อยู่ที่ตำบลปงยางคก อำเภอห้างฉัตร จังหวัดลำปาง
บนเส้นทาง เกาะคา - ห้างฉัตร เช่นเดียวกับวัดพระธาตุลำปางหลวง
ห่างจากซุปเปอร์ไฮเวย์ ( เชียงใหม่ - ลำปาง ) ราว 5 กม. ข้าง อบต.ปงยางคก
ฤาษีวาสุเทพ ได้สร้างเมือง หริภุญไชย
ได้ไปเชิญเจ้าแม่จามเทวี ราชธิดากรุงละโว้ ให้มาปกครอง ราว พ.ศ. 1206
ขณะนั้นทรงพระครรภ์ และต่อมาก็ได้พระราชบุตรสองพระองค์
ถึงปี พ.ศ. 1224 ทรงให้
มหันตยศ ราชบุตรองค์ที่แรก ครองเมืองหริภุญไชยแทน
อนันตยศ ราชบุตรองค์ที่สอง ไปสร้างและปกครองเมืองเขลางค์นคร
พ.ศ.1243 พระนางจามเทวีเสด็จมาเยี่ยมอนันตยศ ในเขลางค์นคร
เมื่อมาถึง ณ ฝั่งแม่น้ำแห่งหนึ่งเป็นที่รื่นรมย์ ... คลองแม่ตาล ?
จึงสร้างเมืองลำลอง พัก ณ ที่แห่งนั้น ชื่อว่า "เวียงรมณีย์" หรือ เมืองตาล
ปัจจุบันเป็นเมืองร้าง มีแต่คูดิน
อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของที่ว่าการอำเภอ ห้างฉัตร ประมาณ 2 ก.ม.
ขณะที่พักอยู่ที่เวียงมณีย์นั้น
ได้สร้างฉัตรทองคำสำหรับจะไปบูชาพระธาตุลำปางหลวง
ณ ที่ใช้ช่างสร้างฉัตร เรียกว่า บ้านห้างฉัตร หรืออำเภอห้างฉัตร
เมื่อสร้างฉัตรทองคำเสร็จแล้ว
ก็ทรงช้างพระที่นั่งไปวัดพระธาตุลำปางหลวง
พอไปถึง ณ ที่แห่งหนึ่งปรากฏอัศจรรย์
ช้าง ( จ๊าง ) พระที่นั่งทรุดเข่าลงหมอบคู้ชูงวงในท่าคารวะ
ณ ที่แห่งนี้จึงเรียกว่า "บ้านปงจ๊างนบ" ภายหลังเพี้ยนเป็น "ปงยางคก"
กู่จ๊างนบ
ซุ้มประตูวัดรูปช้างนบ
พระนางเห็นเป็นที่อัศจรรย์ จึงพักพล ณ ที่นั้น
ตกกลางคืนได้อธิษฐานว่า
ณ ที่นี้หากมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ก็ขอให้ปรากฏปาฏิหาริย์ขึ้น
ก็ปรากฏแสงฉัพพรรณรังสีแห่งพระบรมสารีริกธาตุ
พวยพุ่งขึ้น ณ ที่ จอมปลวกแห่งหนึ่ง
จึงครอบจอมปลวกไว้ด้วยมณฑปปราสาท
และปลูกวิหาร ... วิหารจามเทวี
วิหารมีผังสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดห้าห้อง
ยกเก็จแบ่งตามพื้นที่ใช้สอยสามส่วน ... วิหารล้านนา
ตอนล่างเปิดโล่งตลอดไม่มี ประตูและหน้าต่าง ... วิหารโถง
ตอนสุดท้ายของวิหารมีผนังก่ออิฐฉาบปูนทึบสามด้าน
ล้อมกู่พระเจ้าหรือโขงพระเจ้า หรือซุ้มปราสาท
หลังคาด้านหน้าซ้อนสามชั้น ด้านหลังสองชั้น
เดิมมุงด้วยแป้นไม้เกล็ด แต่ได้ผุกร่อนไปตามกาลเวลา
ปัจจุบันจึงมุงด้วยดินขอเกล็ด
เดิมฐานพระวิหารเดิมคงสูงจากพื้นดิน
ด้านหน้า
เสาด้านนอกเป็นเสาเหลี่ยม ... ยังไม่ได้ขัดเกลา
เพิ่งสังเกตุคันทวยวันนี้เอง
รอบจอมปลวกไว้ด้วยมณฑปปราสาท
เรือนยอดก่อนอิฐครอบพระประธาน
โครงหลังคาแบบม้าต่างไหม
แต่งลายรูปต่าง ๆ ด้วยลายเขียนน้ำรักปิดทองบนพื้นสีแดง ... ลายคำ
ฝาน้ำย้อยคือผนังที่ห้อยลงมาเพื่อกันฝนในส่วนที่ไม่มีผนัง
เขียนลวดลายบูรณฆฎะ หรือปูรณกลศ หมายถึง หม้อดอก ในภาษาล้านนา
สื่อความหมายถึงหม้อที่มีน้ำเต็มเปี่ยม ใส่ดอกบัวที่ใช้สักการบูชาองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
และเป็นหนึ่งในมงคล 108 อย่างในรอยพระพุทธบาท
ไม้เลื้อยนั้นหมายถึงความงอกงามของชีวิตและการสร้างสรรค์
ตั้งแต่ พ.ศ. 2110 บุเรงนองได้ครอบครองล้านนาประเทศ
ปกครองข่มเหงชาวล้านนา จึงมีการจะแข็งเมืองอยู่เนือง ๆ
ที่เขลางค์นครมีการซ่องสุมผู้คน
ท้าวมหายศ พม่าที่ครองลำพูนจึงยกทัพมาปราบได้สำเร็จ
และตั้งทัพอยู่ที่วัดพระธาตุลำปางหลวง
หนานผู้ที่ติ๊บจ๊าง คนปงยางคก มีอาชีพเป็นพรานป่า
(หนาน = ผู้ที่เคยบวช ชื่อทิพช้าง)
ได้รวมผู้คนได้ 300 คน ล้อมวัดพระธาตุลำปางหลวง
แล้วตนได้ลอบเข้าไปในวัดทางท่อระบายน้ำทิศตะวันตก
ปลอมตัวว่าถือหนังสือมาจากชายาท้าวมหายศ
เมื่อส่งให้แล้วถอยมาพอระยะจึงใช้ปืนยิงท้าวมหายศตายคาวงหมากรุก
ลูกปืนนั้นทะลุไปถูกรั้วกรงเหล็กที่ล้อมพระธาตุลำปางหลวง ด้านตะวันออกขององค์พระธาตุ
ธรรมาสน์นี้ ที่เชื่อว่า หนานติ๊บจ๊างที่เคยบวชเรียนที่วัดนี้ได้ขึ้นเทศนา
และรอยดาบ ที่ต่อสู้กับท้าวมหายศ
... เมืองเก่าที่พระเจ้าอนัตยศสร้างชื่อ เขลางค์นครเป็นรูปหอยสังข์ทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำวัง - มีชื่อเมืองตามพรานที่มาหาที่ตั้งเมือง เป็นเมืองเขลางค์ยุคแรก
แต่
เมืองตรงบริเวณวัดพระธาตุลำปางหลวง ชื่อ ลัมพกัปปะนคร - ตามตำนานพระธาตุ
ต่อมาสมัย ล้านนา มีการขยายเมืองออกมาทางทิศใต้ของเมืองเดิม ทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำวัง เรียกชื่อเมืองเก่าและเมืองใหม่ผนวกกันเป็น เมืองละกอน หรือ เวียงละกอน
จาก
ตำนานชินกาลมารีปกรณ์
ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่
ตำนานเมืองเชียงแสน
พงศาวเหนือ
ต่างเรียกชื่อ เมืองนครลำปาง
ในที่สุดเมื่อมีเปลี่ยนการปกครองจากมณฑลเทศาภิบาลเป็นจังหวัด ปี พ.ศ. 2459 เรียกเป็น จังหวัดลำปาง
เจ้าหนานติ๊บจ๊าง
หลังจากยิงท้าวมหายศตาย
ได้ปกครอง เขลางค์นคร ( พ.ศ.2275-2306 )
พระนามว่าเจ้าพระยาสุรวฤาชัยสงคราม
เจ้าฟ้าชายแก้ว สิงหราชธานี โอรส พระนามว่าเจ้าพระยาสุรวฤาชัยสงคราม
มีโอรส 7 องค์ที่ได้ร่วมกอบกู้ล้านนาร่วมกับสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
ต้นราชวงค์ ทิพจักราธิวงศ์ หรือ เจ้าเจ็ดตน ... เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่
ต้นโพธิ์ และบ่อน้ำหน้าวัด ดูจากกำแพงที่ล้อมไว้แล้วน่าจะโบราณทั้งคู่ ... อาจถึงสมัยพระนางจามเทวี

วิหารโถงล้านนา ... วัดปงยางคก อ.เกาะคา ลำปาง
อยู่ที่ตำบลปงยางคก อำเภอห้างฉัตร จังหวัดลำปาง
บนเส้นทาง เกาะคา - ห้างฉัตร เช่นเดียวกับวัดพระธาตุลำปางหลวง
ห่างจากซุปเปอร์ไฮเวย์ ( เชียงใหม่ - ลำปาง ) ราว 5 กม. ข้าง อบต.ปงยางคก
ฤาษีวาสุเทพ ได้สร้างเมือง หริภุญไชย
ได้ไปเชิญเจ้าแม่จามเทวี ราชธิดากรุงละโว้ ให้มาปกครอง ราว พ.ศ. 1206
ขณะนั้นทรงพระครรภ์ และต่อมาก็ได้พระราชบุตรสองพระองค์
ถึงปี พ.ศ. 1224 ทรงให้
มหันตยศ ราชบุตรองค์ที่แรก ครองเมืองหริภุญไชยแทน
อนันตยศ ราชบุตรองค์ที่สอง ไปสร้างและปกครองเมืองเขลางค์นคร
พ.ศ.1243 พระนางจามเทวีเสด็จมาเยี่ยมอนันตยศ ในเขลางค์นคร
เมื่อมาถึง ณ ฝั่งแม่น้ำแห่งหนึ่งเป็นที่รื่นรมย์ ... คลองแม่ตาล ?
จึงสร้างเมืองลำลอง พัก ณ ที่แห่งนั้น ชื่อว่า "เวียงรมณีย์" หรือ เมืองตาล
ปัจจุบันเป็นเมืองร้าง มีแต่คูดิน
อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของที่ว่าการอำเภอ ห้างฉัตร ประมาณ 2 ก.ม.
ขณะที่พักอยู่ที่เวียงมณีย์นั้น
ได้สร้างฉัตรทองคำสำหรับจะไปบูชาพระธาตุลำปางหลวง
ณ ที่ใช้ช่างสร้างฉัตร เรียกว่า บ้านห้างฉัตร หรืออำเภอห้างฉัตร
เมื่อสร้างฉัตรทองคำเสร็จแล้ว
ก็ทรงช้างพระที่นั่งไปวัดพระธาตุลำปางหลวง
พอไปถึง ณ ที่แห่งหนึ่งปรากฏอัศจรรย์
ช้าง ( จ๊าง ) พระที่นั่งทรุดเข่าลงหมอบคู้ชูงวงในท่าคารวะ
ณ ที่แห่งนี้จึงเรียกว่า "บ้านปงจ๊างนบ" ภายหลังเพี้ยนเป็น "ปงยางคก"
กู่จ๊างนบ
ซุ้มประตูวัดรูปช้างนบ
พระนางเห็นเป็นที่อัศจรรย์ จึงพักพล ณ ที่นั้น
ตกกลางคืนได้อธิษฐานว่า
ณ ที่นี้หากมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ก็ขอให้ปรากฏปาฏิหาริย์ขึ้น
ก็ปรากฏแสงฉัพพรรณรังสีแห่งพระบรมสารีริกธาตุ
พวยพุ่งขึ้น ณ ที่ จอมปลวกแห่งหนึ่ง
จึงครอบจอมปลวกไว้ด้วยมณฑปปราสาท
และปลูกวิหาร ... วิหารจามเทวี
วิหารมีผังสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดห้าห้อง
ยกเก็จแบ่งตามพื้นที่ใช้สอยสามส่วน ... วิหารล้านนา
ตอนล่างเปิดโล่งตลอดไม่มี ประตูและหน้าต่าง ... วิหารโถง
ตอนสุดท้ายของวิหารมีผนังก่ออิฐฉาบปูนทึบสามด้าน
ล้อมกู่พระเจ้าหรือโขงพระเจ้า หรือซุ้มปราสาท
หลังคาด้านหน้าซ้อนสามชั้น ด้านหลังสองชั้น
เดิมมุงด้วยแป้นไม้เกล็ด แต่ได้ผุกร่อนไปตามกาลเวลา
ปัจจุบันจึงมุงด้วยดินขอเกล็ด
เดิมฐานพระวิหารเดิมคงสูงจากพื้นดิน
ด้านหน้า
เสาด้านนอกเป็นเสาเหลี่ยม ... ยังไม่ได้ขัดเกลา
เพิ่งสังเกตุคันทวยวันนี้เอง
รอบจอมปลวกไว้ด้วยมณฑปปราสาท
เรือนยอดก่อนอิฐครอบพระประธาน
โครงหลังคาแบบม้าต่างไหม
แต่งลายรูปต่าง ๆ ด้วยลายเขียนน้ำรักปิดทองบนพื้นสีแดง ... ลายคำ
ฝาน้ำย้อยคือผนังที่ห้อยลงมาเพื่อกันฝนในส่วนที่ไม่มีผนัง
เขียนลวดลายบูรณฆฎะ หรือปูรณกลศ หมายถึง หม้อดอก ในภาษาล้านนา
สื่อความหมายถึงหม้อที่มีน้ำเต็มเปี่ยม ใส่ดอกบัวที่ใช้สักการบูชาองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
และเป็นหนึ่งในมงคล 108 อย่างในรอยพระพุทธบาท
ไม้เลื้อยนั้นหมายถึงความงอกงามของชีวิตและการสร้างสรรค์
ตั้งแต่ พ.ศ. 2110 บุเรงนองได้ครอบครองล้านนาประเทศ
ปกครองข่มเหงชาวล้านนา จึงมีการจะแข็งเมืองอยู่เนือง ๆ
ที่เขลางค์นครมีการซ่องสุมผู้คน
ท้าวมหายศ พม่าที่ครองลำพูนจึงยกทัพมาปราบได้สำเร็จ
และตั้งทัพอยู่ที่วัดพระธาตุลำปางหลวง
หนานผู้ที่ติ๊บจ๊าง คนปงยางคก มีอาชีพเป็นพรานป่า
(หนาน = ผู้ที่เคยบวช ชื่อทิพช้าง)
ได้รวมผู้คนได้ 300 คน ล้อมวัดพระธาตุลำปางหลวง
แล้วตนได้ลอบเข้าไปในวัดทางท่อระบายน้ำทิศตะวันตก
ปลอมตัวว่าถือหนังสือมาจากชายาท้าวมหายศ
เมื่อส่งให้แล้วถอยมาพอระยะจึงใช้ปืนยิงท้าวมหายศตายคาวงหมากรุก
ลูกปืนนั้นทะลุไปถูกรั้วกรงเหล็กที่ล้อมพระธาตุลำปางหลวง ด้านตะวันออกขององค์พระธาตุ
ธรรมาสน์นี้ ที่เชื่อว่า หนานติ๊บจ๊างที่เคยบวชเรียนที่วัดนี้ได้ขึ้นเทศนา
และรอยดาบ ที่ต่อสู้กับท้าวมหายศ
... เมืองเก่าที่พระเจ้าอนัตยศสร้างชื่อ เขลางค์นครเป็นรูปหอยสังข์ทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำวัง - มีชื่อเมืองตามพรานที่มาหาที่ตั้งเมือง เป็นเมืองเขลางค์ยุคแรก
แต่
เมืองตรงบริเวณวัดพระธาตุลำปางหลวง ชื่อ ลัมพกัปปะนคร - ตามตำนานพระธาตุ
ต่อมาสมัย ล้านนา มีการขยายเมืองออกมาทางทิศใต้ของเมืองเดิม ทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำวัง เรียกชื่อเมืองเก่าและเมืองใหม่ผนวกกันเป็น เมืองละกอน หรือ เวียงละกอน
จาก
ตำนานชินกาลมารีปกรณ์
ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่
ตำนานเมืองเชียงแสน
พงศาวเหนือ
ต่างเรียกชื่อ เมืองนครลำปาง
ในที่สุดเมื่อมีเปลี่ยนการปกครองจากมณฑลเทศาภิบาลเป็นจังหวัด ปี พ.ศ. 2459 เรียกเป็น จังหวัดลำปาง
เจ้าหนานติ๊บจ๊าง
หลังจากยิงท้าวมหายศตาย
ได้ปกครอง เขลางค์นคร ( พ.ศ.2275-2306 )
พระนามว่าเจ้าพระยาสุรวฤาชัยสงคราม
เจ้าฟ้าชายแก้ว สิงหราชธานี โอรส พระนามว่าเจ้าพระยาสุรวฤาชัยสงคราม
มีโอรส 7 องค์ที่ได้ร่วมกอบกู้ล้านนาร่วมกับสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
ต้นราชวงค์ ทิพจักราธิวงศ์ หรือ เจ้าเจ็ดตน ... เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่
ต้นโพธิ์ และบ่อน้ำหน้าวัด ดูจากกำแพงที่ล้อมไว้แล้วน่าจะโบราณทั้งคู่ ... อาจถึงสมัยพระนางจามเทวี