สัปดาห์ก่อน   
ท่านนายกฯลุงตู่ก็เขึยนกลอน ไทยแลนด์ 4.0  ประทับใจชาวไทยไปครั้งหนึ่งแล้ว

เมื่อวานนี้   
ท่านนายกฯลุงตู่  ก็ได้สร้างความประทับใจสุดซึ้งให้กับประชาชนคนไทยอีกคน
ด้วยบทกลอน "สู่ขวัญเกษตรกร"

ฉายา "สุนทรตู่"  จึงเหมาะสมกับท่านเป็นที่สุด  

ขอยกบางบทของบทกลอน "สู่ขวัญเกษตรกร" มาให้ชมสักนิดครับ   






ผมเอง  เป็นคนชอบเขียนกลอน  ก็เขียนมานาน  ฝึกมานาน  แต่ไม่เคยเขียนได้ดีเหมือนที่ "สุนทรตู่" เขียนเลยครับ
นี่แหละ  ที่เขาเรียกว่า   พรแสวงหรือจะสู้พรสวรรค์   ท่านนายกฯลุงตุ่   ท่านมีความเป็น "กวี" ในตัวตนอย่างยิ่ง

กลอนของท่าน "สุนทรตู่"   เป็นศิลปะอย่างแท้จริง
อ่านแล้ว  เกิดความรู้สึก "เคลิ้มคล้อย"   

นี่หากท่านลุงตู่เขียนกลอนรัก  มีหวังคนไทยหัวใจเป็นสีชมพูดกันทั้งประเทศ

อันว่าศิลปะนั้น  เป็นเรื่องของ "อารมณ์ความรู้สึก"
เขียนรูปก็ให้อารมณ์ความรู้สึก   สร้างหนัง   เขียนหนังสือ   ถ่ายภาพ  บทกวี   ล้วนเป็นเรื่องให้อารมณ์และความรู้สึกทั้งนั้น

ภาษาในบทกลอนของ "สุนทรตู่"  นอกจากให้ด้านอารมณ์ความรู้สึกแล้ว

ยังมีความไพเราะเพราะพริ้ง  นั่นคือ  มีความคล้องจองของถ้อยคำ   มีความสละสลวยของถ้อยคำ
นอกจากสัมผัสอันงดงามแล้ว  ยังมีจังหวะจะโคนของคำ  ของเสียง   มีพื้นฐานด้านฉันทลักษณ์
ลุ่มลึกในเนื้อหา  มีโวหารที่ให้ความหนักเบาในลีลากลอน

ทั้งหมดทั้งมวลนี่แหละครับ  คือ "เชิงวรรณศิลป์" ของ "สุนทรตู่"

ไม่มีนายกรัฐมนตรีคนใดเทียบได้
ต่อให้สิบแม้วก็เหอะ

คนลาช้าลลลลล.....




บ้านเมือง  ขัดแย้งแตกแยกกัน   พูดจากันไม่รู้เรื่อง  ไม่ฟังกัน
การที่นายกฯลุงตุ่นำเอาบทกวีมาเป็นเครื่องมือนี่แหละครับ  จะได้ผล

เพราะบทกวีจะให้ความรู้สึกอ่อนโยน  ประนีประนอม  สร้างความรู้สึกปรองดองได้
บทกวีของนายกฯลุงตู่นี่แหละ   จะพาคนไทยทะยานสู่ 5.0   อย่าว่าแค่ 4.0 เลย

คารวะในความเป็นศิลปินของนายกฯลุงตู่จริง ๆ ครับ




ก่อนจบกระทู้นี้   ในฐานะคนชอบเขียนกลอน   ขอมอบสองกลอนบทนี้ให้ท่าน "สุนทรตู่" ครับ






กลอนสองนทนี้  ผมเขียนแบบพยายามลอกตามพรสวรรค์ของลุงตุ่นะครับ
แต่คงไม่ดีแม้แค่ครึ่งของท่าน "สุนทรตู่"

ขอเชิญชวนคนไทย  เยาวชนไทย  เขียนกลอนตามท่านนายกฯลุงตุ่กันครับ
เมื่อนั้น  ประเทศไทยเราจะได้เป็น "เมืองสุนทร"     ไม่ต้องออก พรบ.ปรองดองให้เมื่อย


จริงไหมครับ






ซาบซึ้งในลีลากวีของ "สุนทรตู่" มาก   จนต้องปิดทู้ด้วยเพลงนี้ครับ