หลังจากทำสถิติ ชนะมากที่สุดในพรีเมียร์ลีคคือ 30 นัด และแต้มมากสุดเป็นอันดับ 2 ในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีค คือ 93 แต้มของ ยอดโค้ชจอมฮาร์ดคอ

ซึ่งอันดับหนึ่งก็คือทีมสิงห์ตัวนี้ในยุคของจ่ามูจอมอหังการ์ 95 แต้ม เมื่อ 2004/2005
รวมทั้งยอดกัปตันคนเดียวในรอบสิบปีได้ ที่มาจากอคาเดมี่แห่งนี้ พร้อมกับสถิติต่างๆอันน่าทึ่ง และเป็นกองหลังที่ทำประตูสูงสุดตลอดกาลพรีเมียร์ลีค 41 ประตู

โดยมีแลมพาร์ดเป็นกองกลางที่ทำประตูมากสุดในพรีเมียร์ลีคคือ 177 ประตู และเป็นอันดับ 4 ในทำเนียบดาวยิงตลอดกาลรองจาก แอนดี้โคล เวร์น รูนี่ เชียเรอ 260 ประตู ใครจะลบฮอตช็อตได้ล่ะนั่น

หลังตำนานอย่างเทอร์รี่จากไปเมื่อจบฤดูกาลอันเหมือนจะสวยหรูกับการพลิกทีมที่ระส่ำระสายเมื่อปีก่อน ด้วยการจบอันดับ 10 พร้อมสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของทีมที่แตกเป็นเสี่ยงๆจากปัญหาภายใน คอนเต้ปรับจูนทีมอย่างไม่รีบร้อนจากแผนที่เล่นมาเนิ่นนานอย่าง 4-5-1 โดยค่อยๆซ้อมแผน 3-4-3 และลองใช้ในครึ่งหลังนัดที่โดนปืนใหญ่ถลุงจนเละเทะ จนเกิดเป็นเทรนด์หลัง 3 เอฟเฟค ที่ทีมอื่นๆหันมาใช้แก้ไขเกมรับกันหลายทีม อย่างไก่ ผี
เมื่อคว้าแชมป์ เหล่าแฟนๆก็คาดหวังการเสริมทัพให้พร้อมลุยบอลถ้วยหูใหญ่กันอย่างใจจดใจจ่อ
แต่กลายเป็นว่ามีปัญหามากกว่าผุดออกมาเรื่อยๆ
เริ่มจากดาวยิงสายโหด เถื่อน อย่างคอสต้าจอมงอแงถูกคอนเต้ ตัดสัมพันธ์ด้วยการปล่อยข้อความกลางโปรแกรมทีมชาติ

ทำให้เกิดหลุมขนาดใหญ่ในการอุดและถมในตำแหน่งดาวยิงของทีมขึ้นทันที
โดยข่าวลือหนาหูว่าบอสชาวอิตาเลี่ยนจิ้มเป้าไปที่ ลูกากู แต่ทีมซื้อขายกลับคว้าตัวไว้ไม่ได้

ปัญหานี้ใหญ่สุด แต่ปัญหาอื่นก็ไม่ด้อยไปกว่ากัน เพราะยังไงก็ยังมีสำรองอย่าง บาทชูอายี่ ที่มีโอกาสปรับตัวมาแล้ว 1 ฤดูกาล แม้ดาวยิงระดับโลกที่คอนเต้ร้องขอจะเป็นใคร ใช้เวลาปรับตัวนานไหม ก็ไม่น่าหนักใจมากนัก

แต่ที่เร่งด่วนไม่แพ้กันคือตำแหน่งที่เป็นตัวขับเคลื่อนแผน 3-4-3 อย่างวิงแบ็คซ้ายที่ ยังไม่มีใครมาทดแทนได้หาก มากอส อลอนโซ่ ไม่พร้อมลงเล่นได้เลย

แม้จะสลับ "เดฟ" อัซปิลิกวยต้า มาเล่นคู่กับอาร์ซา แต่ก็รุกได้ไม่เนียนตา แถมลูกครอสจากด้านข้างที่แม่นยำก็จะหายไปด้วย ไหนมีข่าวบาร์ซ่าจ้องดูดอีกตะหาก

ที่ขาดไม่ได้เลยคือ ปราการหลังตัวกลาง ที่เป็นบ่อแร่ "อดาแมนเที่ยมผสมโอริฮารูก้อน" อย่าง แกรี่ เคฮิล ที่ รั่ว ช้า มีดีแค่สัญชาติอังกฤษ ทำให้ทีมต้องเสริมทัพอย่างเร่งด่วน โดยได้ตัว รึดิเกอร์ มาท่ามกลางข่าวว่าคอนเต้ไม่ได้ต้องการตัวนี้ เหมือนคราวที่ จ่ามู ได้ตัว ปาปี้ ชิโลโบชชี่และบาบ้า รามาน รวมทั้งราดาเมล ฟัลเกา มาเสริมทีม
แถมยังปล่อยดาวรุ่งอนาคตหลายคนออกจากทีมอย่าง นาธาน อาเก้ โดมินิค โซลันเก้ ซึ่งเหตุผลคือทีมไม่สามารถให้โอกาสลงเล่นได้ เหมือนกับ เดอบรอย ลูกากู เมื่อหลายปีก่อน
แสดงให้เห็นว่านโยบายทีมบางอย่างไม่ได้สนับสนุน ผจกและนักเตะดาวรุ่งมากพอ
โดยล่าสุดมีข่าวว่าปล่อยตัวกองกลางอย่าง นาธาเนี่ยล ชาโลบา ออกไปอยู่กับวัตฟอร์ดแล้ว ทำให้กองกลางเหลือเพียง กองเต้ ฟาเบรกัส และ มาติช(ที่มีข่าวหนาหูว่าจะย้ายทีมในตลาดรอบนี้ซะเหลือเกิน) ซึ่งอาจจะไม่เพียงพอกับการลุยศึกในปีนี้ได้ แม้จะรอการชูเสื้อของ ตีเอมูเอ้ บากาโยโก้อยู่ก็ตาม

แต่ในตำแหน่งกองกลางก็ดูจะไม่เพียงพอสำหรับเกมการแข่งขันแน่นเอียด 4-5 รายการแน่ๆ และสิ่งที่คาดหวังไม่ได้เลย แม้จะแอบหวังหน่อยๆก็คือ การใช้ดาวรุ่งมาลงเล่น ในกรณีที่ตัวจริงไม่พร้อม เนื่องจากตัวความหวังอย่าง ชาโลบาก็ย้ายออกและลอฟตัสชีคก็ยืมตัวไปแล้ว หากจะคาดหวังดาวรุ่งโดยไม่ซื้อใครเพิ่มเติมเลย เราอาจจะได้เห็นคนๆนี้ ลูวิส เบเกอร์ (แต่อย่าหวังมาก)

แต่ในข่าวร้ายก็ยังมีข่าวดีคือ ชาลี มูซอนด้า ถูกคาดหวังจากคอนเต้ในการทำทีมปีนี้ โดยดาวรุ่งสัญชาติเดียวกันกับอาร์ซา ก็พร้อมจะแสดงฝีเท้าแล้วในปีนี้ หลังไปฟาร์มเลเวลที่สเปนกับเรอัลเบติส

สุดท้ายก็คงจะพูดได้ไม่เต็มปากว่าเชลซีจะคงยึดแผน 3-4-3 ไปตลอดในปีหน้า แฟนบอลโดยเฉพาะสิงห์โตน้ำเงินครามคงจะได้เห็นแนวทางและแท็คติคใหม่ๆของโค้ชชาวอิตาเลี่ยนคนนี้เป็นแน่
ยอดโค้ชผู้คว้าแชมป์ลีค 4 ปีซ้อน จากจูเวนตุสมาถึงเชลซี
ปล.แค่ลองเขียนปนบ่นๆนะครับ
ปล.2 #Emenalo Out
สิงห์โตน้ำเงินคราม แชมป์เปี้ยน ที่กำลังสั่นคลอน
ซึ่งอันดับหนึ่งก็คือทีมสิงห์ตัวนี้ในยุคของจ่ามูจอมอหังการ์ 95 แต้ม เมื่อ 2004/2005
รวมทั้งยอดกัปตันคนเดียวในรอบสิบปีได้ ที่มาจากอคาเดมี่แห่งนี้ พร้อมกับสถิติต่างๆอันน่าทึ่ง และเป็นกองหลังที่ทำประตูสูงสุดตลอดกาลพรีเมียร์ลีค 41 ประตู
โดยมีแลมพาร์ดเป็นกองกลางที่ทำประตูมากสุดในพรีเมียร์ลีคคือ 177 ประตู และเป็นอันดับ 4 ในทำเนียบดาวยิงตลอดกาลรองจาก แอนดี้โคล เวร์น รูนี่ เชียเรอ 260 ประตู ใครจะลบฮอตช็อตได้ล่ะนั่น
หลังตำนานอย่างเทอร์รี่จากไปเมื่อจบฤดูกาลอันเหมือนจะสวยหรูกับการพลิกทีมที่ระส่ำระสายเมื่อปีก่อน ด้วยการจบอันดับ 10 พร้อมสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของทีมที่แตกเป็นเสี่ยงๆจากปัญหาภายใน คอนเต้ปรับจูนทีมอย่างไม่รีบร้อนจากแผนที่เล่นมาเนิ่นนานอย่าง 4-5-1 โดยค่อยๆซ้อมแผน 3-4-3 และลองใช้ในครึ่งหลังนัดที่โดนปืนใหญ่ถลุงจนเละเทะ จนเกิดเป็นเทรนด์หลัง 3 เอฟเฟค ที่ทีมอื่นๆหันมาใช้แก้ไขเกมรับกันหลายทีม อย่างไก่ ผี
เมื่อคว้าแชมป์ เหล่าแฟนๆก็คาดหวังการเสริมทัพให้พร้อมลุยบอลถ้วยหูใหญ่กันอย่างใจจดใจจ่อ
แต่กลายเป็นว่ามีปัญหามากกว่าผุดออกมาเรื่อยๆ
เริ่มจากดาวยิงสายโหด เถื่อน อย่างคอสต้าจอมงอแงถูกคอนเต้ ตัดสัมพันธ์ด้วยการปล่อยข้อความกลางโปรแกรมทีมชาติ
ทำให้เกิดหลุมขนาดใหญ่ในการอุดและถมในตำแหน่งดาวยิงของทีมขึ้นทันที
โดยข่าวลือหนาหูว่าบอสชาวอิตาเลี่ยนจิ้มเป้าไปที่ ลูกากู แต่ทีมซื้อขายกลับคว้าตัวไว้ไม่ได้
ปัญหานี้ใหญ่สุด แต่ปัญหาอื่นก็ไม่ด้อยไปกว่ากัน เพราะยังไงก็ยังมีสำรองอย่าง บาทชูอายี่ ที่มีโอกาสปรับตัวมาแล้ว 1 ฤดูกาล แม้ดาวยิงระดับโลกที่คอนเต้ร้องขอจะเป็นใคร ใช้เวลาปรับตัวนานไหม ก็ไม่น่าหนักใจมากนัก
แต่ที่เร่งด่วนไม่แพ้กันคือตำแหน่งที่เป็นตัวขับเคลื่อนแผน 3-4-3 อย่างวิงแบ็คซ้ายที่ ยังไม่มีใครมาทดแทนได้หาก มากอส อลอนโซ่ ไม่พร้อมลงเล่นได้เลย
แม้จะสลับ "เดฟ" อัซปิลิกวยต้า มาเล่นคู่กับอาร์ซา แต่ก็รุกได้ไม่เนียนตา แถมลูกครอสจากด้านข้างที่แม่นยำก็จะหายไปด้วย ไหนมีข่าวบาร์ซ่าจ้องดูดอีกตะหาก
ที่ขาดไม่ได้เลยคือ ปราการหลังตัวกลาง ที่เป็นบ่อแร่ "อดาแมนเที่ยมผสมโอริฮารูก้อน" อย่าง แกรี่ เคฮิล ที่ รั่ว ช้า มีดีแค่สัญชาติอังกฤษ ทำให้ทีมต้องเสริมทัพอย่างเร่งด่วน โดยได้ตัว รึดิเกอร์ มาท่ามกลางข่าวว่าคอนเต้ไม่ได้ต้องการตัวนี้ เหมือนคราวที่ จ่ามู ได้ตัว ปาปี้ ชิโลโบชชี่และบาบ้า รามาน รวมทั้งราดาเมล ฟัลเกา มาเสริมทีม
แถมยังปล่อยดาวรุ่งอนาคตหลายคนออกจากทีมอย่าง นาธาน อาเก้ โดมินิค โซลันเก้ ซึ่งเหตุผลคือทีมไม่สามารถให้โอกาสลงเล่นได้ เหมือนกับ เดอบรอย ลูกากู เมื่อหลายปีก่อน
แสดงให้เห็นว่านโยบายทีมบางอย่างไม่ได้สนับสนุน ผจกและนักเตะดาวรุ่งมากพอ
โดยล่าสุดมีข่าวว่าปล่อยตัวกองกลางอย่าง นาธาเนี่ยล ชาโลบา ออกไปอยู่กับวัตฟอร์ดแล้ว ทำให้กองกลางเหลือเพียง กองเต้ ฟาเบรกัส และ มาติช(ที่มีข่าวหนาหูว่าจะย้ายทีมในตลาดรอบนี้ซะเหลือเกิน) ซึ่งอาจจะไม่เพียงพอกับการลุยศึกในปีนี้ได้ แม้จะรอการชูเสื้อของ ตีเอมูเอ้ บากาโยโก้อยู่ก็ตาม
แต่ในตำแหน่งกองกลางก็ดูจะไม่เพียงพอสำหรับเกมการแข่งขันแน่นเอียด 4-5 รายการแน่ๆ และสิ่งที่คาดหวังไม่ได้เลย แม้จะแอบหวังหน่อยๆก็คือ การใช้ดาวรุ่งมาลงเล่น ในกรณีที่ตัวจริงไม่พร้อม เนื่องจากตัวความหวังอย่าง ชาโลบาก็ย้ายออกและลอฟตัสชีคก็ยืมตัวไปแล้ว หากจะคาดหวังดาวรุ่งโดยไม่ซื้อใครเพิ่มเติมเลย เราอาจจะได้เห็นคนๆนี้ ลูวิส เบเกอร์ (แต่อย่าหวังมาก)
แต่ในข่าวร้ายก็ยังมีข่าวดีคือ ชาลี มูซอนด้า ถูกคาดหวังจากคอนเต้ในการทำทีมปีนี้ โดยดาวรุ่งสัญชาติเดียวกันกับอาร์ซา ก็พร้อมจะแสดงฝีเท้าแล้วในปีนี้ หลังไปฟาร์มเลเวลที่สเปนกับเรอัลเบติส
สุดท้ายก็คงจะพูดได้ไม่เต็มปากว่าเชลซีจะคงยึดแผน 3-4-3 ไปตลอดในปีหน้า แฟนบอลโดยเฉพาะสิงห์โตน้ำเงินครามคงจะได้เห็นแนวทางและแท็คติคใหม่ๆของโค้ชชาวอิตาเลี่ยนคนนี้เป็นแน่
ยอดโค้ชผู้คว้าแชมป์ลีค 4 ปีซ้อน จากจูเวนตุสมาถึงเชลซี
ปล.แค่ลองเขียนปนบ่นๆนะครับ
ปล.2 #Emenalo Out