Time Line Work and Holiday 2017

หลังจากศึกษาหาข้อมูลมาและเตรียมตัวมาเกือบปี เราก็ตั้งใจว่า จะไปออสเตรเลีย ผ่านโครงการ Work and Holiday นี่แหละ หลังจากนั้น ก็ตั้งใจเก็บเงิน ให้ได้ตามเป้าคือ 5,000 AUD และวันที่กดโควต้าก็มาถึง

          วันกดโควต้า => 2 June 2017  
          เราก็อุตส่าห์หาร้านเกมส์ที่เน็ตแรงที่สุดเท่าที่จะหาได้ พอถึงเวลากดจริง อยากจะร้องไห้ กดไม่ได้ เวปล่ม วุ่นวายกันทั้งร้านเกมส์ ถ้าใครเคยจองตั๋วคอนเสิร์ต จะเข้าใจว่ามันกดยากมาก และอยากจะบอกว่า การกดโควต้า WAH นั้น ยากกกกกมากกว่านั้นมากมายนั้น อุตส่าห์คิดว่ามีเน็ตในมือเร็วมากแล้วนะ แต่ก็กดไม่ได้ เรานึกว่าจะกดกันไม่ได้ละ เพราะลำดับก็ไล่ไปจนจะครบอยู่แล้ว และในกรุ๊ปไลน์ Thai wah ก็มีผู้ใจดี ช่วยกดให้ TT น้ำตาจะไหล ขอบคุณมากจริงๆ เราติด 1 ใน 500 ที่เป็นตัวจริง วันนั้นกลับไป ด้วยความตื่นเต้นดีใจ เย้ๆๆๆ

          วันสัมภาษณ์และตรวจคุณสมบัติ WAH Australia => 11 June 2017 เราก็เตรียมเอกสารตามที่ประกาศหน้าเวปอย่างครบถ้วน ในวันนั้นไม่มีปัญหาอะไรมาก ติดอยู่อย่างเดียวคือ รู้สึกว่าคนเยอะ เราไปถึง 9โมง กว่าจะเสร็จประมาณเที่ยงกว่า หลังจากนั้นก็คอยอัพเดทสเตตัสหน้าเวป ว่า“ผ่าน”ไหม ผลคือว่าผ่านจร้า

         ระหว่างที่เรารอผลคุณสมบัติ ดย ว่าผ่านไม่ผ่าน ระหว่างั้นเราก็เตรียมเอกสารเพื่อเตรียมขอวีซ่าเลย ซึ่งเป็นด่าน ที่หินที่สุดก็ว่าได้  เราไม่เคยขอวีซ่าไปออสเตรเลียเลย ก็รู้สึกตื่นเต้น และอยากจัดเตรียมเอกสารให้ดีที่สุด แน่นที่สุด เท่าที่ทำได้ เราสปอนเซอร์ตัวเองค่ะ ดังนั้น เวลาเขียน Evidence source of Fund ก็ต้องมานั่งคิด และเรียบเรียงให้ดีๆ ทำยังไงก็ได้ ให้รายละเอียดกระชับ และมีความเข้าใจง่ายมากที่สุด
        **เรายื่น บัญชี 2 บัญชี คือ บัญชีเงินเก็บกับบัญชีเงินเดือนค่ะ**

          วันยื่นวีซ่า => 5 July 2017
              วันที่เรากังวลที่สุดก็มาถึง เรารีบตื่นแต่เช้า เพื่อไปรับหนังสือรับรองที่ ดย. แต่เช้า แต่ที่ดย.เปิดให้รับเอกสารตอน 9โมงค่ะ เราดันไปแต่เช้า เลยต้องนั่งรอ แต่ก็ดีค่ะ มีเวลา ให้ตรวจดูเอกสารอีกรอบ ว่ามีผิดพลาดตรงไหนไหม จะได้แก้ไขทัน พอถึงเวลารับเอกสารก็รีบขึ้นไปรับที่ชั้น 2 จากนั้น เราก็เรียก Grab Bike เพื่อไปที่ VFS ใกล้ๆ BTS นานา เพื่อทำวีซ่าต่อค่ะ เสียแค่ 45 บาทเท่านั้นเอง
                เรายื่นเอกสารที่ตึก Trendy ชั้น 28 ตอนที่ยื่นใช้เวลาทั้งหมดไม่เกิน 40 นาที ก็เสร็จค่ะ ค่าทำวีซ่าทั้งหมด 11,900 THB ค่า Service 880 THB  ถ้าใครอยากจะสมัคร SMS 70 THB เพื่อแจ้งผลของเอกสารก็ได้นะคะ ที่จริงเราก็สามารถเชคสเตตัสเอกสารได้ว่าตอนนี้อยู่process ไหนแล้ว ที่หน้าเวปค่ะ ส่วนตัวเราแนะนำให้สมัครค่ะ เพราะเค้าจะมีแจ้งSMS อีเมล์ และโทรให้เรามารับเอกสารด้วย ไม่ต้องมานั่งลุ้นหน้าเวปให้เสียเวลา อันนี้แล้วแต่ความสะดวกของแต่ละคนเลยค่ะ
                       5 Jul 2017 => ยื่นวีซ่า
                       เวลาเชคสเตตัสหน้าเวป จะขึ้นว่า Your visa application reference no. refno has been received at the Australian High Commission / Embassy for processing. อันนี้แสดงว่าเอกสารเราถึงสถานทูตแล้ว รอผลพิจารณาค่ะ
                       7 Jul 2017 => ได้อีเมล์ให้ไปตรวจร่างกาย อันนี้เค้าให้เลือกค่ะ ว่าจะไปตรวจที่ไหน
                       8 Jul 2017 => วันนั้นเป็นวันเสาร์พอดี คนจะเยอะหน่อย แต่ก็สะดวกเราตรงที่ไม่ต้องลางานไปตรวจ เราเลือกตรวจที่
โรงพยาบาลกรุงเทพค่ะ ค่าตรวจ 2,900 บาท (ตรวจปัสสาวะและเอกซเรย์ปอด)
                       10 Jul 2017 => สเตตัสหน้าเวป แจ้งว่าให้ไปรับผลวีซ่าค่ะ
                       In case an email ID was not provided or any originals documents were submitted along with application, you can visit the application centre for document collection. Applicants who opted for courier will receive another update regarding dispatch of documents soon.   ถ้าขึ้นแบบนี้แล้ว แสดงว่าให้เราไปรับเอกสารที่ VFS ส่วนวีซ่าจะผ่านไหม อันนี้เราต้องไปลุ้นฉีกซองที่ VFS ลุ้นผลอีกที สรุปคือ"ผ่าน" นะคะ
                  ส่วนใครที่กำลังขอวีซ่าอยู่ ก็เป็นกำลังใจให้ได้วีซ่าเร็วๆค่ะ เรียบเรียงเอกสารดีๆ ตรวจให้ละเอียดๆ หวังว่าการแชร์ข้อมูลนี้ จะเป็นประโยชน์แก่หลายๆคนค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่