จนผมได้อายุ19ปีกลับมาไทยอีกครั้ง ตอนนั้น ตั้งใจมาหางาน รายวันก็หายากมากเพราะเราไม่มีประสับการณ์ ก็เลยมาตัดยางสักพักก่อน..ผมเริ่มทนไม่ไหวล่ะเพราะ วันหยุดก้ต้องไปทำงาน เจ้าของสวนยาง เช่น ตัดญาหน้าบ้าน ทำความสะอาดบ้าน ไม่ไปก้ไม่ได้น่ะ เพราะทำตัดยางสวนของเค้าไม่มีวันหยุดเลย... ผมร้องไห้ทุกวัน ผมไม่ชอบทำงานตัดยาง ผมเริ่มหางานจริงจังและ และก้ได้งานรีสอดตอนนั้น ผมเลยออกจากที่ทำงานที่เป้นสวนยาง ตอนนั้น พี่ๆผมไม่มีคนคุยกับผมเลย โกรธผม ว่าทำไมผมถึงไม่ตัดยาง ทำไมต้องไป ทำงานรายวัน ผมมีพี่สาว2คน ฝาเฝดและพี่ชายคนโตครับ วันที่ผมออกมาจาก สวนยางวันนั้นผมยังจำได้เลยว่า พี่สาวคนเล็ก ด่าผมว่า เป้นวั่วเป็นควาย เป็นหมา .....ต่อจากนี้ ถ้าไม่มีเงิน. หรือถ้ายากลำบาก ก็อย่าให้มาเห็นหน้าอีกน่ะ .. ต่อไปไม่ใช่น้องกู ... วันหนึ่งถ้าลำบากก็อย่ามาให้ถึงกู .กูหางานตัดยางดีๆให้ ไม่เอา..ได้เงินเยอะๆไม่เอา ..จะไปตาย หรือร้ายดียังไงก็ไป.. ตอนนั้น เก็บเสื้อผ้าไป ร้องไห้ไป คือ มันร้องไห้หนักมาก นํ้าตาไล่ออกมาเอง กัดฟันและพูดในใจว่า กูต้องดีกว่านี้ และกูจะทำให้เห็นว่า กูทำได้ สักวันกูจะซื้อกล้องถ่ายรูป และรับงานกูต้องไปไกลกว่าตรงนี้ ..แล้วเดินออกมา ..โห.. ลำบากมากทำงานรีสอด ทำห้อง ได้ตำแน่งแม่บ้าน ... ล้างห้องนํ้า ทำทุกยาง ... แต่ผมก็มีความสุขน่ะ เพราะได้นอน กลางคืนทำงานกลางวัน พอสักพักงานลงตัวผมเก่งขึ้น ผมก็เลยไปสมัครงานที่ โรงแรมใหญ่ๆ 2/3/4/5ดาว เพราะคิดว่า รีสอดมันยังไม่สุดๆ ผมคิดว่าผมยังไปได้อีก ก็เลยเอาประสับการณ์ตรงนั้นไปทำที่ ร.ร ตอนแรกก็ทำห้อง พอต่อมาสักพัก เป็นช่างซ่อมท้อนํ้าบ้าง แอรบ้าง สีบ้าง ทำทุกอย่างที่เค้าให้ผมทำ แต่บางเอินร์มีคาแฟ่เด็กลาออกไป เค้าก็เลยเรียกให้ผมไปเป็นเด็กทำกาแฟ พองานลงตัวสักพัก แม่ให้ผมกลับบ้าน แม่ให้ผมไป มาเลเสีย แต่ผมไม่ไปเพราะกลัวโดนหลอก และอีกอย่าง ภาษาเค้าก็พูดไม่ได้ผมเลยไม่ได้ไป..อยู่ที่บ้าน3เดือน ผมอยู่ไม่ได้จริงๆ มันค้างคากับคำพูดที่ผมสัญญากับตัวเอง ว่าจะทำแต่ยังทำไม่ได้ ผมเลยขอแม่อีกสักครั้งแม่ก็ให้มา ก็เลยมาอยู่ กทม คร่าวนี้ เพราะเราอายุ20/21 แล้ว เค้าก็เลยปล่อย ..ผมก็เลยด้วยความที่เรามีประสับการณ์ทำกาแฟก็เลยสมัครเป็น บาริสต้า จนงานเราทำร้านหลายๆร้าน เปลื่ยนร้านมาหลายๆร้าน จนเราเก่งด้านกาแฟล่ะ แต่ระหว่างกว่าจะเก่ง ระยะแรกๆ โห.... ค่า ห้อง กิน ใช้ ทุกอย่างเราคนเดี่ยวหมดเลย ตังไม่เหลือ ค่าครองชีพสูง กทม ทำให้เราต้องทำงาน2งาน เสริมด้วยรับล้างจานบ้างนุ้นนี้บ้าง จนทำให้เรา มีเงินเก็บบ้างเล็กๆน้อยๆ ก็เริ่มว่างแผ่นล่ะ ว่าควรซื้ออะไรปกติแล้วช่างภาพก็ต้องซื้อกล้องก่อนใช่ไหมครับโดยสวนใหญ่แล้ว แต่ผมซื้อnotebookก่อน เพราะผมคิดว่าภาพสสวยต้องมาจาก photoshop. lightroom. กันทั้งนั้น ...ตอนนั้นยอมขายโทรศัพ เพื่อซื้อ notebook 15000ตอนนั้นความในใจเราตอนนั้นคือ เหลือแค่กล้องแล้วน่ะ ความฝันเราไกล้มาล่ะ อยู่แบบไม่มีมือถือสักพักก็ซื้อใหม่ต่อมาทำงานหนักมากประหยัดสุดๆพอเราทำงานและอยู่นานๆเงินเดือนก็เพิ่มขึ้นกับงานบาริสต้า ทำกาแฟ ..ทำให้เรามีค่าใช้จ่ายต่างๆน้าๆนั้น เบาลง และทำให้เรามีเงินเก็บแต่พวกเค้าก็โทรมาตลอดเลยน่ะ ว่าทำไมไม่ส่งเงิน ถ้างานไม่ดีก็กลับไปตัดยาง ...ผมก็เฉยๆ รับฟังแต่ไม่โตตอบ จนเริ่มเก็บเงินจริงจัง3เดือนก็ได้ซื้อกล้องมือสอง เพราะผมเองก็คิดว่า ถ้าเป็น apsc ผมไม่ซื้อแน่นอน ผมเลยไปซื้อกล้อง ฟูเฟรม (Full Frame) 26000 เลนส์อีก 5000 คารีเบท จอค้อม 500 สองสามครั้ง1พันกว่า เพิ่ม ssd ค้อม ก็ 3000กว่าบาท.- นุนนี้นั้น ( ความรุ้สึก ตอนในวันที่ซื้อกล้อง ตอนถือกล้องออกมาจานคนขาย มันโล่งๆมากๆมันอยากร้องไห้ มันรู้สึก คือเอาจริงๆน่ะ เหมือนผมเองกำลังเอาชนะตัวผมเอง เพราะผมเป็นคนที่แคร์คนในบ้านมาก แคร์คนในครอบครัว เชื่อฟัง นิ่ก็เป็นครั้งแรกที่ผมทำตามใจตัวเอง และผมก็ทำได้ สิ่งที่ผมพายายามมา คำพูดที่มันดังอยู่ในหู่ ว่าทำไม่ได้หรอก ตายไปก็อย่าถึงกู มันดังมาในหู่ และก็พูดในใจว่าเราทำได้แล้ว นํ้าตาไลออกมาเลย .. ตอนนี้คือ งานประจำก็เงินเดือนดี ดีมาก .. ต่อไปถ้ามีรับถ่ายรูปอีก ก็คงมีเงินเก็บต่อเดือนคงเยอะอยู่ และตอนนี้ มี E magazine ติดต่อมา ให้ไปถ่ายให้เค้า จะเซ็นสัญญาก็ได้ 1เล่มต่อ1เดือน 1เล่มต่อเงิน5000 .. ชีวิตแบบที่คิดไว้ กำลังจะไปได้สวย ....สำหรับคนมอญ ไร้สัญชาติ คนต่างด้าวคนนี้ แต่พี่สาวโทรมาว่า พี่อยู่ไทยล่ะน่า ... และพี่สาวถามผมว่า เมื่อไหร่จะกลับไปตัดยาง และถามผมว่า ทำงานอะไร ( ผมตอบไปว่า บาริสต้า )พี่ก็ถามต่อว่าได้วันเท่าไหร่ (ผมก็ตอบว่าเท่านี้ )พี่ก็บอกว่าได้เท่านี้หรือต่อให้เยอะกว่านี้ ก็ทำอะไรไม่ได้หรอก เองต้องกลับไปอยู่กับแม่พ่อ กลับไปตัดยาง ..ผมงง เพราะเราตกลงกันไว้ว่าถ้าผมไม่กลับ พี่สาวคนโตจะอยู่ดูแลแม่ ตัดยางที่บ้าน แต่นิ อยู่ๆก็มาและให้ผมกลับ ..ถามผมว่าเสียใจที่ต้องกลับไปอยู่กับแม่หรอ ..? ผมตอบได้เลยว่าไม่ได้เสียใจเลย.. แต่ผมแค่เสียดายโอกาสตรงนี้ การงานตรงนี้ เพราะคนเราอายุมากขึ้นทุกวัน เอาจริงๆน่ะ ถ้าหน้าตาไม่ดี อายุมากแก่ หางานยากน่ะ กับสังคม แข่งขันตอนนี้และคิดดูสิครับ คนพม่าที่ได้มีโอกาสแบบนี้มีน้อยคนน่ะผมแค่ไม่รู้จะทำไงดี .ใจหนึ่งก็อยากกลับไปอยู่กับแม่ . เพราะทานอายุมากแล้ว ..ที่จริงเรื่องทำสวนยาง จ้างคนอยู่แล้ว .. แต่พ่อกับแม่ และลูกพี่สาว7ขวบ กับลูกพี่ชาย13ปี มันหลายเรื่องมากครับ สงสารพ่อแม่ เวลาป๋วยลำบาก เพราะมีเด็ก2คน กับคนแก่2คน เอาไม่อยู่ เพราะพ่อผมก็เป็นโรคกระดูกทับเส้น เดินไม่ค่อยได้.. ผมจะทำยังไงดีครับ ช๋วยหาทางออกให้ผมหน๋อยครับ ขอบคุณมากครับ ยาวมาก ไม่รู้จะมีคนอ่านไหม.. ชีวิตคนเรา มันไม่เหมือนกัน สำหรับผม ผมลำบากมามากหมายครับ ผมรู้ดีความลำบาก มันน่ากลัวแค่ไหน...
พ่อแม่ กับ ความฝัน .ถ้าเป็นคุณๆจะเลือกอะไร..?
ผมมีเรื่องอยากปรึกษา พี่ๆ ชาว pantip ครับ
คือ ผมเป็นเด็กต่างด้าวคนหนึ่ง ที่สู้ชีวิตมาตลอด ผมขอเล่าเป็นไปมาสั้นๆน่ะครับ
เรื่องมันมันเริ่ม ด้วยคำว่า ( อยากนอนกลางคืน ) ตอนนั้นผมอยุ13ปี ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย อยู่ที่พม่าน่ะครับ วันเสาร์ก็ต้องทำสวน ปลุกต้นยางชีวิตผม ความคิดเด็กอายุปี อยากนอนเหมือนเด็กบ้านคนอื่นๆเค้า นอนกลางคืน ไปเรียนตอนเช้า และ เสาร์อาทิต ก็ได้ไปเล่นกับเพือนๆ แต่กลับกันนั้น ชีวิตผม ตัดยางกลางคืน กลางวันไปเรียน วันหยุดเสาร์อาทิต ก็ไปทำสวนปลุกต้นยาง ตอนนั้นในใจคือ อยากนอนกลางคืน ตื่นตอนเช้า เหมือนชีวิตคนทั่วไป . คือพี่สาวผม ไปทำงานอยู่ที่ประเทศไทย ที่สุราษ ตอนนั้น ผมก็เลยเกิดความคิดอยากไปอยู่กับพี่สาว ให้พี่สาวหางานให้ งานพวก รับจ้างในร้านค้าทั่วไป ในใจเด็ก13ปี ตอนนนั้น อยู่มาสักพักผมเลยขอ พ่อ ออกมาจากบ้านเดินทางมาไทย มาอยู่กับพี่สาว พี่สาวก็ไม่หางานให้ตอนนั้น ผมเลยต้องช่วยทำยาง กับพี่สาวไปก่อนตอนนั้น พอสักหนึ่งพี่สาวกับพี่เคย ทะเลาะกัน เรืองที่ผมมาอยู่ด้วย ทะเลาะกันต่อหน้าผม .. ผมก็เลยขอไปอยู่กับพี่ชายคนโต ที่สุราษเหมือนกัน แต่คนล่ะ อ.ภ. ตอนนั้นเหมือนตัวเองไม่มีที่ไป ใครๆก็ไล่ไปไล่มา โทรหาแม่ร้องไห้ แต่ผมทำได้แค่ ลายตามนํ้า.. บ้างเอินน้องชายแม่ เมียเค้าเกิดลูก หาคนมาช่วยตัดยาง พี่ชายผมก็เลยให้ผมไปอยู่กับเค้า ผมเริ่มเข้า14ปีล่ะตอนนั้น ในวันๆหนึ่ง เริ่มจาก นอน18:00 ตื่น 21:30 ตื่นไปตัดยาง(กริดยาง) ตัดยางเสร็จ06:00 เก็บนํ้ายางต่อ เพื่อที่จะมาทำเพ้น เก็บนํ้ายางเสร็จ 08:00 ทำยางผสมนํ้ายางต่อเพื่อที่จะเอาไป ทำเพ้น ทำเสร็จ12:00 กินข้าวอาบนํ้าและก็นอนกลางวัน ตอน 13:00 ตื่น 16:00 เพื่อที่เอายางไปตากในโรงยาง แล้วก็อาบนํ้ากินข้าว นอนเวลาเดิม อยู่แต่ในป่า ไม่มีร้านค่าไม่มีเมือง ไม่มีโทรศัพ เป็นของตัวเอง .. อยู่บ้านคนอื่นๆเค้า มันสอนให้ผมรู้เรื่องด้วยตัวเองหลายๆอย่าง เช่น เราต้องลูกก่อนคนอื่นๆ ตื่นก่อนคนอื่นๆ ไม่อยู่นิ่งๆ มีงานก็ต้องทำให้หมด ห้ามเลือกว่างานอะไรก็ตาม ซักผ้าขี้เด็กก้ต้องทำ ทุกอย่าง .. เวลาคนอื่นๆนอนหลับ ประมาณเวลา 19:00 ผมจะแอบออกมาหน้าบ้าน แต่หมาชอบ เห่า
เพราะตรงนั้นมีช่องว่างอยู่ มองเห็นพระจันร์...ผมชอบมานั่งร้องไห้ แอบร้องไห้ ไม่ให้เสียงออกเพราะกลัวคนที่บ้านได้ยินว่าเราแอบมาร้องไห้ มันเหนื่อยมากๆ ตอนนั้นกับเด็ก14ปี เวลาที่เราได้คุยกับแม่ทาง มือถือ ดีใจมาก ร้องไห้ และบอกแม่ว่า ผมไว้ ..เพราะผมเลือกออกมาจากบ้านเอง 1ปีผ่านไปผมได้รับเงินเดือนน่าจะ 16000 มั่ง เพราะเงินเดือนตอนนั้นน่า4500/5000แต่เค้าให้ผมน้อยมาก ผมไม่ว่าอะไรขอแค่ได้ออกไปจากตรงนั้นก็พอ ผมก็กลับมาอยู่บ้าน มันเหมือนเดิมอ่ะครับ ทำยางอีก ซิ่งผมไมชอบเลย ผมอยากนอนกลางคืน ทำงานกลางวัน ....อยู่บ้าน1ปีผมก็กลับมาเมืองไทยอีกครั้ง มาอยู่กับพี่สาวที่สุราษอีก ทำงานตัดยางเหมือนเดิม แต่ครั้งนี้ พี่สาวเรียกให้มาช่วยเพราะพี่สาว เกิดลูก ผมเลยมาช่วยพี่สาว...หนักกว่าเดิมอีกครับ พี่เคย ผมเป็นคนชอบ หาปลา หาของป่า วันหยุด หรือวันฝนตก แทนที่ผมจะได้นอน แต่ต้องไปเป็นเพือนพี่เคย ไปหาปลา บ้าง นก บ้าง หนู บ้าง ตามภาษาคนพม่าอ่ะน่ะ จะให้ผมนอนเฉยๆและให้เค้าหามาให้กิน ก็คงอยู่ลำบากน่ะ นึกภาพออกใช่ไหมครับ เวลากินข้าวเราไม่ได้อยากกินของที่เค้าหามาให้หรอก แต่มันต้องกินไง อยู่กับเค้า เพราะเราต้องกิน ก็เลยต้องตามเค้าไป ช่วย ฆ่านกฆ่าปลาไล
ซิ่งผมคิดว่า เราควรเอาแรงไป พักผ่อน และ เอาเงินที่ทำงาน ไปแป่งให้ถูกต้อง สวนกินสวนใช้ สวนเก็บแค่นี้ เราก็ได้กินของดีๆ และ ร่างกายได้พักผ่อนด้วย ผมได้อายุ16.ปีแล้วตอนนั้น มีวันหนึ่งผม ผมเป็นคนชอบถ่ายรูปมากตอนนั้น(และพอผมลงรูป ในกลุ่มถ่ายรูป มือถึอ ก็มีแต่คน เชียร์ให้เราซื้อกล้อง เถอะ ถ่ายสสวย กว่าช่างภาพบ้างคนอีก เราก็ชอบอยุ่แล้ว เสียงตอบรับก็มีตอนนั้น อยากซื้อกล้องเห็นcanon60dออกใหม่ๆ ด้วยความที่ว่า เราทำงานมา2ปี เงินไม่ได้ใช้สักบาท เลยขอพี่สาวตอนนั้น . พี่ๆ ผมอยากซื้อกล้องครับ ผมอยากทำงานด้านนี้ จำได้แม่นเลยว่า พี่สาวตอบว่า ( จะทำได้หรอ . เป็นลูกคนตัดยาง
.พ่อแม่ตัดยาง ก็ต้องตัดยาง) เป็นคำตอบที่ผมจด และจำมาจนถึงทุกวันนี้ ผมก็คิดในใจว่า พ่อแม่ตัดยางลูกก็ไม่จำเป็นต้องตัดยาง ทำไมไม่เข้าใจผมเลย .. ทำไมผมไม่มีสิธที่จะเลือกเลยหรอ ชีวิตผม .. ช่วงนั้นผมไม่มีความสุขเลย ง่วงนอนทุกวัน ร้องไห้ทุกวัน ออกไปทำงานอย่างอื่น พวกเค้าก็ไม่ให้ผม ไปทำ ตอนนั้นผมยังเด็กอยู่ ไม่มีสิธที่จะพูดอะไรได้ แต่ผมก็ขอเค้ามาเรี่อยๆ คำตอบก็เหมือนเดิม อยู่2ปีแบบนี้ ตอนที่ผมอายุ18ปีผมกลับไปอยู่บ้านเหมือนเดิมครับ จนผมรู้สึกว่า ผมอายุ18ปีแล้ว ต่อไป ถ้าผมทำงานตัดยางอยู่แบบนี้ ชีวิตผม ก็คงวงเหวียนอยู่แบบนี้ เหมือนพม่าทั่วๆไป เกิดมาเรียนไม่จบ แต่งงาน มีลูก บ้านก็ไม่มี ไม่พร้อม ยากจน ลูกที่เกิดมา ไม่มีความรู้ และการศึกษา ก็เหมือนเดิม วงเหวียนอยู่แบบนี้ ผมเกิดความคิดว่าผมจะไม่เหมือนพวกเค้า ผมจะต้องไปได้ไกลกว่านี้ และเวลาที่ผมลงรูป ก็มีแต่คนชมรูปเรา ทำให้เรามีกำลังใจมากๆในดานถ่ายภาพ....อยู่จนผมได้อายุ19ปีกลับมาไทยอีกครั้ง ตอนนั้น ตั้งใจมาหางาน รายวันก็หายากมากเพราะเราไม่มีประสับการณ์ ก็เลยมาตัดยางสักพักก่อน..ผมเริ่มทนไม่ไหวล่ะเพราะ วันหยุดก้ต้องไปทำงาน เจ้าของสวนยาง เช่น ตัดญาหน้าบ้าน ทำความสะอาดบ้าน ไม่ไปก้ไม่ได้น่ะ เพราะทำตัดยางสวนของเค้าไม่มีวันหยุดเลย... ผมร้องไห้ทุกวัน ผมไม่ชอบทำงานตัดยาง ผมเริ่มหางานจริงจังและ และก้ได้งานรีสอดตอนนั้น ผมเลยออกจากที่ทำงานที่เป้นสวนยาง ตอนนั้น พี่ๆผมไม่มีคนคุยกับผมเลย โกรธผม ว่าทำไมผมถึงไม่ตัดยาง ทำไมต้องไป ทำงานรายวัน ผมมีพี่สาว2คน ฝาเฝดและพี่ชายคนโตครับ วันที่ผมออกมาจาก สวนยางวันนั้นผมยังจำได้เลยว่า พี่สาวคนเล็ก ด่าผมว่า เป้นวั่วเป็นควาย เป็นหมา .....ต่อจากนี้ ถ้าไม่มีเงิน. หรือถ้ายากลำบาก ก็อย่าให้มาเห็นหน้าอีกน่ะ .. ต่อไปไม่ใช่น้องกู ... วันหนึ่งถ้าลำบากก็อย่ามาให้ถึงกู .กูหางานตัดยางดีๆให้ ไม่เอา..ได้เงินเยอะๆไม่เอา ..จะไปตาย หรือร้ายดียังไงก็ไป.. ตอนนั้น เก็บเสื้อผ้าไป ร้องไห้ไป คือ มันร้องไห้หนักมาก นํ้าตาไล่ออกมาเอง กัดฟันและพูดในใจว่า กูต้องดีกว่านี้ และกูจะทำให้เห็นว่า กูทำได้ สักวันกูจะซื้อกล้องถ่ายรูป และรับงานกูต้องไปไกลกว่าตรงนี้ ..แล้วเดินออกมา ..โห.. ลำบากมากทำงานรีสอด ทำห้อง ได้ตำแน่งแม่บ้าน ... ล้างห้องนํ้า ทำทุกยาง ... แต่ผมก็มีความสุขน่ะ เพราะได้นอน กลางคืนทำงานกลางวัน พอสักพักงานลงตัวผมเก่งขึ้น ผมก็เลยไปสมัครงานที่ โรงแรมใหญ่ๆ 2/3/4/5ดาว เพราะคิดว่า รีสอดมันยังไม่สุดๆ ผมคิดว่าผมยังไปได้อีก ก็เลยเอาประสับการณ์ตรงนั้นไปทำที่ ร.ร ตอนแรกก็ทำห้อง พอต่อมาสักพัก เป็นช่างซ่อมท้อนํ้าบ้าง แอรบ้าง สีบ้าง ทำทุกอย่างที่เค้าให้ผมทำ แต่บางเอินร์มีคาแฟ่เด็กลาออกไป เค้าก็เลยเรียกให้ผมไปเป็นเด็กทำกาแฟ พองานลงตัวสักพัก แม่ให้ผมกลับบ้าน แม่ให้ผมไป มาเลเสีย แต่ผมไม่ไปเพราะกลัวโดนหลอก และอีกอย่าง ภาษาเค้าก็พูดไม่ได้ผมเลยไม่ได้ไป..อยู่ที่บ้าน3เดือน ผมอยู่ไม่ได้จริงๆ มันค้างคากับคำพูดที่ผมสัญญากับตัวเอง ว่าจะทำแต่ยังทำไม่ได้ ผมเลยขอแม่อีกสักครั้งแม่ก็ให้มา ก็เลยมาอยู่ กทม คร่าวนี้ เพราะเราอายุ20/21 แล้ว เค้าก็เลยปล่อย ..ผมก็เลยด้วยความที่เรามีประสับการณ์ทำกาแฟก็เลยสมัครเป็น บาริสต้า จนงานเราทำร้านหลายๆร้าน เปลื่ยนร้านมาหลายๆร้าน จนเราเก่งด้านกาแฟล่ะ แต่ระหว่างกว่าจะเก่ง ระยะแรกๆ โห.... ค่า ห้อง กิน ใช้ ทุกอย่างเราคนเดี่ยวหมดเลย ตังไม่เหลือ ค่าครองชีพสูง กทม ทำให้เราต้องทำงาน2งาน เสริมด้วยรับล้างจานบ้างนุ้นนี้บ้าง จนทำให้เรา มีเงินเก็บบ้างเล็กๆน้อยๆ ก็เริ่มว่างแผ่นล่ะ ว่าควรซื้ออะไรปกติแล้วช่างภาพก็ต้องซื้อกล้องก่อนใช่ไหมครับโดยสวนใหญ่แล้ว แต่ผมซื้อnotebookก่อน เพราะผมคิดว่าภาพสสวยต้องมาจาก photoshop. lightroom. กันทั้งนั้น ...ตอนนั้นยอมขายโทรศัพ เพื่อซื้อ notebook 15000ตอนนั้นความในใจเราตอนนั้นคือ เหลือแค่กล้องแล้วน่ะ ความฝันเราไกล้มาล่ะ อยู่แบบไม่มีมือถือสักพักก็ซื้อใหม่ต่อมาทำงานหนักมากประหยัดสุดๆพอเราทำงานและอยู่นานๆเงินเดือนก็เพิ่มขึ้นกับงานบาริสต้า ทำกาแฟ ..ทำให้เรามีค่าใช้จ่ายต่างๆน้าๆนั้น เบาลง และทำให้เรามีเงินเก็บแต่พวกเค้าก็โทรมาตลอดเลยน่ะ ว่าทำไมไม่ส่งเงิน ถ้างานไม่ดีก็กลับไปตัดยาง ...ผมก็เฉยๆ รับฟังแต่ไม่โตตอบ จนเริ่มเก็บเงินจริงจัง3เดือนก็ได้ซื้อกล้องมือสอง เพราะผมเองก็คิดว่า ถ้าเป็น apsc ผมไม่ซื้อแน่นอน ผมเลยไปซื้อกล้อง ฟูเฟรม (Full Frame) 26000 เลนส์อีก 5000 คารีเบท จอค้อม 500 สองสามครั้ง1พันกว่า เพิ่ม ssd ค้อม ก็ 3000กว่าบาท.- นุนนี้นั้น ( ความรุ้สึก ตอนในวันที่ซื้อกล้อง ตอนถือกล้องออกมาจานคนขาย มันโล่งๆมากๆมันอยากร้องไห้ มันรู้สึก คือเอาจริงๆน่ะ เหมือนผมเองกำลังเอาชนะตัวผมเอง เพราะผมเป็นคนที่แคร์คนในบ้านมาก แคร์คนในครอบครัว เชื่อฟัง นิ่ก็เป็นครั้งแรกที่ผมทำตามใจตัวเอง และผมก็ทำได้ สิ่งที่ผมพายายามมา คำพูดที่มันดังอยู่ในหู่ ว่าทำไม่ได้หรอก ตายไปก็อย่าถึงกู มันดังมาในหู่ และก็พูดในใจว่าเราทำได้แล้ว นํ้าตาไลออกมาเลย .. ตอนนี้คือ งานประจำก็เงินเดือนดี ดีมาก .. ต่อไปถ้ามีรับถ่ายรูปอีก ก็คงมีเงินเก็บต่อเดือนคงเยอะอยู่ และตอนนี้ มี E magazine ติดต่อมา ให้ไปถ่ายให้เค้า จะเซ็นสัญญาก็ได้ 1เล่มต่อ1เดือน 1เล่มต่อเงิน5000 .. ชีวิตแบบที่คิดไว้ กำลังจะไปได้สวย ....สำหรับคนมอญ ไร้สัญชาติ คนต่างด้าวคนนี้ แต่พี่สาวโทรมาว่า พี่อยู่ไทยล่ะน่า ... และพี่สาวถามผมว่า เมื่อไหร่จะกลับไปตัดยาง และถามผมว่า ทำงานอะไร ( ผมตอบไปว่า บาริสต้า )พี่ก็ถามต่อว่าได้วันเท่าไหร่ (ผมก็ตอบว่าเท่านี้ )พี่ก็บอกว่าได้เท่านี้หรือต่อให้เยอะกว่านี้ ก็ทำอะไรไม่ได้หรอก เองต้องกลับไปอยู่กับแม่พ่อ กลับไปตัดยาง ..ผมงง เพราะเราตกลงกันไว้ว่าถ้าผมไม่กลับ พี่สาวคนโตจะอยู่ดูแลแม่ ตัดยางที่บ้าน แต่นิ อยู่ๆก็มาและให้ผมกลับ ..ถามผมว่าเสียใจที่ต้องกลับไปอยู่กับแม่หรอ ..? ผมตอบได้เลยว่าไม่ได้เสียใจเลย.. แต่ผมแค่เสียดายโอกาสตรงนี้ การงานตรงนี้ เพราะคนเราอายุมากขึ้นทุกวัน เอาจริงๆน่ะ ถ้าหน้าตาไม่ดี อายุมากแก่ หางานยากน่ะ กับสังคม แข่งขันตอนนี้และคิดดูสิครับ คนพม่าที่ได้มีโอกาสแบบนี้มีน้อยคนน่ะผมแค่ไม่รู้จะทำไงดี .ใจหนึ่งก็อยากกลับไปอยู่กับแม่ . เพราะทานอายุมากแล้ว ..ที่จริงเรื่องทำสวนยาง จ้างคนอยู่แล้ว .. แต่พ่อกับแม่ และลูกพี่สาว7ขวบ กับลูกพี่ชาย13ปี มันหลายเรื่องมากครับ สงสารพ่อแม่ เวลาป๋วยลำบาก เพราะมีเด็ก2คน กับคนแก่2คน เอาไม่อยู่ เพราะพ่อผมก็เป็นโรคกระดูกทับเส้น เดินไม่ค่อยได้.. ผมจะทำยังไงดีครับ ช๋วยหาทางออกให้ผมหน๋อยครับ ขอบคุณมากครับ ยาวมาก ไม่รู้จะมีคนอ่านไหม.. ชีวิตคนเรา มันไม่เหมือนกัน สำหรับผม ผมลำบากมามากหมายครับ ผมรู้ดีความลำบาก มันน่ากลัวแค่ไหน...