จากกระทู้นี้
https://pantip.com/topic/36632608
อย่างที่ผมตอบใน คห.176 กระทู้เดิมละครับ ว่า Mindset ของคนไทยที่มารวมตัวในพันติ๊ป ค่อนข้างตรงข้ามกับ Mindset ของคนไทยที่พบเห็นได้ทั่วไปในชีวิตจริง
คือแบบนี้ครับ ขณะที่คนพันติ๊ปบอกว่า
"มีโอกาสเรียนเยอะๆ ดีแล้ว ยิ่งมีทักษะมากยิ่งได้เปรียบในการแข่งขัน" แต่ผมไม่คิดว่าคนไทยส่วนใหญ่คิดแบบนี้นะ ตรงกันข้ามคือนิสัยคนไทยจำนวนมากไม่ได้ใฝ่รู้ขนาดนั้น หลายคนไม่ใช่ทำไม่ได้ แต่ถ้าไม่เห็นว่ามันสำคัญยังไงเขาก็จะไม่สนใจมัน
ยกตัวอย่างภาษาอังกฤษกับคณิตศาสตร์ นี่ 2 วิชายาขมของคนไทย ผมนี่อายุขึ้นเลข 3 ได้ยินเรื่องเล่ามาตั้งแต่รุ่นพ่อ ที่ นร. - นศ. ไทยจะต้องเกลียดไม่วิชาใดก็วิชาหนึ่ง อย่างเด็กที่ไม่ได้คิดจะเป็นอาชีพที่ใช้คณิตชั้นสูง เขาก็ไม่สนใจ เช่นเดียวกับคนที่ไม่ได้คาดหวังจะทำงานสายงานที่ต้อง Co กับต่างชาติเขาก็ไม่สนใจภาษาอังกฤษเหมือนกัน
( คะแนนเก็บสูงกว่าสอบอยู่แล้ว เอาแค่พอผ่าน เกรด 1 เกรด 2 คงไม่ยาก )
ส่วนหนึ่งคือบ้านเราค่อนข้างสบายนะ นอกจากไม่เคยเป็นเมืองขึ้นฝรั่งแล้วคนส่วนมากไม่จำเป็นต้องดิ้นรนไปทำงานเมืองนอกหรือทำงานกับต่างชาติ แถมการแข่งขันใน ปท. ก็ไม่ได้รุนแรงเท่าทางเอเชียตะวันออก เลยไม่ค่อยคิดจะหาความรู้ใส่ตัวให้มากที่สุด คือเอาแค่ที่ตัวเองต้องใช้ในงานก็พอ
ลองนึกถึงเวียดนาม ทำไมคนเวียดนามขยันเรียนมากๆ เพราะประชากรเยอะแต่พื้นที่อยู่อาศัยมันน้อย คนของเขาก็ต้องดิ้นรน ถ้าหาโอกาสใน ปท. ไม่ได้ก็ต้องไปตายเอาดาบหน้าเมืองนอก แต่บ้านเราคนไม่ได้แออัดเท่าเขา แผ่นดินก็ไม่ได้แร้นแค้นเท่าเขา จะให้คนไทยทะเยอทะยานเท่าเขาคงไม่ได้
เอาง่ายๆ คนไทยอาชีพแท็กซี่ วินมอไซค์ พนักงานร้านอาหาร แม่ค้าแผงลอย ตำรวจ จนท.รัฐ ฯลฯ อาชีพเดียวกันแต่คนละสถานที่ มุมมองยังต่างกันเลย คือถ้ามุ่งหาลูกค้าต่างชาติหรือให้บริการในแหล่งท่องเที่ยว เขาก็เห็นว่าภาษาอังกฤษ ( หรือแม้แต่ภาษาอื่นๆ เช่น จีน ญี่ปุ่น ) มันสำคัญ แต่ถ้าไม่ได้อยู่ในจุดนั้น เขาก็ไม่ค่อยสนใจเท่าไร
ยิ่งถ้าอะไรที่ดูแล้วยาก ปวดหัว คนไทยจำนวนมากไม่เอาเลย อันนี้มีบันทึกมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว อย่างกระทู้นี้
https://pantip.com/topic/32472425 ที่ จขกท. อ้างถึงบันทึกของชาวฝรั่งเศสชื่อตรุแปง ที่จดตามคำบอกเล่าของบาทหลวงที่เคยเข้ามายังอยุธยาช่วงใกล้เสียกรุงครั้งที่ 2
"..จุดอ่อนของชาวสยามคือเป็นคนเฉื่อยชาเกียจคร้าน อันแก้ไม่หาย ย่อท้อ ไม่ชอบทำอะไรที่ลำบากยากเย็น ไม่ชอบทำของยาก ไม่ยินดียินร้าย ไม่ลุกลี้ลุกลน ไม่ออกกำลังบริหารร่างกายเพราะทำให้เหน็ดเหนื่อย ชาวสยามเป็นศัตรูกับความเหน็ดเหนื่อย และความยากลำบาก ดูเหมือนจะมีชีวิตอยู่เพื่อจะกินและสืบเผ่าพันธุ์เท่านั้น.."
"..การศึกษาของสยามขาดวิชารู้จักคิดหาเหตุผล คนสยามพยายามจะไม่คิดเพราะความคิดทำให้เหน็ดเหนื่อย.."
อีกอันก็บันทึกของลาลูแบร์ ชื่อนี้คุ้นหูคนไทยดี
http://readgur.com/doc/2381051/จดหมายเหตุ-ลา-ลูแบร์-ราชอาณาจักรสยาม
"..คนสยามมีนิสัยอ่อนโยน มีสัมมาคารวะ แต่ก็มีความโลภ เกียจคร้าน ไม่อยากรู้ไม่อยากเห็น.."
บางคนอาจจะบอกว่านั่นมันเมื่อหลายร้อยปีก่อน แต่ขอให้ลองดูรอบๆ ตัวนะครับว่า..
- มีใครมาขอคำแนะนำ "จะเรียน ป.ตรี แนะนำ ม. หรือคณะที่เรียนง่ายๆ จบง่ายๆ ให้หน่อย" บ้างไหม?
- จำนวนกระทู้ถามการบ้านทุกวิชา ในพันติ๊ปเพิ่มขึ้นเป็นดอกเห็ดใช่ไหม?
- รับจ้างทำวิทยานิพนธ์ ทำรายงาน ( ที่ไม่ใช่แค่พิมพ์งาน แต่รวมถึงหาข้อมูลด้วย ) เป็นงานรายได้ดี หลังๆ ขยายตลาดลงมาสู่การรับจ้างทำการบ้านระดับมัธยมอีกต่างหากใช่ไหม?
ลองไปถามสาเหตุสิครับ ถ้าไม่บอกว่าไม่มีเวลา ก็จะบอกว่าวิชานั้นวิชานี้ไม่ชอบ ก็วานก็จ้างทำให้จบๆ ไป
ยอมรับเถอะว่า Mindset คนบ้านเราจะทำอะไรก็ต่อเมื่อเข้าข่ายอย่างน้อย 1 ใน 3 ข้อคือ 1.เป็นสิ่งที่ชอบ ถ้าไม่ชอบก็ไม่คิดจะทำ กับ 2.เป็นสิ่งที่เกี่ยวกับอาชีพตัวเอง ถ้าเจ้าตัวไม่คิดว่าจำเป็นก็ไม่สนใจ 3.เป็นสิ่งที่ดูแล้วยากซับซ้อน ก็จะขอบายตั้งแต่แค่ได้ยินได้ฟัง
ไม่งั้นคงไม่มีคำถามเรื่อยๆ หรอก
"จะทำงานอาชีพ xxx ทำไมต้องเรียน yyy ด้วย" คำถามแบบนี้ก็มีมาเรื่อยๆ ตั้งแต่ก่อนยุค internet จนวันนี้ที่ใครๆ ก็ใช้ social media กันทั่วบ้านทั่วเมือง
ฉะนั้นต่อให้เป็นอาชีพครู แต่ก็ต้องไม่ลืมว่าเขาเติบโตมาด้วยทัศนคติแบบไทยๆ ก็ไม่แปลกที่จะโวยวายกัน เพราะคิดว่าตัวเองไม่ได้สอนวิชาภาษาอังกฤษ แล้วจะเก่งภาษาอังกฤษไปทำไม
ก็เหมือนอาชีพอื่นๆ นั่นแหละ ไม่เชื่อลองไปถามพ่อค้าแม่ค้า พนักงานโรงงาน เกษตรกร ฯลฯ ว่าจะใช้
"เทคโนโลยี" เพิ่มมูลค่าให้ตัวเองยังไง รับรองจำนวนมากนึกไม่ออกหรอก แถมจะทำหน้าเศร้า ส่ายหัวบอกว่ายากอีกต่างหาก
นี่คือเรื่องจริงที่อาจจะต้องทำใจนะ หรือใครหาวิธีแก้ได้ก็ลองเสนอกันมาดูครับ
ปล.อย่าว่าแต่คนอื่นเลย มิตรสหายแลคนรู้จัก ชวนผมให้หาความรู้เรื่องหุ้นอยู่เรื่อยๆ ผมยังไม่เอาเลย เพราะดูแล้วมันต้องยากแน่ๆ
TonyMao_NK51 ( ใช้แทนอมยิ้มที่ถูกแบน )
แตกประเด็นดราม่าสอบครูขอลดคะแนน Eng : มองให้ดีๆ มันเป็นปัญหา Mindset คนไทย (ทุกอาชีพ) นะ คิดว่าจะแก้ได้ไหมล่ะ?
อย่างที่ผมตอบใน คห.176 กระทู้เดิมละครับ ว่า Mindset ของคนไทยที่มารวมตัวในพันติ๊ป ค่อนข้างตรงข้ามกับ Mindset ของคนไทยที่พบเห็นได้ทั่วไปในชีวิตจริง
คือแบบนี้ครับ ขณะที่คนพันติ๊ปบอกว่า "มีโอกาสเรียนเยอะๆ ดีแล้ว ยิ่งมีทักษะมากยิ่งได้เปรียบในการแข่งขัน" แต่ผมไม่คิดว่าคนไทยส่วนใหญ่คิดแบบนี้นะ ตรงกันข้ามคือนิสัยคนไทยจำนวนมากไม่ได้ใฝ่รู้ขนาดนั้น หลายคนไม่ใช่ทำไม่ได้ แต่ถ้าไม่เห็นว่ามันสำคัญยังไงเขาก็จะไม่สนใจมัน
ยกตัวอย่างภาษาอังกฤษกับคณิตศาสตร์ นี่ 2 วิชายาขมของคนไทย ผมนี่อายุขึ้นเลข 3 ได้ยินเรื่องเล่ามาตั้งแต่รุ่นพ่อ ที่ นร. - นศ. ไทยจะต้องเกลียดไม่วิชาใดก็วิชาหนึ่ง อย่างเด็กที่ไม่ได้คิดจะเป็นอาชีพที่ใช้คณิตชั้นสูง เขาก็ไม่สนใจ เช่นเดียวกับคนที่ไม่ได้คาดหวังจะทำงานสายงานที่ต้อง Co กับต่างชาติเขาก็ไม่สนใจภาษาอังกฤษเหมือนกัน
( คะแนนเก็บสูงกว่าสอบอยู่แล้ว เอาแค่พอผ่าน เกรด 1 เกรด 2 คงไม่ยาก )
ส่วนหนึ่งคือบ้านเราค่อนข้างสบายนะ นอกจากไม่เคยเป็นเมืองขึ้นฝรั่งแล้วคนส่วนมากไม่จำเป็นต้องดิ้นรนไปทำงานเมืองนอกหรือทำงานกับต่างชาติ แถมการแข่งขันใน ปท. ก็ไม่ได้รุนแรงเท่าทางเอเชียตะวันออก เลยไม่ค่อยคิดจะหาความรู้ใส่ตัวให้มากที่สุด คือเอาแค่ที่ตัวเองต้องใช้ในงานก็พอ
ลองนึกถึงเวียดนาม ทำไมคนเวียดนามขยันเรียนมากๆ เพราะประชากรเยอะแต่พื้นที่อยู่อาศัยมันน้อย คนของเขาก็ต้องดิ้นรน ถ้าหาโอกาสใน ปท. ไม่ได้ก็ต้องไปตายเอาดาบหน้าเมืองนอก แต่บ้านเราคนไม่ได้แออัดเท่าเขา แผ่นดินก็ไม่ได้แร้นแค้นเท่าเขา จะให้คนไทยทะเยอทะยานเท่าเขาคงไม่ได้
เอาง่ายๆ คนไทยอาชีพแท็กซี่ วินมอไซค์ พนักงานร้านอาหาร แม่ค้าแผงลอย ตำรวจ จนท.รัฐ ฯลฯ อาชีพเดียวกันแต่คนละสถานที่ มุมมองยังต่างกันเลย คือถ้ามุ่งหาลูกค้าต่างชาติหรือให้บริการในแหล่งท่องเที่ยว เขาก็เห็นว่าภาษาอังกฤษ ( หรือแม้แต่ภาษาอื่นๆ เช่น จีน ญี่ปุ่น ) มันสำคัญ แต่ถ้าไม่ได้อยู่ในจุดนั้น เขาก็ไม่ค่อยสนใจเท่าไร
ยิ่งถ้าอะไรที่ดูแล้วยาก ปวดหัว คนไทยจำนวนมากไม่เอาเลย อันนี้มีบันทึกมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว อย่างกระทู้นี้ https://pantip.com/topic/32472425 ที่ จขกท. อ้างถึงบันทึกของชาวฝรั่งเศสชื่อตรุแปง ที่จดตามคำบอกเล่าของบาทหลวงที่เคยเข้ามายังอยุธยาช่วงใกล้เสียกรุงครั้งที่ 2
"..จุดอ่อนของชาวสยามคือเป็นคนเฉื่อยชาเกียจคร้าน อันแก้ไม่หาย ย่อท้อ ไม่ชอบทำอะไรที่ลำบากยากเย็น ไม่ชอบทำของยาก ไม่ยินดียินร้าย ไม่ลุกลี้ลุกลน ไม่ออกกำลังบริหารร่างกายเพราะทำให้เหน็ดเหนื่อย ชาวสยามเป็นศัตรูกับความเหน็ดเหนื่อย และความยากลำบาก ดูเหมือนจะมีชีวิตอยู่เพื่อจะกินและสืบเผ่าพันธุ์เท่านั้น.."
"..การศึกษาของสยามขาดวิชารู้จักคิดหาเหตุผล คนสยามพยายามจะไม่คิดเพราะความคิดทำให้เหน็ดเหนื่อย.."
อีกอันก็บันทึกของลาลูแบร์ ชื่อนี้คุ้นหูคนไทยดี http://readgur.com/doc/2381051/จดหมายเหตุ-ลา-ลูแบร์-ราชอาณาจักรสยาม
"..คนสยามมีนิสัยอ่อนโยน มีสัมมาคารวะ แต่ก็มีความโลภ เกียจคร้าน ไม่อยากรู้ไม่อยากเห็น.."
บางคนอาจจะบอกว่านั่นมันเมื่อหลายร้อยปีก่อน แต่ขอให้ลองดูรอบๆ ตัวนะครับว่า..
- มีใครมาขอคำแนะนำ "จะเรียน ป.ตรี แนะนำ ม. หรือคณะที่เรียนง่ายๆ จบง่ายๆ ให้หน่อย" บ้างไหม?
- จำนวนกระทู้ถามการบ้านทุกวิชา ในพันติ๊ปเพิ่มขึ้นเป็นดอกเห็ดใช่ไหม?
- รับจ้างทำวิทยานิพนธ์ ทำรายงาน ( ที่ไม่ใช่แค่พิมพ์งาน แต่รวมถึงหาข้อมูลด้วย ) เป็นงานรายได้ดี หลังๆ ขยายตลาดลงมาสู่การรับจ้างทำการบ้านระดับมัธยมอีกต่างหากใช่ไหม?
ลองไปถามสาเหตุสิครับ ถ้าไม่บอกว่าไม่มีเวลา ก็จะบอกว่าวิชานั้นวิชานี้ไม่ชอบ ก็วานก็จ้างทำให้จบๆ ไป
ยอมรับเถอะว่า Mindset คนบ้านเราจะทำอะไรก็ต่อเมื่อเข้าข่ายอย่างน้อย 1 ใน 3 ข้อคือ 1.เป็นสิ่งที่ชอบ ถ้าไม่ชอบก็ไม่คิดจะทำ กับ 2.เป็นสิ่งที่เกี่ยวกับอาชีพตัวเอง ถ้าเจ้าตัวไม่คิดว่าจำเป็นก็ไม่สนใจ 3.เป็นสิ่งที่ดูแล้วยากซับซ้อน ก็จะขอบายตั้งแต่แค่ได้ยินได้ฟัง
ไม่งั้นคงไม่มีคำถามเรื่อยๆ หรอก "จะทำงานอาชีพ xxx ทำไมต้องเรียน yyy ด้วย" คำถามแบบนี้ก็มีมาเรื่อยๆ ตั้งแต่ก่อนยุค internet จนวันนี้ที่ใครๆ ก็ใช้ social media กันทั่วบ้านทั่วเมือง
ฉะนั้นต่อให้เป็นอาชีพครู แต่ก็ต้องไม่ลืมว่าเขาเติบโตมาด้วยทัศนคติแบบไทยๆ ก็ไม่แปลกที่จะโวยวายกัน เพราะคิดว่าตัวเองไม่ได้สอนวิชาภาษาอังกฤษ แล้วจะเก่งภาษาอังกฤษไปทำไม
ก็เหมือนอาชีพอื่นๆ นั่นแหละ ไม่เชื่อลองไปถามพ่อค้าแม่ค้า พนักงานโรงงาน เกษตรกร ฯลฯ ว่าจะใช้ "เทคโนโลยี" เพิ่มมูลค่าให้ตัวเองยังไง รับรองจำนวนมากนึกไม่ออกหรอก แถมจะทำหน้าเศร้า ส่ายหัวบอกว่ายากอีกต่างหาก
นี่คือเรื่องจริงที่อาจจะต้องทำใจนะ หรือใครหาวิธีแก้ได้ก็ลองเสนอกันมาดูครับ
ปล.อย่าว่าแต่คนอื่นเลย มิตรสหายแลคนรู้จัก ชวนผมให้หาความรู้เรื่องหุ้นอยู่เรื่อยๆ ผมยังไม่เอาเลย เพราะดูแล้วมันต้องยากแน่ๆ
TonyMao_NK51 ( ใช้แทนอมยิ้มที่ถูกแบน )