War for the Planet of the Apes (ไม่สปอยล์เนื้อหาสำคัญ)
.
หลังจากการทดลองเพื่อสร้างสายพันธุ์อัจฉริยะ ไวรัสได้คร่าล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์และก่อกำเนิดเหล่าวานรผู้แข็งแกร่งขึ้น นำมาซึ่งความขัดแย้งทั้งภายในและระหว่างเผ่าพันธุ์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ภายหลังสงครามความขัดแย้งนี้ซีซาร์และฝูงวานรจึงได้หลบหนีและหาทางเพื่อยุติมัน ทว่าหลังจากการกวาดล้างเผ่าพันธุ์โดยผู้พันผู้โหดเหี้ยม ซีซาร์กลับสูญเสียแทบทุกสิ่งและนั่นนำมาซึ่งสงครามที่จะกำหนดชะตากรรมเผ่าพันธุ์และอนาคตของโลก กำกับภาพยนตร์โดย Matt Reeves (Cloverfield (2008) และ Dawn of the Planet of the Apes (2014))
.
หลังจากจุดกำเนิดของเรื่องราวทั้งหมดใน Rise of the Planet of the Apes (2011) และการต่อสู้ในสงครามเพื่อต่อต้านการถูกกดขี่ใน Dawn of the Planet of the Apes (2014) สงครามที่จะกำหนดชะตากรรมของแต่ละเผ่าพันธุ์จึงอุบัติขึ้น ตัวหนังมีความน่าทึ่งตั้งแต่ CG ตัวละครเหล่าวานร และการใช้เทคนิค Motion-Capture โดยใช้นักแสดงประกอบท่าทาง ก่อนเติมแต่งซีจีเข้าไปให้ออกมามีลักษณะเหมือนเหล่าวานร ซึ่ง Andy Serkis นักแสดงผู้รับบท Caesar ได้ถ่ายทอดมันออกมา ถึงความรู้สึกและความเป็นผู้นำของเผ่าพันธุ์ได้อย่างเหลือเชื่อ แม้สงครามในภาคนี้อาจดูไม่ล้างผลาญเหมือนภาคก่อนหน้า แต่เนื้อหากลับสะท้อนให้เห็นสงครามภายในจิตใจของผู้นำแต่ละเผ่าพันธุ์ได้อย่างเจ็บปวดและรุนแรงกว่าภาคก่อนๆมาก การต่อสู้เพื่อความยุติธรรมในเหตุผลและเผ่าพันธุ์ที่ต่างกันนั้นมันช่างรุนแรง เจ็บปวด และหดหู่ สามารถทรมานจิตใจผู้ชมจนอาจต้องเสียน้ำใจให้กับหลายๆฉากที่เกิดขึ้น นับเป็นการปิดไตรภาคที่ตราตรึงและอาจถูกกล่าวขานไปอีกนานหลายปีแน่นอนครับ
ปล. แนะนำให้รับชมในระบบเสียงซาวด์แทรคเพื่ออรรถรสที่เข้มข้นขึ้น และควรรับชม 2 ภาคก่อนหน้า Rise of the Planet of the Apes (2011) และ Dawn of the Planet of the Apes (2014) มาก่อนครับ
.
คะแนนความชอบ : 9/10
.
ติดตามรีวิวหนังเข้าใหม่เรื่องอื่นๆ หรือแวะมาพูดคุยทักทายกันได้นะครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://www.facebook.com/media/set/?set=a.958831984157224.1073741829.100000912954210&type=1&l=019158f91d
[CR] War for the Planet of the Apes (ไม่สปอยล์เนื้อหาสำคัญ)
.
หลังจากการทดลองเพื่อสร้างสายพันธุ์อัจฉริยะ ไวรัสได้คร่าล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์และก่อกำเนิดเหล่าวานรผู้แข็งแกร่งขึ้น นำมาซึ่งความขัดแย้งทั้งภายในและระหว่างเผ่าพันธุ์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ภายหลังสงครามความขัดแย้งนี้ซีซาร์และฝูงวานรจึงได้หลบหนีและหาทางเพื่อยุติมัน ทว่าหลังจากการกวาดล้างเผ่าพันธุ์โดยผู้พันผู้โหดเหี้ยม ซีซาร์กลับสูญเสียแทบทุกสิ่งและนั่นนำมาซึ่งสงครามที่จะกำหนดชะตากรรมเผ่าพันธุ์และอนาคตของโลก กำกับภาพยนตร์โดย Matt Reeves (Cloverfield (2008) และ Dawn of the Planet of the Apes (2014))
.
หลังจากจุดกำเนิดของเรื่องราวทั้งหมดใน Rise of the Planet of the Apes (2011) และการต่อสู้ในสงครามเพื่อต่อต้านการถูกกดขี่ใน Dawn of the Planet of the Apes (2014) สงครามที่จะกำหนดชะตากรรมของแต่ละเผ่าพันธุ์จึงอุบัติขึ้น ตัวหนังมีความน่าทึ่งตั้งแต่ CG ตัวละครเหล่าวานร และการใช้เทคนิค Motion-Capture โดยใช้นักแสดงประกอบท่าทาง ก่อนเติมแต่งซีจีเข้าไปให้ออกมามีลักษณะเหมือนเหล่าวานร ซึ่ง Andy Serkis นักแสดงผู้รับบท Caesar ได้ถ่ายทอดมันออกมา ถึงความรู้สึกและความเป็นผู้นำของเผ่าพันธุ์ได้อย่างเหลือเชื่อ แม้สงครามในภาคนี้อาจดูไม่ล้างผลาญเหมือนภาคก่อนหน้า แต่เนื้อหากลับสะท้อนให้เห็นสงครามภายในจิตใจของผู้นำแต่ละเผ่าพันธุ์ได้อย่างเจ็บปวดและรุนแรงกว่าภาคก่อนๆมาก การต่อสู้เพื่อความยุติธรรมในเหตุผลและเผ่าพันธุ์ที่ต่างกันนั้นมันช่างรุนแรง เจ็บปวด และหดหู่ สามารถทรมานจิตใจผู้ชมจนอาจต้องเสียน้ำใจให้กับหลายๆฉากที่เกิดขึ้น นับเป็นการปิดไตรภาคที่ตราตรึงและอาจถูกกล่าวขานไปอีกนานหลายปีแน่นอนครับ
ปล. แนะนำให้รับชมในระบบเสียงซาวด์แทรคเพื่ออรรถรสที่เข้มข้นขึ้น และควรรับชม 2 ภาคก่อนหน้า Rise of the Planet of the Apes (2011) และ Dawn of the Planet of the Apes (2014) มาก่อนครับ
.
คะแนนความชอบ : 9/10
.
ติดตามรีวิวหนังเข้าใหม่เรื่องอื่นๆ หรือแวะมาพูดคุยทักทายกันได้นะครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้