ผมรู้จัก Christopher Nolan จากหนังเรื่อง Memento หนังปี 2000 ซึ่งเป็นหนังที่ผมชอบมากๆ Memento เป็นหนังที่เกี่ยวกับชายผู้สูญเสียความสามารถในการรับความจำใหม่ ๆ เขาชื่อ ลีโอนาร์ด เชลบี ซึ่งรับบทโดย Guy Pearce ในช่วงเปิดเรื่องเราจะรู้เพียงแต่ว่าลีโอนาร์ดได้ฆ่าเท็ดดี้เพราะว่าเท็ดดี้ได้ข่มขืนและฆ่าภรรยาของลีโอนาร์ด ความโดดเด่นคือการดำเนินเรื่อง การดำเนินเรื่องแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือส่วนที่เป็นสีและส่วนที่เป็นขาวดำ ส่วนที่เป็นภาพขาวดำเล่าเรื่องราวตามลำดับเวลา ส่วนที่เป็นภาพสีเล่าเรื่องราวย้อนหลัง เพียงแค่นี้ Memento ก็กลายเป็นหนังในดวงใจของผม และต่อมาผมถึงรู้ว่าผู้กำกับชื่อ Christopher Nolan
เพียงหนังเรื่องแรก ผมก็ชอบแนวทางของเขาเสียแล้ว การเล่นกับเรื่องความจำเป็นอะไรที่ผมชอบอยู่แล้ว ถ้าคนเราจำอะไรไม่ได้เลย อดีต ปัจจุบันและอนาคตก็คงไร้ความหมาย รวมทั้งความเป็นคนของคนๆนั้นด้วย แต่สำหรับคนที่สูญเสียความสามารถในการรับความจำใหม่ ๆหรือจำได้ไม่นานเวลาต้องรับรู้อะไรใหม่ มันน่าสนใจมากเพราะเหมือนเขาจะมีชีวิตแต่เพียงสั้นๆ แล้วก็ต้องเกิดใหม่แบบแปลกๆอีกแล้ว การต้องหาเครื่องมือช่วยเพื่อให้เกิดการปะติดปะต่อให้มันกลายเป็นชีวิตของคนๆหนึ่งเป็นเรื่องที่น่าสนใจ และนี่คือสไตล์ของ Christopher Nolan ที่ผมสัมผัสได้ Memento เปรียบเสมือนประตูที่เปิดไปสู่โลกส่วนตัวของเขา และแน่นอนครับ อย่างที่หลายๆท่านทราบว่าโลกส่วนตัวของเขามันน่าสนใจมาก
พอผมก้าวเข้าไปในโลกส่วนตัวของเขาผ่านประตู Memento ผมก็ได้พบกับมุมรับแขกเล็กๆใน Insomnia หนังปี 2002 ของเขาที่เล่าเรื่องเกี่ยวกับนักสืบวิล ดอเมอร์ ที่รับบทโดยอัล ปาชิโน เขาถูกส่งให้ไปสืบเกี่ยวกับฆาตกรรายหนึ่ง ณ เมืองอลาสก้าซึ่งเป็นเมืองพระอาทิตย์เที่ยงคืน ทำให้เขานอนไม่หลับ ดอเมอร์มีปมขัดแย้งหลายอย่างในระหว่างที่เขาทำงาน การนอนไม่หลับจึงอาจไม่ใช่ปัจจัยภายนอก แต่อาจเป็นปัจจัยภายใน ซึ่งเขาอาจจะไม่เคยรู้ตัวมาก่อนเลยก็ได้ว่าในท้ายที่สุดแล้วเขาเป็นใครและเป็นอย่างไร
จาก Memento มาถึง Insomnia ทำให้เรารับรู้ได้ว่า Christopher Nolan ชอบสำรวจพฤติกรรมทางจิตที่เป็นจิตใจส่วนลึกของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความจำ ตัวตน และการรับรู้ตนเอง พอผมตระหนักได้ถึงข้อนี้ ทำให้ผมสนใจในตัวตนและผลงานของเขามากขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นไม่นาน เขาก็เริ่มจับงานใหม่อย่าง Batman Begins ซึ่งเปรียบเสมือนห้องรับแขกขนาดใหญ่ในโลกส่วนตัวของเขา
ถึง Batman Begins จะเป็นหนังแนวซูเปอร์ฮีโร่ แต่แน่นอนว่าเมื่อมันตกมาถึงมือของเขา Nolan เองก็ยังเล่นสไตล์เจาะจิตเจาะความรู้สึกลึกๆของตัวละครที่เขาสนใจ ซึ่งบทมนุษย์ค้างคาวเองก็ถูกโฉลกกับแนวทางของเขามาก ผมดูหนังเรื่องนี้ไป บางครั้งก็อดคิดไมได้ว่า Nolan เองนี่แหละคือมนุษย์ค้างคาวตัวจริง เขาจึงรู้ว่าควรจะกำกับ Batman Begins อย่างไร ทำให้ Batman Begins มีความแตกต่างอย่างชัดเจนกว่าหนัง Batman ก่อนหน้านี้ ความต่างนี่แหละที่โดนใจมหาชนชนิดที่เรียกว่าหนังเรื่องนี้กวาดรายได้ถล่มทลายและครองใจใครหลายๆคน พอดูหนังเรื่องนี้ นอกจากผมจะคิดว่า Nolan เองนี่แหละคือมนุษย์ค้างคาวแล้ว ผมยังรู้สึกอีกว่า นครกอตแทมคือเมืองของเขา
นำชายที่เขาเลือกมาก็ช่างหมาะเจาะ คริสเตียน เบลก็น่าจะมีสไตล์บางอย่างไม่ต่างจากเขา คนหนึ่งเพิ่งกำกับหนังนอนไม่หลับจาก Insomnia อีกคนก็เพิ่งรับบทคนนอนไม่หลับจาก The Machinist พอมาเจอกันในนครกอตแทมแห่งนี้ก็เลยไม่ต้องหลับต้องนอนกันพอดีเพราะต่างคนต่างมีเอมและความสนใจคล้ายๆกัน รวมทั้งความรู้สึกลึกบางอย่างด้วย ความบังเอิญต่างๆเหล่านี้ยิ่งเสริมส่งให้ Batman Begins น่าดูมากขึ้นไปอีก โนแลนเคยกล่าวถึงเบลว่า "เขาเป็นคนที่มีความสมดุลระหว่างด้านมืดกับด้านสว่างที่เด่นชัดอย่างที่เรากำลังตามหาอยู่" ผมว่า Nolan เองก็เช่นกัน ไม่งั้นเขาคงไม่เข้าใจคนอย่าง ลีโอนาร์ด เชลบีและวิล ดอเมอร์ ผมเองจึงรู้สึกว่า Batman Begins อาจไม่ได้ Begin อยู่คนเดียวก็ได้ Nolan เองก็กำลัง Begin เหมือนกัน เป็นการ Begin ความฝันและความรู้สึกสู่สายตาชาวโลก
เมื่อได้เห็นห้องรับแขกขนาดใหญ่ของเขาแล้ว ต่อไปเราก็ได้พบกับอาหารในห้องอาหารทึมๆของเขา ออเดิฟสุดพิเศษที่เขาเสริฟให้เรากินคือ The Prestige หนังปี 2006 ที่กล่าวถึงนักมายากลที่เป็นคู่แข่งกันอย่าง โรเบิร์ต แองกิเออร์ และ อัลเฟรด บอร์เดน ทั้งสองต่างอยากเป็นที่ 1 ในการรังสรรค์กลได้อย่างน่าทึ่งจนละเลยความเป็นมนุษย์จริงๆของพวกเขาไปและต่างหลงใหลความเป็นหนึ่งในทางมายา The Prestige กลายเป็นออเดิฟชิ้นเอกของ Nolan ที่พอลิ้มแล้วก็ยากจะลืมลง ออเดิฟของเขาไม่ได้มีอย่างเดียว พอ The Prestige จบลง เขาก็เสริฟออเดิฟจานต่อไปอย่าง The Dark Knight หนัง Batman ภาคต่อในปี 2008 และมันก็เป็นหนังภาคต่อที่ทั้งยอดเยี่ยมและน่าติดตาม
ขอขอบคุณ
มีต่อครับ
เจาะโลกส่วนตัวของ Christopher Nolan
ผมรู้จัก Christopher Nolan จากหนังเรื่อง Memento หนังปี 2000 ซึ่งเป็นหนังที่ผมชอบมากๆ Memento เป็นหนังที่เกี่ยวกับชายผู้สูญเสียความสามารถในการรับความจำใหม่ ๆ เขาชื่อ ลีโอนาร์ด เชลบี ซึ่งรับบทโดย Guy Pearce ในช่วงเปิดเรื่องเราจะรู้เพียงแต่ว่าลีโอนาร์ดได้ฆ่าเท็ดดี้เพราะว่าเท็ดดี้ได้ข่มขืนและฆ่าภรรยาของลีโอนาร์ด ความโดดเด่นคือการดำเนินเรื่อง การดำเนินเรื่องแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือส่วนที่เป็นสีและส่วนที่เป็นขาวดำ ส่วนที่เป็นภาพขาวดำเล่าเรื่องราวตามลำดับเวลา ส่วนที่เป็นภาพสีเล่าเรื่องราวย้อนหลัง เพียงแค่นี้ Memento ก็กลายเป็นหนังในดวงใจของผม และต่อมาผมถึงรู้ว่าผู้กำกับชื่อ Christopher Nolan
เพียงหนังเรื่องแรก ผมก็ชอบแนวทางของเขาเสียแล้ว การเล่นกับเรื่องความจำเป็นอะไรที่ผมชอบอยู่แล้ว ถ้าคนเราจำอะไรไม่ได้เลย อดีต ปัจจุบันและอนาคตก็คงไร้ความหมาย รวมทั้งความเป็นคนของคนๆนั้นด้วย แต่สำหรับคนที่สูญเสียความสามารถในการรับความจำใหม่ ๆหรือจำได้ไม่นานเวลาต้องรับรู้อะไรใหม่ มันน่าสนใจมากเพราะเหมือนเขาจะมีชีวิตแต่เพียงสั้นๆ แล้วก็ต้องเกิดใหม่แบบแปลกๆอีกแล้ว การต้องหาเครื่องมือช่วยเพื่อให้เกิดการปะติดปะต่อให้มันกลายเป็นชีวิตของคนๆหนึ่งเป็นเรื่องที่น่าสนใจ และนี่คือสไตล์ของ Christopher Nolan ที่ผมสัมผัสได้ Memento เปรียบเสมือนประตูที่เปิดไปสู่โลกส่วนตัวของเขา และแน่นอนครับ อย่างที่หลายๆท่านทราบว่าโลกส่วนตัวของเขามันน่าสนใจมาก
พอผมก้าวเข้าไปในโลกส่วนตัวของเขาผ่านประตู Memento ผมก็ได้พบกับมุมรับแขกเล็กๆใน Insomnia หนังปี 2002 ของเขาที่เล่าเรื่องเกี่ยวกับนักสืบวิล ดอเมอร์ ที่รับบทโดยอัล ปาชิโน เขาถูกส่งให้ไปสืบเกี่ยวกับฆาตกรรายหนึ่ง ณ เมืองอลาสก้าซึ่งเป็นเมืองพระอาทิตย์เที่ยงคืน ทำให้เขานอนไม่หลับ ดอเมอร์มีปมขัดแย้งหลายอย่างในระหว่างที่เขาทำงาน การนอนไม่หลับจึงอาจไม่ใช่ปัจจัยภายนอก แต่อาจเป็นปัจจัยภายใน ซึ่งเขาอาจจะไม่เคยรู้ตัวมาก่อนเลยก็ได้ว่าในท้ายที่สุดแล้วเขาเป็นใครและเป็นอย่างไร
จาก Memento มาถึง Insomnia ทำให้เรารับรู้ได้ว่า Christopher Nolan ชอบสำรวจพฤติกรรมทางจิตที่เป็นจิตใจส่วนลึกของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความจำ ตัวตน และการรับรู้ตนเอง พอผมตระหนักได้ถึงข้อนี้ ทำให้ผมสนใจในตัวตนและผลงานของเขามากขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นไม่นาน เขาก็เริ่มจับงานใหม่อย่าง Batman Begins ซึ่งเปรียบเสมือนห้องรับแขกขนาดใหญ่ในโลกส่วนตัวของเขา
ถึง Batman Begins จะเป็นหนังแนวซูเปอร์ฮีโร่ แต่แน่นอนว่าเมื่อมันตกมาถึงมือของเขา Nolan เองก็ยังเล่นสไตล์เจาะจิตเจาะความรู้สึกลึกๆของตัวละครที่เขาสนใจ ซึ่งบทมนุษย์ค้างคาวเองก็ถูกโฉลกกับแนวทางของเขามาก ผมดูหนังเรื่องนี้ไป บางครั้งก็อดคิดไมได้ว่า Nolan เองนี่แหละคือมนุษย์ค้างคาวตัวจริง เขาจึงรู้ว่าควรจะกำกับ Batman Begins อย่างไร ทำให้ Batman Begins มีความแตกต่างอย่างชัดเจนกว่าหนัง Batman ก่อนหน้านี้ ความต่างนี่แหละที่โดนใจมหาชนชนิดที่เรียกว่าหนังเรื่องนี้กวาดรายได้ถล่มทลายและครองใจใครหลายๆคน พอดูหนังเรื่องนี้ นอกจากผมจะคิดว่า Nolan เองนี่แหละคือมนุษย์ค้างคาวแล้ว ผมยังรู้สึกอีกว่า นครกอตแทมคือเมืองของเขา
นำชายที่เขาเลือกมาก็ช่างหมาะเจาะ คริสเตียน เบลก็น่าจะมีสไตล์บางอย่างไม่ต่างจากเขา คนหนึ่งเพิ่งกำกับหนังนอนไม่หลับจาก Insomnia อีกคนก็เพิ่งรับบทคนนอนไม่หลับจาก The Machinist พอมาเจอกันในนครกอตแทมแห่งนี้ก็เลยไม่ต้องหลับต้องนอนกันพอดีเพราะต่างคนต่างมีเอมและความสนใจคล้ายๆกัน รวมทั้งความรู้สึกลึกบางอย่างด้วย ความบังเอิญต่างๆเหล่านี้ยิ่งเสริมส่งให้ Batman Begins น่าดูมากขึ้นไปอีก โนแลนเคยกล่าวถึงเบลว่า "เขาเป็นคนที่มีความสมดุลระหว่างด้านมืดกับด้านสว่างที่เด่นชัดอย่างที่เรากำลังตามหาอยู่" ผมว่า Nolan เองก็เช่นกัน ไม่งั้นเขาคงไม่เข้าใจคนอย่าง ลีโอนาร์ด เชลบีและวิล ดอเมอร์ ผมเองจึงรู้สึกว่า Batman Begins อาจไม่ได้ Begin อยู่คนเดียวก็ได้ Nolan เองก็กำลัง Begin เหมือนกัน เป็นการ Begin ความฝันและความรู้สึกสู่สายตาชาวโลก
เมื่อได้เห็นห้องรับแขกขนาดใหญ่ของเขาแล้ว ต่อไปเราก็ได้พบกับอาหารในห้องอาหารทึมๆของเขา ออเดิฟสุดพิเศษที่เขาเสริฟให้เรากินคือ The Prestige หนังปี 2006 ที่กล่าวถึงนักมายากลที่เป็นคู่แข่งกันอย่าง โรเบิร์ต แองกิเออร์ และ อัลเฟรด บอร์เดน ทั้งสองต่างอยากเป็นที่ 1 ในการรังสรรค์กลได้อย่างน่าทึ่งจนละเลยความเป็นมนุษย์จริงๆของพวกเขาไปและต่างหลงใหลความเป็นหนึ่งในทางมายา The Prestige กลายเป็นออเดิฟชิ้นเอกของ Nolan ที่พอลิ้มแล้วก็ยากจะลืมลง ออเดิฟของเขาไม่ได้มีอย่างเดียว พอ The Prestige จบลง เขาก็เสริฟออเดิฟจานต่อไปอย่าง The Dark Knight หนัง Batman ภาคต่อในปี 2008 และมันก็เป็นหนังภาคต่อที่ทั้งยอดเยี่ยมและน่าติดตาม
มีต่อครับ