รีวิวจ้า!!! ถึงเวลาได้เที่ยวญี่ปุ่นคนเดียวซักที!!! <รูปเยอะ>

สวัสดีค่ะ กระทู้นี้เป็นกระทู้รีวิวแรกของเรา อยากจะมาแชร์ประสบการณ์ ไปเที่ยวญี่คนเดียวค่ะ
ต้องบอกก่อนว่า การไปญี่ปุ่นครั้งนี้ เป็นครั้งที่3ค่ะ ครั้งแรกเมื่อ10ปีที่แล้วเดินทางคนเดียวแต่มีเพื่อนพาเที่ยวที่นู้น
ครั้งที่ 2 ไปกับสามี สามีบ่นยับเลย ที่บ่นเพราะว่าเค้าชอบไปที่นึงแล้วอยู่นานๆ ส่วนเราชอบไปวันนึงหลายๆที่
ครั้งที่3 ครั้งนี้เลยขอโชว์เดี่ยว แต่จะบอกว่าเที่ยวคนเดียวสนุกที่สุดแล้ว อยากไปไหนก็ไป อยากกินอะไรก็กิน
แต่เสียอย่างเดียงไม่มีใคร ถ่ายรูปให้ พอดีเราไม่ได้เอาไม้เซลฟี่ไป 555

เกริ่นมานาน เริ่มเลยแล้วกันนะคะ ทริปนี้ไปแค่ 6 วัน 5 คืนค่ะ (27 พ.ค 2017 - 1 มิ.ย 2017) เพราะว่าลางานมาได้2 อาทิตย์ วันที่เหลือต้องอยู่กับครอบครัว เพราะฉะนั้น 6 วันนี้ ต้องเที่ยวให้มากที่สุด 555
คือเราอาศัยและทำงานอยู่ออสเตรเลียค่ะ 2อาทิตย์ที่ลามาก็กะว่าจะกลับมาแค่ไทย แต่เราดันไปกดดูราคาตั๋วเครื่องบินของการบินไทยเล่นๆ แล้วดันได้ตั๋วไปญี่ปุ่นถูกมาค่ะ (ถูกสำหรับเรานะ) ตัดสินใจจองเลยค่ะ ไม่ต้องพิจารณานาน ไม่ปรึกษาสามีก่อนด้วย 555

ตั๋วราคาถูกยังไง?? คือเราจองตั๋วการบินไทยแบบ multi-city BNE-BKK-KIX-KIX-BKK-BNE ทั้งหมดราคา au$ 990* 25฿ = 24750฿
แล้วเราลองคิดราคาแบบแยกทริปเอานะ ตอนนั้นได้ตั๋วโปร BNE-BKK-BKK-BNE ประมาณ au$ 690* 25฿ = 17250฿
แล้วเอามาหักลบกับส่วนต่าง = 7500฿ เท่ากับว่า เราจ่ายค่าตั๋ว BKK-KIX-KIX-BKKไปแค่ 7500 บาท เท่านั้น
ไปได้แค่ 6 วัน5 คืนก็ยอมกับราคานี้

ค่าใช้จ่ายสำหรับทริปนี้ค่ะ
ค่าตั๋วเครื่องบิน = 7500฿
ค่า Airbnb 3 คืน = 7000฿ สำหรับ2คน ราคานี้มีที่มา คือตอนแรกๆเลยพี่สาวเราจะไปด้วย
เราเลยรีบจองเห็นว่าห้องสวย location ดี แต่สุดท้ายพี่สาวเราไม่ไปซะงั้น เปลี่ยนไม่ทันแล้ว เลยตามเลยค่ะ
ค่า เรียวกัง 1 คืน= 5700฿/1คน รวมอาหารเช้าเย็นและค่าออนเซ็น
ค่า โรงแรม Sheraton 1คืน= 4800฿ รวมอาหารเช้า
ค่าพาส Kansai-Hiroshima 5 วัน = 4000฿ ซื้อที่ออสเตรเลีย
ค่าบัตร IC card + haruka one trip= 1020฿
ค่ากิน+ค่าเข้าสถานที่ต่างๆ+ค่าช๊อปปิ้ง+ ค่าอื่นๆ = 14280฿
Sim2fly + เติมเงิน = 700 ฿
รวมทั้งสิ้น 45000฿

วันแรก 27 พ.ค. 2017 : BKK-KIX-Umeda
เราบินไฟลท์ 8.40 ถึง kix ประมาณ 4โมง
ใช้เวลาในการผ่านต.ม. รับกระเป๋า แลกพาส ทั้งสิ้น 30 นาที
ต.ม.ไม่ถามอะไรเลย ส่วน custom ก็ถามนิดหน่อย ว่าผู้หญิงที่อยู่หลังเรา มาด้วยกันรึป่าว
เราก็ตอบว่า ป่าว มาเที่ยวคนเดียวจ้า แค่นั้นก็ผ่านมาอย่างง่ายดาย

แลกพาสเสร็จก็เดินทางไปที่พักAirbnb ที่ shin osaka

เมื่อไปถึงสถานีชินโอซาก้า โฮสก็มารับถึงสถานีพาเดินไปที่ห้อง อธิบายการใช้ของต่างๆในห้อง
และที่สำคัญมี pocket wifi ให้ใช้ฟรีด้วย
ห้องนี้จะอยู่ตึกเยื้องๆกับ Hotel Mystays Shinosaka เดินไปสถานีsubway ประมาณ 3นาที
เดินไป สถานีชินโอซาก้า 5 นาที มีร้านอาหาร และ ร้านสะดวกซื้ออยู่ใกล้ๆค่ะ
เราถามจขห นะว่าคุณกังวลมั้ยธุรกิจ Airbnb ของคุณกับกฏหมายตอนนี้ เค้าตอบว่า
ตึกนี้ไม่เป็นไรเพราะว่าบางห้องก็เปิดเป็นบริษัท เป็นตึกกึ่ง residential กึ่ง commercial อยู่แล้ว
ถ้าพักที่นี่ไม่มีปัญหาแน่นอน


[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

จากนั้นก็ไปหาข้าวเย็นกิน สรุปไปกินราเมนที่สถานีshin osaka เราสั่งแบบเซ็ตมา ราคา980
เรานึกว่าจะได้แค่ราเมนกับเกี๊ยวซ่า ที่ไหนได้เสิร์ฟข้าวมาด้วยถ้วยนึง เรานึกว่าเค้าเสริฟผิด
เค้าบอกว่าข้าวรวมอยู่ในเซ็ตด้วย ผลคือกินไม่หมดสิคะ 555 แต่รสชาติอร่อยใช้ได้เลยทีเดียว ผ่านค่ะ

เมนูคะ

หน้าร้านค่ะ

หลังจากกินอิ่ม ก็ไปเดินเที่ยวต่อค่ะ ได้ไปแค่ umeda ที่เดียวเพราะว่ามืดแล้ว ไม่อยากกลับดึกเก็บแรงไว้วันต่อไปดีกว่า
จากนั้นก็กลับมาห้องพักผ่อน

วันที่สอง 28 พ.ค. 2017 : shin osaka - Nara - Iga - Kyoto - shin osaka

วันนี้เราก็ตื่นแต่เช้า เพราะว่าต้องเดินทางไกล วันนี้เป็นวันแรกที่ใช้พาสค่ะ
ไปถึงสถานีรถไฟนารา แล้วก็ต่อรถบัสเพื่อไปวัด Taidoji

พอถึงป้าย ก็เดินตามเค้าไป ไปตอนเช้าคนไม่ค่อยเยอะค่ะ

ถ่ายรูปกวาง แล้วเดินกลับสถานี ระหว่างทางก็มีบ้านไสตล์ญี่ปุ่นเก่าๆ สวยดีค่ะ กวางก็เยอะ เพลินตาจริงๆ
จากนั้นก็แวะทานข้าวที่สถานีรถไฟนารา มื้อนี้เลือก Yayoi ค่ะ เอาแบบง่ายๆ และเร็ว อาหารรสชาติใช้ได้ค่ะ

ทานอาหารเสร็จ ก็เดินทางต่อไป Iga ไปเมืองนี้ เพื่อที่จะไปดูบ้านนินจา ปรากฎว่าผิดหวัง
ไม่ได้ใหญ่โตอย่างที่คิดไว้ แถมค่าเข้าราคาค่อนข้างสูง คือ เค้าก็จะให้ไปที่บ้านหลังนึง
เค้าจะแสดงให้ดูว่าพวกนินจาเค้าซ่อนกันยังไง อาวุธซ่อนที่ไหน ประมาณนี้
อ่อ คนอธิบายเป็นภาษาญี่ปุ่นล้วนๆ เราไม่เข้าใจภาษา แต่เข้าใจง่ายกับที่เค้าแสดงให้ดู
หลังจากนั้นก็เป็นส่วนของพิพิธภัณฑ์ ก็จะมีเสื้อผ้า รองเท้า อาวุธ ต่างๆที่นินจาเค้าใช้กัน เมื่อเดินดูเสร็จ
เราก็เดินไปปราสาท UENO แป๊บนึง ไม่ได้เข้าไปดูนะคะเพราะว่าต้องเสียค่าเข้า เลยเดินดูรอบๆ

แล้วก็เดินกลับไปสถานีรถไฟเพื่อไปเกียวโตต่อ พอถึงเกียวโตเราก็ไปเดินเล่นแถว Gion (คราวที่แล้วมาแค่เดินผ่าน)
บรรยากาศดีเลยทีเดียว

จากนั้นก็ไปกิน tonkutsu ขึ้นชื่อ ที่ตึก Cube Kyoto station ไปถึงคนเยอะพอควรแต่ไม่ต้องรอคิว
เราสั่ง หมู premium เซ็ต ผักสลัดกับน้ำซุปเติมได้ แต่ไม่แน่ใจว่าข้าวเติมด้วยได้ป่าว
หมูอร่อยจริง นุ่ม ไม่อมน้ำมัน แต่ความรู้สึกเรามันก็ยังเฉยๆอ่ะ ไม่ได้ถึงอร่อยเหาะขนาดนั้น
แอบเสียดายตังนิดๆ แต่ไม่เป็นไร ถือว่าซื้อประสบการณ์

กินเสร็จ จ่ายตังค์ เดินทางกลับที่พักค่ะ


วันที่สาม 29 พ.ค. 2017 : Osaka ทั้งวัน

วันนี้อากาศร้อนมาก เดินนี่เหงื่อชุ่มเลย เราเริ่มต้นด้วยไปพิพิธภัณฑ์ราเมงค่ะ เดินไม่ไกลจากสถานีรถไฟเท่าไหร่

พิพิธภัณฑ์น่ารักดีค่ะ มีการ์ตูนให้ดูเป็นเรื่องราวความเป็นมาของราเมง

ดูเสร็จก็แวะกินราเมนใกล้สถานีรถไฟ

เราสั่งเป็นเซ็ตค่ะ มีเกี๊ยวซ่าจิ๋วด้วย ราเมงตัวนี้เราเฉยๆ เพราะเส้นราเมงเล็กและออกแข็งนิดๆ
เลยดูเหมือนน้ำซุปไม่ค่อยเข้าไปในเส้นเท่าไหร่ แต่เราก็กินหมดนะ

กินอิ่มแล้วเดินทางต่อ ไปพิพิธภัณฑ์ Endo จากสถานีมีทางบอกดิบดีแต่พอขึ้นมา งงค่ะ หาทางเข้าไม่เจอ
เกือบเดินเข้าทางเข้าของธนาคารซะแล้ว ดีนะเป็นทางเข้าอีกทางนึง พอเค้ามาก็จะเห็นป้ายเองค่ะ
ขึ้นมาก็ซื้อบัตร ฝากกระเป๋าในล็อคเกอร์ แล้วก็เดินเข้าชมได้เลย

พอเสร็จจากที่นี่ ตอนแรกว่าจะไปshinsekai แต่สู้ความร้อนไม่ไหว แล้วว่าจะตรงไปนัมบะเลย แต่อยู่ดีๆมาโผล่ที่ตลาดคุโรมงซะงั้น
ไหนๆก็มาแล้ว ก็เดินดูซะหน่อย

ของกินต่างๆ น่ากินทั้งนั้น แต่เรายังอิ่มกับราเมงอยู่เลย เลยไม่ได้ซื้อกินอะไรมากมาย
จากนั้นเราก็เดินไป นัมบะ ชินไซบาชิ เพื่อช็อปนั่นเอง และก็ซื้อทาโกะยากิ ก่อนกลับที่พัก

####################################################

พื้นที่พิมพ์จะหมดแล้ว เดี๋ยวมาต่ออีกสามวันที่เหลือนะคะ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่