ในระหว่างที่การเจรจาของลิเวอร์พูลย่างเข้าสู่มหากาพย์(ที่ตั้งท่าจะจบไม่ลง) ก็บังเอิญว่าผมผ่านตาบทความชุดหนึ่งของ แผนกกฏหมายกีฬาสำนักกฏหมาย Mills & Reeve ซึ่งอธิบายกลไกการซื้อขายที่เกิดขึ้นจริงอย่างละเอียด ผ่านตัวละครสมมุติชื่อ รีวัลโด้ ผมจึงถือโอกาสเอามาย่อใจความสำคัญครับ
แน่นอนว่าเนื้อหามันเยอะมาก ดังนั้นใครที่สนใจก็สามารถติดตามได้จากต้นฉบับท้ายบทความ
นสพ สมมุติสปอร์ต : แพดดิงตันคว้ารีวัลโด้ จากมาราคาน่า บราซิล รีวัลโด้วัย 18 ย้ายมาด้วยค่าตัวสถิติสโมสร 8.5 ล้าน และเมื่อรวมออฟชั่นแล้วอาจสูงได้ถึง 13 ล้านปอนด์ รีวัลโด้จะรับค่าเหนื่อยสัปดาห์ละ 4 หมื่นปอนด์
นั่นคงเป็นฉากแถลงข่าวที่เกิดขึ้นได้ทั่วไป แต่เกิดอะไรขึ้นก่อนหน้าบ้างล่ะ?
ตามกฏการซื้อขายของฟีฟ่า ทีมที่จะซื้อ ต้องได้รับอนุญาตจากทีมต้นสังกัดก่อนที่จะติดต่อกับนักเตะ แต่ว่าในทางปฏิบัติ เรื่องไม่ได้เป็นแบบนั้น
โดยทั่วไป ทีมซื้อจะติดต่อผ่านตัวกลาง ในกรณีนี้ ตัวแทนของแพดดิงตัน ติดต่อเอเยนต์ของนักเตะก่อน รูปแบบอาจจะง่ายๆและ ไม่เป็นทางการ เช่นข้อความสั้นๆส่งจากไอโฟน
สวัสดี ผมชื่อ เฟร็ด เป็นผู้อำนวยการของแพดดิงตัน
เราสนใจในตัวรีวัลโด้ คุณคิดว่า มาราคาน่าสนใจจะขายเขาซัมเมอร์นี้ไหม? แล้วรีวัลโด้ สนใจจะย้ายทีมไหม?
Sent from my iPhone
-----------
แน่นอนครับ รีวัลโด้สนใจจะย้ายทีม ถ้าคุณสามารถการันตีตำแหน่งตัวจริงได้ และคุณเสนอราคาที่เหมาะสมให้มาราคาน่า คุณสามารถโทรหาผมได้ที่ xxx-xxxx
Mereno : Agent
-----------
ผมคุยกับผู้บริหารคนอื่นๆแล้ว เราคิดว่าเราจะเดินหน้าคว้าตัวรีวัลโด้ คุณจะช่วยเป็นตัวกลางติดต่อสโมสรได้ไหม เรายินดีจ้างคุณเป็นที่ปรึกษาของดีลนี้
เฟร็ด
เราจะเห็นได้ชัดว่าการติดต่อนั้นนายหน้ามีบทบาทสำคัญมาก ในกรณีนี้ นายหน้าทำหน้าที่เป็นตัวกลางและรับค่าจ้างสองทาง(ค่าที่ปรึกษาจากสโมสรที่ซื้อ และ ค่าที่ปรึกษาของนักเตะ) FA อังกฤษกำหนดคุณสมบัติว่าผู้เป็นตัวกลางเช่นนี้ได้ต้อง
1. มีสัญญาอยู่กับนักเตะ 2. เป็นที่รับรู้ของทั้งสโมสรและนักเตะว่าทำหน้าที่เป็นตัวกลาง รวมถึงค่าธรรมเนียมทั้งหมดที่ชาร์จด้วย 3. สโมสรยอมรับโดยการออกหนังสือรับรองเป็นลายลักษณ์อักษร และ แจ้งต่อ FA
หลังจากนั้นก็จะมีการต่อรองมูลค่าของนักเตะกันอย่างคร่าวๆ ก่อนจะลงรายละเอียดการจ่ายเงินที่เรียกว่า instalment schedule ซึ่งจะระบุว่า จะจ่ายเงินกันกี่งวด งวดละเท่าไหร่ มี add-on อะไรไหม(เช่นติดทีมชาติ จ่ายเพิ่ม ขายได้กำไรจ่ายเพิ่ม) เมื่อการต่อรองเสร็จสิ้นแล้วทั้งสองฝ่ายพอใจ ก็จะจ้างนักกฏหมาย เข้ามาร่างสัญญาจะซื้อจะขาย ดู สัญญาตัวอย่างได้ที่
http://www.reevaldo.com/story/what-does-football-transfer-agreement-look-like
โดยทั่วไปสัญญาจะซื้อจะขายจะระบุ
1. instalment schedule ทั้งหมด
2. เงื่อนไขการบรรลุสัญญา (การย้ายตัวสำเร็จ) โดยทั่วไปหมายถึง
- FA ได้รับใบรับรองการขอย้ายตัว(ITC) จาก FA ของประเทศต้นทาง(ใช้ยื่นกับฟีฟ่า)
- การย้ายตัวได้รับการรับรองจากฟีฟ่าผ่านระบบ TMS (ระบบออนไลน์สำหรับลงทะเบียนการซื้อตัวของนักเตะ)
- นักเตะได้ Work permit
- นักเตะลงทะเบียนสำเร็จ
- ผ่านการตรวจร่างกาย
3. การรักษาความลับ โดยทั่วไป สัญญาไม่อนุญาตให้คู่กรณีนำรายละเอียดในสัญญาไปพูดข้างนอก
4. วันหมดอายุสัญญา ถ้าเงื่อนไขในข้อสองไม่บรรลุในเวลาที่กำหนด สโมสรต้นทางสามารถเอานักเตะไปขายให้คนอื่นได้
ถึงจุดๆนี้ ก็จะถือว่าสโมสรต้นสังกัดเปิดทางแล้ว ก็จะเข้าสู่การเจรจาต่อรองค่าเหนื่อย ซึ่งก็คุยกับเอเยนต์อีกนั่นแหละ โดยนักเตะก็ไปคุยกับเอเยนต์นอกรอบเอา ว่าจะเอาค่าเหนื่อยเท่าไหร่
คุยอะไรกันบ้าง
1. ค่าแรงพื้นฐาน
2. ค่าเซนต์สัญญา - ค่าเซนต์สัญญาถูกควบคุมโดยกฏของ FA ว่าจะต้องแบ่งจ่ายเป็นงวดๆ ตลอดอายุสัญญา ถ้าค่าเซนต์ 1 ล้าน สัญญา 5 ปี ก็จะจ่ายปีละ 2 แสน
ในกรณีนักเตะมีการย้ายทีมก่อนหมดสัญญา สโมสรจะต้องจ่ายเซนต์สัญญาที่เหลือให้นักเตะในทันที เช่น ถ้ารีวัลโด้ย้ายในปีที่สาม(รับไปแล้วหกแสน) สโมสรก็จะต้องจ่ายค่าเซนต์สัญญาอีกสี่แสนให้นักเตะไปด้วย
"เว้นแต่" นักเตะยื่น transfer request สโมสรจะไม่ต้องจ่ายส่วนที่ค้างกับนักเตะไว้
3. โบนัสอื่นๆ เช่นยิงประตูได้ คลีนชีท หรือ แอสซิส
4. รายได้อื่นๆ ค่าภาพลักษณ์ ค่าบ้าน ค่าเครื่องบินไปกลับ ฯลฯ แล้วแต่จะตกลงกัน
5. ค่าเอเยนต์(ฮ่า!) จริงๆก็คุยนอกรอบไปแล้ว แต่ก็จะมาโผล่ในสัญญาตรงนี้
เมื่อนักเตะเซนต์สัญญาแล้ว ขั้นต่อไปก็คือการขอ work permit
สโมสรเอารายละเอียดในสัญญานักเตะ ไปยื่นกับ FA เพื่อขอ "ใบรับรอง GBE" (Governing Body Endosement) FA ก็จะตรวจคุณสมบัติตรงนี้ ติดทีมชาติกี่แมตต์ ประเทศไหน ฯลฯ ก่อนจะออกใบ GBE ให้
สโมสรเอา GBE ไปยื่นให้หน่วยงาน Home Office เพื่อขอวีซ่า Work permit
ถ้าจำกันได้ ซาล่า ลงเตะไม่ได้ เพราะเวิร์คเพอมิต ไม่พร้อม ก็ตรงนี้ล่ะครับ จะเห็นว่าตอนมาเซนต์สัญญา ซาล่ายังไม่ได้เวิร์คเพอร์มิต เพราะสโมสรต้องเอาสัญญาตัวนี้ไปขออีกที
อังกฤษออกวีซ่านักเตะแบบ Tier 2 และ Tier 5 ในกรณีของ EPL ก็คงเป็น Tier 2 หมด ซึ่งจะให้อายุ 3 ปี หรือ นักเตะหมดสัญญา แล้วแต่อะไรจะสั้นกว่า
เอาล่ะ เงื่อนไขการย้ายตัวครบ ขั้นสุดท้ายของกระบวนการก็คือ การยื่นเรื่องให้ฟีฟ่ารับรองผ่านระบบ TMS ซึ่งกระบวนการคือสโมสรต้นทางและปลายทางยื่นเอกสารเกี่ยวกับการย้ายตัวทั้งหมดรวมถึงใบรับรองการย้าย(ITC) เข้าสู่ระบบออนไลน์ แบบต่างคนต่างยื่น
ถ้าข้อมูลตรงกัน ฟีฟ่า ก็จะรับรองว่าการย้ายตัวนี้ถูกต้อง แต่ถ้าสโมสรทั้งสองฝ่ายกรอกข้อมูลไม่ตรงกัน ฟีฟ่าก็จะปฏิเสธการย้ายตัวนั้น
ข้อมูลในที่นี้รวมถึง สัญญาซื้อขาย สัญญานายหน้า ข้อมูลนักเตะ และค่าเหนื่อยด้วย
จะเห็นว่าย่อสุดๆแล้วยังยาวเลยครับ = =a
แล้วมหากาพย์ของลิเวอร์พูลตอนนี้อยู่ตรงไหน?
ก็ตรงเอเยนต์ยังตามตื๊อต้นสังกัด แทนลิเวอร์พูลอยู่ พร้อมออกข่าวเชียร์สโมสรเป็นระยะๆว่าเค้าใจอ่อนใกล้ขายแล้ว เปย์มาอีกๆ เปย์อีกรอบเค้าขายแน่(รึเปล่าก็ไม่รู้)
ดังนั้นก็..สโมสรยังไม่ละความพยายาม เอเยนต์ยังตื๊ออยู่ แต่จะครองโลกได้รึเปล่าก็คงต้องแล้วแต่ชะตาฟ้าลิขิตละครับ
ไปตามต้นฉบับแบบละเอียดๆ เต็มๆได้ที่
http://www.reevaldo.com/story
[วิทยานิพนธ์]มหากาพย์ซื้อๆขายๆ
แน่นอนว่าเนื้อหามันเยอะมาก ดังนั้นใครที่สนใจก็สามารถติดตามได้จากต้นฉบับท้ายบทความ
นสพ สมมุติสปอร์ต : แพดดิงตันคว้ารีวัลโด้ จากมาราคาน่า บราซิล รีวัลโด้วัย 18 ย้ายมาด้วยค่าตัวสถิติสโมสร 8.5 ล้าน และเมื่อรวมออฟชั่นแล้วอาจสูงได้ถึง 13 ล้านปอนด์ รีวัลโด้จะรับค่าเหนื่อยสัปดาห์ละ 4 หมื่นปอนด์
ตามกฏการซื้อขายของฟีฟ่า ทีมที่จะซื้อ ต้องได้รับอนุญาตจากทีมต้นสังกัดก่อนที่จะติดต่อกับนักเตะ แต่ว่าในทางปฏิบัติ เรื่องไม่ได้เป็นแบบนั้น
โดยทั่วไป ทีมซื้อจะติดต่อผ่านตัวกลาง ในกรณีนี้ ตัวแทนของแพดดิงตัน ติดต่อเอเยนต์ของนักเตะก่อน รูปแบบอาจจะง่ายๆและ ไม่เป็นทางการ เช่นข้อความสั้นๆส่งจากไอโฟน
สวัสดี ผมชื่อ เฟร็ด เป็นผู้อำนวยการของแพดดิงตัน
เราสนใจในตัวรีวัลโด้ คุณคิดว่า มาราคาน่าสนใจจะขายเขาซัมเมอร์นี้ไหม? แล้วรีวัลโด้ สนใจจะย้ายทีมไหม?
Sent from my iPhone
-----------
แน่นอนครับ รีวัลโด้สนใจจะย้ายทีม ถ้าคุณสามารถการันตีตำแหน่งตัวจริงได้ และคุณเสนอราคาที่เหมาะสมให้มาราคาน่า คุณสามารถโทรหาผมได้ที่ xxx-xxxx
Mereno : Agent
-----------
ผมคุยกับผู้บริหารคนอื่นๆแล้ว เราคิดว่าเราจะเดินหน้าคว้าตัวรีวัลโด้ คุณจะช่วยเป็นตัวกลางติดต่อสโมสรได้ไหม เรายินดีจ้างคุณเป็นที่ปรึกษาของดีลนี้
เฟร็ด
เราจะเห็นได้ชัดว่าการติดต่อนั้นนายหน้ามีบทบาทสำคัญมาก ในกรณีนี้ นายหน้าทำหน้าที่เป็นตัวกลางและรับค่าจ้างสองทาง(ค่าที่ปรึกษาจากสโมสรที่ซื้อ และ ค่าที่ปรึกษาของนักเตะ) FA อังกฤษกำหนดคุณสมบัติว่าผู้เป็นตัวกลางเช่นนี้ได้ต้อง
1. มีสัญญาอยู่กับนักเตะ 2. เป็นที่รับรู้ของทั้งสโมสรและนักเตะว่าทำหน้าที่เป็นตัวกลาง รวมถึงค่าธรรมเนียมทั้งหมดที่ชาร์จด้วย 3. สโมสรยอมรับโดยการออกหนังสือรับรองเป็นลายลักษณ์อักษร และ แจ้งต่อ FA
หลังจากนั้นก็จะมีการต่อรองมูลค่าของนักเตะกันอย่างคร่าวๆ ก่อนจะลงรายละเอียดการจ่ายเงินที่เรียกว่า instalment schedule ซึ่งจะระบุว่า จะจ่ายเงินกันกี่งวด งวดละเท่าไหร่ มี add-on อะไรไหม(เช่นติดทีมชาติ จ่ายเพิ่ม ขายได้กำไรจ่ายเพิ่ม) เมื่อการต่อรองเสร็จสิ้นแล้วทั้งสองฝ่ายพอใจ ก็จะจ้างนักกฏหมาย เข้ามาร่างสัญญาจะซื้อจะขาย ดู สัญญาตัวอย่างได้ที่ http://www.reevaldo.com/story/what-does-football-transfer-agreement-look-like
โดยทั่วไปสัญญาจะซื้อจะขายจะระบุ
1. instalment schedule ทั้งหมด
2. เงื่อนไขการบรรลุสัญญา (การย้ายตัวสำเร็จ) โดยทั่วไปหมายถึง
- FA ได้รับใบรับรองการขอย้ายตัว(ITC) จาก FA ของประเทศต้นทาง(ใช้ยื่นกับฟีฟ่า)
- การย้ายตัวได้รับการรับรองจากฟีฟ่าผ่านระบบ TMS (ระบบออนไลน์สำหรับลงทะเบียนการซื้อตัวของนักเตะ)
- นักเตะได้ Work permit
- นักเตะลงทะเบียนสำเร็จ
- ผ่านการตรวจร่างกาย
3. การรักษาความลับ โดยทั่วไป สัญญาไม่อนุญาตให้คู่กรณีนำรายละเอียดในสัญญาไปพูดข้างนอก
4. วันหมดอายุสัญญา ถ้าเงื่อนไขในข้อสองไม่บรรลุในเวลาที่กำหนด สโมสรต้นทางสามารถเอานักเตะไปขายให้คนอื่นได้
ถึงจุดๆนี้ ก็จะถือว่าสโมสรต้นสังกัดเปิดทางแล้ว ก็จะเข้าสู่การเจรจาต่อรองค่าเหนื่อย ซึ่งก็คุยกับเอเยนต์อีกนั่นแหละ โดยนักเตะก็ไปคุยกับเอเยนต์นอกรอบเอา ว่าจะเอาค่าเหนื่อยเท่าไหร่
คุยอะไรกันบ้าง
1. ค่าแรงพื้นฐาน
2. ค่าเซนต์สัญญา - ค่าเซนต์สัญญาถูกควบคุมโดยกฏของ FA ว่าจะต้องแบ่งจ่ายเป็นงวดๆ ตลอดอายุสัญญา ถ้าค่าเซนต์ 1 ล้าน สัญญา 5 ปี ก็จะจ่ายปีละ 2 แสน
ในกรณีนักเตะมีการย้ายทีมก่อนหมดสัญญา สโมสรจะต้องจ่ายเซนต์สัญญาที่เหลือให้นักเตะในทันที เช่น ถ้ารีวัลโด้ย้ายในปีที่สาม(รับไปแล้วหกแสน) สโมสรก็จะต้องจ่ายค่าเซนต์สัญญาอีกสี่แสนให้นักเตะไปด้วย
"เว้นแต่" นักเตะยื่น transfer request สโมสรจะไม่ต้องจ่ายส่วนที่ค้างกับนักเตะไว้
3. โบนัสอื่นๆ เช่นยิงประตูได้ คลีนชีท หรือ แอสซิส
4. รายได้อื่นๆ ค่าภาพลักษณ์ ค่าบ้าน ค่าเครื่องบินไปกลับ ฯลฯ แล้วแต่จะตกลงกัน
5. ค่าเอเยนต์(ฮ่า!) จริงๆก็คุยนอกรอบไปแล้ว แต่ก็จะมาโผล่ในสัญญาตรงนี้
เมื่อนักเตะเซนต์สัญญาแล้ว ขั้นต่อไปก็คือการขอ work permit
สโมสรเอารายละเอียดในสัญญานักเตะ ไปยื่นกับ FA เพื่อขอ "ใบรับรอง GBE" (Governing Body Endosement) FA ก็จะตรวจคุณสมบัติตรงนี้ ติดทีมชาติกี่แมตต์ ประเทศไหน ฯลฯ ก่อนจะออกใบ GBE ให้
สโมสรเอา GBE ไปยื่นให้หน่วยงาน Home Office เพื่อขอวีซ่า Work permit
ถ้าจำกันได้ ซาล่า ลงเตะไม่ได้ เพราะเวิร์คเพอมิต ไม่พร้อม ก็ตรงนี้ล่ะครับ จะเห็นว่าตอนมาเซนต์สัญญา ซาล่ายังไม่ได้เวิร์คเพอร์มิต เพราะสโมสรต้องเอาสัญญาตัวนี้ไปขออีกที
อังกฤษออกวีซ่านักเตะแบบ Tier 2 และ Tier 5 ในกรณีของ EPL ก็คงเป็น Tier 2 หมด ซึ่งจะให้อายุ 3 ปี หรือ นักเตะหมดสัญญา แล้วแต่อะไรจะสั้นกว่า
เอาล่ะ เงื่อนไขการย้ายตัวครบ ขั้นสุดท้ายของกระบวนการก็คือ การยื่นเรื่องให้ฟีฟ่ารับรองผ่านระบบ TMS ซึ่งกระบวนการคือสโมสรต้นทางและปลายทางยื่นเอกสารเกี่ยวกับการย้ายตัวทั้งหมดรวมถึงใบรับรองการย้าย(ITC) เข้าสู่ระบบออนไลน์ แบบต่างคนต่างยื่น
ถ้าข้อมูลตรงกัน ฟีฟ่า ก็จะรับรองว่าการย้ายตัวนี้ถูกต้อง แต่ถ้าสโมสรทั้งสองฝ่ายกรอกข้อมูลไม่ตรงกัน ฟีฟ่าก็จะปฏิเสธการย้ายตัวนั้น
ข้อมูลในที่นี้รวมถึง สัญญาซื้อขาย สัญญานายหน้า ข้อมูลนักเตะ และค่าเหนื่อยด้วย
จะเห็นว่าย่อสุดๆแล้วยังยาวเลยครับ = =a
แล้วมหากาพย์ของลิเวอร์พูลตอนนี้อยู่ตรงไหน?
ก็ตรงเอเยนต์ยังตามตื๊อต้นสังกัด แทนลิเวอร์พูลอยู่ พร้อมออกข่าวเชียร์สโมสรเป็นระยะๆว่าเค้าใจอ่อนใกล้ขายแล้ว เปย์มาอีกๆ เปย์อีกรอบเค้าขายแน่(รึเปล่าก็ไม่รู้)
ดังนั้นก็..สโมสรยังไม่ละความพยายาม เอเยนต์ยังตื๊ออยู่ แต่จะครองโลกได้รึเปล่าก็คงต้องแล้วแต่ชะตาฟ้าลิขิตละครับ
ไปตามต้นฉบับแบบละเอียดๆ เต็มๆได้ที่ http://www.reevaldo.com/story