นาน ๆ จะตั้งกะทู้ทีนึง ถ้ามีอะไรผิดพลาดก็ขออภัยนะคะคุณ ๆ
เนื่องจากได้เห็นดราม่าเรื่องการหาผัวฝรั่งเมื่อเดือนก่อน เราเองในฐานะที่เป็นตุ๊ดที่มีสามีฝรั่งเองด้วย แถมยังหาสามีฝรั่งให้แม่ด้วย ก็อยากจะแชร์ประสบการณ์ในแง่นั้น ซึ่งเนื้อหาอาจจะมีความหมิ่นเหม่ศีลธรรมจรรยาอยู่บ้าง ก็ขอให้ตัดสินเอาตามพื้นฐานจิตใจได้เลยนะคะ อ้ะเริ่ม
เรื่องมีอยู่ว่า
เราโตขึ้นมากับแม่ คือพ่อกับแม่เราแยกทางกันตั้งแต่สมัยเด็ก ๆ ใช่ป่ะ แล้วเค้าก็แบ่งลูก ๆ กันง่าย ๆ ไง คือเรามาอยู่กับแม่ ที่เหลือก็อยู่กับพ่อกันไป แล้วแม่เรา แม่ก็เลี้ยงเรามาอย่างดีด้วยการสนับสนุนของแฟนใหม่ของนาง(เป็นคนไทย) ที่แม้แม่เราจะเป็นแค่บ้านเล็กและไม่ได้มีลูกใหม่ด้วยกัน แต่เราก็ได้รับการศึกษาเต็มที่ ไม่มีปัญหาพ่อเลี้ยงลูกเลี้ยงอะไร แม้เราจะเป็นตุ๊ดพ่อเลี้ยงก็ไม่ว่า มีทะเลาะกันนิดหน่อยสมัยที่เลือกสายเรียนตอนม.ปลาย แต่เมื่อเราสอบติดคณะท้อปฮิตเค้าก็เลิกบ่น ระหว่างเรียนมหาวิทยาลัยเริ่มติดเพื่อนก็ย้ายออกมาอยู่ข้างนอก แล้วก็ไม่ได้กลับไปอยู่บ้านอีกเลย
เมื่อเราเรียนจบ เราก็เริ่มไปเที่ยวสถานที่เที่ยวกลางคืนของพวกเก้งกวาง เราก็พบว่าตุ๊ดตัวดำ ๆ อย่างเรา "ฮ็อท"พอสมควรกะเก้งกวางต่างชาตินี่นา กับคนไทยเราอาจจะดูไม่สวยเอาซะเลย ใคร ๆ ก็ล้อว่าดำอย่างโง้นอย่างงี้ แต่ฝรั่งชอบเราแฮะ อ้ะ ๆ เราก็เจอแฟนคนแรกซึ่งเป็นฝรั่งชาวอัฟริกาใต้ ซึ่งแกมาทำงานสอนภาษาอยู่ในเมืองไทย แกก็เป็นคนธรรมดาไม่มีเงินเก็บอะไรมากมาย แกอาจใจดีไม่ให้เราจ่ายค่าเช่าห้องพัก แต่เราก็ทำงานมีรายได้ของเราเอง ซึ่งเงินเดือนไกด์ของเราก็ไม่ขี้ริ้วขี้เหร่นะ เราอยู่กะแฟนคนแรกนี่ตั้ง 5 ปีแน่ะ จนเบื่อ ๆ ก็เลิกกันไปค่ะ
ไอ่ตอนเป็นโสดใหม่ ๆ โอ๊ยลิงโลดมาก คือแรดเต็มที่ เพราะอยากทำอะไรก็ทำ อยากหิ้วผู้ชายที่ไหนมานอนบ้านก็ทำ แอร๊ยส์ส์ส์ ก็ตอนนั้นอายุ 25 ไม่ได้แก่งั่กเหมือนตอนนี้ด้วย( 40 กว่าแล้วจ้า) คือเราก็ไม่ได้ชอบฝรั่งอย่างเดียว ไทย เขมร พม่า แขกแถวพาหุรัดอะไรก็เอามาหมดแล้วค่ะ 555555 เราเช่าอพาร์ทเม้นท์เล็ก ๆ อยู่แถวสะพานควาย ก็มีความสุขดีตามอัตตภาพ ตอนนั้นเราจนวันหนึ่ง
"แม่เลิกกับแฟน" ไม่นะ!!!! แม่เราค่ะ นางหิ้วกระเป๋าออกมาจากบ้านแฟนนาง เป็นกระเป๋าสาน ๆ ดู ๆ ไปก็คล้าย ๆ พจมาน สว่างวงศ์เหมือนกันนะแม่ช้าน แกมาเคาะห้องเราในเช้าวันหนึ่ง แม่เล่าให้ฟังว่าแฟนแกมีปัญหาทางเศรษฐกิจเลี้ยงแม่ต่อไม่ไหว "เนี่ยคืนบ้านเช่าไปแล้ว แกเองก็เรียนจบแล้ว เลี้ยงแม่คนนึงจะเป็นไรไป ไม่สนละ ช้านจะอยู่ที่นี่ Here I stand and here I'll stayyyy"
นางมามุขเอลซ่าแบบนี้ก็อึ้งสิคะ ... แล้ววิถีชีวิตแบบที่ช้านชอบอ้ะ แบบว่าผู้ชาย เอิ่ม... อ้ะ ก็ได้ค่ะแม่ มาๆ แม่มาอยู่กะหนูไปก่อน เราอยู่ด้วยกัน แกเองก็ทำงานเป็นแม่บ้านในออฟฟิศเล็ก ๆ มีรายได้ของแก ก็แฮ้ปปี้ดี๊ด๊าสองคนแม่ลูก
เรากับแม่จริง ๆ ก็สนิทกันเหมือนกับคู่แม่ลูกคู่อื่น ๆ ที่คุณแม่มีลูกเพศที่ 3 ทั่วไปน่ะนะคะ เราเปิดอกคุยกัน แม่เองก็เห็นมีผู้ชาย(ไทย)มารับไปทานข้าวบ้าง ส่วนเราเองตอนนั้นก็มี"คนคุย"อยู่ด้วย เป็นลูกทัวร์ชาวเบลเยี่ยมในกรุ๊ปทัวร์ของเราเองแหละ แหะ แหะ ก็คุยกันเรื่องผู้ชาย แม่ถามว่าเออตาคนนี้หน้าตาดีนะ จะจริงจังไหมเนี่ย โอ๊ย ไม่รู้ เขิล ว่าแต่แม่เหอะ คนคุยของแม่น่ะเป็นไง ไปกิ๊กแฟนชาวบ้านหรือเปล่าจ๊ะ ว้าย บ้า ไม่หรอกม้าง เออ เอาให้ชัวร์ เดี๋ยวงานเข้านะ โง้นงั้นงี้
แม่เราเค้าเรียนไม่สูงอะไรนะคะ ภาษาอังกฤษแกก็ไม่รู้เรื่อง เวลาเห็นเราคุยกับผู้ชายในเครื่องคอมแบบวางหน้าตักของเรา แกก็สงสัยว่าอินเตอร์เน็ตคืออะไร ทำงานยังไง อะไรอย่างงี้ไง ก็บอกแม่ว่าเว็บไซต์น่ะมันก็เหมือนนิตยสารนะ ใครหยิบมาอ่านเวลาไหนก็ได้ สมมติว่าแม่อยากประกาศอะไรสักอย่างก็ประกาศไปน่ะ แล้วคนที่เค้าหยิบมาอ่านเค้าก็เห็นใช่มะ แล้วเค้าก็จะตอบมาทางอีเมลไง บลา บลา บลา
เอางี้มั้ยแม่ ลองประกาศหาคู่ดู ขำ ๆ หาได้ก็ได้ หาไม่ได้ก็ช่างมัน แม่ก็บ้าจี้ "เอาเลย เอาเลย" ไวเท่าความคิดก็เลยโพสประกาศกันในเว็บไซต์หาคู่เว็บหนึ่ง (ทุกวันนี้ไม่มีแล้ว) เนื้อความประมาณว่า
"สวัสดีค่ะ ดิฉันเป็นผู้หญิงไทยอาศัยอยู่ในกรุงเทพ อายุ 48 ปี สูง xx หนัก xx นับถือพุทธ ต้องการหาคู่ชีวิตที่จะดูแลกันในบั้นปลายของชีวิต เพราะขณะนี้ลูกเต้าก็โต ๆ กันไปหมดแล้ว เนื่องจากฉันพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ คุณน่าจะเป็นคนที่พูดภาษาไทยได้บ้าง ดิฉันชอบทำอาหาร ดูแลบ้าน สนใจก็ติดต่อมา "
คลิกส่ง
(เดี๋ยวมาต่อ)
แชร์ประสบการณ์หาผัวฝรั่งสายเปย์ให้แม่ตัวเอง
เนื่องจากได้เห็นดราม่าเรื่องการหาผัวฝรั่งเมื่อเดือนก่อน เราเองในฐานะที่เป็นตุ๊ดที่มีสามีฝรั่งเองด้วย แถมยังหาสามีฝรั่งให้แม่ด้วย ก็อยากจะแชร์ประสบการณ์ในแง่นั้น ซึ่งเนื้อหาอาจจะมีความหมิ่นเหม่ศีลธรรมจรรยาอยู่บ้าง ก็ขอให้ตัดสินเอาตามพื้นฐานจิตใจได้เลยนะคะ อ้ะเริ่ม
เรื่องมีอยู่ว่า
เราโตขึ้นมากับแม่ คือพ่อกับแม่เราแยกทางกันตั้งแต่สมัยเด็ก ๆ ใช่ป่ะ แล้วเค้าก็แบ่งลูก ๆ กันง่าย ๆ ไง คือเรามาอยู่กับแม่ ที่เหลือก็อยู่กับพ่อกันไป แล้วแม่เรา แม่ก็เลี้ยงเรามาอย่างดีด้วยการสนับสนุนของแฟนใหม่ของนาง(เป็นคนไทย) ที่แม้แม่เราจะเป็นแค่บ้านเล็กและไม่ได้มีลูกใหม่ด้วยกัน แต่เราก็ได้รับการศึกษาเต็มที่ ไม่มีปัญหาพ่อเลี้ยงลูกเลี้ยงอะไร แม้เราจะเป็นตุ๊ดพ่อเลี้ยงก็ไม่ว่า มีทะเลาะกันนิดหน่อยสมัยที่เลือกสายเรียนตอนม.ปลาย แต่เมื่อเราสอบติดคณะท้อปฮิตเค้าก็เลิกบ่น ระหว่างเรียนมหาวิทยาลัยเริ่มติดเพื่อนก็ย้ายออกมาอยู่ข้างนอก แล้วก็ไม่ได้กลับไปอยู่บ้านอีกเลย
เมื่อเราเรียนจบ เราก็เริ่มไปเที่ยวสถานที่เที่ยวกลางคืนของพวกเก้งกวาง เราก็พบว่าตุ๊ดตัวดำ ๆ อย่างเรา "ฮ็อท"พอสมควรกะเก้งกวางต่างชาตินี่นา กับคนไทยเราอาจจะดูไม่สวยเอาซะเลย ใคร ๆ ก็ล้อว่าดำอย่างโง้นอย่างงี้ แต่ฝรั่งชอบเราแฮะ อ้ะ ๆ เราก็เจอแฟนคนแรกซึ่งเป็นฝรั่งชาวอัฟริกาใต้ ซึ่งแกมาทำงานสอนภาษาอยู่ในเมืองไทย แกก็เป็นคนธรรมดาไม่มีเงินเก็บอะไรมากมาย แกอาจใจดีไม่ให้เราจ่ายค่าเช่าห้องพัก แต่เราก็ทำงานมีรายได้ของเราเอง ซึ่งเงินเดือนไกด์ของเราก็ไม่ขี้ริ้วขี้เหร่นะ เราอยู่กะแฟนคนแรกนี่ตั้ง 5 ปีแน่ะ จนเบื่อ ๆ ก็เลิกกันไปค่ะ
ไอ่ตอนเป็นโสดใหม่ ๆ โอ๊ยลิงโลดมาก คือแรดเต็มที่ เพราะอยากทำอะไรก็ทำ อยากหิ้วผู้ชายที่ไหนมานอนบ้านก็ทำ แอร๊ยส์ส์ส์ ก็ตอนนั้นอายุ 25 ไม่ได้แก่งั่กเหมือนตอนนี้ด้วย( 40 กว่าแล้วจ้า) คือเราก็ไม่ได้ชอบฝรั่งอย่างเดียว ไทย เขมร พม่า แขกแถวพาหุรัดอะไรก็เอามาหมดแล้วค่ะ 555555 เราเช่าอพาร์ทเม้นท์เล็ก ๆ อยู่แถวสะพานควาย ก็มีความสุขดีตามอัตตภาพ ตอนนั้นเราจนวันหนึ่ง
"แม่เลิกกับแฟน" ไม่นะ!!!! แม่เราค่ะ นางหิ้วกระเป๋าออกมาจากบ้านแฟนนาง เป็นกระเป๋าสาน ๆ ดู ๆ ไปก็คล้าย ๆ พจมาน สว่างวงศ์เหมือนกันนะแม่ช้าน แกมาเคาะห้องเราในเช้าวันหนึ่ง แม่เล่าให้ฟังว่าแฟนแกมีปัญหาทางเศรษฐกิจเลี้ยงแม่ต่อไม่ไหว "เนี่ยคืนบ้านเช่าไปแล้ว แกเองก็เรียนจบแล้ว เลี้ยงแม่คนนึงจะเป็นไรไป ไม่สนละ ช้านจะอยู่ที่นี่ Here I stand and here I'll stayyyy"
นางมามุขเอลซ่าแบบนี้ก็อึ้งสิคะ ... แล้ววิถีชีวิตแบบที่ช้านชอบอ้ะ แบบว่าผู้ชาย เอิ่ม... อ้ะ ก็ได้ค่ะแม่ มาๆ แม่มาอยู่กะหนูไปก่อน เราอยู่ด้วยกัน แกเองก็ทำงานเป็นแม่บ้านในออฟฟิศเล็ก ๆ มีรายได้ของแก ก็แฮ้ปปี้ดี๊ด๊าสองคนแม่ลูก
เรากับแม่จริง ๆ ก็สนิทกันเหมือนกับคู่แม่ลูกคู่อื่น ๆ ที่คุณแม่มีลูกเพศที่ 3 ทั่วไปน่ะนะคะ เราเปิดอกคุยกัน แม่เองก็เห็นมีผู้ชาย(ไทย)มารับไปทานข้าวบ้าง ส่วนเราเองตอนนั้นก็มี"คนคุย"อยู่ด้วย เป็นลูกทัวร์ชาวเบลเยี่ยมในกรุ๊ปทัวร์ของเราเองแหละ แหะ แหะ ก็คุยกันเรื่องผู้ชาย แม่ถามว่าเออตาคนนี้หน้าตาดีนะ จะจริงจังไหมเนี่ย โอ๊ย ไม่รู้ เขิล ว่าแต่แม่เหอะ คนคุยของแม่น่ะเป็นไง ไปกิ๊กแฟนชาวบ้านหรือเปล่าจ๊ะ ว้าย บ้า ไม่หรอกม้าง เออ เอาให้ชัวร์ เดี๋ยวงานเข้านะ โง้นงั้นงี้
แม่เราเค้าเรียนไม่สูงอะไรนะคะ ภาษาอังกฤษแกก็ไม่รู้เรื่อง เวลาเห็นเราคุยกับผู้ชายในเครื่องคอมแบบวางหน้าตักของเรา แกก็สงสัยว่าอินเตอร์เน็ตคืออะไร ทำงานยังไง อะไรอย่างงี้ไง ก็บอกแม่ว่าเว็บไซต์น่ะมันก็เหมือนนิตยสารนะ ใครหยิบมาอ่านเวลาไหนก็ได้ สมมติว่าแม่อยากประกาศอะไรสักอย่างก็ประกาศไปน่ะ แล้วคนที่เค้าหยิบมาอ่านเค้าก็เห็นใช่มะ แล้วเค้าก็จะตอบมาทางอีเมลไง บลา บลา บลา
เอางี้มั้ยแม่ ลองประกาศหาคู่ดู ขำ ๆ หาได้ก็ได้ หาไม่ได้ก็ช่างมัน แม่ก็บ้าจี้ "เอาเลย เอาเลย" ไวเท่าความคิดก็เลยโพสประกาศกันในเว็บไซต์หาคู่เว็บหนึ่ง (ทุกวันนี้ไม่มีแล้ว) เนื้อความประมาณว่า
"สวัสดีค่ะ ดิฉันเป็นผู้หญิงไทยอาศัยอยู่ในกรุงเทพ อายุ 48 ปี สูง xx หนัก xx นับถือพุทธ ต้องการหาคู่ชีวิตที่จะดูแลกันในบั้นปลายของชีวิต เพราะขณะนี้ลูกเต้าก็โต ๆ กันไปหมดแล้ว เนื่องจากฉันพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ คุณน่าจะเป็นคนที่พูดภาษาไทยได้บ้าง ดิฉันชอบทำอาหาร ดูแลบ้าน สนใจก็ติดต่อมา "
คลิกส่ง
(เดี๋ยวมาต่อ)