กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกของเรา เราอาจจะพิมพ์ตกหล่นไปบ้าง ขอออภัยนะคะ วิจารณญาณในการอ่านนะคะ
จากประสบการณ์ เราเลย
คือว่า เรื่องนี้มันเกิดขึ้นเมื่อสองปีที่แล้ว ประมานปี 2558 เรื่องนานแล้ว เราอาจจะเรียกสถานที่นี้ไม่ค่อยถูก ขออภัยด้วยนะคะ




ตอนนั้นเราอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 แล้วเหมือนว่าเป็นเทอมสองแล้ว ต้องการหามหาลัย ที่เหมาะกับเรา
เทียบคะแนน แกทแพท อยากเข้ามหาลัยดังๆ แล้วก็บวกกับ พ่อแม่สนับสนุน ให้ไปลองสำรวจมหาวิทยาลัย
แล้วคือว่า เหมือนมหาลัยนี้เปิด open house แบบว่ามหาลัยนี้มีต้นไม้เป็นจำนวนมาก หลายวิทยาเขต
เหมือนมีอีกฝั่งนึงด้วย มหาลัยนี้จัดกิจกรรม สำรวจคณะ ที่เหมาะกับเรา มาลองเจอรุ่นพี่ หรือว่าคนที่เรียน
มาทดลองเรียนด้วย มีเกมส์ให้น้องเล่น ลองมานั่งฟัง โดยรวมคือดีมากๆค่ะ โรงอาหารไฮโซ ใช้บัตรเงินสดแบบในห้าง
เราก็แบบเดินไปตามทุกตึกกับเพื่อนหลายๆคน ประมาน 10 คนได้ ที่มาด้วยกันจากโรงเรียนเดียวกัน แล้วก็ในมหาลัยนี้มันจะมีหลายคณะ
อย่างคณะศิลปศาสตร์ ก็จะมีพี่ๆ มาเต้นหน้าตึก เชิญชวนให้เข้าไปเล่นเกมส์ เราก็เล่นไป เดินเที่ยวไป มาจบลงที่ ตึกแพทย์
คือว่าเค้าให้เราเข้าไปดูอาจารย์ใหญ่ ใส่แมท (ผ้า่ปิดปาก)ใส่ถุงมือ (เค้าแจกให้) ตอนแรกจะเข้าไปดูกันห้าคน คือเหมือนแยกๆ กันไป
แล้วเผอิญมาตึกนี้ ก็เหลือห้าคนแล้ว เพื่อนอีกคนกลัวเลือด ไม่กล้าเข้าไป เลยเข้าไปกันสี่คน เราเป็นคนชอบพวกร่างกายคน
อยากเข้าไปศึกษา แต่เราก็มีอาการตื่นๆกลัวๆ ก็นั่งรอไปสักพัก เค้าก็จัดแถว เหมือนมันให้เข้าดูเป็นรอบ
แบบว่า บ่ายรอบนึง ใครเข้าไม่ทันก็รอตัดไปบ่ายสาม คือเรากับเพื่อนมาทัน ตอนบ่ายพอดี เลยได้รอไม่ค่อยนาน
เค้าให้เข้าไปทีละ 20 คน (จำไม่ค่อยได้แย้วว่ากี่คน) ใส่แมท ใส่ถุงมือเรียบร้อย แล้วก็ เข้าไปในห้อง บรรยากาศในห้องนั้น
จะอบอวลไปด้วยกลิ่นฟอร์มาลีน อาจารย์ใหญ่นอนบนเตียงเหล็ก 20 คน เห้นจะได้ เหมือนกับแบบว่า แยกชิ้นส่วนแล้ว แบบนี่แขนนะ
นี่ตัดข้อขามา ให้เห็นเส้นประสาท จะมีรุ่นพี่ตามเตียง สอนเกี่ยวกับส่วนในร่างกาย ตรงนี้เรียกอะไรๆ
คือสิ่งแรกที่เด่นมาเลยคือกลิ่น กลิ่นฟอร์มาลีนแรงมากๆ แล้วเราแบบ เป็นคนปากพล่อย พูดออกไปว่า "ทำไมในนี้เหม็นจังเลย "
แล้วคือเพื่อนก็ทำปากแบบจุ้ๆ จะพูดทำไม คือเมื่อสติเราล่วงรู้เราเลย กล่าว "ว่าขอโทษนะคะ หนูไม่ได้ตั้งใจ T^T "
เราไหว้ แล้วก็กล่าวแบบนี้อยู่สองครั้ง (คือเราไม่ดอเคจริงๆที่พูดไป)จากตอนนั้นในใจก็คิดว่า คงจะไม่เป็นไรแล้วแหละ เราขอโทษแล้ว
เมื่อเดินดูเสร้จแล้ว ก็มีขายต้นไม้ เราก็ซื้อ เดินออกมาจากตึก พลางถามเพือนว่า "กูจะเป็นไรป้ะวะ "ไปพูดแบบนั้น
เพื่อนก็บอกกับเราว่า "ไม่เป็นไรหรอก ขอโทษแล้ว " (คือเราก็ยังไม่สบายใจเท่าไหร่) ก็เดินไปต่อ พยายามไม่คิดไร
จนเดินมาที่ตึกตรงสนามใหญ่ เหมือนตึกนั้น เพิ่งสร้างใหม่ ตึกหันเข้าสนามหญ้า มันจะมีบันได ขึ้นตึกนั้น เป็นยาวๆขึ้นไปเลย
ไม่มีบันไดเลื่อน ให้เดินขึ้นเอง สูงๆข้างหน้าตึก (ไม่ค่อยแน่ใจ) เราเดินขึ้นไปก็มีพวกพี่แต่ละคณะมาขายริชแบรน (กำไลยาง)
ก็ซื้อไป แล้วก็เดินดูรอบๆ ถ่ายรูปกันสนุกๆ
จนเดินลง เผอิญว่าเราเดินลงบันได แบบปกติ คือจะเดินไม่จับราวบันได จะเป้นคนไม่ค่อยตกบันไดบ่อย เพราะคนเยอะด้วย
แย่งกันขึ้น เวลานั้นเอง เราเหมือนจะมีอะไรบางอย่างผ่านหน้าเราไป คล้ายตัดหน้า ทำให้เราล้ม เหมือนจะหงายหลัง แล้วคือจับไอโฟนอยู่
สิ่งเดียวที่คว้าได้คือ ราวบันได





แต่จะคว้าได้ต้องปล่อยไอโฟน วินาทีนั้น ถ้าไม่จับ คือตกลงไปขาหักแน่ อาจจะตาย สมองบวม เรารอด แต่สิ่งที่เสียไปคือไอโฟน 6 ยับ
เพราะหล่นแตก ตรงรูที่ชาตบุบ เสียค่าเคลมไป 12000 แต่ถ้าเราไม่จับเราอาจจะเสียมากกว่านี้ อาจจะเงิน หรือชีวิต
สิ่งแรกที่ทำคือโทรหาแม่ เล่าให้แม่ฟัง แม่เลยบอกให้รีบกลับบ้าน
ตอนนี้จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว คือกลัวมาก จะโทรหาแฟนให้มารับก็ไกลไป(รู้ว่าโทรไปไงก็ไม่มารับ) คือบ้านเราอยู่แถบสมุทรปราการ
มหาลัยนี้กว้างมาก และก้ไม่อยากให้เพื่อนหมดสนุกไม่อยากเป็นภาระของเพื่อนเรา เราเลยบอกเพื่อนไปว่าเราจะกลับบ้าน
เดี๋ยวแกเที่ยวกันต่อเลย (บ้านเรากับเพื่อนอยู่คนละแวกนะคะ) สายตาเพื่อนคือไม่อยากทิ้ง แต่เราบ่ายเบี่ยงให้เพื่อนเที่ยวต่อ
เพื่อนก็โอเค
เราเดินหาทางออก หาวินไม่ได้เลย จนสักพัก เจอวินมอไซ เราให้วินมอไซวนรถสองรอบ คือหาทางออกไปขึ้นรถเมล์ไม่ได้ วินก็ทำหน้า งงๆ
เหมือนไม่รู้ทาง จนถามรปภ. ก็หาทางออกได้ แล้วก็ถามคนไปเรื่อยๆ นั่งสายไหน คือข้ามฝั่งมารอรถ นานมาก เวลาได้นั่ง รถก็ติดมากๆค่ะ
จนเราท้อ นั่งรถ สองชั่วโมง อยู่ตรงอนุสาวรีย์เอง เราก็ลงเดินมาขึ้นบีทีเอส ร้องไห้ด้วยค่ะ T^T วันนั้นเป็นอะไรที่โชคร้ายมาก
กว่าจะถึงบ้านก็เย็นมากๆเลยค่ะ เข็ดแล้วจริงๆ กับการปากไม่ดีของตัวเอง เวลากลับมาถึงบ้าน
ก็ไหว้ขอโทษอีกรอบว่า "หนูไม่ได้ตั้งใจ หนูไม่อยากให้เป็นแบบนี้ วันหลังหนูจะไม่พูดอีกแล้ว "ตบปากตัวเองอีกค่ะ T^T
จนถึงทุกวันนี้เรื่องพวกนั้นก็ไม่เจออีกเลย เป็นเหตุการณ์ ที่ตัวเองนิสัยไม่ดี จนตอนนี้จะพูดไรคิดอะไร ก็เก็บไว้ในใจ
ผลลัพธ์ของการปากพล่อยมันไม่ดีเลย เรื่องนี้อาจจะเป็นเรื่องโชคลางหรือเรื่องลี้ลับ เราก็หาคำตอบไม่ได้ แต่สิ่งที่เสียไปไม่คุ้มเลย
เรายอมเสียของดีกว่าชีวิตเราเป็นอะไร ก็ขอให้คิดเยอะๆก่อนจะพูด ไม่งั้นมันก็จะมีเรื่องไม่ดีเข้ามาหาเรา ขอบคุณที่อ่านนะคะ






เรื่องสยอง มหาลัยดัง ย่านนครปฐม
จากประสบการณ์ เราเลย
คือว่า เรื่องนี้มันเกิดขึ้นเมื่อสองปีที่แล้ว ประมานปี 2558 เรื่องนานแล้ว เราอาจจะเรียกสถานที่นี้ไม่ค่อยถูก ขออภัยด้วยนะคะ
ตอนนั้นเราอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 แล้วเหมือนว่าเป็นเทอมสองแล้ว ต้องการหามหาลัย ที่เหมาะกับเรา
เทียบคะแนน แกทแพท อยากเข้ามหาลัยดังๆ แล้วก็บวกกับ พ่อแม่สนับสนุน ให้ไปลองสำรวจมหาวิทยาลัย
แล้วคือว่า เหมือนมหาลัยนี้เปิด open house แบบว่ามหาลัยนี้มีต้นไม้เป็นจำนวนมาก หลายวิทยาเขต
เหมือนมีอีกฝั่งนึงด้วย มหาลัยนี้จัดกิจกรรม สำรวจคณะ ที่เหมาะกับเรา มาลองเจอรุ่นพี่ หรือว่าคนที่เรียน
มาทดลองเรียนด้วย มีเกมส์ให้น้องเล่น ลองมานั่งฟัง โดยรวมคือดีมากๆค่ะ โรงอาหารไฮโซ ใช้บัตรเงินสดแบบในห้าง
เราก็แบบเดินไปตามทุกตึกกับเพื่อนหลายๆคน ประมาน 10 คนได้ ที่มาด้วยกันจากโรงเรียนเดียวกัน แล้วก็ในมหาลัยนี้มันจะมีหลายคณะ
อย่างคณะศิลปศาสตร์ ก็จะมีพี่ๆ มาเต้นหน้าตึก เชิญชวนให้เข้าไปเล่นเกมส์ เราก็เล่นไป เดินเที่ยวไป มาจบลงที่ ตึกแพทย์
คือว่าเค้าให้เราเข้าไปดูอาจารย์ใหญ่ ใส่แมท (ผ้า่ปิดปาก)ใส่ถุงมือ (เค้าแจกให้) ตอนแรกจะเข้าไปดูกันห้าคน คือเหมือนแยกๆ กันไป
แล้วเผอิญมาตึกนี้ ก็เหลือห้าคนแล้ว เพื่อนอีกคนกลัวเลือด ไม่กล้าเข้าไป เลยเข้าไปกันสี่คน เราเป็นคนชอบพวกร่างกายคน
อยากเข้าไปศึกษา แต่เราก็มีอาการตื่นๆกลัวๆ ก็นั่งรอไปสักพัก เค้าก็จัดแถว เหมือนมันให้เข้าดูเป็นรอบ
แบบว่า บ่ายรอบนึง ใครเข้าไม่ทันก็รอตัดไปบ่ายสาม คือเรากับเพื่อนมาทัน ตอนบ่ายพอดี เลยได้รอไม่ค่อยนาน
เค้าให้เข้าไปทีละ 20 คน (จำไม่ค่อยได้แย้วว่ากี่คน) ใส่แมท ใส่ถุงมือเรียบร้อย แล้วก็ เข้าไปในห้อง บรรยากาศในห้องนั้น
จะอบอวลไปด้วยกลิ่นฟอร์มาลีน อาจารย์ใหญ่นอนบนเตียงเหล็ก 20 คน เห้นจะได้ เหมือนกับแบบว่า แยกชิ้นส่วนแล้ว แบบนี่แขนนะ
นี่ตัดข้อขามา ให้เห็นเส้นประสาท จะมีรุ่นพี่ตามเตียง สอนเกี่ยวกับส่วนในร่างกาย ตรงนี้เรียกอะไรๆ
คือสิ่งแรกที่เด่นมาเลยคือกลิ่น กลิ่นฟอร์มาลีนแรงมากๆ แล้วเราแบบ เป็นคนปากพล่อย พูดออกไปว่า "ทำไมในนี้เหม็นจังเลย "
แล้วคือเพื่อนก็ทำปากแบบจุ้ๆ จะพูดทำไม คือเมื่อสติเราล่วงรู้เราเลย กล่าว "ว่าขอโทษนะคะ หนูไม่ได้ตั้งใจ T^T "
เราไหว้ แล้วก็กล่าวแบบนี้อยู่สองครั้ง (คือเราไม่ดอเคจริงๆที่พูดไป)จากตอนนั้นในใจก็คิดว่า คงจะไม่เป็นไรแล้วแหละ เราขอโทษแล้ว
เมื่อเดินดูเสร้จแล้ว ก็มีขายต้นไม้ เราก็ซื้อ เดินออกมาจากตึก พลางถามเพือนว่า "กูจะเป็นไรป้ะวะ "ไปพูดแบบนั้น
เพื่อนก็บอกกับเราว่า "ไม่เป็นไรหรอก ขอโทษแล้ว " (คือเราก็ยังไม่สบายใจเท่าไหร่) ก็เดินไปต่อ พยายามไม่คิดไร
จนเดินมาที่ตึกตรงสนามใหญ่ เหมือนตึกนั้น เพิ่งสร้างใหม่ ตึกหันเข้าสนามหญ้า มันจะมีบันได ขึ้นตึกนั้น เป็นยาวๆขึ้นไปเลย
ไม่มีบันไดเลื่อน ให้เดินขึ้นเอง สูงๆข้างหน้าตึก (ไม่ค่อยแน่ใจ) เราเดินขึ้นไปก็มีพวกพี่แต่ละคณะมาขายริชแบรน (กำไลยาง)
ก็ซื้อไป แล้วก็เดินดูรอบๆ ถ่ายรูปกันสนุกๆ
จนเดินลง เผอิญว่าเราเดินลงบันได แบบปกติ คือจะเดินไม่จับราวบันได จะเป้นคนไม่ค่อยตกบันไดบ่อย เพราะคนเยอะด้วย
แย่งกันขึ้น เวลานั้นเอง เราเหมือนจะมีอะไรบางอย่างผ่านหน้าเราไป คล้ายตัดหน้า ทำให้เราล้ม เหมือนจะหงายหลัง แล้วคือจับไอโฟนอยู่
สิ่งเดียวที่คว้าได้คือ ราวบันได
แต่จะคว้าได้ต้องปล่อยไอโฟน วินาทีนั้น ถ้าไม่จับ คือตกลงไปขาหักแน่ อาจจะตาย สมองบวม เรารอด แต่สิ่งที่เสียไปคือไอโฟน 6 ยับ
เพราะหล่นแตก ตรงรูที่ชาตบุบ เสียค่าเคลมไป 12000 แต่ถ้าเราไม่จับเราอาจจะเสียมากกว่านี้ อาจจะเงิน หรือชีวิต
สิ่งแรกที่ทำคือโทรหาแม่ เล่าให้แม่ฟัง แม่เลยบอกให้รีบกลับบ้าน
ตอนนี้จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว คือกลัวมาก จะโทรหาแฟนให้มารับก็ไกลไป(รู้ว่าโทรไปไงก็ไม่มารับ) คือบ้านเราอยู่แถบสมุทรปราการ
มหาลัยนี้กว้างมาก และก้ไม่อยากให้เพื่อนหมดสนุกไม่อยากเป็นภาระของเพื่อนเรา เราเลยบอกเพื่อนไปว่าเราจะกลับบ้าน
เดี๋ยวแกเที่ยวกันต่อเลย (บ้านเรากับเพื่อนอยู่คนละแวกนะคะ) สายตาเพื่อนคือไม่อยากทิ้ง แต่เราบ่ายเบี่ยงให้เพื่อนเที่ยวต่อ
เพื่อนก็โอเค
เราเดินหาทางออก หาวินไม่ได้เลย จนสักพัก เจอวินมอไซ เราให้วินมอไซวนรถสองรอบ คือหาทางออกไปขึ้นรถเมล์ไม่ได้ วินก็ทำหน้า งงๆ
เหมือนไม่รู้ทาง จนถามรปภ. ก็หาทางออกได้ แล้วก็ถามคนไปเรื่อยๆ นั่งสายไหน คือข้ามฝั่งมารอรถ นานมาก เวลาได้นั่ง รถก็ติดมากๆค่ะ
จนเราท้อ นั่งรถ สองชั่วโมง อยู่ตรงอนุสาวรีย์เอง เราก็ลงเดินมาขึ้นบีทีเอส ร้องไห้ด้วยค่ะ T^T วันนั้นเป็นอะไรที่โชคร้ายมาก
กว่าจะถึงบ้านก็เย็นมากๆเลยค่ะ เข็ดแล้วจริงๆ กับการปากไม่ดีของตัวเอง เวลากลับมาถึงบ้าน
ก็ไหว้ขอโทษอีกรอบว่า "หนูไม่ได้ตั้งใจ หนูไม่อยากให้เป็นแบบนี้ วันหลังหนูจะไม่พูดอีกแล้ว "ตบปากตัวเองอีกค่ะ T^T
จนถึงทุกวันนี้เรื่องพวกนั้นก็ไม่เจออีกเลย เป็นเหตุการณ์ ที่ตัวเองนิสัยไม่ดี จนตอนนี้จะพูดไรคิดอะไร ก็เก็บไว้ในใจ
ผลลัพธ์ของการปากพล่อยมันไม่ดีเลย เรื่องนี้อาจจะเป็นเรื่องโชคลางหรือเรื่องลี้ลับ เราก็หาคำตอบไม่ได้ แต่สิ่งที่เสียไปไม่คุ้มเลย
เรายอมเสียของดีกว่าชีวิตเราเป็นอะไร ก็ขอให้คิดเยอะๆก่อนจะพูด ไม่งั้นมันก็จะมีเรื่องไม่ดีเข้ามาหาเรา ขอบคุณที่อ่านนะคะ