ห้องเพลงคนรากหญ้าพักยกการเมือง มุมเสียงเพลง มุมนี้ไม่มีสี ไม่มีกลุ่ม มีแต่เสียง 15/7/2560 - ความเหมือน:อินคา-อียิปต์

กระทู้คำถาม

ห้องเพลงคนรากหญ้าเปิดขึ้นมามีวัตถุประสงค์ เพื่อ

1. มีพื้นที่ให้เพื่อนๆ ได้มาพบปะ พูดคุยระหว่างกัน ในภาวะที่ต้องระมัดระวังการโพสการเมืองอย่างเคร่งครัด
2. เป็นพื้นที่ พักผ่อน ลดความเครียดทางการเมือง ให้เพื่อนๆ มีกิจกรรมสนุกๆ ร่วมกัน
3. สร้างมิตรภาพและความปรองดอง ซึ่งเราหวังให้สังคมไทยเป็นเช่นนี้ แม้นคิดต่างกัน แต่เมื่อคุยกันแล้วก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม

กระทู้ห้องเพลงเป็นกระทู้เปิด มิได้ปิดกั้นผู้หนึ่งผู้ใด "ขอให้มาดี เราคือเพื่อนกัน" ซึ่งก็เหมือนกับกระทู้ทั่วไป ที่เราไม่จำเป็นต้องทราบว่า User ท่านไหนเป็นใครมาจากไหน ...ดังนั้น หากมีบุคคลใดที่มีการโพสสิ่งผิดกฎหมายและศีลธรรมอันดีของสังคมนั้น หรือสิ่งรบกวนใดๆ ในบอร์ด เป็นเรื่องส่วนบุคคล ทางห้องเพลงจึงขอแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งสิ้น
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
สวัสดีครับ

สมาชิกห้องเพลงทุกๆท่าน วันนี้วันเสาร์ MC WANG JIE (แอ๊ด) เข้าประจำการครับ

วันนี้ นำเรื่องเก่าที่ยังเล่าไม่ครบสมบูรณ์ มาเล่าต่อ หลังจากค้างไว้สองสัปดาห์ก่อน นั่นคือ ความคล้ายกันระหว่างสองอารยธรรม อินคา และ อียิปต์

ครั้งที่แล้ว เรามาถึงความเหมือนกันหรือคล้ายกันข้อที่ 8 ก่อนจะไปข้อที่ 9 มาทบทวนกันตั้งแต่ข้อแรกก่อนดีกว่า เพื่อความต่อเนื่อง เหมือนเวลาที่เราจะดูหนังตอนต่อไปก็ต้องท้าว "ความเดิมจากตอนที่แล้ว" กันก่อน
ความเหมือนหรือคล้ายคลึงของอารยธรรม อินคา และอียิปต์ ที่เราผ่านมาแล้ว 8 ข้อ ได้แก่

(1) ปิรามิดลักษณะเดียวกัน บรรจุศพไว้ภายในเหมือนกัน

(2) ทำศพเป็นมัมมี่เหมือนกัน

(3) มัมมี่นอนเอาแขนไขว้กัน บนหน้าอก เหมือนกัน :

(4) ศพมีหน้ากากทองครอบศีรษะ เหมือนกัน :

(5) บ่วงสร้อยคอของศพ เป็นรูปสัตว์ 2 หัว หันหน้าออกไปในทิศตรงกันข้ามกัน เช่นเดียวกัน :

(6) ก้อนหินสร้างอิฐก่อกำแพง ลักษณะคล้ายกัน :

(7) การตัดก้อนหินที่แม่นยำเฉียบคม แบบเดียวกัน :

(8) ประตูทางเข้าทรง 4 เหลี่ยมคางหมู เหมือนกันมีรูปแกะสลัก "อสรพิษสมมาตรคู่แฝด" ไว้เหนือประตูเหมือนกัน :

มาดูความเหมือนหรือคล้ายกันข้อต่อๆไปกันครับ.....

(9) รูปกะโหลกศีรษะมัมมี่ในปิรามิด สูงยาวและโน้มเอนแบบเดียวกัน อันนี้แปลกมากๆ

(10) มีเสาทรงสูง ซึ่งเรียกว่า "เสาโอเบลิสก์" (OBELISK) ที่ีอักษรโบราณ "เฮียรโรกลิฟฟิก" แกะสลักจารึกบนเสา เหมือนกัน
เสาโอเบลิสก์นี้ แสดงพลังอำนาจของผู้ชาย,ความอุดมสมบูรณ์,การให้กำเนิด,ความยั่งยืน และความแข็งแรง

(11) มีวิหารที่สร้างออกแบบให้ "ลาดเอียงเข้าด้านใน" เพื่อให้ทนทานต่อแผ่นดินไหวอยู่ได้อย่างยาวนาน

(12) นับถือ "สุริยเทพ" เหมือนกัน ทั้งสองอารยธรรม นับถือพระอาทิตย์เป็นพระเจ้า ในอียิปต์ สุริยเทพคือ "รา" ส่วนในเปรู ชาวอินคาเรียกสุริยเทพว่า "อินติ" (Inti) ทั้งสองอารยธรรมเชื่อว่า พระอาทิตย์เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตและวิญญาณ สุริยเทพจะมอบ "ชีวิตนิรันดร์" ให้ คนเราเกิดมาได้โดยความมีความเป็นของสุริยเทพ แต่ขณะที่เรามีชีวิตอยู่นี้ มีความทรงจำเกี่ยวกับตัวตนทางจิตอยู่ ซึ่งอันที่จริงแล้ว เรากำลังหลงทางที่จะกลับบ้านกันอยู่ (กลับไปหาสุริยเทพ)

(13) มีเทพที่เป็นสัตว์ อยู่สองข้าง หันหน้าไปคนละทาง ดวงอาทิตย์หรือสุริยเทพอยู่ตรงกลาง เหมือนกัน
จุดกึ่งกลางของสุริยเทพนั้น แสดงความสมดุลที่สมบูรณ์แบบ ระหว่างฤดูหนาวและฤดูร้อน เป็นสัญลักษณ์คำสอนให้อยู่กับธรรมชาติที่สมดุลย์

(14) ที่กลางหน้าผากของหน้ากากมัมมี่ มีรูปสัตว์ติดอยู่ เหมือนกัน
โดยของอียิปต์ เป็นงู ส่วนของอินคา เป็นนกเค้าแมว และมันเป็นสัญลักษณ์แห่ง "ดวงตาที่ 3" แห่งการหยั่งรู้ หรือ "ดวงตาแห่งจิตวิญญาณ"

(15) วิหารบางแห่งมี "ซุ้มประตูรูปขั้นบันได" แบบเดียวกัน เป็นสัญลักษณ์ของการขึ้นไปทีละขั้นของผู้เริ่มต้นเดินทางจากความเป็นมนุษย์ที่ต่ำต้อยไปสู่ความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์แบบ กรุงโรมไม่ได้สร้างขึ้นภายในหนึ่งวัน คุณไม่อาจพบ "พระคริสต์ภายใน" หรือ "พระพุทธเจ้าภายใน" ในหนึ่งวันได้หรอก การขึ้นสู่สวรรค์ต้องใช้เวลาและความพยายาม

(16) มี " ไตรทวาราม " หรือ "วิหารสามประตู" เหมือนกัน
ประตูด้านนอกคู่ เป็นสัญญลักษณ์แห่งความเป็นตรงกันข้าม ในขณะที่ประตูกลาง เป็นสัญลักษณ์ของความสมดุลย์อันเป็นนิรันดร์
การสร้างประตูแบบนี้ ต่อมา กลายเป็นต้นแบบแห่งศิลปสถาปัตยกรรมแบบ "โกธิค"

(17) ผนึกที่ต้องเป็นโลหะ ประทับตราลงบนหินที่คล้ายกัน
มันจะมีโอกาสมากน้อยแค่ไหนกัน กับการพัฒนาให้มีเครื่องมือแบบเดียวกันนี้ ในช่วงเวลานับพันๆปี พร้อมกันในดินแดนคนละซีกโลกแบบนี้ ?

(18) รูปลักษณะแทนตัว "พระเจ้า" ที่คล้ายกัน โพสต์ท่าเดียวกัน

(19) หลุมฝังศพ และวิหาร ที่สร้างออกแบบ "เอนเข้าข้างใน" เพื่อต้านแผ่นดินไหว เหมือนในข้อ 11

(20) โลงศพของมัมมี่ มี โลงศพ "ชั้นนอก" (เรียกว่า "แอนโทรพ้อยท์") เหมือนกัน

(21) กลางหน้าผากของรูปปั้น มีรูป "สุริยเทพ" หรือดวงอาทิตย์ เป็นสัญลักษณ์ของ "ตาที่ 3" เหมือนกัน

(22) บางทีก็มีรูปดวงอาทิตย์ ที่ศีรษะ เป็นสัญลักษณ์ของ "ตาที่ 3" หรือ "ความหยั่งรู้" เหมือนกัน

(23) มีการบูชา "ดวงตาเทพ" ที่เป็นรูปตาข้างเดียว เหมือนกัน
และมันหมายถึง "จิตวิญญาณภายใน" เช่นกันด้วย

(24) สถาปัตยกรรมแบบ MEGALITHIC เหมือนกัน
คือการใช้ก้อนหินขนาดใหญ่ ก้อนหนึ่งหนักเป็นสิบๆตันทั้งนั้น

(25) สร้าง เรือขนาน แบบเดียวกัน

(26) มีภาพเทพ แบบ "ลอยตัว" เหมือนกัน

(27) มีสิ่งก่อสร้างที่เป็นรูป "ลึงค์" ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งความอุดมสมบูรณ์ เหมือนกัน

(28) มีศิลปะ ลวดลายแบบ "สปิราล" (SPIRAL)เหมือนกัน
Spirals เป็นสัญลักษณ์ของทางเข้าออกของเราจากโลกแห่งวัตถุ ไปยังโลกแห่งจิตวิญญาณ ซึ่งโลกทั้งสองด้านล้อมรอบชีวิตนิรันดร์ของคนเรา
สำหรับ ภาพซ้ายมือ มาจาก "ทุ่งราบนาสก้า" ในเปรู ซึ่งต้องนั่งเครื่องบินหรือเฮลิค็อปเตอร์มองลงมาจากทางอากาศเบื้องสูงเท่านั้นจึงจะมองเห็น !!! ชาวบ้านธรรมดา ชาวอินคา สร้างไว้ทำไม ???

(29) มีมหาวิหารที่ก่อสร้างรูปแบบคล้ายกันมาก

(30) มักใช้สมมาตรกับศิลปะ และบ่อยครั้งที่ใช้ งู เป็นภาพประกอบในสัดส่วนที่เหมาะเจาะ

(31) รูปแบบการแกะสลักก้อนหินใหญ่ ก็คล้ายคลึงกัน

(32) งานศิลปะที่มุ่งเน้นไปที่สัญลักษณ์แห่งสมมาตรและความลึกลับ เหมือนกัน

(33) ภาพสุริยเทพ เป็นวงกลมที่มีจุดกึ่งกลาง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของตนเองในทั้งสองวัฒนธรรม

สรุป ชาวอินคาและชาวอียิปต์ มีความคล้ายคลึงกันอย่างสุดซึ้ง นักวิชาการชาววิกตอเรียเชื่อว่า ทั้งสองวัฒนธรรม เป็นลูกหลานที่มีวัฒนธรรมมาจากแม่เดียวกัน คือจากอารยธรรม "แอตแลนติส" (Atlantis) ซึ่งได้สมญานามว่า "ยุคทอง" เลยทีเดียว ถ้ามันเคยมีจริง เพราะจากคำบอกเล่ากล่าวขานหรือตำนาน อารยธรรมแอตแลนติส ก้าวหน้าถึงขั้นมียานพาหนะที่บินไปในอากาศได้ เหมือนยุคปัจจุบัน!!!

พวกเขาเชื่อว่าแอตแลนติสจมลงในมหาสมุทรแอตแลนติกตามรูปแบบของความหายนะที่เกิดจากน้ำท่วม แต่ได้ทิ้งร่องรอยไว้ด้านข้างของมหาสมุทรแอตแลนติกที่รักษาวัฒนธรรมไว้

ทั้งชาวอียิปต์และชาวอินคาไม่ค่อยติดต่อกับคนอื่น แต่ทั้งคู่ต่างก็มีมรดกร่วมกัน

นักวิชาการตะวันตกและสถาบันการศึกษาต่างพากันละเลยแอตแลนติส ที่แย่ที่สุดคือ พวกเขาปฏิเสธหลักฐานและความลึกลับของแอตแลนติส ไม่ยอมรับว่ามันเคยมีอยู่จริง แต่นักประดาน้ำสหรัฐ เคยดำดิ่งลงไปพบ กำแพงเมืองโบราณ จมอยู่ใต้มหาสมุทรแอตแลนติกมาแล้ว!!!

MC อาจจะค้นเรื่อง "อารยธรรมแอตแลนติส" นี้มาเล่า ในโอกาสหน้าครับ

เครดิตข้อมูลจากเว็บต่างประเทศ http://humansarefree.com/2013/12/the-amazing-connections-between-inaca.html
MC แปล และ เรียบเรียงเอง ทั้งหมด

พบกันใหม่ ในวันพรุ่งนี้ อีกวันหนึ่งครับ