ผู้หญิงเราถ้าเป็นฝ่ายจีบผู้ชายก่อนจะดูไร้ค่าหรือเปล่า? (คำถามที่1)
ถ้าเราจะหาแฟนสักคนเราต้องเริ่มที่ไหน หาจากที่ใดดี? (คำถามที่2)
เคยได้ยินอยู่คำพูดหนึ่ง “ผู้ชายที่ประสบความสำเร็จ คือคนที่หาเงินได้มากกว่าผู้หญิงใช้
ส่วนผู้หญิงที่ประสบความสำเร็จคือคนที่หาผู้ชายคนนั้นได้”
ผมไม่แน่ใจว่าคำพูดนี้มาจากไหน แต่จากประโยคดังกล่าวพอจะทำให้สมาทานความคิดชุดหนึ่ง
ซึ่งอาจไม่ใช่ความคิดเฉพาะของไทย แต่เป็นของทั่วโลกได้
ถ้าหากประโยคดังกล่าวถูกอิมพอร์ตมาจากต่างประเทศ ซึ่งคงไม่แปลกอะไร
ถ้าจะถูกอิมพอร์ตมาเพราะเราเห็นชุดความคิดดังกล่าวได้อย่างดาษดื่ม
แพร่หลายอยู่ตามนิตยสารขายดี ทั้งไทยและเทศ หนังสือระดับเบสเซลเลอร์
อย่าง “ผู้หญิงร้าย ผู้ชายรัก” และอื่นๆ อีกมากมาย
สมาทานชุดความคิดที่ว่าความสำเร็จของผู้หญิงต้องขึ้นอยู่กับผู้ชาย
คืนหนึ่งผมนั่งดูรายการโทรทัศน์รายการหนึ่ง เป็นรายการที่เกี่ยวกับตอบปัญหาทางเพศ
แพทย์หญิงท่านหนึ่งจากโรงพยาบาลดัง ท่านแสดงความคิดไม่เห็นด้วยกับพิธีกรที่จะไปเล่นโยคะ
เพราะเป็นการตัดโอกาสเราจะเจอผู้ชาย โดยแนะนำว่าควรไปสถานที่ที่ผู้ชายไป
อย่างสถานออกกำลังกาย สนามกอล์ฟ ควรไปสถานที่ผู้ชายชอบไปเพื่อเพิ่มโอกาสเจอผู้ชาย
และแนะนำให้ทำแบบผู้หญิงบางชาติ ที่เก่งจริตจก้าน เพื่อกระมิดกระเมียนแบบแนบเนียบให้ผู้ชายมาจีบ
และยังแนะนำอื่นอีกมาย ซึ่งก็คล้ายๆ หนังสือ How to ขุดบ่อให้ผู้ชายมาตกทั้งหลาย
พอฟังเรื่องดังกล่าวทำให้เห็นสมาทานความคิดอีกชุดหนึ่งที่เพิ่มมาจากชุดความคิดแรก
คือ ผู้หญิงเราส่วนใหญ่มักมีความเชื่อว่าเราไม่ควรจะฝ่ายเริ่มต้นความสัมพันธ์กับผู้ชายก่อน
อาจเพราะเชื่อว่ามันจะดูไม่ดี หรือคิดว่าจะทำให้ผู้ชายกลัวถึงกลับวิ่งหนีด้วยความไวแสง
หรืออาจคิดว่าถ้าเราทำแบบนั้นเขาจะคิดกับเราแค่เล่นๆ
เพราะผู้ชายต้องเป็นฝ่ายไล่ล่า (ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าสมาทานความคิดชุดนี้มาจากไหนเริ่มต้นมาอย่างไร)
อย่างนั้นถ้าผู้หญิงจะเริ่มก็ต้องเริ่มแบบตั้งรับคือต้องให้เขาเป็นฝ่ายจีบเราก่อน
เราต้องเป็นผู้หญิงที่ยิ่งทะนงในศักดิ์ศรี ชอบต้องบอกว่าไม่ชอบ รักต้องบอกว่าไม่รัก
ถ้าผู้ชายรักเราจริงจะต้องมาตามเที่ยวไร้เที่ยวขื่อ เขาจะต้องเห็นคุณค่าในตัวเราอ่านใจ(อ่านเกม) เราออก
ที่เราบอกว่าไม่ชอบแท้จริงรักเขาแทบตาย
ผมไม่แน่ใจว่าผู้หญิงส่วนใหญ่ในโลกนี้จะรู้หรือเปล่าว่าการที่ผู้ชายเราจีบหญิงสักคนหนึ่ง
ไม่ได้แปลว่าเขาชอบคนที่เขาจีบมากที่สุด เขาอาจชอบอีกคนหนึ่งมากกว่าเรา
แต่ที่ไม่ได้จีบเพราะเงื่อนไขหลายประการ
คล้ายๆ กับผู้หญิงเราที่มีสิทธิเลือกได้เฉพาะจากผู้ชายที่มาจีบเรา
ทั้งที่เราอาจมีตัวเลือกในใจว่าคนนี้เหมาะจะพ่อของลูกเรามากกว่าแต่เราไม่เลือกเพราะเขาไม่ได้จีบเรา
เหมือนกันกับคำถามผู้หญิงเราถ้าเป็นฝ่ายจีบผู้ชายก่อนจะดูไร้ค่าหรือเปล่า?
ซึ่งต้องถามไปที่ตัวคนถามให้ดีก่อนว่าเราจะใช้สมาทานชุดไหนในการจะวัดผู้หญิงคนหนึ่งมีค่าไม่มีค่า
ถ้าเราไม่เอาผู้ชายไม่ว่าคนไหนมาเป็นตัววัดว่าผู้หญิงจะประสบความสำเร็จได้หมายถึงต้องมีผู้ชาย ต้องมีแฟน ต้องมีผัว
เมื่อเราไม่เอาผู้ชายมาเป็นตัวเปรียบเทียบดัชนีคุณค่าในตัวเรา
คำถามว่าผู้หญิงจีบผู้ชายก่อนดูไม่มีค่าหรือเปล่าจึงไม่สามารถมาวัดได้ว่าเรามีคุณค่าหรือไม่
เพราะคุณค่าอยู่ที่ตัวเรา
(ผมถึงเคยบอกว่าผู้หญิงที่มีผู้ชายมาจีบเยอะๆ
ไม่ได้หมายความว่าผู้หญิงคนนั้นมีคุณค่ามากขึ้นในสายตาผม
เพราะคุณค่าของผู้หญิงอยู่ที่ตัวผู้หญิงไม่ใช่ผู้ชาย)
ส่วนสมาทานความคิดที่สอง ผมคิดว่าเราน่าจะต้องถามตัวเองให้ดีก่อนว่าเราต้องการผู้ชายคนหนึ่งเขามาในชีวิตเพราะอะไร
หนึ่งอยากมีเพราะจะได้มีคนมาเลี้ยงดูเรา (ก็ต้องหารวยๆ)
สองสนองความใคร่ (อันนี้มีทางแก้ปัญหาหลากหลาย)
สามอยากมีลูก (เดี๋ยวนี้มีผสมเทียมเลือกพ่อพันธ์หล่อๆ ได้)
สี่อยากได้เพื่อนคู่คิด (อันนี้ก็จะทำให้เรากำหนดคนที่เราต้องการได้ชัดเจนขึ้น)
ห้าอยากมีเพราะคนอื่นเขามีกัน (อันนี้น่ากลัวหน่อยเพราะเราอาจมีแนวโน้มที่จะรักษาความสัมพันธ์หวยๆไว้
เพียงเพื่อได้ชื่อว่ามีเหมือนอย่างคนอื่นเขามีกัน
และอันนี้ให้ลองเทียบดูกับผู้หญิงโสดแต่ตอบตัวเองได้ว่าตัวเองต้องการอะไร
หรือเกาถูกที่คัน กับผู้หญิงทำทุกอย่างเพื่อรักษาความสัมพันธ์ห่วยๆ ไว้
ผู้หญิงแบบไหนมีค่ามากกว่ากัน เพราะเมื่อเราสำรวจความคิดเราได้จริงๆ
ไม่แน่ผู้ชายบางคนอาจจะแค่เครื่องประดับที่ฟุ่มเฟือยที่สุดเลยก็ได้เมื่อเทียบกับ
เพชร พลอย แหวน ในตัวเรา และไอ้คนที่เราอยากเหมือนเขาเขาอาจจะทุกข์มากที่เขาต้องสร้างภาพหลอกเราอยู่ก็ได้)
หกอยากมีจะได้มีคนมาทำให้ชื่นช้ำหัวใจ
(อันนี้ต้องกลับไปถามตัวเองที่เรายังไม่มีเพราะเรามีถูกสมาทานที่ว่ามาครอบงำในหัวมากจนเกินไปหรือเปล่า)
ผมคิดว่าเมื่อเราตอบคำถามในตัวเองได้ว่าเราต้องการอะไรจริงๆ
แล้วเราไม่ถูกสมาทานทางความคิดครอบงำมากจนเกินไป
(ซึ่งก็เหมือนคำว่าวัฒนธรรมไทยอันดีงาม ซึ่งบางครั้งก็คือวัฒนธรรมอันดีที่ควรสงวนไว้จริงๆ
กับอีกอันคืออันที่เป็นคำพูดขึ้นมาลอยๆ เพื่อทำลายใครซักคนที่ทำอะไรไม่ถูกใจเขา
แต่ก็ตอบไม่ได้ว่าไอ้ที่เขาทำไม่ถูกวัฒนธรรมอันดีงามอย่างไร
และวัฒนธรรมอย่างไทยอันดีงามที่ว่าเริ่มมาตอนไหนอย่างไร)
เราจะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปสนามกอล์ฟทั้งที่เราไม่อยากไป
เราไม่ต้องไปที่มีผู้ชายไปเยอะๆ แต่เราสามารถไปเล่นโยคะได้อยากที่เราอยากไป
เพราะโดยธรรมชาติคนเรา ผมคิดว่ามนุษย์ปุถุชนส่วนใหญ่โดยเฉพาะผู้หญิงเรามีคนที่หมายตาอยู่แล้ว
ว่าเหมาะกับหนึ่งในหกข้อของเราหรืออาจเป็นข้อที่เจ็ดแปด
หรือหลายข้อรวมกัน หรือผู้ชายสักคนที่คิดว่าน่าจะร่วมชีวิตหรือเป็นพ่อที่ดีของลูกเราได้
แต่อาจด้วยสมาทานความคิดบางชุดทำให้เราไม่เคยทำอะไรที่จะทำให้คนนั้นรับรู้อย่างตรงไปตรงมา
(ผู้หญิงบางคนอาจบ่นว่าก็ส่งประสาทสัมผัสทั้ง 6 จนธาตุไฟจะแตกแล้ว

ก็ไม่มาจีบกูเสียที)
เราเลยต้องกระทำโดยอ้อมด้วยการไปสถานที่เราไปเจอผู้ชาย และหวังผู้ชายดีๆ สักคนมาจีบเรา
ท้ายที่สุดเราควรสำรวจนิยามกริยาของคำว่า “จีบ” คืออะไร
ซึ่งผมว่าความคิดของแต่ละคนอาจไม่เหมือนกัน
แต่ถ้าเอานิยามของผมที่หมายถึง “จีบ คือ ความตั้งใจดี และทำสิ่งดีๆ ให้แก่กัน”
อย่างนั้นเวลาเราตั้งใจดี และทำสิ่งดีๆ ให้ใครสักคนหนึ่งจะบอกว่าไร้ค่าได้ไหม
ป.ล. ผมไม่ได้ต้องการสื่อให้ผู้หญิงต้องแรด ต้องจีบผู้ชายก่อน แต่แค่คิดว่าผู้หญิงสามารถมีความสุขได้เท่าที่ตัวเองอยากมี ประสบความสำเร็จได้เท่าที่ตัวเองอยากประสบความสำเร็จ โดยสิ่งเหล่านั้นไม่จำเป็นต้องเกี่ยวกับผู้ชายเลย
ผู้หญิงเป็นฝ่ายจีบผู้ชายก่อนจะดูไร้ค่าหรือเปล่า? ถ้าเราจะหาแฟนสักคนต้องเริ่มจากที่ไหน?
ผู้หญิงเราถ้าเป็นฝ่ายจีบผู้ชายก่อนจะดูไร้ค่าหรือเปล่า? (คำถามที่1)
ถ้าเราจะหาแฟนสักคนเราต้องเริ่มที่ไหน หาจากที่ใดดี? (คำถามที่2)
เคยได้ยินอยู่คำพูดหนึ่ง “ผู้ชายที่ประสบความสำเร็จ คือคนที่หาเงินได้มากกว่าผู้หญิงใช้
ส่วนผู้หญิงที่ประสบความสำเร็จคือคนที่หาผู้ชายคนนั้นได้”
ผมไม่แน่ใจว่าคำพูดนี้มาจากไหน แต่จากประโยคดังกล่าวพอจะทำให้สมาทานความคิดชุดหนึ่ง
ซึ่งอาจไม่ใช่ความคิดเฉพาะของไทย แต่เป็นของทั่วโลกได้
ถ้าหากประโยคดังกล่าวถูกอิมพอร์ตมาจากต่างประเทศ ซึ่งคงไม่แปลกอะไร
ถ้าจะถูกอิมพอร์ตมาเพราะเราเห็นชุดความคิดดังกล่าวได้อย่างดาษดื่ม
แพร่หลายอยู่ตามนิตยสารขายดี ทั้งไทยและเทศ หนังสือระดับเบสเซลเลอร์
อย่าง “ผู้หญิงร้าย ผู้ชายรัก” และอื่นๆ อีกมากมาย
สมาทานชุดความคิดที่ว่าความสำเร็จของผู้หญิงต้องขึ้นอยู่กับผู้ชาย
คืนหนึ่งผมนั่งดูรายการโทรทัศน์รายการหนึ่ง เป็นรายการที่เกี่ยวกับตอบปัญหาทางเพศ
แพทย์หญิงท่านหนึ่งจากโรงพยาบาลดัง ท่านแสดงความคิดไม่เห็นด้วยกับพิธีกรที่จะไปเล่นโยคะ
เพราะเป็นการตัดโอกาสเราจะเจอผู้ชาย โดยแนะนำว่าควรไปสถานที่ที่ผู้ชายไป
อย่างสถานออกกำลังกาย สนามกอล์ฟ ควรไปสถานที่ผู้ชายชอบไปเพื่อเพิ่มโอกาสเจอผู้ชาย
และแนะนำให้ทำแบบผู้หญิงบางชาติ ที่เก่งจริตจก้าน เพื่อกระมิดกระเมียนแบบแนบเนียบให้ผู้ชายมาจีบ
และยังแนะนำอื่นอีกมาย ซึ่งก็คล้ายๆ หนังสือ How to ขุดบ่อให้ผู้ชายมาตกทั้งหลาย
พอฟังเรื่องดังกล่าวทำให้เห็นสมาทานความคิดอีกชุดหนึ่งที่เพิ่มมาจากชุดความคิดแรก
คือ ผู้หญิงเราส่วนใหญ่มักมีความเชื่อว่าเราไม่ควรจะฝ่ายเริ่มต้นความสัมพันธ์กับผู้ชายก่อน
อาจเพราะเชื่อว่ามันจะดูไม่ดี หรือคิดว่าจะทำให้ผู้ชายกลัวถึงกลับวิ่งหนีด้วยความไวแสง
หรืออาจคิดว่าถ้าเราทำแบบนั้นเขาจะคิดกับเราแค่เล่นๆ
เพราะผู้ชายต้องเป็นฝ่ายไล่ล่า (ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าสมาทานความคิดชุดนี้มาจากไหนเริ่มต้นมาอย่างไร)
อย่างนั้นถ้าผู้หญิงจะเริ่มก็ต้องเริ่มแบบตั้งรับคือต้องให้เขาเป็นฝ่ายจีบเราก่อน
เราต้องเป็นผู้หญิงที่ยิ่งทะนงในศักดิ์ศรี ชอบต้องบอกว่าไม่ชอบ รักต้องบอกว่าไม่รัก
ถ้าผู้ชายรักเราจริงจะต้องมาตามเที่ยวไร้เที่ยวขื่อ เขาจะต้องเห็นคุณค่าในตัวเราอ่านใจ(อ่านเกม) เราออก
ที่เราบอกว่าไม่ชอบแท้จริงรักเขาแทบตาย
ผมไม่แน่ใจว่าผู้หญิงส่วนใหญ่ในโลกนี้จะรู้หรือเปล่าว่าการที่ผู้ชายเราจีบหญิงสักคนหนึ่ง
ไม่ได้แปลว่าเขาชอบคนที่เขาจีบมากที่สุด เขาอาจชอบอีกคนหนึ่งมากกว่าเรา
แต่ที่ไม่ได้จีบเพราะเงื่อนไขหลายประการ
คล้ายๆ กับผู้หญิงเราที่มีสิทธิเลือกได้เฉพาะจากผู้ชายที่มาจีบเรา
ทั้งที่เราอาจมีตัวเลือกในใจว่าคนนี้เหมาะจะพ่อของลูกเรามากกว่าแต่เราไม่เลือกเพราะเขาไม่ได้จีบเรา
เหมือนกันกับคำถามผู้หญิงเราถ้าเป็นฝ่ายจีบผู้ชายก่อนจะดูไร้ค่าหรือเปล่า?
ซึ่งต้องถามไปที่ตัวคนถามให้ดีก่อนว่าเราจะใช้สมาทานชุดไหนในการจะวัดผู้หญิงคนหนึ่งมีค่าไม่มีค่า
ถ้าเราไม่เอาผู้ชายไม่ว่าคนไหนมาเป็นตัววัดว่าผู้หญิงจะประสบความสำเร็จได้หมายถึงต้องมีผู้ชาย ต้องมีแฟน ต้องมีผัว
เมื่อเราไม่เอาผู้ชายมาเป็นตัวเปรียบเทียบดัชนีคุณค่าในตัวเรา
คำถามว่าผู้หญิงจีบผู้ชายก่อนดูไม่มีค่าหรือเปล่าจึงไม่สามารถมาวัดได้ว่าเรามีคุณค่าหรือไม่
เพราะคุณค่าอยู่ที่ตัวเรา
(ผมถึงเคยบอกว่าผู้หญิงที่มีผู้ชายมาจีบเยอะๆ
ไม่ได้หมายความว่าผู้หญิงคนนั้นมีคุณค่ามากขึ้นในสายตาผม
เพราะคุณค่าของผู้หญิงอยู่ที่ตัวผู้หญิงไม่ใช่ผู้ชาย)
ส่วนสมาทานความคิดที่สอง ผมคิดว่าเราน่าจะต้องถามตัวเองให้ดีก่อนว่าเราต้องการผู้ชายคนหนึ่งเขามาในชีวิตเพราะอะไร
หนึ่งอยากมีเพราะจะได้มีคนมาเลี้ยงดูเรา (ก็ต้องหารวยๆ)
สองสนองความใคร่ (อันนี้มีทางแก้ปัญหาหลากหลาย)
สามอยากมีลูก (เดี๋ยวนี้มีผสมเทียมเลือกพ่อพันธ์หล่อๆ ได้)
สี่อยากได้เพื่อนคู่คิด (อันนี้ก็จะทำให้เรากำหนดคนที่เราต้องการได้ชัดเจนขึ้น)
ห้าอยากมีเพราะคนอื่นเขามีกัน (อันนี้น่ากลัวหน่อยเพราะเราอาจมีแนวโน้มที่จะรักษาความสัมพันธ์หวยๆไว้
เพียงเพื่อได้ชื่อว่ามีเหมือนอย่างคนอื่นเขามีกัน
และอันนี้ให้ลองเทียบดูกับผู้หญิงโสดแต่ตอบตัวเองได้ว่าตัวเองต้องการอะไร
หรือเกาถูกที่คัน กับผู้หญิงทำทุกอย่างเพื่อรักษาความสัมพันธ์ห่วยๆ ไว้
ผู้หญิงแบบไหนมีค่ามากกว่ากัน เพราะเมื่อเราสำรวจความคิดเราได้จริงๆ
ไม่แน่ผู้ชายบางคนอาจจะแค่เครื่องประดับที่ฟุ่มเฟือยที่สุดเลยก็ได้เมื่อเทียบกับ
เพชร พลอย แหวน ในตัวเรา และไอ้คนที่เราอยากเหมือนเขาเขาอาจจะทุกข์มากที่เขาต้องสร้างภาพหลอกเราอยู่ก็ได้)
หกอยากมีจะได้มีคนมาทำให้ชื่นช้ำหัวใจ
(อันนี้ต้องกลับไปถามตัวเองที่เรายังไม่มีเพราะเรามีถูกสมาทานที่ว่ามาครอบงำในหัวมากจนเกินไปหรือเปล่า)
ผมคิดว่าเมื่อเราตอบคำถามในตัวเองได้ว่าเราต้องการอะไรจริงๆ
แล้วเราไม่ถูกสมาทานทางความคิดครอบงำมากจนเกินไป
(ซึ่งก็เหมือนคำว่าวัฒนธรรมไทยอันดีงาม ซึ่งบางครั้งก็คือวัฒนธรรมอันดีที่ควรสงวนไว้จริงๆ
กับอีกอันคืออันที่เป็นคำพูดขึ้นมาลอยๆ เพื่อทำลายใครซักคนที่ทำอะไรไม่ถูกใจเขา
แต่ก็ตอบไม่ได้ว่าไอ้ที่เขาทำไม่ถูกวัฒนธรรมอันดีงามอย่างไร
และวัฒนธรรมอย่างไทยอันดีงามที่ว่าเริ่มมาตอนไหนอย่างไร)
เราจะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปสนามกอล์ฟทั้งที่เราไม่อยากไป
เราไม่ต้องไปที่มีผู้ชายไปเยอะๆ แต่เราสามารถไปเล่นโยคะได้อยากที่เราอยากไป
เพราะโดยธรรมชาติคนเรา ผมคิดว่ามนุษย์ปุถุชนส่วนใหญ่โดยเฉพาะผู้หญิงเรามีคนที่หมายตาอยู่แล้ว
ว่าเหมาะกับหนึ่งในหกข้อของเราหรืออาจเป็นข้อที่เจ็ดแปด
หรือหลายข้อรวมกัน หรือผู้ชายสักคนที่คิดว่าน่าจะร่วมชีวิตหรือเป็นพ่อที่ดีของลูกเราได้
แต่อาจด้วยสมาทานความคิดบางชุดทำให้เราไม่เคยทำอะไรที่จะทำให้คนนั้นรับรู้อย่างตรงไปตรงมา
(ผู้หญิงบางคนอาจบ่นว่าก็ส่งประสาทสัมผัสทั้ง 6 จนธาตุไฟจะแตกแล้ว
เราเลยต้องกระทำโดยอ้อมด้วยการไปสถานที่เราไปเจอผู้ชาย และหวังผู้ชายดีๆ สักคนมาจีบเรา
ท้ายที่สุดเราควรสำรวจนิยามกริยาของคำว่า “จีบ” คืออะไร
ซึ่งผมว่าความคิดของแต่ละคนอาจไม่เหมือนกัน
แต่ถ้าเอานิยามของผมที่หมายถึง “จีบ คือ ความตั้งใจดี และทำสิ่งดีๆ ให้แก่กัน”
อย่างนั้นเวลาเราตั้งใจดี และทำสิ่งดีๆ ให้ใครสักคนหนึ่งจะบอกว่าไร้ค่าได้ไหม
ป.ล. ผมไม่ได้ต้องการสื่อให้ผู้หญิงต้องแรด ต้องจีบผู้ชายก่อน แต่แค่คิดว่าผู้หญิงสามารถมีความสุขได้เท่าที่ตัวเองอยากมี ประสบความสำเร็จได้เท่าที่ตัวเองอยากประสบความสำเร็จ โดยสิ่งเหล่านั้นไม่จำเป็นต้องเกี่ยวกับผู้ชายเลย