[แชร์ประสบการณ์ ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า] ในวันที่ฉันก้าวเข้าสู่แผนกจิตเวช

สวัสดีทุกคนค่ะ นี่เป็นการเล่าประสบการณ์ของตัวเองครั้งแรกเลย ถ้าผิดพลาดตรงไหนขออภัย ณ ที่นี้ด้วยนะคะ


โรคซึมเศร้าคือ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

   แต่ก่อนเราเป็นคนหนึ่งที่ค่อนข้างร่าเริง ตอบสนองต่อทุกสิ่งเลยยิ้มหัวเราะได้ตลอดเวลา แต่ย้อนไปเมื่อสองปีก่อน เรามีแฟน เรารู้สึกว่าเรารักคนนั้นมากแบบขาดเขาไม่ได้เลย แต่สุดท้ายก็แค่หลง เราพยายามให้เขากลับมาค่ะ โดยการกรีดข้อมือตัวเอง ยอมรับว่าตอนนั้นเราโง่มากๆ แต่สุดท้ายเขาก็ไม่กลับมา เราก็หยุดทุกอย่างเลยค่ะ ไม่ทำร้ายตัวเองอีกเลย  ตอนนั้นเราก็ยงใช้ชีวิตปกติดี เที่ยวเล่นไปตามประสา เฮฮาไปกับเพื่อนฝูง


   แต่พอ 6 เดือนต่อมา เราเริ่มเป็นคนเงียบ เก็บตัว ไม่สุงสิงกับใครเลย เพื่อนก็ตีตัวออกห่างหมดเพราะเราเป็นตัวมาคุ กลับกลายเป็นว่าเราเป็นคนที่ไม่มีเพื่อนเลยค่ะ แต่เราก็ยังทนใช้ชีวิตอยู่แบบนั้นไปเรื่อยๆ เพราะคิดในใจว่าเออเราก็อยู่ได้นะไม่มีเพื่อนไม่เห็นเป็นอะไรเลย ก็เข็มแข็งดีนิ แต่กลับกลายเป็นว่าเราเริ่มทำลายความเข้มแข็งของตัวเองไปทีละนิด...


   นั่นคือเหตุผลที่เราไปพบจิตแพทย์... ด้วยที่ว่าเรารู้สึกแปลกแยกจากคนอื่น และความคิดหลายอย่างในหัวที่หนักอึ้ง


   ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นตอนไหน เราอิจฉาแม้กระทั่งเพื่อนที่ป่วยอยู่ในโรงพยาบาลเพราะไดัรับความสนใจจากคนอื่น กับเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อสองปีก่อน..


การเดินเข้าไปในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง เป็นสิ่งที่เราคุ้นเคยดี มันเป็นครั้งแรกที่เดินเข้าไปในแผนกจิตเวชเด็ก และแน่นอนพยาบาลก็เข้ามาถาม
"มีอาการอย่างไรบ้างคะ" เราก็เงียบไปพักหนึ่ง แต่เมื่อได้สติ เราก็ตอบกลับไปว่า "เครียดค่ะ"  โชคดีอย่างหนึ่งนะ ที่พยาบาลไม่ได้ถามอะไรอีก เขาติดต่อทำประวัติให้และให้เราไปนั่งรอ


   จู่เราก็สะดุ้ง เพราะเสียงพยาบาลบอกเราว่าให้เข้าห้องตรวจเพื่อพูดคุยกับหมอ เจอหน้าหมอเรารู้สึกสบายใจแปลกๆ หมอก็ถามชื่อเล่นเรา และเรื่มบทสนทนาด้วยคำพูดนี้

"มีปัญหาตรงไหน เล่าให้หมอฟังซิ"  เป็นแค่คำถามประโยคเดียวที่ทำให้เราน้ำตาไหล ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน แต่ทำให้เรารับรู้ได้ว่าเรายังมีหมอที่รับฟังเราอยู่
  
"หนูไม่รู้ว่าจะเริ่มเล่าตอนไหนดี" เราตอบกลับไปเพราะไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน

"บอกหมอมาสักตอนก็ได้ เดี๋ยวมันก็โยงมาได้เองแหละ"

   เราก็บอกหมอไปเรื่อยๆทั้งน้ำตา ทั้งอารมณ์ ความหดหู่ที่เกิดขึ้น  ใช้ชีวิตแบบไม่รู้ว่าวันเวลามันผ่านไปยังไง เราเฝ้าถามตัวเองมาตลอดปีครึ่ง แต่เราก็อดทนมาถึงตรงนี้ได้พร้อมๆกับความคิดของเราที่เปลี่ยนไปในแต่ละวัน เราตื่นขึ้นมาช่วงเช้าของทุกวันลืมตามองเพดานอยู่เฉยๆ ไม่ลุกขึ้นจากเตียงจนกว่าจะไปเรียนหรือไปทำงาน หมดอาลัยกับทุกอย่าง อะไรที่เคยรู้สึกสนุกกลับกลายเป็นเบื่อ ไม่มีความอยากไปโรงเรียน ไม่อยากไปทำงาน เราดูถูกตัวเองด้วยการตอกย้ำความคิดว่าเรามันไม่เก่งอะไรเลย เรามันไร้ค่า ความคิดอยากตายมันพุดขึ้นมาในหัว เราเฝ้าถามตัวเองอยู่เสมอว่ามีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไร นอนเยอะมากกว่าที่เป็น กินทุกอย่างที่ขว้างหน้าจนน้ำหนักขึ้นสี่กิโลภายในหนึ่งเดือน และการฝันร้ายที่ทำให้เราสะดุ้งตื่นทุกคืน และยอมรับกลับหมอว่าเราไม่ได้ไปโรงเรียนมาหกวันแล้ว เราไม่รู้ว่าเราพูดอะไรออกไปบ้าง แต่นี่คือสิ่งที่เราจำได้

   เราเล่าทุกอย่างให้หมอฟังจนเวลาผ่านไปเนิ่นนาน จนไม่รู้ว่ามันดำเนินมาถึงเรื่องสองปีก่อนได้อย่างไร แต่เราก็เลี่ยงที่จะพูดไม่ได้ เรื่องที่เราเคยกรีดข้อมือตัวเอง เพราะเราพยายามให้เขากลับมา และที่เรากรีดท้องตัวเองเพราะอยู่ๆมันก็อยากให้ร่างกายเจ็บปวด จนมันเป็นรอยแผลติดตัวมาตลอดจนถึงวันนี้ หมอก็ขอดูรอยแผลของเรา ถามเรื่องอดีตที่เรากินยาเพื่อฆ่าตัวตายถึงสองครั้ง  ถามรวมไปถึงเรื่องครอบครัวและแน่นอนเราร้องไห้ตลอดเวลาสนทนาอยู่เรื่องนี้ เราเปลี่ยนไปตั้งแต่ตอนช่วงนั้น จากคนที่ยิ้มบ่อย กลายเป็นคนด้านชา เรารู้สึกว่าทุกอย่างมันไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว


"เราแค่อยากได้คนเดิมกลับมา"



   หมอแค่พยักหน้ารับฟังเราเรื่อยๆ บวกกับคำถามนิดหน่อย หมอชมเราอยู่รื่องหนึ่งว่า "หมอก็ยังงงนะ ว่าทำไมการเรียนไม่เสีย ทั้งๆที่ทุกอย่างในดูมันเสียศูนย์ไปหมดแล้ว ทั้งความคิด การกิน การใช้ชีวิตประจำวัน การนอน ทั้งเพื่อน หนูเก่งมากเก่งมากนะที่ทำการเรียนได้ดี"

และหมอก็บอกกับเราว่า "ตอนนี้หนูเป็นคนไข้ของหมอแล้วนะ ต่อไปนี้ถ้ามีปัญหาอะไร จำไว้นะว่าหนูไม่ได้อยู่คนเดียว หนูยังมีหมอ"


   หมอกับเรา ทำข้อสัญญากันนิดหน่อย
   1.ห้ามทำร้ายตัวเอง  
   2.กินยาให้ครบ
   3.และไปโรงเรียนทำงานของตัวเองแบบปกติ

   หมอวินิจฉัยว่าเราป่วยในกลุ่มจิตเวชซึ่งเป็นโรคซึมเศร้า พร้อมกับให้ยาต้านโรคซึมเศร้าและยานอนหลับมาทาน นัดเจอหมออีกทีสัปห์ดาหน้า


"สิ่งหนึ่งที่เข้ามาในชีวิต ไม่ใช่สิ่งที่เลวร้ายเสมอไป
เพียงแต่ทำให้เรามองเห็นสีสันของการมีชีวิตอยู่"


   ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ หมอนัดครั้งหน้าอยู่ที่ความคิดเห็นที่ 15 ค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่