ช่วงนี้ Off Season กันแล้ว หลายๆคนก็เฝ้าติดตาม Summer Leauge กันสนุกสนาน เอาล่ะ มารีวิวรองเท้าบาสหนึ่งในเรือธงของค่ายสามขีดประจำปี 2016 กันดีกว่า เป็นคู่ที่พูดถึงกันน้อยมากในไทย ผมเลยอยากแชร์ข้อมูลและประสบการณ์ เผื่อท่านใดสนใจจะได้มีข้อมูลประกอบการตัดสินใจ
Name :: Adidas Crazy Light Boost 2016
ตัวแทนจำหน่าย :: Dilok
Adidas เป็นยี่ห้อที่ตอนเด็กๆเข้าขั้น "ไม่ชอบ"เอาเสียเลย ด้วยเหตุผลที่นักบาส NBA ใส่แล้วเจ็บกันประจำจนฟอร์มหาย (ยกเว้น Duncan ไว้คนนึง) และไม่ชอบ Low cut เอามากๆ เพราะเพื่อนใส่สมัย Kobe V ข้อพลิกต่อหน้าต่อตา แต่คู่นี้ดันมีเหตุผลที่ไม่ชอบทั้งสองอย่าง ทำไมผมถึงซื้อ
Traction :: Adidas เคลมว่า พื้นรองเท้าคู่นี้ทำโดย Continental บ.ผลิตยางรถทั้งจักรยาน มอเตอร์ไซค์ รถยนต์ แนวหน้าของวงการ ซึ่งทำให้คู่นี้ไม่ผิดหวังในการเบรค เบรคไม่ดังแต่หยุดทันใจดีจริงๆ โดยที่การเบรคเอี้ยดขนาดนี้ทำให้รองเท้าเราหยุดอยู่กับที่จนสร้างภาระให้เข่าประมาณนึง แต่ก็ไม่ได้หนักหนาอะไร พื้นรองเท้าทนใช้ได้ผมใส่เล่นปูนมาหลายครั้งยังไม่เป็นไร และเล่นบีโปรอาการลื่นเกิดขึ้นน้อยมากผิดกับพื้นใสของ Kobe และ AJXXXI ที่ลื่นบ่อยกว่า พื้นค่อนข้างสูงจะรู้สึกโคลงเคลงนิดนึงแต่มั่นคงดีครับ
คะแนน 4/5
Cusion :: รองเท้าคู่นี้เป็นระบบ Boost คือเม็ดโฟมเล็กเรียงต่อกันช่วยกระจายแรงจนรู้สึกนุ่มและยุบคืนตัวกลายเป็นเด้ง นี่คือศักราชใหม่ของรองเท้าบาสเลยจริงๆ ผมมี Kobe XI elite คู่นึงผมก็ค่อนข้างประทับใจกับโฟม Lunalon และ Zoom air แต่ Boost ทำหน้าที่นั้นดีกว่าอย่างชัดเจน จนคนอย่างผม (สูง 187 หนัก90) ใส่ได้สบายๆ และข้อดีของ Boost คือ ทำให้ผม Recovery ตัวเองได้เร็วกว่ารองเท้าคู่อื่นๆที่ผมมี ไม่รู้สึกปวดหรือเจ็บหลังการเล่นเช่นรองเท้าคู่อื่นๆที่ใส่เลย การกระโดดไม่เสียแรงเหมือน Air Max แต่ก็ไม่ได้เด้งทันใจเหมือน Full Lengh Zoom Air การออกตัวระบบ Boost ช่วยได้ประมาณนึงแต่ไม่ปรี้ดปราดเหมือน Kyrie
คะแนน 5/5
Material :: ที่ตัดสินใจซื้อคู่นี้อีกอย่างคือ ผ้า ที่คล้ายๆเป็นผ้าถัก ไม่รู้เรียก Primenit หรือเปล่า ตั้งแต่ผมลองใช้ Flynit ครั้งแรกใน Kobe XI elite แล้ว ผมขายรองเท้าคู่อื่นที่เป็นผ้าตะข่ายทิ้งทั้งหมดทันที(ยกเว้น Air Jordan) เพราะผ้าถักนั้นใส่สบายกว่าผ้าตาข่ายมาก เข้ารูปเท้าเราได้ง่าย ถ่ายเทอากาศได้ดี นุ่มกว่าและไม่เจ็บเท้า
คะแนน :: 5/5
Fit :: นี่คือปัญหาหลักของรองเท้าคู่นี้เลยก็ว่าได้ที่ ใส่อย่างไง ก็หลวมที่ข้อเท้า และระบบเชือกที่มีทั้ง Flywire เชือกเส้นใหญ่ ก็ไม่ทำให้เท้าเราอยู่ในแผ่นรองเท้าได้เต็มที่ ปกติผมใส่ 11US มาคู่นี้ต้องลดครึ่งเบอร์เป็น 10.5 ถ้าเป็นตรงไซส์ พื้นที่หน้าเท้าจะกว้างและยาวเกินไป และข้อเท้าหลวมมาก เลยต้องลดไซร์และสิ่งที่เจอก็คือ หน้าเท้าพอดี แต่ข้อเท้ายังหลวมอยู่ จึงแก้ไขด้วยถุงเท้าหนาแทน ลักษณะรองเท้าคล้าย KDX คือ ยาวมาก ข้อหลวม แต่หน้าเท้ากว้างกว่า KDX
คะแนน 2.5/5
Support :: Heel Couter แข็งและกว้างมากจนทำให้ข้อเท้าหลวมแต่เมื่อใส่ถุงเท้าหนาแล้วรู้สึกมั่นคงดี และเป็น Low Cut ที่ไม่ค่อยซับพอร์ตข้อเท้าเท่าไหร่ และพื้นสูงด้วย โอกาสพลิกมี รองเท้าจึงมีกันพลิกด้านข้างเท้าที่ยาว ใหญ่ หนากว่าจุดอื่นๆเพื่อป้องกันกรณีนี้เป็นพิเศษ ส่วนตัวประทับใจใน Low cut ยอมข้อเท้าพลิกได้ไม่มีปัญหา มี Shank plate ช่วยกันรองเท้าบิด ส่วนตัวคิดว่า ถ้าแก้ปัญหาข้อเท้าหลวมและระบบเชือก คู่นี้จะดีมาก
คะแนน :: 3/5
Overall :: เป็นรองเท้าเอนกประสงค์คู่นึงเลย ใส่เล่นก็ได้ ใส่ได้ทุกตำแหน่ง ใส่เที่ยวก็ได้ แฟชั่นประมาณนึง แต่ด้วยราคาพุ่งสูงไปนิดนึง แต่มาพร้อมเทคโนโลยีใหม่ที่ Nike กั๊กของไม่ยอมปล่อยซะที จน Adidas Boost และ UA Charge ออกมา Nike ถึงปล่อย React ถือเป็นก้าวใหม่ของค่าย 3 ขีดที่หลุดจากกรอบเดิมๆที่ Nike วางไว้ตลอดหลายปีที่ผ่านมา สำหรับผมชอบการเบรคและระบบรับแรงกระแทก ประทับใจในวัสดุ ผิดหวังใน Fit และพอรับได้ในเริ่อง Support เป็น Adidas คู่แรกในชีวิตที่ไม่ผิดหวัง และหวังว่า Crazy Explosive จะทำได้ดีกว่านี้ครับ
::CR:: Adidas Crazy Light Boost 2016
Name :: Adidas Crazy Light Boost 2016
ตัวแทนจำหน่าย :: Dilok
Adidas เป็นยี่ห้อที่ตอนเด็กๆเข้าขั้น "ไม่ชอบ"เอาเสียเลย ด้วยเหตุผลที่นักบาส NBA ใส่แล้วเจ็บกันประจำจนฟอร์มหาย (ยกเว้น Duncan ไว้คนนึง) และไม่ชอบ Low cut เอามากๆ เพราะเพื่อนใส่สมัย Kobe V ข้อพลิกต่อหน้าต่อตา แต่คู่นี้ดันมีเหตุผลที่ไม่ชอบทั้งสองอย่าง ทำไมผมถึงซื้อ
Traction :: Adidas เคลมว่า พื้นรองเท้าคู่นี้ทำโดย Continental บ.ผลิตยางรถทั้งจักรยาน มอเตอร์ไซค์ รถยนต์ แนวหน้าของวงการ ซึ่งทำให้คู่นี้ไม่ผิดหวังในการเบรค เบรคไม่ดังแต่หยุดทันใจดีจริงๆ โดยที่การเบรคเอี้ยดขนาดนี้ทำให้รองเท้าเราหยุดอยู่กับที่จนสร้างภาระให้เข่าประมาณนึง แต่ก็ไม่ได้หนักหนาอะไร พื้นรองเท้าทนใช้ได้ผมใส่เล่นปูนมาหลายครั้งยังไม่เป็นไร และเล่นบีโปรอาการลื่นเกิดขึ้นน้อยมากผิดกับพื้นใสของ Kobe และ AJXXXI ที่ลื่นบ่อยกว่า พื้นค่อนข้างสูงจะรู้สึกโคลงเคลงนิดนึงแต่มั่นคงดีครับ
คะแนน 4/5
Cusion :: รองเท้าคู่นี้เป็นระบบ Boost คือเม็ดโฟมเล็กเรียงต่อกันช่วยกระจายแรงจนรู้สึกนุ่มและยุบคืนตัวกลายเป็นเด้ง นี่คือศักราชใหม่ของรองเท้าบาสเลยจริงๆ ผมมี Kobe XI elite คู่นึงผมก็ค่อนข้างประทับใจกับโฟม Lunalon และ Zoom air แต่ Boost ทำหน้าที่นั้นดีกว่าอย่างชัดเจน จนคนอย่างผม (สูง 187 หนัก90) ใส่ได้สบายๆ และข้อดีของ Boost คือ ทำให้ผม Recovery ตัวเองได้เร็วกว่ารองเท้าคู่อื่นๆที่ผมมี ไม่รู้สึกปวดหรือเจ็บหลังการเล่นเช่นรองเท้าคู่อื่นๆที่ใส่เลย การกระโดดไม่เสียแรงเหมือน Air Max แต่ก็ไม่ได้เด้งทันใจเหมือน Full Lengh Zoom Air การออกตัวระบบ Boost ช่วยได้ประมาณนึงแต่ไม่ปรี้ดปราดเหมือน Kyrie
คะแนน 5/5
Material :: ที่ตัดสินใจซื้อคู่นี้อีกอย่างคือ ผ้า ที่คล้ายๆเป็นผ้าถัก ไม่รู้เรียก Primenit หรือเปล่า ตั้งแต่ผมลองใช้ Flynit ครั้งแรกใน Kobe XI elite แล้ว ผมขายรองเท้าคู่อื่นที่เป็นผ้าตะข่ายทิ้งทั้งหมดทันที(ยกเว้น Air Jordan) เพราะผ้าถักนั้นใส่สบายกว่าผ้าตาข่ายมาก เข้ารูปเท้าเราได้ง่าย ถ่ายเทอากาศได้ดี นุ่มกว่าและไม่เจ็บเท้า
คะแนน :: 5/5
Fit :: นี่คือปัญหาหลักของรองเท้าคู่นี้เลยก็ว่าได้ที่ ใส่อย่างไง ก็หลวมที่ข้อเท้า และระบบเชือกที่มีทั้ง Flywire เชือกเส้นใหญ่ ก็ไม่ทำให้เท้าเราอยู่ในแผ่นรองเท้าได้เต็มที่ ปกติผมใส่ 11US มาคู่นี้ต้องลดครึ่งเบอร์เป็น 10.5 ถ้าเป็นตรงไซส์ พื้นที่หน้าเท้าจะกว้างและยาวเกินไป และข้อเท้าหลวมมาก เลยต้องลดไซร์และสิ่งที่เจอก็คือ หน้าเท้าพอดี แต่ข้อเท้ายังหลวมอยู่ จึงแก้ไขด้วยถุงเท้าหนาแทน ลักษณะรองเท้าคล้าย KDX คือ ยาวมาก ข้อหลวม แต่หน้าเท้ากว้างกว่า KDX
คะแนน 2.5/5
Support :: Heel Couter แข็งและกว้างมากจนทำให้ข้อเท้าหลวมแต่เมื่อใส่ถุงเท้าหนาแล้วรู้สึกมั่นคงดี และเป็น Low Cut ที่ไม่ค่อยซับพอร์ตข้อเท้าเท่าไหร่ และพื้นสูงด้วย โอกาสพลิกมี รองเท้าจึงมีกันพลิกด้านข้างเท้าที่ยาว ใหญ่ หนากว่าจุดอื่นๆเพื่อป้องกันกรณีนี้เป็นพิเศษ ส่วนตัวประทับใจใน Low cut ยอมข้อเท้าพลิกได้ไม่มีปัญหา มี Shank plate ช่วยกันรองเท้าบิด ส่วนตัวคิดว่า ถ้าแก้ปัญหาข้อเท้าหลวมและระบบเชือก คู่นี้จะดีมาก
คะแนน :: 3/5
Overall :: เป็นรองเท้าเอนกประสงค์คู่นึงเลย ใส่เล่นก็ได้ ใส่ได้ทุกตำแหน่ง ใส่เที่ยวก็ได้ แฟชั่นประมาณนึง แต่ด้วยราคาพุ่งสูงไปนิดนึง แต่มาพร้อมเทคโนโลยีใหม่ที่ Nike กั๊กของไม่ยอมปล่อยซะที จน Adidas Boost และ UA Charge ออกมา Nike ถึงปล่อย React ถือเป็นก้าวใหม่ของค่าย 3 ขีดที่หลุดจากกรอบเดิมๆที่ Nike วางไว้ตลอดหลายปีที่ผ่านมา สำหรับผมชอบการเบรคและระบบรับแรงกระแทก ประทับใจในวัสดุ ผิดหวังใน Fit และพอรับได้ในเริ่อง Support เป็น Adidas คู่แรกในชีวิตที่ไม่ผิดหวัง และหวังว่า Crazy Explosive จะทำได้ดีกว่านี้ครับ