จากข่าวนี้
ยักษ์ใหญ่ทางการเงินญี่ปุ่น ก้าวเข้าร่วมสกุลเงินดิจิทัล ‘MUFG coin’
https://techsauce.co/fintech/japan-megabanks-dip-toes-in-cryptocurrency-waters/
ก่อนหน้านี้ผมเคยนำเสนอเรื่อง "สถานการณ์ของการเงินดิจิตอลในบ้านเรา"
ว่าไม่มีการเสนอข่าวเพื่อเป็นประโยชน์กับประชาชนในวงกว้าง เพราะกลัวจะกระทบกับระบบธนาคารเดิม
และคิดว่าทางออกที่ธนาคารไทยจะทำคือการออกเงินดิจิตอลของตนเอง
ซึ่งมีผู้ออกความเห็นว่า "ผมโลภจนหน้ามืด" เพราะคิดว่าผมกำลังจะชวนคนไปเล่นบิทคอย
ซึ่งผมเองไม่ได้เห็นบิทคอยเป็นตัวเลือก (ด้วยมีความผันผวนสูง ทั้งเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดอย่างไม่ตั้งใจ)
และเชื่อว่า บิทคอยเพียงทำหน้าที่เปิดตัวไปสู่ยุคของเงินดิจิตอล ที่จะก่อให้เกิดเงินดิจิตอลสกุลอื่นตามมาจำนวนมาก
ผมเพียงอยากให้ทุกคนตื่นตัวกับเรื่องนี้ เพราะเรากำลังถูกสื่อปิดบังข้อมูลบางอย่าง
ด้วยเรื่องนี้จะมีผลต่อระบบธนาคารไทย หากทุกคนรู้ข่าวสารเร็วเกินไป
พูดง่ายๆคือ ตอนนี้โลกกำลังจะเข้าสู่ยุคของเงินดิจิตอล (สังคมไร้เงินสด)
หากคุณตัดสินใจถูก มันก็จะ
เปรียบเหมือนคุณซื้อ บิทคอยตอนราคาเริ่มต้น ซึ่งมีผลให้คนส่วนใหญ่จะถอนเงินออกจากธนาคารไปลงทุน
จึงทำให้มีกระแสข่าวโจมตีเรื่องเงินดิจิตอลในบ้านเราออกมาสม่ำเสมอ จนคนติดภาพลบเป็นส่วนใหญ่ (เงินดิจิตอลไม่ได้มีเพียงบิทคอยนะครับ)
ขณะที่ธนาคารไทย(พาณิชย์) กลับเอาเงินไปลงทุนกับเงินดิจิตอล ripple coin
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ธนาคารไทยพาณิชย์เปิดตัวบริการโอนเงินข้ามประเทศผ่าน Blockchain ครั้งแรกในไทยแล้ว
https://techsauce.co/fintech/scb-ripple-launch-first-blockchain-powered-payment-service-between-japan-and-thailand/
แต่ไม่บอกว่าเป็นเงินดิจิตอล ใช้การ "เลี่ยงบาลี" บอกเพียงเป็นเทคโนโลยี "บล็อกเชน"
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เพราะคำนี้กำลังเป็นกระแสที่ทั่วโลกตื่นตัว
ซึ่งมันมาจากการที่ทั่วโลกกำลังตื่นตัวกับกระแสเงินดิจิตอล จึงเกิดการนำเอาข้อดีเทคโนโลยีนี้มาใช้ในด้านอื่น
ธนาคารไทยพาณิชย์ ไปซื้อเงินดิจิตอล ripple coin แล้วทำตัวเป็นคนกลางเพื่อให้ประชาชนใช้บริการผ่านตนเหมือนเดิม
ทั้งๆที่เงินดิจิตอลเป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้โดยตรง เพราะสร้างมาให้เจ้าของใช้โดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมผ่านคนกลาง (ซึ่งคือระบบธนาคารเดิม)
ผมอยากให้ทุกคนศึกษาในเรื่องนี้ เพราะจะเป็นประโยชน์กับตนเอง
ฟินเทค สังคมไร้เงินสด เงินดิจิตอล ธุรกิจสตาร์ทอัพ และการผันตัวของธนาคารต่างๆมาเป็นผู้สนับด้าน
เงินทุนให้กับธุรกิจสตาร์ทอัพใหม่
+ การเปิดนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้ในระบบธนาคาร หากคุณเห็นการเชื่อมโยงกันในสิ่งเหล่านี้ คุณจะรู้ดีว่าสถานการณ์ของธนาคาร
และการเงินดิจิตอลในบ้านเรากำลังเป็นอย่างไร
ซึ่งตอนนี้ ธนาคารญี่ปุ่นได้ออกตัวนำแซงหน้าธนาคารประเทศประเทศอื่นไปก่อนแล้ว
ผมยังวิเคราะห์เหมือนเดิมว่า ธนาคารไทยน่าจะออกเงินดิจิตอลของตนเอง
เพื่อรักษาเม็ดเงินจากกลุ่มลูกค้าเดิมในระบบ (เพื่อไม่ให้ลูกค้าถอนเงินออกไปลงทุนกับเงินดิจิตอลสกุลอื่น)
เพียงแต่ธนาคารไทยมีความรู้ + ความพร้อมแค่ไหน ในการจะแข่งขันกับเงินดิจิตอลสกุลต่างๆที่มีในปัจจุบัน
จึงยังไม่เปิดเผยข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับประชาชนโดยตรง เพราะกลัวตนจะเสียเม็ดเงิน(ในระบบ)ไป
โดยท่าไม้ตายหลักของธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ใช้ได้ผลต่อประชาชนส่วนใหญ่ คือ
การออกประกาศเตือน ว่า "เงินดิจิตอลยังไม่มีกฏหมายรองรับ ให้สามารถใช้ชำระหนี้ตามกฏหมายในประเทศ"
ซึ่งผู้ที่มีหน้าที่ออกก็หมายก็คือ ธนาคารแห่งประเทศไทยเอง น่ะครับ
คุณมองออกไหม ว่าเขาจะให้การรับรองกับสิ่งที่สร้างขึ้นเพื่อขัดประโยชน์กับตนโดยตรงได้หรือไม่
เเล้วตนมีความพร้อมมากเพียงใดในการจะก้าวเข้าสู่เวทีการแข่งขันของเงินดิจิตอลในโลกปัจจุบัน
ธนาคารญี่ปุ่นกำลังสร้างเงินดิจิตอล
ยักษ์ใหญ่ทางการเงินญี่ปุ่น ก้าวเข้าร่วมสกุลเงินดิจิทัล ‘MUFG coin’
https://techsauce.co/fintech/japan-megabanks-dip-toes-in-cryptocurrency-waters/
ก่อนหน้านี้ผมเคยนำเสนอเรื่อง "สถานการณ์ของการเงินดิจิตอลในบ้านเรา"
ว่าไม่มีการเสนอข่าวเพื่อเป็นประโยชน์กับประชาชนในวงกว้าง เพราะกลัวจะกระทบกับระบบธนาคารเดิม
และคิดว่าทางออกที่ธนาคารไทยจะทำคือการออกเงินดิจิตอลของตนเอง
ซึ่งมีผู้ออกความเห็นว่า "ผมโลภจนหน้ามืด" เพราะคิดว่าผมกำลังจะชวนคนไปเล่นบิทคอย
ซึ่งผมเองไม่ได้เห็นบิทคอยเป็นตัวเลือก (ด้วยมีความผันผวนสูง ทั้งเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดอย่างไม่ตั้งใจ)
และเชื่อว่า บิทคอยเพียงทำหน้าที่เปิดตัวไปสู่ยุคของเงินดิจิตอล ที่จะก่อให้เกิดเงินดิจิตอลสกุลอื่นตามมาจำนวนมาก
ผมเพียงอยากให้ทุกคนตื่นตัวกับเรื่องนี้ เพราะเรากำลังถูกสื่อปิดบังข้อมูลบางอย่าง
ด้วยเรื่องนี้จะมีผลต่อระบบธนาคารไทย หากทุกคนรู้ข่าวสารเร็วเกินไป
พูดง่ายๆคือ ตอนนี้โลกกำลังจะเข้าสู่ยุคของเงินดิจิตอล (สังคมไร้เงินสด)
หากคุณตัดสินใจถูก มันก็จะเปรียบเหมือนคุณซื้อ บิทคอยตอนราคาเริ่มต้น ซึ่งมีผลให้คนส่วนใหญ่จะถอนเงินออกจากธนาคารไปลงทุน
จึงทำให้มีกระแสข่าวโจมตีเรื่องเงินดิจิตอลในบ้านเราออกมาสม่ำเสมอ จนคนติดภาพลบเป็นส่วนใหญ่ (เงินดิจิตอลไม่ได้มีเพียงบิทคอยนะครับ)
ขณะที่ธนาคารไทย(พาณิชย์) กลับเอาเงินไปลงทุนกับเงินดิจิตอล ripple coin
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แต่ไม่บอกว่าเป็นเงินดิจิตอล ใช้การ "เลี่ยงบาลี" บอกเพียงเป็นเทคโนโลยี "บล็อกเชน" [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ธนาคารไทยพาณิชย์ ไปซื้อเงินดิจิตอล ripple coin แล้วทำตัวเป็นคนกลางเพื่อให้ประชาชนใช้บริการผ่านตนเหมือนเดิม
ทั้งๆที่เงินดิจิตอลเป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้โดยตรง เพราะสร้างมาให้เจ้าของใช้โดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมผ่านคนกลาง (ซึ่งคือระบบธนาคารเดิม)
ผมอยากให้ทุกคนศึกษาในเรื่องนี้ เพราะจะเป็นประโยชน์กับตนเอง
ฟินเทค สังคมไร้เงินสด เงินดิจิตอล ธุรกิจสตาร์ทอัพ และการผันตัวของธนาคารต่างๆมาเป็นผู้สนับด้านเงินทุนให้กับธุรกิจสตาร์ทอัพใหม่
+ การเปิดนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้ในระบบธนาคาร หากคุณเห็นการเชื่อมโยงกันในสิ่งเหล่านี้ คุณจะรู้ดีว่าสถานการณ์ของธนาคาร
และการเงินดิจิตอลในบ้านเรากำลังเป็นอย่างไร
ซึ่งตอนนี้ ธนาคารญี่ปุ่นได้ออกตัวนำแซงหน้าธนาคารประเทศประเทศอื่นไปก่อนแล้ว
ผมยังวิเคราะห์เหมือนเดิมว่า ธนาคารไทยน่าจะออกเงินดิจิตอลของตนเอง
เพื่อรักษาเม็ดเงินจากกลุ่มลูกค้าเดิมในระบบ (เพื่อไม่ให้ลูกค้าถอนเงินออกไปลงทุนกับเงินดิจิตอลสกุลอื่น)
เพียงแต่ธนาคารไทยมีความรู้ + ความพร้อมแค่ไหน ในการจะแข่งขันกับเงินดิจิตอลสกุลต่างๆที่มีในปัจจุบัน
จึงยังไม่เปิดเผยข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับประชาชนโดยตรง เพราะกลัวตนจะเสียเม็ดเงิน(ในระบบ)ไป
โดยท่าไม้ตายหลักของธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ใช้ได้ผลต่อประชาชนส่วนใหญ่ คือ
การออกประกาศเตือน ว่า "เงินดิจิตอลยังไม่มีกฏหมายรองรับ ให้สามารถใช้ชำระหนี้ตามกฏหมายในประเทศ"
ซึ่งผู้ที่มีหน้าที่ออกก็หมายก็คือ ธนาคารแห่งประเทศไทยเอง น่ะครับ
คุณมองออกไหม ว่าเขาจะให้การรับรองกับสิ่งที่สร้างขึ้นเพื่อขัดประโยชน์กับตนโดยตรงได้หรือไม่
เเล้วตนมีความพร้อมมากเพียงใดในการจะก้าวเข้าสู่เวทีการแข่งขันของเงินดิจิตอลในโลกปัจจุบัน