ทริปตามใจพ่อ : สถานที่ที่ควรไปเมื่อไปเชียงราย
เมื่อต้นปีที่ผ่านมามีโอกาสพาพ่อเที่ยว พ่อที่ปกติ ชอบอยู่บ้าน ด้วยความที่พ่อเป็นเกษตรกร
ทำสวน เลี้ยงปลา เลี้ยงไก่ พอจะออกจากบ้านทีก้อเป็นห่วงปลา เป็นห่วงไก่
เป็นห่วงโน้นนี่นั้นไปหมดทุกอย่าง แต่คราวนี้พ่อรีเควสมาเองว่าอยากไปเที่ยวเชียงราย
อ่ะ!! ลูกอย่างเราก็จัดไป 1 ทริป "ทริปตามใจพ่อ" จึงได้บังเกิดขึ้น
ทริปนี้เราจะไม่ได้บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับการเดินทางมาก แต่เราจะเอาสถานที่ที่ควรไป
เมื่อไปเชียงรายมาฝากกัน พร้อมกับภาพสวยๆ ในสายตาเรา อาจจะไม่ได้สวยในสายตาคุณ 555
ภาพบางภาพอาจจะไม่ได้สวยอะไรมากมาย แต่เชื่อเถอะว่าถ้าคุณได้ไปเที่ยวกับคนพิเศษภาพนั้นจะพิเศษขึ้นทันที
เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า ลุย!!
วันแรกของการเดินทาง จากหาดใหญ่ - เชียงราย บินตรง ค่าตั๋วไม่เกินคนละ 2000 บาท
ไปกับพ่อ 2 คน เดินทางเช้า ครั้งนี้มันพิเศษตรงที่เป็นครั้งแรกที่พ่อนั่งเครื่องบิน
ทุกคนคงจำความรู้สึกแรกที่ได้ขึ้นเครื่องบินได้ใช่ไหม ? นั้นแหละพ่อคงรู้สึกแบบนั้น

หลังจากลงเครื่อง ด้วยความทีทริปนี้ไม่มีการวางแผนเลยว่าจะพักที่ไหน
เราก็เลยถามพี่แท๊กซี่ที่เราขึ้นรถเลย พี่เค้าแนะนำ B2 ราคาน่าคบ
แถมน่าอยู่ไม่ไกลจากแหล่งท่องเที่ยวด้วย
หลังจากที่เราเอากระเป๋าเข้าเก็บในห้องแล้ว ได้เวลาหาของกิน เดินไปใกล้เจอร้านก๋วยจั๊บณวน
พ่อไม่เคยกินแน่ๆ เลยจัดไปเรย มันก็จะน่ากินตามภาพ

หลังจากกินเสร็จ ก็กลับไปอาบน้ำพักผ่อนสักนิด พ่อขี้ร้อน วางแผนไว้ว่า พอเย็นๆจะออกมาเดินชมเมืองกัน
พอตกเย็นประมาณห้าโมงครึ่ง ก็ออกมาเดิน ตัดสินใจว่าจะเดินมาทางหอนาฬิกาเชียงราย
ซึ่งหอนาฬิกาเชียงรายมีความพิเศษที่ว่า เมื่อถึงตอน 1 ทุ่ม หอนาฬิกาจะเปิดเพลงเชียงรายรำลึก
แล้วหอนาฬิกาก็จะเปลี่ยนสีไปเรื่อยๆจนจบเพลง แล้วมันก็จะเป็นแบบนี้ไปทุกๆชั่วโมง
แต่จำไม่ได้ว่ารอบทุกท้ายกี่โมง

และอีกเรื่องที่ตัดสินใจเดินมาทางหอนาฬิกาเพราะว่า แถวหอนาฬิการมีของให้เลือกกินเยอะแยะเรย
เราก็จัดนี้เลย ตรงหอนาฬิกา -- ผัดไทกุ้งสด --

หลังจากกินเสร็จ ก็เดินไปตลาดไนซ์บาซ่าเชียงรายต่อ จากหอนาฬิกาก็ไกลนิดนึง
ถ้าใครมาหลายคนก็นั่งรถเถอะ 5555
บรรยากาศที่ตลาดไนซ์บาซ่าเชียงราย
แล้วก็ไปลองบัวลอยที่ขึ้นชื่อ ป้าอ้วน บัวลอยมือถือ

ในตลาดยังมีลานกิจกรรม และ ร้านอาหารให้นั่งรับประทานอาหารด้วยนะ บรรยากาศค่อนข้างดีเลยร่ะ

หลังจากเดินเสร็จก็กลับมาพักผ่อน คนแก่อ่าเน๊อะ นอนเร็วตื่นเช้า ก็ตามนั้น
-------- วันแรกผ่านไปด้วยดี ฝันดีราตรีสวัสดิ์ --------
เช้าวันที่สอง ก็ไม่ได้วางแผนไว้อีกแหละ แต่เมื่อวานคุยกันว่าจะเช่ามอไซต์เที่ยวกันสองพ่อลูก
แต่พอมาถึง พ่อเห็นรถเมื่อวานแร้ว รถมันเยอะ เกรงว่าจะอันตรายก็เรย เช่าแท๊กซี่เลยดีกว่า
ไหนๆก็มาเที่ยวแล้ว อีกอย่างนานๆทีพ่อจะออกมาเที่ยว ก็จัดเต็มไป เลยถามพ่อว่าอยากไปไหน
พ่อบอก แม่สาย อ่ะ แม่สายก็แม่สาย เก็บกระเป๋าไปเช็คเอ้าท์ พอเช็คเอ้าเสร็จจะโทรเรียกแท๊กซี่
พอดีพอเห็นมีแท๊กซี่จอดอยู่ที่โรงแรม เลยเข้าไปสอบถามตกลงราคากัน ก็ประมาน เกือบสองพัน
แวะไร่ชาฉุยฟง พาไปทำใบผ่านแดน เพื่อไปท่าขี้เหล็ก พม่า แล้วก็ไปส่งแม่สาย ตามนั้นเรยค่ะ
ออกลุยกันเลยจ้าา
ที่แรก ไร่ชาฉุยฝง

แวะจิบชา ซื้อชา ถ่ายรูปบรรยากาศ

ใช้เวลา ชั่วโมงกว่าๆก็ถึงแม่สาย ก่อนจะให้ไปส่งที่ โรงแรม เค้าจะพาไปทำใบผ่านแดน

เสียตังใบละ 20 - 50 ไม่แน่ใจ แต่ไม่เกินนี้แน่นอน
หลังจากนั้นก้อให้เค้าพาไปส่งโรงแรม เลือกโรงแรมที่ใกล้ด่านที่สุด เพื่อสะดวกในการเดินเที่ยว
โรงแรมที่เราพักคือโรงแรมขันทองคำ ราคาไม่ถึงพัน พอไปถึงก็เจอลมเย็นๆเลย

หลักจากเก็บกระเป๋ากันแล้วก็ออกมาเดินเที่ยว ที่ตลาดท่าขี้เหล็กตรงฝั่งพม่า

ของก็ไม่ได้ถูกมาก จะออกแนวๆตลาดโรงเกลือของเรา แต่ของแพงกว่า

บรรยากาศก็ประมาณนี้นะค่ะ

เดินเข้าไปฝั่งพม่าจะมีรถตุ๊กๆมาถาม มีวันเดย์ทริปถ้าใครสนใจก็ลุยได้เลย
ต่อราคาเล่นตัวนิดนึงก้ดีค่ะ ได้ลดราคาแน่นอน ต่อไปเลย

พอตกเย็นแถวหน้าด่านจะมีของมาตั้งขายเยอะแยะเลยค่ะ
มีทั้งของกิน ของใช้ และที่เยอะเลยคือร้านนวด ราคาไม่แพงด้วยค่ะ

เนื่องจากวันนี้เดินมาทั้งวัน พ่อก็เลยจัดการนวดไป 2 ชั่วโมงเลยจ้าาา
คนเป็นลูกก็จิบน้ำเต้าหู้ร้อนๆ ฟินกับ อากาศหนาวๆ นั่งรอไปค่ะ
ผ่านไปอีก 1 วัน ผ่านไปพร้อมกับรอยยิ้มของพ่อ และอากาศหนาวๆ

วันที่ 3 อยู่แม่สายต่อจ้า พ่อติดใจอากาศเย็นสบายที่นั้น พ่อบอกเหมือนอยู่บ้านดี
เลยจัดไปอีกวัน ก็เที่ยวแถวนั้นตรงข้ามกับโรงแรมจะมีตลาดแม่สาย เดินขึ้นไปจะเจอวัดพระธาตุดอยเวา

พอขึ้นไปบริเวณวัดแล้วเราจะเห็นเมืองแม่สาย ทั้งเมืองเรยค่ะ

ส่วนตลาดแถวนั้นก็ประมาณตลาดกิมหยง ที่ขายทุกอย่าง เสื้อผ้า กระเป๋า ชา ของใช้ เครื่องใช้ไฟฟ้า เยอะค่ะ

วันนี้ก็ไม่มีอะไรมาก เหมือนพักผ่อนเดินเล่นตามใจพ่อมากกว่า
วันที่ 4 เราก็เรียกแท๊กซี่คันเดิมค่ะ มารับ ขากลับ เราแวะเที่ยวพระตำหนักดอยตุง

ในส่วนของพระตำหนักดอยตุงนั้น แบ่งเป็น 4 ส่วน
คือ 1. พระตำหนักดอยตุง
2. สวนแม่ฟ้าหลวง
3. หอแห่งแรงบันดาลใจ
4. สวนรุกขชาติแม่ฟ้าหลวง ต้องขับรถไปอีก 9 กม
เราก็เลยเลือกซื้อตั๋วที่ไปเที่ยวแค่ 3 ที่ แค่นั้น
พระตำหนักดอยตุง เปรียบเสมือนบ้านของสมเด็จย่า ภายในพระตำหนักเค้าเปิดให้เข้าชม
ก่อนเข้าพระตำหนักจะต้องแต่งกายให้เรียบร้อย ถ้าใครใส่ขาสั้นมาเค้าจะมีผ้าให้
และยังมีอุปกรณ์ก่อนการเข้าชมให้อีกด้วยเป็นเครื่องเล่นเล็กค่อยอธิบายว่า
แต่ละส่วนของพระตำหนักมีประวัติยังไง ถ้าใครมีโอกาสอยากให้ไป ห้ามพลาดเลยร่ะ

วิวด้านบนพระตำหนัก บ้านหลังแรกของสมเด็จย่า บ้านที่แวดล้อมไปด้วยกลิ่นอายของธรรมชาติตามประสาคนรักต้นไม้

สวนแม่ฟ้าหลวง จะอยู่บริเวณด้านหน้าของพระตำหนัก หลายๆครั้งที่สมเด็จย่าจะมายืนตรงระเบียง
และมองลงมาดูประชาชนที่มาเยี่ยมชมบ้านของท่าน

“หอแห่งแรงบันดาลใจ” เป็นที่ที่รวบรวมแนวพระราชดำริและพระราชจริยวัตร
หลักการทรงงานที่เรียบง่ายของทั้ง 5 พระองค์ในราชสกุลมหิดล ให้ประชาชนชาวไทย
และทุกคนที่ได้มาเยือนดอยตุง ได้เกิดแรงบันดาลใจ ยึดมั่นในความดี คิดดี ประพฤติปฏิบัติตามรอย

พอเดินลงมาข้างล่างที่ลานจอดรถ จะมีขายของ ชาวบ้านจะนำของมาขายตามไหล่ทาง

หลังจากออกจากดอยตุง ก็เข้าเมือง ระยะทางประมาณ 48 กม ใช้เวลาประมาณเกือบชั่วโมง
พอเข้ามาในเมือง เราก็ไปต่อกันที่วัดร่องขุน มาเชียงรายทั้งที ไม่ไปวัดนี้ไม่ได้เลยนะค่ะ
แทบจะเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดเชียงรายเลยร่ะ ส่วนค่าเข้าชม คนไทยฟรีค่ะ ต่างชาติเสียค่าเข้าค่ะ
วัดร่องขุ่น สร้างโดยท่านอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ จิตรกรชั้นแนวหน้าของไทย
ลักษณะของพระอุโบสถที่ตกแต่งด้วยสีขาวเป็นพื้น ประดับด้วยกระจกแวววาว
บนปูนปั้นเป็นลายไทย เหนืออุโบสถที่ประดับด้วยสัตว์ในเทพนิยาย
ถ้าใครมีโอกาสได้ไปรับรองว่าจะต้องประทับใจกับความงดงามของวัดแน่นอน

หลังจากไปวัดก็ให้รถแท๊กซี่มาส่งโรงแรม พักผ่อนกันหน่อย เที่ยวมาทั้งวัน
พอตกเย็นก็เดินเล่นหาของกิน พักผ่อนเตรียมตัวกลับบ้านพรุ่งนี้
จบทริปตามใจพ่อ ไปแบบตามใจพ่อจริงๆ ถ้าใครยังไม่เคยพาพ่อกับแม่
ไปเที่ยว ลองดูสักครั้ง รับรองได้เลยว่า มันเป็นความทรงจำที่ดีจริง
[CR] ไปเชียงรายตามใจพ่อ : สถานที่ที่ควรไปเมื่อไปเชียงราย
เมื่อต้นปีที่ผ่านมามีโอกาสพาพ่อเที่ยว พ่อที่ปกติ ชอบอยู่บ้าน ด้วยความที่พ่อเป็นเกษตรกร
ทำสวน เลี้ยงปลา เลี้ยงไก่ พอจะออกจากบ้านทีก้อเป็นห่วงปลา เป็นห่วงไก่
เป็นห่วงโน้นนี่นั้นไปหมดทุกอย่าง แต่คราวนี้พ่อรีเควสมาเองว่าอยากไปเที่ยวเชียงราย
อ่ะ!! ลูกอย่างเราก็จัดไป 1 ทริป "ทริปตามใจพ่อ" จึงได้บังเกิดขึ้น
ทริปนี้เราจะไม่ได้บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับการเดินทางมาก แต่เราจะเอาสถานที่ที่ควรไป
เมื่อไปเชียงรายมาฝากกัน พร้อมกับภาพสวยๆ ในสายตาเรา อาจจะไม่ได้สวยในสายตาคุณ 555
ภาพบางภาพอาจจะไม่ได้สวยอะไรมากมาย แต่เชื่อเถอะว่าถ้าคุณได้ไปเที่ยวกับคนพิเศษภาพนั้นจะพิเศษขึ้นทันที
เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า ลุย!!
วันแรกของการเดินทาง จากหาดใหญ่ - เชียงราย บินตรง ค่าตั๋วไม่เกินคนละ 2000 บาท
ไปกับพ่อ 2 คน เดินทางเช้า ครั้งนี้มันพิเศษตรงที่เป็นครั้งแรกที่พ่อนั่งเครื่องบิน
ทุกคนคงจำความรู้สึกแรกที่ได้ขึ้นเครื่องบินได้ใช่ไหม ? นั้นแหละพ่อคงรู้สึกแบบนั้น
หลังจากลงเครื่อง ด้วยความทีทริปนี้ไม่มีการวางแผนเลยว่าจะพักที่ไหน
เราก็เลยถามพี่แท๊กซี่ที่เราขึ้นรถเลย พี่เค้าแนะนำ B2 ราคาน่าคบ
แถมน่าอยู่ไม่ไกลจากแหล่งท่องเที่ยวด้วย
หลังจากที่เราเอากระเป๋าเข้าเก็บในห้องแล้ว ได้เวลาหาของกิน เดินไปใกล้เจอร้านก๋วยจั๊บณวน
พ่อไม่เคยกินแน่ๆ เลยจัดไปเรย มันก็จะน่ากินตามภาพ
หลังจากกินเสร็จ ก็กลับไปอาบน้ำพักผ่อนสักนิด พ่อขี้ร้อน วางแผนไว้ว่า พอเย็นๆจะออกมาเดินชมเมืองกัน
พอตกเย็นประมาณห้าโมงครึ่ง ก็ออกมาเดิน ตัดสินใจว่าจะเดินมาทางหอนาฬิกาเชียงราย
ซึ่งหอนาฬิกาเชียงรายมีความพิเศษที่ว่า เมื่อถึงตอน 1 ทุ่ม หอนาฬิกาจะเปิดเพลงเชียงรายรำลึก
แล้วหอนาฬิกาก็จะเปลี่ยนสีไปเรื่อยๆจนจบเพลง แล้วมันก็จะเป็นแบบนี้ไปทุกๆชั่วโมง
แต่จำไม่ได้ว่ารอบทุกท้ายกี่โมง
และอีกเรื่องที่ตัดสินใจเดินมาทางหอนาฬิกาเพราะว่า แถวหอนาฬิการมีของให้เลือกกินเยอะแยะเรย
เราก็จัดนี้เลย ตรงหอนาฬิกา -- ผัดไทกุ้งสด --
หลังจากกินเสร็จ ก็เดินไปตลาดไนซ์บาซ่าเชียงรายต่อ จากหอนาฬิกาก็ไกลนิดนึง
ถ้าใครมาหลายคนก็นั่งรถเถอะ 5555
บรรยากาศที่ตลาดไนซ์บาซ่าเชียงราย
แล้วก็ไปลองบัวลอยที่ขึ้นชื่อ ป้าอ้วน บัวลอยมือถือ
ในตลาดยังมีลานกิจกรรม และ ร้านอาหารให้นั่งรับประทานอาหารด้วยนะ บรรยากาศค่อนข้างดีเลยร่ะ
หลังจากเดินเสร็จก็กลับมาพักผ่อน คนแก่อ่าเน๊อะ นอนเร็วตื่นเช้า ก็ตามนั้น
-------- วันแรกผ่านไปด้วยดี ฝันดีราตรีสวัสดิ์ --------
เช้าวันที่สอง ก็ไม่ได้วางแผนไว้อีกแหละ แต่เมื่อวานคุยกันว่าจะเช่ามอไซต์เที่ยวกันสองพ่อลูก
แต่พอมาถึง พ่อเห็นรถเมื่อวานแร้ว รถมันเยอะ เกรงว่าจะอันตรายก็เรย เช่าแท๊กซี่เลยดีกว่า
ไหนๆก็มาเที่ยวแล้ว อีกอย่างนานๆทีพ่อจะออกมาเที่ยว ก็จัดเต็มไป เลยถามพ่อว่าอยากไปไหน
พ่อบอก แม่สาย อ่ะ แม่สายก็แม่สาย เก็บกระเป๋าไปเช็คเอ้าท์ พอเช็คเอ้าเสร็จจะโทรเรียกแท๊กซี่
พอดีพอเห็นมีแท๊กซี่จอดอยู่ที่โรงแรม เลยเข้าไปสอบถามตกลงราคากัน ก็ประมาน เกือบสองพัน
แวะไร่ชาฉุยฟง พาไปทำใบผ่านแดน เพื่อไปท่าขี้เหล็ก พม่า แล้วก็ไปส่งแม่สาย ตามนั้นเรยค่ะ
ออกลุยกันเลยจ้าา
ที่แรก ไร่ชาฉุยฝง
แวะจิบชา ซื้อชา ถ่ายรูปบรรยากาศ
ใช้เวลา ชั่วโมงกว่าๆก็ถึงแม่สาย ก่อนจะให้ไปส่งที่ โรงแรม เค้าจะพาไปทำใบผ่านแดน
เสียตังใบละ 20 - 50 ไม่แน่ใจ แต่ไม่เกินนี้แน่นอน
หลังจากนั้นก้อให้เค้าพาไปส่งโรงแรม เลือกโรงแรมที่ใกล้ด่านที่สุด เพื่อสะดวกในการเดินเที่ยว
โรงแรมที่เราพักคือโรงแรมขันทองคำ ราคาไม่ถึงพัน พอไปถึงก็เจอลมเย็นๆเลย
หลักจากเก็บกระเป๋ากันแล้วก็ออกมาเดินเที่ยว ที่ตลาดท่าขี้เหล็กตรงฝั่งพม่า
ของก็ไม่ได้ถูกมาก จะออกแนวๆตลาดโรงเกลือของเรา แต่ของแพงกว่า
บรรยากาศก็ประมาณนี้นะค่ะ
เดินเข้าไปฝั่งพม่าจะมีรถตุ๊กๆมาถาม มีวันเดย์ทริปถ้าใครสนใจก็ลุยได้เลย
ต่อราคาเล่นตัวนิดนึงก้ดีค่ะ ได้ลดราคาแน่นอน ต่อไปเลย
พอตกเย็นแถวหน้าด่านจะมีของมาตั้งขายเยอะแยะเลยค่ะ
มีทั้งของกิน ของใช้ และที่เยอะเลยคือร้านนวด ราคาไม่แพงด้วยค่ะ
เนื่องจากวันนี้เดินมาทั้งวัน พ่อก็เลยจัดการนวดไป 2 ชั่วโมงเลยจ้าาา
คนเป็นลูกก็จิบน้ำเต้าหู้ร้อนๆ ฟินกับ อากาศหนาวๆ นั่งรอไปค่ะ
ผ่านไปอีก 1 วัน ผ่านไปพร้อมกับรอยยิ้มของพ่อ และอากาศหนาวๆ
วันที่ 3 อยู่แม่สายต่อจ้า พ่อติดใจอากาศเย็นสบายที่นั้น พ่อบอกเหมือนอยู่บ้านดี
เลยจัดไปอีกวัน ก็เที่ยวแถวนั้นตรงข้ามกับโรงแรมจะมีตลาดแม่สาย เดินขึ้นไปจะเจอวัดพระธาตุดอยเวา
พอขึ้นไปบริเวณวัดแล้วเราจะเห็นเมืองแม่สาย ทั้งเมืองเรยค่ะ
ส่วนตลาดแถวนั้นก็ประมาณตลาดกิมหยง ที่ขายทุกอย่าง เสื้อผ้า กระเป๋า ชา ของใช้ เครื่องใช้ไฟฟ้า เยอะค่ะ
วันนี้ก็ไม่มีอะไรมาก เหมือนพักผ่อนเดินเล่นตามใจพ่อมากกว่า
วันที่ 4 เราก็เรียกแท๊กซี่คันเดิมค่ะ มารับ ขากลับ เราแวะเที่ยวพระตำหนักดอยตุง
ในส่วนของพระตำหนักดอยตุงนั้น แบ่งเป็น 4 ส่วน
คือ 1. พระตำหนักดอยตุง
2. สวนแม่ฟ้าหลวง
3. หอแห่งแรงบันดาลใจ
4. สวนรุกขชาติแม่ฟ้าหลวง ต้องขับรถไปอีก 9 กม
เราก็เลยเลือกซื้อตั๋วที่ไปเที่ยวแค่ 3 ที่ แค่นั้น
พระตำหนักดอยตุง เปรียบเสมือนบ้านของสมเด็จย่า ภายในพระตำหนักเค้าเปิดให้เข้าชม
ก่อนเข้าพระตำหนักจะต้องแต่งกายให้เรียบร้อย ถ้าใครใส่ขาสั้นมาเค้าจะมีผ้าให้
และยังมีอุปกรณ์ก่อนการเข้าชมให้อีกด้วยเป็นเครื่องเล่นเล็กค่อยอธิบายว่า
แต่ละส่วนของพระตำหนักมีประวัติยังไง ถ้าใครมีโอกาสอยากให้ไป ห้ามพลาดเลยร่ะ
วิวด้านบนพระตำหนัก บ้านหลังแรกของสมเด็จย่า บ้านที่แวดล้อมไปด้วยกลิ่นอายของธรรมชาติตามประสาคนรักต้นไม้
สวนแม่ฟ้าหลวง จะอยู่บริเวณด้านหน้าของพระตำหนัก หลายๆครั้งที่สมเด็จย่าจะมายืนตรงระเบียง
และมองลงมาดูประชาชนที่มาเยี่ยมชมบ้านของท่าน
“หอแห่งแรงบันดาลใจ” เป็นที่ที่รวบรวมแนวพระราชดำริและพระราชจริยวัตร
หลักการทรงงานที่เรียบง่ายของทั้ง 5 พระองค์ในราชสกุลมหิดล ให้ประชาชนชาวไทย
และทุกคนที่ได้มาเยือนดอยตุง ได้เกิดแรงบันดาลใจ ยึดมั่นในความดี คิดดี ประพฤติปฏิบัติตามรอย
พอเดินลงมาข้างล่างที่ลานจอดรถ จะมีขายของ ชาวบ้านจะนำของมาขายตามไหล่ทาง
หลังจากออกจากดอยตุง ก็เข้าเมือง ระยะทางประมาณ 48 กม ใช้เวลาประมาณเกือบชั่วโมง
พอเข้ามาในเมือง เราก็ไปต่อกันที่วัดร่องขุน มาเชียงรายทั้งที ไม่ไปวัดนี้ไม่ได้เลยนะค่ะ
แทบจะเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดเชียงรายเลยร่ะ ส่วนค่าเข้าชม คนไทยฟรีค่ะ ต่างชาติเสียค่าเข้าค่ะ
วัดร่องขุ่น สร้างโดยท่านอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ จิตรกรชั้นแนวหน้าของไทย
ลักษณะของพระอุโบสถที่ตกแต่งด้วยสีขาวเป็นพื้น ประดับด้วยกระจกแวววาว
บนปูนปั้นเป็นลายไทย เหนืออุโบสถที่ประดับด้วยสัตว์ในเทพนิยาย
ถ้าใครมีโอกาสได้ไปรับรองว่าจะต้องประทับใจกับความงดงามของวัดแน่นอน
หลังจากไปวัดก็ให้รถแท๊กซี่มาส่งโรงแรม พักผ่อนกันหน่อย เที่ยวมาทั้งวัน
พอตกเย็นก็เดินเล่นหาของกิน พักผ่อนเตรียมตัวกลับบ้านพรุ่งนี้
จบทริปตามใจพ่อ ไปแบบตามใจพ่อจริงๆ ถ้าใครยังไม่เคยพาพ่อกับแม่
ไปเที่ยว ลองดูสักครั้ง รับรองได้เลยว่า มันเป็นความทรงจำที่ดีจริง
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น