แคว้นโบราณ ด่านเจดีย์ นทีสามประสบ
มรดกทุ่งใหญ่ ไทยกะเหรี่ยงรามัญ สารพันธรรมชาติ
อภิวาทหลวงพ่ออุตตมะ เมืองสังขละชายแดน สุดแคว้นตะวันตก
สวัสดีผู้ที่หลงกดเข้ามาอ่านกระทู้นี้ของ จขทก ทุกคนนะ
ก่อนอื่นเลยที่เขียนว่า 'สังคละ' แบบนี้ คือความตั้งใจของเราเองแหละ ใครรู้ว่าทำไมก็ไม่ต้องบอกก่อนนะ
ส่วนใครยังไม่รู้ก็รออ่านได้เลยว่าทำไม 5555555
ทริปนี้เกิดขึ้นแบบที่เราไม่คิดว่าจะได้ไป ก็หนึ่งด้วยความที่เราพึ่งไปเที่ยวนครนายกมา
สองเราพึ่งย้ายมาอยู่กรุงเทพได้ไม่ถึงอาทิตย์ และสาม อีกไม่กี่วันเราต้องไปทำธุระที่ ม.
แต่เพราะเจ้ใหญ่(พี่สาวอันมีสถานะเป็นลูกพี่ลูกน้องของเรา) ชวนไปเที่ยวกาญจนบุรี
เพราะแฟนเจ้ใหญ่ได้หยุดงาน(หลังหยุดยาววันเข้าพรรษา) ใจเราอะอยากไปอยู่แล้ว ก็เลยเขียนแผนกันนะตอนนั้นเลย(ก่อนไปหนึ่งวัน)
ซึ่งแผนของเราคือ ออกจากรุงเทพตอนเช้าไปแวะค่ายสุรสีห์ ต่อด้วยเขื่อน และเล่นน้ำที่น้ำตกเอราวัณ
จากนั้นมุ่งตรงสังขละ นอนที่นั้นหนึ่งคือ วันต่อมาเที่ยวสังขละ แล้วก็กลับมาสะพานข้ามแม่น้ำแคว จบทริปด้วยวัดถ้ำเสือ
แล้วกลับเมืองกรุง เตรียมตัวเข้า ม. ในวันต่อไป
แต่แผนจะเป็นไปตามที่เขียนมาไว้ไหมนั้นอีกเรื่อง เพราะพวกเราทั้งสี่คนในผู้ร่วมทริปเนี้ย
ทุกคนไม่เคยไปเขื่อน หรือสังขละเลย อย่างมากก็มีเรากับพี่สาว(พี่แท้ๆ)ของเราเคยไปสะพานข้ามแม่น้ำแคว ก็แค่นั้น
ถ้าอยากรู้ว่าทริปมั่วๆ ที่ไปพร้อมกับฝนเป็นยังไง ก็ตามอ่านกันต๊วยเด้อเจ้าาา
.
.
.
ในทริปนี้ไปกันสี่คน อันได้แก่ เรา พี่สาว เจ้ใหญ่ และแฟนเจ้ใหญ่ บวกๆกับน้องดำ รถเก๋งที่พาเราไปทุกที่ โดยมีแฟนเจ้ใหญ่เป็นพลขับ
พวกเราพากันออกจากกรุงเทพตอนประมาณ 5:30 โดยใช้จีพีเอสจับที่ค่ายสุรสีห์(ซึ่งถ้าจะไปเขื่อน ค่ายสุรสีห์ก็เป็นทางผ่านอะ)
แต่เพราะเราไปถึงเช้าเวอร์ๆ 7:30 แต่ค่ายเปิด 9:00 ว้อททท พี่ไม่รอแล้วครับบบ
กินข้าวเสร็จก็เดินทางต่อไปเขื่อนโลดดดด(บอกเลยว่าคิดถูกมากที่ไม่แวะค่าย ทำไมอะหรออ รออ่านสิ)
ตัวเขื่อนห่างจากที่เราแวะกินข้าวประมาณ 55 km ซึ่งบอกตรงๆ ขับๆไป
เหมือนกับว่าถนนเส้นนั้นเป็นเส้นไปเขื่อนโดยเฉพาะอะ สวยมากกก วิวดีโคตรๆ ต้นไม้ หมอก ภูเขา
เหมาะกับคนชอบธรรมชาติแบบเราเลยอะ ประกอบกับเพลงเพราะๆสมัยเก่าๆ คือดี
ยิ่งทางผ่านเขื่อนก่อนถึงเขื่อนศรีนครินทร์นะ ยิ่งสวยๆ แต่ทางมันขึ้นเขาไง วินหน่อยๆครับ
แต่เชื่อไหมว่าพอถึงตรงสันเขื่อนอะ

คนละอารมณ์เลยยย มันสวยมากกกกกกกกก(ก.ไก่ ล้านตัว)
สวยกว่าเขื่อนขุนด่านที่นครนายกอีก คือมันมีความสวยงามของท้องฟ้าและน้ำ เอาง่ายๆคือลงตัวอะ
สวยแบบนี้ก็ต้องจอดถ่ายรูปสิครับ รออะไร จอดรถ

ตรงสันเขื่อนเลยยยย(อันที่จริงเขาไม่ให้จอดนะ แต่เราก็จอด
เขาไม่ว่าอาจจะด้วยวันนั้นคนไม่เยอะ เลยไม่โดนด่าหัวเอา แต่ถ้าช่วงเทศกาลก็อย่าทำนะทุกคนนน)
เฮียหมูสุดรักของเรา กับเขื่อนศรีนครินทร์
รูปถ่ายสวยดี แดดก็แรงดีมากกก นี้เกรงใจหน้าผมฉันด้วยยย ไม่ได้เตรียมพร้อมมารับอะไรแบบนี้นะ
ออกจากเขื่อน พวกเราก็ตรงไปยังน้ำตกเอราวัณ ซึ่งบอกเลยว่า ทางเข้าไม่เหมือนไปน้ำตกเลยอะ มันเหมือนตลาดที่บ้านมากๆ
แต่พอเห็นด่านจ่ายตังค์ ว้อททท อะไรว่ะ

โคตรแพงเลยยยย(ไม่จ่ายเองยังงกอีก) แต่ถือว่าคุ้ม(?)กับสิ่งที่ได้เห็น
น้ำตกเอราวัณ ในวันที่ไป คนไม่เยอะ(ไหม) อาจจะด้วยไม่ใช่ช่วงเทศกาล แต่ฝรั่งเยอะอยู่ เยอะมากๆๆ
และหล่อมากด้วยยย(อันหลังไม่น่าใช่)
ทางขึ้นค่อนลำบาก ดังนั้นเจ้าคุณทั้งหลายโปรดเตรียมตัว รองเท้าสวยๆอย่าใส่ ใส่รองเท้าที่

พังแล้วไม่เสียดายอะ
หรือผ้าใบอะไรพวกนี้ ช้างดาวก็แนะนำนะ(แต่ถึงงัน เราก็ไม่ได้ใส่ช้างดาวคู่โปรดไป งืออออ)
อะไรไม่สำคัญก็ไม่ต้องเอาไปด้วย อาทิ ของกิน จานชาม ร่ม อุปกรณ์ล้างจานพวกงี่
หรือส้มโอเป็นลูก(ที่บอกไปเนี้ย คือพกขึ้นไปถึงสวรรค์ชั้นเจ็ดเลยนะ) เพราะ

ไม่ได้ใช้อะ
ถือไปเฉยๆอะ แต่พอเอาส้มโอลงมาปลอกข้างล่างนะ

โคตรอร่อย อาจจะเพราะมันขึ้นไปถึงสวรรค์ชั้นเจ็ดก็ได้
ตลอดทางขึ้นนะ ก็มีให้ชมวิวไปตลอดทาง นั่งพักได้เรื่อยๆ น้ำใสๆสวยๆมีให้ดู
น้ำตกชั้นหลอกมีเยอะแยะ แบบ 5.1 6.2 ไรงี่ แต่เชื่อเถอะ เมือคุณถึงข้างบนแล้ว คุณจะร้อง ว้าววว ไม่ก็ โอ้ (ร้องให้หน่อยเถอะ 55555)
สวยใช่ไหมล้าาาาา(มันสวยนะ แต่คนถ่ายฝีมือกาก ต้องเข้าใจหน่อยสิ)
แต่อย่าพึ่งตัดสินจากสิ่งที่เห็นแต่เพียงเบื้องหน้านะจ๊ะทุกคนนน ถ้าไม่ได้ดูเบื้องหลังแบบนี้
ผ่านไปสิบนาที เป็นแบบนี้
โห้ย

งง ฝรั่งเต็มเลยจ้าาา คนเยอะมากกก ถ่ายรูปยากมากกกกก(คือก่อนไปหนึ่งวันเราเป็นประจำเดือน อดลงเล่นเลยได้แต่ถือกล้อง)
เราก็เลยได้นั่งดูฝรั่งเล่นน้ำ ในขณะที่ผู้รวมทริปอีกสามคนหนีขึ้นไปยังจุดกำเนิดน้ำตก
แต่ถึงอย่างนั้นนะ ขณะที่เรานั่งมอง เราก็ได้เห็นอะไรหลายๆอย่างที่เรามักจะไม่ได้เห็นจากคนไทย
ไม่บอกดีกว่า ไปนั่งดูเองแล้วกันนะ
พวกเราลงจากสวรรค์ชั้นเจ็ด หลังจากที่พวกพี่ๆทั้งหลายเล่นน้ำเสร็จ เราก็ค่อยๆลง(เร็วกว่าตอนขึ้นเยอะแรงมาก)
แทบจะไม่ได้หยุดเลย ถ้าไม่ใช่แวะเข้าไปถ่ายรูปในแหล่งน้ำตกที่คนอื่นเข้าไม่ค่อยเข้าไป
บริเวณนั้นแหละถ่ายรูปได้เยอะกว่าข้างบน 55555 ไม่อยากบอกว่า มันก็สวยด้วยนะ
พอลงมาถึงข้างล่าง พี่ๆทั้งสามก็พากันไปอาบน้ำ ส่วนเรานั้นไปนั่งกินโกโก้ที่แก้วหนึ่งแพงมากกก แต่ขนมโคตรถูกกอะ
น่าจะมีร้านเดียวในนั้นแหละ แอร์เย็นๆ น่านั่งด้วย นักท่องเที่ยวที่เข้ามา หล่อมากกกก อยากถ่ายมามากก
แต่ แบตโทรศัพท์หมด อ๊ากกกก ให้มันได้อย่างงี่สิว่ะ
เห้ออ ขับรถออกจากน้ำตก เดินทางมุ่งตรงไปยังสังขละบุรี ซึ่งไกลมากกกก(ในความคิดเรานะ)
ระยะทาง 200 กว่ากิโล จากน้ำตก
สองร้อยกว่า ใครๆก็บอกว่าไม่ไกล เอออ จ้าา รู้จ้าาา เราเดินทางบ่อย แต่บอกเลยนะว่า ทางไปสังขละเนี้ย ใจไม่ถึงไปไม่ถึงจริงๆ
เพราะระยะทางกว่าครึ่งหนึ่ง(70 กว่ากิโล) มันแทบไม่มีอะไรเลยนอกจากป่า ปั๊มน้ำมัน(เข้าห้องน้ำให้เรียบร้อยนะ อย่ามาปวดแบบเรา)
ทางเป็นทางโค้งๆ เขาๆ ป่าๆ แทบจะตลอดทางเลย เราอยากเข้าห้องน้ำตั้งแต่เลี้ยวเข้าไปแล้ว แต่ต้องอดไว้ กว่าจะได้เข้าก็คือ
อีกสิบโล(ไหม) จะถึงสังขละอะ
.
.
.
เอาไว้เราจะไปเล่าแบบจัดหนัก ในอันต่อไปนะ จะได้รู้ว่าทำไมเราถึงบอกว่าสังขละ มากกว่าเที่ยวกาญ และจะเป็นไปตามแผนอะเปล่า
ปล. ขอโทษด้วยที่รูปค่อนข้างน้อย เราไม่ค่อยได้ถ่ายมา(อันที่จริง ลืมเอารูปจากกล้องพี่ด้วยแหละ)
สังคละบุรี ในวันที่ฝนตก...
สวัสดีผู้ที่หลงกดเข้ามาอ่านกระทู้นี้ของ จขทก ทุกคนนะ
ก่อนอื่นเลยที่เขียนว่า 'สังคละ' แบบนี้ คือความตั้งใจของเราเองแหละ ใครรู้ว่าทำไมก็ไม่ต้องบอกก่อนนะ
ส่วนใครยังไม่รู้ก็รออ่านได้เลยว่าทำไม 5555555
ทริปนี้เกิดขึ้นแบบที่เราไม่คิดว่าจะได้ไป ก็หนึ่งด้วยความที่เราพึ่งไปเที่ยวนครนายกมา
สองเราพึ่งย้ายมาอยู่กรุงเทพได้ไม่ถึงอาทิตย์ และสาม อีกไม่กี่วันเราต้องไปทำธุระที่ ม.
แต่เพราะเจ้ใหญ่(พี่สาวอันมีสถานะเป็นลูกพี่ลูกน้องของเรา) ชวนไปเที่ยวกาญจนบุรี
เพราะแฟนเจ้ใหญ่ได้หยุดงาน(หลังหยุดยาววันเข้าพรรษา) ใจเราอะอยากไปอยู่แล้ว ก็เลยเขียนแผนกันนะตอนนั้นเลย(ก่อนไปหนึ่งวัน)
ซึ่งแผนของเราคือ ออกจากรุงเทพตอนเช้าไปแวะค่ายสุรสีห์ ต่อด้วยเขื่อน และเล่นน้ำที่น้ำตกเอราวัณ
จากนั้นมุ่งตรงสังขละ นอนที่นั้นหนึ่งคือ วันต่อมาเที่ยวสังขละ แล้วก็กลับมาสะพานข้ามแม่น้ำแคว จบทริปด้วยวัดถ้ำเสือ
แล้วกลับเมืองกรุง เตรียมตัวเข้า ม. ในวันต่อไป
แต่แผนจะเป็นไปตามที่เขียนมาไว้ไหมนั้นอีกเรื่อง เพราะพวกเราทั้งสี่คนในผู้ร่วมทริปเนี้ย
ทุกคนไม่เคยไปเขื่อน หรือสังขละเลย อย่างมากก็มีเรากับพี่สาว(พี่แท้ๆ)ของเราเคยไปสะพานข้ามแม่น้ำแคว ก็แค่นั้น
ถ้าอยากรู้ว่าทริปมั่วๆ ที่ไปพร้อมกับฝนเป็นยังไง ก็ตามอ่านกันต๊วยเด้อเจ้าาา
.
.
.
ในทริปนี้ไปกันสี่คน อันได้แก่ เรา พี่สาว เจ้ใหญ่ และแฟนเจ้ใหญ่ บวกๆกับน้องดำ รถเก๋งที่พาเราไปทุกที่ โดยมีแฟนเจ้ใหญ่เป็นพลขับ
พวกเราพากันออกจากกรุงเทพตอนประมาณ 5:30 โดยใช้จีพีเอสจับที่ค่ายสุรสีห์(ซึ่งถ้าจะไปเขื่อน ค่ายสุรสีห์ก็เป็นทางผ่านอะ)
แต่เพราะเราไปถึงเช้าเวอร์ๆ 7:30 แต่ค่ายเปิด 9:00 ว้อททท พี่ไม่รอแล้วครับบบ
กินข้าวเสร็จก็เดินทางต่อไปเขื่อนโลดดดด(บอกเลยว่าคิดถูกมากที่ไม่แวะค่าย ทำไมอะหรออ รออ่านสิ)
ตัวเขื่อนห่างจากที่เราแวะกินข้าวประมาณ 55 km ซึ่งบอกตรงๆ ขับๆไป
เหมือนกับว่าถนนเส้นนั้นเป็นเส้นไปเขื่อนโดยเฉพาะอะ สวยมากกก วิวดีโคตรๆ ต้นไม้ หมอก ภูเขา
เหมาะกับคนชอบธรรมชาติแบบเราเลยอะ ประกอบกับเพลงเพราะๆสมัยเก่าๆ คือดี
ยิ่งทางผ่านเขื่อนก่อนถึงเขื่อนศรีนครินทร์นะ ยิ่งสวยๆ แต่ทางมันขึ้นเขาไง วินหน่อยๆครับ
แต่เชื่อไหมว่าพอถึงตรงสันเขื่อนอะ
สวยกว่าเขื่อนขุนด่านที่นครนายกอีก คือมันมีความสวยงามของท้องฟ้าและน้ำ เอาง่ายๆคือลงตัวอะ
สวยแบบนี้ก็ต้องจอดถ่ายรูปสิครับ รออะไร จอดรถ
เขาไม่ว่าอาจจะด้วยวันนั้นคนไม่เยอะ เลยไม่โดนด่าหัวเอา แต่ถ้าช่วงเทศกาลก็อย่าทำนะทุกคนนน)
รูปถ่ายสวยดี แดดก็แรงดีมากกก นี้เกรงใจหน้าผมฉันด้วยยย ไม่ได้เตรียมพร้อมมารับอะไรแบบนี้นะ
ออกจากเขื่อน พวกเราก็ตรงไปยังน้ำตกเอราวัณ ซึ่งบอกเลยว่า ทางเข้าไม่เหมือนไปน้ำตกเลยอะ มันเหมือนตลาดที่บ้านมากๆ
แต่พอเห็นด่านจ่ายตังค์ ว้อททท อะไรว่ะ
น้ำตกเอราวัณ ในวันที่ไป คนไม่เยอะ(ไหม) อาจจะด้วยไม่ใช่ช่วงเทศกาล แต่ฝรั่งเยอะอยู่ เยอะมากๆๆ
และหล่อมากด้วยยย(อันหลังไม่น่าใช่)
ทางขึ้นค่อนลำบาก ดังนั้นเจ้าคุณทั้งหลายโปรดเตรียมตัว รองเท้าสวยๆอย่าใส่ ใส่รองเท้าที่
หรือผ้าใบอะไรพวกนี้ ช้างดาวก็แนะนำนะ(แต่ถึงงัน เราก็ไม่ได้ใส่ช้างดาวคู่โปรดไป งืออออ)
อะไรไม่สำคัญก็ไม่ต้องเอาไปด้วย อาทิ ของกิน จานชาม ร่ม อุปกรณ์ล้างจานพวกงี่
หรือส้มโอเป็นลูก(ที่บอกไปเนี้ย คือพกขึ้นไปถึงสวรรค์ชั้นเจ็ดเลยนะ) เพราะ
ถือไปเฉยๆอะ แต่พอเอาส้มโอลงมาปลอกข้างล่างนะ
ตลอดทางขึ้นนะ ก็มีให้ชมวิวไปตลอดทาง นั่งพักได้เรื่อยๆ น้ำใสๆสวยๆมีให้ดู
น้ำตกชั้นหลอกมีเยอะแยะ แบบ 5.1 6.2 ไรงี่ แต่เชื่อเถอะ เมือคุณถึงข้างบนแล้ว คุณจะร้อง ว้าววว ไม่ก็ โอ้ (ร้องให้หน่อยเถอะ 55555)
แต่อย่าพึ่งตัดสินจากสิ่งที่เห็นแต่เพียงเบื้องหน้านะจ๊ะทุกคนนน ถ้าไม่ได้ดูเบื้องหลังแบบนี้
โห้ย
เราก็เลยได้นั่งดูฝรั่งเล่นน้ำ ในขณะที่ผู้รวมทริปอีกสามคนหนีขึ้นไปยังจุดกำเนิดน้ำตก
แต่ถึงอย่างนั้นนะ ขณะที่เรานั่งมอง เราก็ได้เห็นอะไรหลายๆอย่างที่เรามักจะไม่ได้เห็นจากคนไทย
ไม่บอกดีกว่า ไปนั่งดูเองแล้วกันนะ
พวกเราลงจากสวรรค์ชั้นเจ็ด หลังจากที่พวกพี่ๆทั้งหลายเล่นน้ำเสร็จ เราก็ค่อยๆลง(เร็วกว่าตอนขึ้นเยอะแรงมาก)
แทบจะไม่ได้หยุดเลย ถ้าไม่ใช่แวะเข้าไปถ่ายรูปในแหล่งน้ำตกที่คนอื่นเข้าไม่ค่อยเข้าไป
บริเวณนั้นแหละถ่ายรูปได้เยอะกว่าข้างบน 55555 ไม่อยากบอกว่า มันก็สวยด้วยนะ
พอลงมาถึงข้างล่าง พี่ๆทั้งสามก็พากันไปอาบน้ำ ส่วนเรานั้นไปนั่งกินโกโก้ที่แก้วหนึ่งแพงมากกก แต่ขนมโคตรถูกกอะ
น่าจะมีร้านเดียวในนั้นแหละ แอร์เย็นๆ น่านั่งด้วย นักท่องเที่ยวที่เข้ามา หล่อมากกกก อยากถ่ายมามากก
แต่ แบตโทรศัพท์หมด อ๊ากกกก ให้มันได้อย่างงี่สิว่ะ
เห้ออ ขับรถออกจากน้ำตก เดินทางมุ่งตรงไปยังสังขละบุรี ซึ่งไกลมากกกก(ในความคิดเรานะ)
สองร้อยกว่า ใครๆก็บอกว่าไม่ไกล เอออ จ้าา รู้จ้าาา เราเดินทางบ่อย แต่บอกเลยนะว่า ทางไปสังขละเนี้ย ใจไม่ถึงไปไม่ถึงจริงๆ
เพราะระยะทางกว่าครึ่งหนึ่ง(70 กว่ากิโล) มันแทบไม่มีอะไรเลยนอกจากป่า ปั๊มน้ำมัน(เข้าห้องน้ำให้เรียบร้อยนะ อย่ามาปวดแบบเรา)
ทางเป็นทางโค้งๆ เขาๆ ป่าๆ แทบจะตลอดทางเลย เราอยากเข้าห้องน้ำตั้งแต่เลี้ยวเข้าไปแล้ว แต่ต้องอดไว้ กว่าจะได้เข้าก็คือ
อีกสิบโล(ไหม) จะถึงสังขละอะ
.
.
.
เอาไว้เราจะไปเล่าแบบจัดหนัก ในอันต่อไปนะ จะได้รู้ว่าทำไมเราถึงบอกว่าสังขละ มากกว่าเที่ยวกาญ และจะเป็นไปตามแผนอะเปล่า
ปล. ขอโทษด้วยที่รูปค่อนข้างน้อย เราไม่ค่อยได้ถ่ายมา(อันที่จริง ลืมเอารูปจากกล้องพี่ด้วยแหละ)