


ระบำตาลีอีนา และการต่อสู้ปันจักสีลัต
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้Cr. Net
ขอบฟ้าอันดามัน (69)
ลันดาเพิ่งสังเกตเห็นว่ามีเสาสองต้นติดสปอร์ตไลท์หน้าเรือนใหญ่
“ปู่ให้เขาติดตั้งไว้ตั้งแต่สร้างเรือนใหญ่แล้ว เพราะทุกเทศกาลลูกหลานจะมารวมกัน กินอาหารฉลองหน้าเรือนอย่างที่เห็นจัดในวันนี้”
เขาใช้คำว่าลูกหลานได้สนิทใจเพราะความผูกพัน
วันนี้ฟาติมะฮ์ เป็นหัวหน้ามี สาวๆมาช่วยกันหลายคนทำอาหาร ที่เริ่มทยอยเอาเรียงไว้ด้านข้างเป็นแบบตักเอง อาหารส่งกลิ่นหอมฟุ้ง
ข้าวหอมมะลิหุงใส่หม้อเบอร์ใหญ่ น้ำพริกกุ้งเสียบ ผักสดกระด้งใหญ่ ปลาทรายทอดเกลือใส่ขมิ้น แกงไตปลาและปูนิ่มทอดกระเทียม
พริกไทย เครื่องดื่มมีทั้งน้ำมะตูม น้ำกระเจี๊ยบ และน้ำมะพร้าวหอม ถังน้ำแข็งวางไว้ไม่ไกล
เริ่มมืดแล้ว ไฟเปิดสว่างไสว โต๊ะกลมจัดเรียงบนพื้นเสื่อน้ำมัน ผู้คนเริ่มมาบ้างแล้ว จับกลุ่มนั่งบนพื้นเสื่อ กลุ่มละห้าคน กับหนึ่งโต๊ะ
กลมใหญ่ที่ตั้งด้านหน้ากลางพื้นที่
ไม่นานรายการแสดงชุดแรกก็เริ่มเมื่อคนมาครบแล้วเป็นการแสดงศิลปะการร่ายรำ “ตารีอีนา” ของไทยชาวมุสลิม
พร้อมเครื่องเล่น ต่อด้วยการประลองยุทธ์ “ปันจักสีลัต” ระหว่างอาลีกับปราการ...หลานนายหัวเผด็จศึก
“ไม่ต้องออมมือหลานข้ามีเลือดนักสู้ และฝีมือไม่ด้อยกว่าใคร” เสียงปู่ดังกังวาน ทั้งคู่ออกมาในชุดดำ เสื้อแขนยาวรัดข้อ กางเกงขายาว
รัดข้อ ศีรษะและเอวคาดด้วยผ้าลายอินโดฯสีสวยสด คู่ต่อสู้แยกไปคนละมุม โชว์ลีลาที่มีแบบชัดเจน และหากผู้แข่งก้าวหน้าไปอีก
ขั้นแล้วแต่ละคนจะใส่ลวดลายเพิ่มเติมเข้ามาอีกก็ได้ แม้ท่ารำคล้ายกังฟู แต่กังฟูเร็ว แข็งกร้าว และหนักหน่วง
ปันจักสีลัตอ่อนไหวพลิ้ว แต่รุนแรงทุกครั้งที่ปล่อยหมัดหรืออาวุธออกมา การย่อตัวตามจังหวะตีขากวาดออกเป็นวงกว้าง และดีดตัวขึ้น
ตั้งตรงอย่างคล่องแคล่วแต่อ่อนพลิ้ว
จบการปล่อยลวดลายและท่าทาง การต่อสู้ก็เริ่มขึ้น การเคลื่อนไหวว่องไวสวยงาม หมึกปล่อยมือออกด้วยแรงกระแทกเต็มเหนี่ยว อาลีหลบ
เขาย่อตัวกวาดเท้าเป็นวงอย่างรวดเร็วหมึกล้มลง เสียงเชียร์ดังลั่นเป็นระยะอย่างได้อารมณ์ แล้วกริชยาวสองอันก็ถูกโยนให้คู่ต่อสู่ หมึกรับ
ไว้ด้วยมือขวาถือมั่น แขนซ้ายกำหมัดตั้งฉาก การต่อสู้ดำเนินไปได้พักหนึ่ง แล้วหมึกก็พลาดคมกริชปาดเข้าแขนซ้ายเป็นแนวยาวเลือด
ไหลซึม แม้ปู่ไม่เห็นแต่สองหูที่กางออกรับเสียงเคลื่อนไหวอย่างตั้งใจ เขาตามรับรู้ได้..เสียงลึกหัวเราะในลำคอ
“พ่อหมึกโดนเข้าไปแล้ว เกิดพลาดได้ตายแน่” ตามด้วยเสียงลันดา “พี่หมึก...” ปู่ไม่สั่งหยุด ใบหน้าพอใจเหมือนเห็นภาพต่อสู้เคลื่อนไหว
ชัดเจนในความคิด
มีคนส่งกระบองให้อีก ทั้งคู่ทิ้งกริชลง หมึกรับมาจับแน่นควงเป็นวงกลม ก่อนวิ่งตรงเข้าฟาดลงที่ลำตัว
“ผัวะ” ตามด้วยแขนขวาที่หนีบกระบองส่วนปลายไว้ ฝ่ามือขวากำกระบองแน่นแล้วฟาดอย่างแรงเข้าแสกหน้าอาลี ทุก
ท่าทางเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องและว่องไวปลายกระบองแตะหน้าผากอาลีที่หลบไม่ทัน แล้วหมึกก็กระตุกไม้กลับซะก่อน เสียงปรบมือ
ลั่นตามด้วยเสียงเฮอย่างได้ใจ
การปะลองจบลง ทุกคนสนุกสนาน แต่ลันดาไม่สนุกด้วย เธอวิ่งเข้าหาหมึก พาขึ้นเรือนไปพร้อมฟาติมะฮ์ ลันดาช่วยถอดเสื้อออก
ลำแขนกำยำเลือดยังไหลเปรอะเสื้อ รอยปาดไม่ลึกแต่เป็นแนวยาวคืบหนึ่งได้
ฟาติมะฮ์เอากล่องเครื่องมือทำแผลมา ล้างแผลจนสะอาดแล้วราดสดๆ ด้วยทิงเจอร์ไอโอดิน ลันดาเม้มปากแน่น หมึกใบหน้าสงบ ไม่มี
เสียงใดรอดออกมา แผลถูกพันแต่งจนเรียบร้อย และลันดาช่วยสวมเสื้อผ้าป่านคอกลมติดกระดุมของปู่ให้
ทั้งคู่พากันลงมารวมกลุ่มที่โต๊ะใหญ่ ลันดาวางยาแก้ปวดไว้ข้างๆ
“ทานข้าวก่อนแล้วค่อยทานยานะคะ” เสียงเอ่ยอ่อนโยนพอได้ยิน วายุมองหน้ากัมปนาทแล้วยิ้ม
“นายหัวไม่เห็นลีลาคุณหมึก ไม่ด้อยไปกว่าใครเลยครับ ผมต้องขอโทษเพราะยั้งมือไม่ทันเลยทำให้บาดเจ็บ” เสียงเอ่ยเป็นภาษาไทย
ของอาลีชัด ไม่ติดขัด
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอกครับ” หมึกตอบ
“ใช่ๆ อย่ากังวลเลยมาๆ กินข้าวดีกว่า”
เสียงดนตรีพื้นบ้านเปิดผ่านลำโพงเบาๆ อาหารรสโอชาหมดลง แล้วบรรดาหนุ่มๆ ก็ช่วยกันเก็บของเข้าที่ รวบจาน ชามไปหลังเรือน
ใหญ่ซึ่งมีคาดียะฮ์คุมสาวๆ ช่วยกันล้างเก็บเข้าที่
กลุ่มของปู่ ย้ายขบวนไปนั่งจิบชากับผลอินทผลัมที่ชานเรือน กลิ่นดอกพะยอม พวงสีขาวใหญ่ห้อยย้อยส่งกลิ่นอ่อนๆโชยมา
“มีใครโทรไปบอกทางบ้านครบแล้วนะ เดี๋ยวเขาจะห่วงกัน พากันมาตามปู่แล้วหายเข้ากลีบเมฆเลย”
“โทรครบแล้วครับ อานุชไปบอกย่าแล้ว ย่าดีใจเห็นว่าร้องไห้ใหญ่เลย พรุ่งนี้ปู่โทรหาย่านะครับ” เสียงหมึกพูดแกมขอร้อง
“ได้ๆ ปู่ก็คิดถึงย่าตลอด ไม่มีวันไหนว่างเว้น” ใบหน้าปู่เมื่อเอ่ยถึงย่ามีรอยยิ้มสดชื่น บอกถึงความผูกพันที่มียาวนาน
“ย่าเป็นคนดี หลายอย่างแม้มีสิทธิถาม หากเขารู้ว่าจะทำให้ปู่ลำบากใจเขาจะไม่แตะต้อง ปู่เองเสียอีกที่ไม่ดีพอ
เมื่อครั้งย่าเป็นสาวเธอสวย ร่างสูงโปรง ผิวเนียนขาว หึๆ ” ปู่เอ่ยถึงคนที่เขารักเสียงทุ้มนุ่มและอบอุ่น
“ปู่รักย่าไหมครับ”
“ไอ้นี่ก็ถามแปลก” นายหัวกัมปนาทเอ่ยปาก
“ไม่แปลกหรอกค่ะลุง ผู้ชายอาจมีความรักกับผู้หญิงได้มากกว่าคนเดียวในเวลาเดียวกัน หรือไงคะพี่หมึก” สีหน้าปู่เปลี่ยนไปเพียงครู่
แต่หมึกตัดบทเสียก่อน
“ไม่เป็นไรครับ ลันดาก็พูดไปเรื่อยๆ เรื่องของปู่น่ะ” หมึกแกล้งเหมือนตำหนิลันดา
“เรื่องในอดีตของปู่...พวกเอ็งอย่ารู้เลย มันผ่านไปแล้ว” เสียงปู่ถอนใจ
“ไปนอนกันดีกว่าพ่ออย่าสนใจเลย ปล่อยเด็กๆ ให้เขามีเวลากัน เราเข้านอนเถอะครับ” วายุเอ่ย กัมปนาทและวายุพาปู่เข้านอน
เดือนเต็มดวงยังทอแสงนวลตา ดวงดาวระดาดฟ้า เทียนจุดเป็นแท่งกลมสั้นเท่าลำไม้ไผ่ เป็นระยะๆ ตามขอบไม้ระแนง ลมพัดโชยกลิ่น
หอมเย็นของพรรณไม้ ทั้งสองแอบอิงอยู่ชิดกัน เสียงจิ้งหรีดส่งเสียงดุจดนตรีสวรรค์
“อ้า! ความสุขของสองหนุ่มสาวดั่งดอกกุหลาบผลิบานในดวงใจสองดวง”
ขอบฟ้าอันดามัน รีไรท์ (69-71)
ระบำตาลีอีนา และการต่อสู้ปันจักสีลัต
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ขอบฟ้าอันดามัน (69)
ลันดาเพิ่งสังเกตเห็นว่ามีเสาสองต้นติดสปอร์ตไลท์หน้าเรือนใหญ่
“ปู่ให้เขาติดตั้งไว้ตั้งแต่สร้างเรือนใหญ่แล้ว เพราะทุกเทศกาลลูกหลานจะมารวมกัน กินอาหารฉลองหน้าเรือนอย่างที่เห็นจัดในวันนี้”
เขาใช้คำว่าลูกหลานได้สนิทใจเพราะความผูกพัน
วันนี้ฟาติมะฮ์ เป็นหัวหน้ามี สาวๆมาช่วยกันหลายคนทำอาหาร ที่เริ่มทยอยเอาเรียงไว้ด้านข้างเป็นแบบตักเอง อาหารส่งกลิ่นหอมฟุ้ง
ข้าวหอมมะลิหุงใส่หม้อเบอร์ใหญ่ น้ำพริกกุ้งเสียบ ผักสดกระด้งใหญ่ ปลาทรายทอดเกลือใส่ขมิ้น แกงไตปลาและปูนิ่มทอดกระเทียม
พริกไทย เครื่องดื่มมีทั้งน้ำมะตูม น้ำกระเจี๊ยบ และน้ำมะพร้าวหอม ถังน้ำแข็งวางไว้ไม่ไกล
เริ่มมืดแล้ว ไฟเปิดสว่างไสว โต๊ะกลมจัดเรียงบนพื้นเสื่อน้ำมัน ผู้คนเริ่มมาบ้างแล้ว จับกลุ่มนั่งบนพื้นเสื่อ กลุ่มละห้าคน กับหนึ่งโต๊ะ
กลมใหญ่ที่ตั้งด้านหน้ากลางพื้นที่
ไม่นานรายการแสดงชุดแรกก็เริ่มเมื่อคนมาครบแล้วเป็นการแสดงศิลปะการร่ายรำ “ตารีอีนา” ของไทยชาวมุสลิม
พร้อมเครื่องเล่น ต่อด้วยการประลองยุทธ์ “ปันจักสีลัต” ระหว่างอาลีกับปราการ...หลานนายหัวเผด็จศึก
“ไม่ต้องออมมือหลานข้ามีเลือดนักสู้ และฝีมือไม่ด้อยกว่าใคร” เสียงปู่ดังกังวาน ทั้งคู่ออกมาในชุดดำ เสื้อแขนยาวรัดข้อ กางเกงขายาว
รัดข้อ ศีรษะและเอวคาดด้วยผ้าลายอินโดฯสีสวยสด คู่ต่อสู้แยกไปคนละมุม โชว์ลีลาที่มีแบบชัดเจน และหากผู้แข่งก้าวหน้าไปอีก
ขั้นแล้วแต่ละคนจะใส่ลวดลายเพิ่มเติมเข้ามาอีกก็ได้ แม้ท่ารำคล้ายกังฟู แต่กังฟูเร็ว แข็งกร้าว และหนักหน่วง
ปันจักสีลัตอ่อนไหวพลิ้ว แต่รุนแรงทุกครั้งที่ปล่อยหมัดหรืออาวุธออกมา การย่อตัวตามจังหวะตีขากวาดออกเป็นวงกว้าง และดีดตัวขึ้น
ตั้งตรงอย่างคล่องแคล่วแต่อ่อนพลิ้ว
จบการปล่อยลวดลายและท่าทาง การต่อสู้ก็เริ่มขึ้น การเคลื่อนไหวว่องไวสวยงาม หมึกปล่อยมือออกด้วยแรงกระแทกเต็มเหนี่ยว อาลีหลบ
เขาย่อตัวกวาดเท้าเป็นวงอย่างรวดเร็วหมึกล้มลง เสียงเชียร์ดังลั่นเป็นระยะอย่างได้อารมณ์ แล้วกริชยาวสองอันก็ถูกโยนให้คู่ต่อสู่ หมึกรับ
ไว้ด้วยมือขวาถือมั่น แขนซ้ายกำหมัดตั้งฉาก การต่อสู้ดำเนินไปได้พักหนึ่ง แล้วหมึกก็พลาดคมกริชปาดเข้าแขนซ้ายเป็นแนวยาวเลือด
ไหลซึม แม้ปู่ไม่เห็นแต่สองหูที่กางออกรับเสียงเคลื่อนไหวอย่างตั้งใจ เขาตามรับรู้ได้..เสียงลึกหัวเราะในลำคอ
“พ่อหมึกโดนเข้าไปแล้ว เกิดพลาดได้ตายแน่” ตามด้วยเสียงลันดา “พี่หมึก...” ปู่ไม่สั่งหยุด ใบหน้าพอใจเหมือนเห็นภาพต่อสู้เคลื่อนไหว
ชัดเจนในความคิด
มีคนส่งกระบองให้อีก ทั้งคู่ทิ้งกริชลง หมึกรับมาจับแน่นควงเป็นวงกลม ก่อนวิ่งตรงเข้าฟาดลงที่ลำตัว
“ผัวะ” ตามด้วยแขนขวาที่หนีบกระบองส่วนปลายไว้ ฝ่ามือขวากำกระบองแน่นแล้วฟาดอย่างแรงเข้าแสกหน้าอาลี ทุก
ท่าทางเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องและว่องไวปลายกระบองแตะหน้าผากอาลีที่หลบไม่ทัน แล้วหมึกก็กระตุกไม้กลับซะก่อน เสียงปรบมือ
ลั่นตามด้วยเสียงเฮอย่างได้ใจ
การปะลองจบลง ทุกคนสนุกสนาน แต่ลันดาไม่สนุกด้วย เธอวิ่งเข้าหาหมึก พาขึ้นเรือนไปพร้อมฟาติมะฮ์ ลันดาช่วยถอดเสื้อออก
ลำแขนกำยำเลือดยังไหลเปรอะเสื้อ รอยปาดไม่ลึกแต่เป็นแนวยาวคืบหนึ่งได้
ฟาติมะฮ์เอากล่องเครื่องมือทำแผลมา ล้างแผลจนสะอาดแล้วราดสดๆ ด้วยทิงเจอร์ไอโอดิน ลันดาเม้มปากแน่น หมึกใบหน้าสงบ ไม่มี
เสียงใดรอดออกมา แผลถูกพันแต่งจนเรียบร้อย และลันดาช่วยสวมเสื้อผ้าป่านคอกลมติดกระดุมของปู่ให้
ทั้งคู่พากันลงมารวมกลุ่มที่โต๊ะใหญ่ ลันดาวางยาแก้ปวดไว้ข้างๆ
“ทานข้าวก่อนแล้วค่อยทานยานะคะ” เสียงเอ่ยอ่อนโยนพอได้ยิน วายุมองหน้ากัมปนาทแล้วยิ้ม
“นายหัวไม่เห็นลีลาคุณหมึก ไม่ด้อยไปกว่าใครเลยครับ ผมต้องขอโทษเพราะยั้งมือไม่ทันเลยทำให้บาดเจ็บ” เสียงเอ่ยเป็นภาษาไทย
ของอาลีชัด ไม่ติดขัด
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอกครับ” หมึกตอบ
“ใช่ๆ อย่ากังวลเลยมาๆ กินข้าวดีกว่า”
เสียงดนตรีพื้นบ้านเปิดผ่านลำโพงเบาๆ อาหารรสโอชาหมดลง แล้วบรรดาหนุ่มๆ ก็ช่วยกันเก็บของเข้าที่ รวบจาน ชามไปหลังเรือน
ใหญ่ซึ่งมีคาดียะฮ์คุมสาวๆ ช่วยกันล้างเก็บเข้าที่
กลุ่มของปู่ ย้ายขบวนไปนั่งจิบชากับผลอินทผลัมที่ชานเรือน กลิ่นดอกพะยอม พวงสีขาวใหญ่ห้อยย้อยส่งกลิ่นอ่อนๆโชยมา
“มีใครโทรไปบอกทางบ้านครบแล้วนะ เดี๋ยวเขาจะห่วงกัน พากันมาตามปู่แล้วหายเข้ากลีบเมฆเลย”
“โทรครบแล้วครับ อานุชไปบอกย่าแล้ว ย่าดีใจเห็นว่าร้องไห้ใหญ่เลย พรุ่งนี้ปู่โทรหาย่านะครับ” เสียงหมึกพูดแกมขอร้อง
“ได้ๆ ปู่ก็คิดถึงย่าตลอด ไม่มีวันไหนว่างเว้น” ใบหน้าปู่เมื่อเอ่ยถึงย่ามีรอยยิ้มสดชื่น บอกถึงความผูกพันที่มียาวนาน
“ย่าเป็นคนดี หลายอย่างแม้มีสิทธิถาม หากเขารู้ว่าจะทำให้ปู่ลำบากใจเขาจะไม่แตะต้อง ปู่เองเสียอีกที่ไม่ดีพอ
เมื่อครั้งย่าเป็นสาวเธอสวย ร่างสูงโปรง ผิวเนียนขาว หึๆ ” ปู่เอ่ยถึงคนที่เขารักเสียงทุ้มนุ่มและอบอุ่น
“ปู่รักย่าไหมครับ”
“ไอ้นี่ก็ถามแปลก” นายหัวกัมปนาทเอ่ยปาก
“ไม่แปลกหรอกค่ะลุง ผู้ชายอาจมีความรักกับผู้หญิงได้มากกว่าคนเดียวในเวลาเดียวกัน หรือไงคะพี่หมึก” สีหน้าปู่เปลี่ยนไปเพียงครู่
แต่หมึกตัดบทเสียก่อน
“ไม่เป็นไรครับ ลันดาก็พูดไปเรื่อยๆ เรื่องของปู่น่ะ” หมึกแกล้งเหมือนตำหนิลันดา
“เรื่องในอดีตของปู่...พวกเอ็งอย่ารู้เลย มันผ่านไปแล้ว” เสียงปู่ถอนใจ
“ไปนอนกันดีกว่าพ่ออย่าสนใจเลย ปล่อยเด็กๆ ให้เขามีเวลากัน เราเข้านอนเถอะครับ” วายุเอ่ย กัมปนาทและวายุพาปู่เข้านอน
เดือนเต็มดวงยังทอแสงนวลตา ดวงดาวระดาดฟ้า เทียนจุดเป็นแท่งกลมสั้นเท่าลำไม้ไผ่ เป็นระยะๆ ตามขอบไม้ระแนง ลมพัดโชยกลิ่น
หอมเย็นของพรรณไม้ ทั้งสองแอบอิงอยู่ชิดกัน เสียงจิ้งหรีดส่งเสียงดุจดนตรีสวรรค์
“อ้า! ความสุขของสองหนุ่มสาวดั่งดอกกุหลาบผลิบานในดวงใจสองดวง”