[CR] โตเกียวหน้าร้อน กิน เที่ยว ช้อป*

สวัสดีค่ะ ช่วงวันที่ 9-15 กค 2560 ที่ผ่านมา จขกท ได้เดินทางไปโตเกียวมาค่ะ เป็นการจองตั๋วข้ามปี
ซึ่งตอนจองตั๋วนั้นก็ไม่มีความรู้ ไม่มีข้อมูลมาก่อนเลยค่ะว่าเป็นหน้าร้อน เห็นมีโปรถูกออกมาเลยไล่หาราคาตามวันหยุด
มาถูกตรงช่วงนี้พอดีก็กดจองทันที แล้วถึงหาข้อมูล ไปซื้อหนังสือมาอ่านทีหลัง ถึงได้รู้ว่าตั๋วถูกเพราะแบบนี้นี่เอง

จขกทจองตั๋วของแอร์เอเชียค่ะ DMK-NRT ไปกลับ 2คน ขาไปซื้อน้ำหนัก 20 กก. ขากลับ 40 กก. แค่นี้ค่ะ ไม่เลือกที่นั่งไม่เอาอาหาร (ฮือออ ซึ่งคิดผิดมาก) ก็ได้ราคามาตามนี้ค่ะ (ซึ่งก่อนบินกลับได้จองอาหารเพิ่ม 2 คนค่ะ จะถูกกว่าไปซื้อบนเครื่อง)

จากนั้นก็หาหนังสือโตเกียวมาวางแพลน จัดทริป ตอนแรกจะไปดูลาเวนเดอร์ที่ Lake kawaguchi แต่เห็นรูปจากคนไปก่อนหน้าจขกทไม่กี่วัน
ไม่สวยเลยค่ะเลยตัดสินใจไม่ไป  ทริปนี้เลยเป็นทริปเที่ยวในเมืองตามย่านต่างๆ เน้นกิน ช้อปและดิสนี่ย์ซี 1 วัน
(ที่เลือกไม่ไปแลนด์เพราะไปที่ฮ่องกงมาแล้วบวกกับเวลาน้อยค่ะ)  แพลนก็จะออกมาประมาณนี้  

เลือกไปดิสนี่วันที่สองเพราะดูพยากรณ์อากาศและพยากรณ์จำนวนคน คนน้อยสุดและฝนไม่ตกค่ะ ตอนดูพยากรณ์อากาศเหมือนจะเจอฝนวันท้ายๆ แต่พอไปจริงๆแดดร้อนทุกวันค่ะ แต่ร้อนที่ญี่ปุ่นคือร้อนแบบมีลมพัดตลอด จะไม่ร้อนแบบบ้านเรานะคะ

จอง apa hotel Okachimachieki-Kita s ueno  ใกล้ตึกม่วงและ Keiseiค่ะ เพราะเดินทางเข้าเมืองด้วย Keisei
คืนก่อนกลับย้ายไปนอน apa Hotel Narita-Ekimae (KS40 narita station) อยู่ก่อนถึงสนามบิน 1 สถานี ซึ่งตอนเช้าโรงแรมมีรถไปส่งสนามบินฟรี รอบแรก เวลา5.25น.ค่ะ
ประทับใจสาขา Uenoมาก เพราะเค้าอัพเกรดห้องให้เราตอนไปถึงค่ะ จองห้อง 12 ตร.ม.ไป เค้าอัพให้เป็น 18 ตร.ม.ค่ะ โรงแรมนี้ถ้าไม่เอาข้าวของเครื่องใช้ แปรงฟัน สบู่ แชมพูไป คืออยู่ได้สบายเลยค่ะ มีครบทุกอย่าง เติมของให้ทุกวันที่4ของการพัก วันที่มีการเติมของจะไม่ให้น้ำเปล่านะคะ
ส่วนห้อง12 ตร.ม.(ไม่ได้ถ่ายรุปมานะคะ)ได้นอนคืนก่อนกลับรู้สึกว่าห้องก็แคบๆสไตล์ญี่ปุ่นค่ะ ถ้าใครกระเป๋าหลายใบอาจจะคับแคบหน่อยค่ะ

จะมีบางอย่างที่สามารถซื้อจากไทยได้ เราก็จะซื้อเตรียมไปเลยค่ะ คือ

1.ตั๋ว Keisei oneway+subway 72hr.(ขากลับเราลง KS40จึงต้องไปซื้อที่ญี่ปุ่นค่ะ เป็น keisei Access 1030เยน + ซื้อตั๋วsubway 48ชม1200เยน.เพิ่ม)

2.ตั๋ว Disney sea ถ้าซื้อจากไทยไปยังไม่ต้องเลือกค่ะว่าจะเข้า sea/land ไปเลือกตอนเข้าได้ ไม่กำหนดวันด้วยค่ะ 2360บาท แต่ตั๋วจะเป็น A4นะคะ ไม่ต้องไปแลกเป็นตั๋วจริงเลย แต่ถ้าใครอยากได้ตั๋วจริงแนะนำถ้าไม่อยากต่อคิวยาวให้ไปซื้อที่ shopที่Shibuya สำหรับคนที่ไม่ได้วางแพลนจะไปตั้งแต่วันแรกที่ถึงเลยนะคะ

3.pocket wifi เช่าจากไทยไป 7วัน 700บาท ค่าประกัน500บาท ค่าส่งและรับคืน100บาท

เราวางแผนโดยการปริ้นแผนที่ Subway แล้วเขียนสถานที่เที่ยวคร่าวๆไว้ตามสถานีไว้ค่ะ จากนั้นก็จัดแพลนโดยการเที่ยวเป็นโซนๆให้ได้ตามวันที่มี แล้วก็ทำปักหมุดใน google mapไว้ค่ะ แบ่งสีหมุดตามวัน หมุดร้านอาหาร ที่เที่ยว ร้านรองเท้า เวลาเดินเที่ยวก็ไม่ต้องพกหนังสือหนักๆค่ะ เปิดgoogle map เดินตามเลยค่ะ

เมื่อทุกอย่างพร้อมเราก็ออกเดินทางกันเลยค้า.........

ไปถึงสนามบินก็ไปเชคอินโหลดกระเป๋า เรียบร้อยแล้วก็ไปหาอาหารทานที่ Food court ค่ะ ซึ่งจะเจอคนจีนเยอะมากกก เวลานั่งเครื่อง5-6 ชั่วโมง ซึ่งตอนแรกคิดว่าทานข้าวมาแล้วไม่น่าหิว แต่พอถึงเวลาเสิร์ฟอาหารหิวขึ้นมาทันทีแต่ไม่ได้ซื้อไว้ เลยรีบนอนเลยค่ะ กัปตันขับดีมากเป็นผู้หญิงคนเดียวกันทั้งขาไป-กลับ ผ่านตม. รับกระเป๋าก็รีบหาเคาน์เตอร์ Keiseiเลยค่ะ เพราะดึกแล้วอยากรีบเข้าที่พัก ถ้าซื้อตั๋วมาจากไทยต้องแลกที่ Skyliner&Keisei information center เท่านั้นนะคะ อยู่ชั้นล่างค่ะ และซื้อตั๋ว subway 48 hr ที่สนามบินเลยนะคะ

มื้อแรกเริ่มที่ราเม็งข้อสอบที่ ueno เลยค่ะ ไปถึงมีคิวก่อนหน้าแค่ไม่กี่คิว ตอนรอคิวเค้าก็จะเอากระดาษให้เราทำข้อสอบค่ะ จากนั้นก็หยอดเหรียญและเลือกเมนูที่ตู้จะแอดออนอะไรก็เลือกได้เลยค่ะ หรือถ้ายังไม่พอที่โต๊ะมีให้สั่งเพิ่มได้อีก (สำหรับเราการเลือกความเผ็ดแบบ medium เหมือนไม่มีรสเผ็ดเลยค่ะ แต่เป็นการทานครั้งแรก รสชาติที่เลือกก็ไม่กล้าเลือกเผ็ดมาก)

วันที่2 Shinjuku-shibuya (ในแพลนคือมี Ikebukuro ด้วยค่ะ แต่ไปไม่ทันติดอยู่ Shinjuku นานมากกกก)
เป็นการเที่ยวที่ตั้งใจจะไปเดินห้างแต่ไม่ดูเวลาห้างเปิดเลยค่ะ แล้วลืมนึกด้วยว่าเป็นวันธรรมดาห้างจะเปิดสายกว่า เลยต้องหาร้านกาแฟนั่งรอเวลา ซึ่งสตาบัคเป็นร้านที่มองเห็นชัดเชนเพราะอยู่ตรง 5 แยก shibuya เลย แต่ๆๆๆๆ หาที่นั่งยากมากค่ะ คนเยอะมาก

Chocolate cake topped frappuchino with matcha shot

11.00โมงก็เริ่มเดิน shibuya ค่ะ ร้านเยอะมาก มีแต่ของน่ารักๆ


Shop disney ค่ะ

จากนั้นก็ไป Shinjuku ต่อค่ะ แวะช้อปใน sanrio giftgate ซื้อครบ 5000เยน Tax-free แล้วยังมีแต้มเพื่อแลกของอีกนะคะ

ติดอยู่ใน Don Quijote เกือบ 4ชั่วโมง เดินออกร้านมาอีกทีจะมืดแล้วค่ะ(นี่เป็นสาเหตุทำให้ไป Ikebukuroไม่ทันค่ะ)    ของเยอะแยะเต็มไปหมด มีหลายชั้นมากๆซึ่งก็จะแบ่งตามหมวดหมู่ของที่ขายนะคะ

เสร็จแล้วก็เดินๆหาอะไรทานค่ะ เดินผ่านซอยที่มีร้านอาหารติดกันเต็ม ควันลอยออกมาเลยเดินเลือกร้านแล้วก็เข้าไปเลยค่ะ จะบอกชื่อร้านก็อ่านภาษาญี่ปุ่นไม่ออก หน้าตาอาหารที่ทานค่ะ

วันที่3 Disney sea ค่ะ
นั่งใต้ดินเพราะมีตั๋วอยู่แล้ว จาก Ueno ไปลง Hatchobori station แล้วซื้อตั๋ว JR Keiyo line ไปลง maihama station(220เยน/เที่ยวค่ะ) แล้วก็ต้องซื้อตั๋วรถไฟในDisney เพื่อไปลงหน้า Disney seaอีกทีนะคะ (260เยน/เที่ยวค่ะ)

ตื่นสายค่ะวันนี้กว่าจะถึงดิสนี่ย์ก็10โมงกว่าแล้วค่ะ หลงทางหาเครื่องเล่นไม่เจออีก ไปถึง Toy story mania ก็ปิดคิวกด fast passแล้วค่ะ เลยต้องไปต่อคิวเล่น สนุกค่ะแข่งกันยิงเพื่อเก็บแต้ม
Tower of Terror คือที่สุด คือกลัว คือเสียวมาก ตอนลิฟต์ตกเหมือนจะลอยจากเก้าอี้
Indiana Jones Adventure สนุกดีค่ะ มีเอฟเฟคสมจริงมาก (เป็นอันเดียวที่กด Fast pass ได้)เพราะกดเสร็จ เราก็ไปกด raging spirit กะ Mermaid Lagoon Theater ต่อ ได้บัตรมาคิดว่าเป็น fastpass ไม่ได้อ่านอะไรเล้ยยย ปรากฏว่าในบัตรเขียนว่าให้มากดใหม่ในเวลานี้เพราะเพิ่งกดไป กว่าจะรู้ตัว fastpassก็ปิดไม่ให้กดหมดแล้วค่ะ
Raging Spirits ถ้าผ่าน tower of terror มาแล้วอันนี้ธรรมดาไปเลยค่ะ รถไฟเหาะในโซน mermaid เราว่ายังหวาดเสียวกว่าอีกค่ะ
ตอนไปJourney to the Center of the Earth ปิดปรับปรุง ฮืออออเสียดายมาก
ขากลับนั่ง DisneySea Electric Railway ชมวิวค่ะ

ปล.1 Spicy smoke chicken leg อร่อยมากอย่าลืมซื้อทานนะค่ะ
ปล.2 สำหรับเราเราว่าที่ฮ่องกงคนแต่งตัวและพร๊อพเยอะกว่าที่ญี่ปุ่นค่ะ ที่นี่คนส่วนมากคุมโทนขาว-ดำ และของในช็อปคล้ายๆกัน ที่ฮ่องกงแต่ละช็อปยังมีความต่างในเรื่องของของที่ขายนะคะ

วันที่ 4 harajuku/omete-sando (ในแพลนมี akabanebashiและ Roppongi แต่ไปไม่ทันเพราะติดอยู่ในshop gap และเดินเลือกรองเท้านานมาก)

มื้อเย็นที่ Ueno ค่ะ

วันที่5 Tsukiji/Ginza/Tokyo

หามื้อเช้าทานที่ตลาดปลาค่ะ

จากนั้นไปเดิน Ginzaต่อ ร้าน GU เป็นอะไรที่ฟินมากค่ะ เป็นแบรนต์น้องของ Uniqloนะคะ แต่ราคาแบบถูกมาก และเนื้อผ้าก็ดีเลยทีเดียว จขกทหลงอยู่ในนั้นสองชั่วโมงกว่าค่ะ

เสร็จแล้วก็แบกถุงเสื้อผ้าไปเที่ยวต่อแล้วกับไปทานบุฟเฟ่ต์มื้อเย็นที่ uenoค่ะ

วันที่6 Asakusa/ตึกม่วง
ใกล้กลับแล้วค่ะเพื่อนๆ เช็คเอ้าท์ฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรม วันนี้เราจะไปวัดอาซากุสะกัน เราก็ไปเช้าอีกตามเคยไปถึงร้านอะไรยังไม่เปิดจึงเดินเล่นรอในวัด พอเห็นร้านเริ่มเปิดก็เลยออกมาหาอะไรทานตามรีวิวค่ะ จะบอกว่าไอศรีม Cremia เป็นอะไรที่อร่อยมากกกกและละลายเร็วมากไม่รู้ว่าเป็นเพราะอากาศที่ร้อนด้วยหรือเปล่า แต่รีวิวอื่นๆก็บอกว่าละลายเร็วเช่นกัน
จากนั้นก็ไปเดินเซเว่นรอค่ะ 11โมงกว่าเดินไปรอคิวร้านข้าวหน้าปลาไหล Ugani Irokawa ร้านเปิด11.30 เราไป11.15 ก็มีคิวก่อนหน้ายืนรอแล้วค่ะ
พอร้านเปิดก็ยังไม่ได้ทานเพราะคิวที่เยอะ แต่จะมีที่ให้นั่งรอด้านหลังร้านนะคะ มีแอร์ค่ะ เป็นข้าวหน้าปลาไหลที่อร่อยมาก 3000และ4000เยน(เพิ่มปลาไหล)ค่ะ

จากนั้นกลับมา ueno เดินผ่านร้านของเล่น

ช้อปก่อนกลับที่ตึกม่วงค่ะ ตึกม่วงอยู่ใกล้ที่พักมาก แต่เราไม่เคยมาเดินเลย แอบเสียดาย แต่ยังมีเวลาค่ะ ตึกม่วงจะไม่เหมือนดองกี้นะคะ ที่เดินตะกร้าเพื่อเลือกของได้ทุกชั้น เช่นถ้าเราจะซื้อขนมชั้น1 จะไม่สามารถเดินหิ้วตะกร้าไปชั้น2 เพื่อจ่ายเงินครั้งเดียวนะคะ ต้องจ่ายก่อนถึงจะเดินขึ้นไปได้ค่ะ แล้วต้องซื้อ5400เยน ถึงจะ tax-free โชว์พาสปอร์ตลดเพิ่ม ซึ่งแบบนี้ก็ต้องรวมกับเพื่อนนะคะ
จะซื้อของเราแนะนำว่าให้วางแผนดีๆค่ะ ซื้อร้านใดร้านหนึ่งเพื่อให้ได้ tax freeไปเลย สำหรับใครที่ไม่ได้จะซื้อเยอะ
บางร้านอันนี้ถูกกว่า อีกอันแพงกว่าต้องเลือกๆเดินๆดูค่ะ อย่างมาร์คเต้าหู้เราเจอที่อื่น 2000เยน แต่ที่ตึกม่วง1600เยน น้ำตาเทียมที่ดองกี้แพงกว่าร้านอื่นสองเท่าก็มี ถ้ามีเวลาลองเทียบราคาดูค่ะ
ชื่อสินค้า:   Ichiran ramen,GAP,GU
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่