เลนส์เก่า เล่าใหม่ #6 Olympus G.Zuiko Auto-S 40mm 1.4 PenF ตัวเจ็บ

สวัสดีครับวันนี้เราจะมาพูดถึงเลนส์เก่าของ Olympus อีกตัวนึง นั่นก็คือ Pen F 40mm 1.4 ซึ่งเป็นเลนส์ใน System แรกของ Olympus ก่อนที่จะหยุดการพัฒนาและมาพัฒนา OM แทน ก่อนที่จะเข้าเรื่อง ผมขอเล่าเรื่องประวัติของ PenF สักนิดหน่อยเพื่อจะได้มีที่มาที่ไป จุดประสงค์ในการตั้งกระทู้ก็คืออยากให้เป็นฐานข้อมูลที่อัพเดทที่สุด สำหรับคนที่ต้องการ ผมเสียเวลากับการหาข้อมูลมาพอสมควร คนที่เจอกระทู้นี้จะได้ไม่เสียเวลาเหมือนผม
หวังว่าผู้อ่านคงจะได้ประโยชน์จากกระทู้นี้ไม่มากก็น้อยนะครับ เรามาเริ่มกันเลยครับ
[ข้อมูลส่วนใหญ่ได้จากค้นหาและเรียบเรียงใหม่โดยผมเอง โดยจะมีลิ้งค์ข้อมูลอ้างอิง หากผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
ขออนุญาตคัดลอกโดยไม่ได้บอกกล่าวกับเจ้าของบทความนะครับ]



Olympus ในยุคแรกๆนั้นได้ผลิตกล้องฟิลม์ Half frame ออกมาในซีรีย์ PEN โดยการออกแบบของ  Mr.Yoshihisa Maitani ผู้มีคุณานุปการกับบริษัท OLYMPUS มากมาย และเป็นโปรเจคแรกๆที่  Mr.Yoshihisa Maitani
ได้ทำขึ้น โดยที่เป้าหมายนั่นก็คือ โครงการทำกล้องถ่ายรูปราคาถูก โดยกำหนดให้ราคาไม่เกิน 6000 Yen ต้องจินตนาการนะครับว่าสมัยนั้นกล้องถ่ายรูปก็แพงพอๆกับกล้องดิจิทัลสมัยนี้ละครับ เงินเดือนเริ่มของพวกจบ ป.ตรี ก็ประมาณ 10,000 Yen +- กล้องถูกสุดในสายการผลิตของOlympus ขณะนั้น 23,000 Yen ครับ แต่นี่คือจุดเรี่มของ กล้องPen ตำนานแรกทีMaitani เติมแต่งให้กับ Olympus
[Half Format ในความเข้าใจของผมนั่นก็คือ ปกติฟิลม์ทั่วไปถ่ายได้ 36 ภาพ แต่

กล้อง Half Frame นั้นใช้ฟิลม์ปกติแต่สามารถถ่ายภาพได้อีกเท่านึงเป็น 72 ภาพ เหมือนกับเอาฟิลม์ปกติมาแบ่งครึ่งทำให้ถ่ายได้จำนวนภาพมากขึ้นนั่นคือข้อดี ข้อจำกัดคือภาพจะเล็กลงขยายได้น้อยลง คุณภาพจะสู้แบบ Full Frame ไม่ได้ ในยุคนึงที่กล้อง Halfframe ได้รับความนิยม และเป็น Format ที่มีให้เห็นได้ในหลายยี่ห้อครับ ไม่ใช่แค่ Olympus เท่านั้น]



ในเดือนตุลาคม 1959 Pen วางตลาดและขายอย่างถล่มทลาย แนวคิดการออกแบบของ Maitani ได้รับการพิสูจน์เป็นครั้งแรก



หลังจากวางตลาดกล้อง Pen ตัวแรก ในปลายปี 1959 Maitani ก็ได้ถูกมอบหมายให้พัฒนา Pen อีกหลาย Version ทั้งที่ยังตรงตามแนวคิดเดิมของเขาคือกล้องสำรองสำหรับผู้ใช้Leica และ แนวคิดเอาใจตลาดคือเน้นการใช้ง่าย ผู้หญิงใช้ได้ด้วยตัวเอง มาดูใบปิดโฆษณาของPenกัน

ลองดูภาพของกล้องแต่ละรุ่นกันครับ
Pen35 PenW


  Pen D ครับ ชุด Pen D นี่จะหรูหน่อยตามที่Maitaniจะให้เป็นกล้องสำรองของคนใช้Leica พวกชุดหรูของบริษัทOlympusนี่ lens จะสว่างๆ อย่างสองตัวนี้ก็ f1.9


Pen EE กล้องชุดPen นี่บ้านเราเรียกกล้องปัญญาอ่อนนะครับ เพราะมันถ่ายง่ายมากๆ รูปก็สวย


ในปี ปี 1963 กล้อง Half frame format (18x24) Single lens Reflex Camera / The Pen-F ก็ได้เกิดขึ้น ก่อนหน้านี้ Pen เปลี่ยนเลนส์ไม่ได้แต่ PenF สามารถเปลี่ยนเลนส์ได้แล้ว


ดูขนาดความเล็กของกล้องและเลนส์สิครับ



ในยุคที่ญี่ปุ่นได้ชื่อเสียงที่เลวว่าเป็นนักก๊อปปี้ บุคคลที่คิดย้อนกระแสและมีแนวคิดเป็นตัวของตัวเองเช่นนี้น่าศึกษานะครับ ในงานPhotokina ปี 1963 ก็มีบริษัทที่คิดเช่นนี้ครับLeitz แห่งเยอรมันนี เป็นหนึ่งในนั้น ด้วยเหตุว่าปกติ Leica มักจะเป็นเป้าหมายในการก๊อปปี้แต่หลังจากวิศวกรของLeitzเข้าชม (มาจับผิดนั่นแหละ) Pen-F และทดสอบด้วยตัวเองกว่าสองชั่วโมง ก็ถึงกับเปล่งอุทานว่า "Excellent!" ครั้งนี้ตัวMaitani เองถือว่าเป็นความสำเร็จเป็นอย่างยิ่งของเขาที่ได้รับการยอมรับจาก บริษัทที่เขาเองนับถือในความเป็นOriginal

นอกจากคำชม บรรดาวิศวกรของLeitz ก็หมายตา Maitani และ Olympus เป็นพิเศษ ไม่ใช่ในฐานะนักก๊อปปี้ แต่เป็นบริษัทคู่แข่งที่มีศักยภาพที่จะเติบโตขึ้นมาทัดเทียมกัน [อยากให้มีในบ้านเราเมืองเราบ้าง..] Maitani สร้างตำนานให้บริษัทไปสองตำนานแล้วนะครับ ภาพวางคู่กันระหว่าง Pen-1959,Pen-F-1963


รุ่นทั้งหมดของ Pen-F Series
1963 Pen-F
1966 Pen-FT
1966 Pen-FT Black
1966 Pen-FTV
1968 Pen-F Microscope
1969 Pen-FT Microscope

เลนส์ระยะต่างๆ [ไม่นับที่นักล่าช้างเอางานะครับ ^_^]



Pen ปิดสายการผลิตลงเมื่อปี 1970 และก็เปิดสายการผลิตและตำนานบทใหม่นั่นคือ OM System นั่นเองรายละเอียดสามารถหาอ่านได้จากส่วนอ้างอิงของน้ากว้างใหญ่ และ กระทู้เลนส์เก่าเล่าใหม่#2ของผมได้ครับ

  ส่วนเลนส์ตัวที่ผมจะพูดถึงคือตัวนี้เองครับ มาดูหน้าตากัน Olympus PenF 40mm 1.4 เลนส์ตัวนี้มีการเคลือบสาร ทอเรี่ยมมาที่ชิ้นเลนส์ด้วย นั่นคือสารกัมมันตรังสี นิยมใช้กันในยุคนึง เพื่อลดอาการขอบเขียวขอบม่วง หลีกเลี่ยงการสัมผัสที่ชิ้นเลนส์โดยตรงจะดีที่สุดครับ โฉมหน้ารวมฝาปิดเลนส์ F Gothic ตัวนี้แค่เห็นรู้สึกว่ามีเสน่ห์บางอย่างบอกไม่ถูก


เม้าท์เป็นเม้าท์เฉพาะของ PenF


ระยะเข้าใกล้ สามารถเข้าใกล้ได้มากสุดอยู่ที่ 0.35 Ft [ฟุต] หรือ 1.5 Mt[เมตร]

พอปรับเลนส์มาที่ระยะ Infinity เลนส์จะหดสั้นลงที่สุด


วงแหวนปรับรูรับแสงอยู่ด้านบน ส่วนวงแหวนโฟกัสอยู่ด้านล่าง F ไม่คลิกทำให้สามารถใช้ค่าที่อยู่ก่ำๆกึ่งๆของแต่ละ F ได้


สิ่งที่แปลกคือ เวลาเราประกบเลนส์เข้ากับกล้องมันจะสลับกับกล้องฟิลม์ตรงที่ ค่ารูรับแสงต่างๆจะไปอยู่ด้านล่าง แต่จะมีตัวเลขเป็นไกด์ให้ปรับจะอยู่ด้านบน แทนค่าที่ 0 = 1.4 1 = 2.8 ต้องกะๆเอา [แต่ในกล้องฟิลม์ PenF ค่าปรับรูรับแสงจะอยู่ด้านบน ตัวเลขไกด์เหล่านี้จะอยู่ด้านล่าง]


ปกติจะเป็นแบบนี้ แต่พอใส่ผ่าน Adaptor มันจะสลับกัน


มาดูใบเบลดรูรับแสงกัน เปิดกว้างสุดเป็นกลมๆ หรี่มาเป็นห้าเหลี่ยมปลายมนๆ

เปิดที่ 1.4


เปิดที่ 2.8


เปิดที่ 4


เปิดที่ 16


ตัวเลนส์มีขนาดเล็กมาก เทียบกับ Panasonic 12-32 ซึ่งเป็นเลนส์คิตที่เล็กมากๆขนาดๆพอๆกัน


หากใส่อแดพเตอร์ก็จะยาวกว่ากันนิดหน่อย


เลนส์มันมีความหล่ออยู่ในตัวเองมากๆ ประกบบอดี้ใดๆก็ดูดี อย่างบอกไม่ถูก มีความน่าหลงใหลบางอย่างซ่อนอยู่ภาพใต้ F Gothic เลนส์นายแบบชัดๆ



กลับมาเข้าที่เนื้อหาสาระกันต่อ เลนส์ตัวนี้ถ้าใส่ FF จะติดขอบดำพอสมควร แต่ถ้าใส่ใน Apsc หรือ M43 จะไม่ติดขอบดำ โบเก้บน FF จะวนๆนิดนึง ส่วนบน M43 ลองดูจากในภาพประกอบได้ครับ
เปิดที่ 1.4

เปิดที่ 2.8

เนื่องจากว่าเลนส์ตัวนี้เคลือบชิ้นเลนส์แบบ Single Coat เมื่อย้อนแสงจะมีแฟลรอยู่พอสมควร

ข้อความกำลังจะเต็มกลัวจะไม่ต่อเนื่อง ขอไปต่อที่ความเห็นที่ 1 นะครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  เลนส์มือหมุน เลนส์กล้อง
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่