มีใครดูหนังดูการ์ตูนแล้วเอาใช้ในชีวิตจริงบ้างคะ

เมื่อไม่นานมานี้มีคดีฆาตกรรมอำพรางในเขตพื้นที่หนึ่ง  เจ้าหน้าที่ซึ่งอยู่อีกเขตหนึ่งกำลังนั่งกินข้าวกับเจ้าหน้าที่เขตนั้นซึ่งเป็นเพื่อนกัน แล้วได้รับแจ้งว่ามีอุบัติเหตุรถเกิดเพลิงไหม้ มีผู้เสียชีวิตหนึ่งคนเป็นชายสูงอายุ
             เจ้าหน้าที่ซึ่งกำลังกินข้าวอยู่นั้นได้รับแจ้งและอยู่ไม่ไกลจากที่เกิดเหตุ ก็รีบลงพื้นที่เกิดเหตุ เพื่อนที่กินข้าวด้วยกันซึ่งอยู่อีกเขตพื้นที่นึงจึงขอตามไปดูด้วย
             เจ้าหน้าที่ก็เก็บหลักฐานกันไป ส่วนคนที่ตามไปดูด้วยก็เดินสำรวจบริเวณที่เกิดเหตุ จากนั้นเขาสามารถเล่าเหตุการณ์ให้เพื่อนซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ในเขตพื้นที่ฟังได้เป็นฉากๆ ว่าเหตุการณ์มันเป็นมายังไง เหมือนเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์จริง
             เพื่อนงง และถามว่า "รู้ได้ไง" เขาก็บอกว่า "เอ้า! ไม่เคยดูหรอ โคนันอ่ะ ดูสิ แค่มอเตอร์ไซค์ล้ม ไฟจะไหม้เลยหรอ และรอบๆก็มีรอยถอนหญ้าเป็นกระจุกๆ คนร้ายมันฆ่าก่อน แล้วเอามาเผา ก็ถอนหญ้าใกล้ๆมาสุมเผา ทำให้ดูเหมือนเป็นอุบัติเหตุ" เพื่อนอึ้ง!!
             แต่ผลพิสูจน์หลักฐานก็ออกมาเป็นอย่างนั้นจริงๆ และก็จับคนร้ายตัวจริงได้ในที่สุด


             อีกเรื่องนึงเป็นเรื่องของเราเอง เรื่องมันเกิดมาประมาณ 1-2 ปีที่แล้ว เนื่องจากพ่อกับแม่โทรมาบอกว่ามีขโมยขึ้นบ้านสองวันติดแล้ว สิ่งที่หายไปมีเพียงเงินที่เตรียมนำไปทำบุญ
             แล้ววันต่อมาเราก็ได้กลับบ้านไปหาพ่อกับแม่ แล้ววันนั้นเราเอาขวดไปนั่งตัดในห้องที่บ้านเพื่อทำงานDIY พ่อกับแม่ออกไปทำงาน เราตัดขวดกับน้องชาย พอตอน 11 โมงกว่าๆ เราหิวข้าว เลยชวนน้องออกไปกินข้าวกลางวันอีกบ้านนึงซึ่งมีเพียงที่สวนกั้น ระหว่างนั้นเราก็ระแวงว่าหัวขโมยมันจะกลับมาอีก น้องเราก็ลีลา กินข้าวเสร็จแล้วห่วงเล่นห่วงดูการ์ตูน
             พอเราออกไปล้างมือที่โอ่งน้ำหน้าบ้าน เราก็ได้ยินเสียงผู้ชายที่บ้านเรา เป็นเสียงหล่อๆ เรารู้ละว่าหัวขโมยมันมาอีกละ เรารีบบอกน้องให้รีบวิ่งตามมา ส่วนเรานั้นออกตัวไปก่อน แต่ก็ไม่ทัน มันออกไปก่อนที่เราจะมาถึง เราเลยรีบวิ่งไปดัก แต่ก็ไม่ทันอีก หัวขโมยหายเข้ากลีบเมฆ
             ถามคนที่บ้านอยู่หัวมุมถนนเขาก็บอกไม่รู้ไม่เห็น เราก็กลับมาที่บ้าน โทรบอกพ่อกับแม่ว่าหัวขโมยกลับมาอีกแล้ว ให้รีบแจ้งตำรวจ แล้วมาที่บ้านโดยเร็ว ไม่กี่นาทีต่อมาพ่อเรามาถึงบ้าน แล้วตามมาด้วยตำรวจ ตอนนั้นไม่ว่าใครผ่านบ้านเราทุกคนคือผู้ต้องสงสัยหมด
             สภาพในห้องก็คือ ขวดที่เราวางเรียงไว้มันล้มระเนระนาด เงินชุดใหม่ที่เตรียมไว้ทำบุญก็หายไปอีก เราให้ตำรวจเก็บหลักฐานเอาไปพิสูจน์รอยนิ้วมือ แต่มันต้องมีรอยนิ้วมือมาเพื่อเปรียบเทียบ เราให้ตำรวจเก็บหลักฐานไปก่อน รอบบ้านมีรอยงัดแงะแค่ตรงหน้าต่าง บ่งบอกว่าหัวขโมยเข้ามาทางหน้าต่าง
             เราคำนวนดูเวลาไว้เป๊ะว่าเหตุเกิดช่วงเวลาเท่าไร เพราะจากเวลาเกิดเหตุที่เราได้ยินเสียงและเราวิ่งไปดู เราก็ได้โทรหาพ่อเราในเวลาไม่กี่นาที เราสามารถให้ข้อมูลกับตำรวจได้อย่างคล่องแคล่ว ที่เหลือก็แค่หารอยนิ้วมือมาเปรียบเทียบ แล้วจะเอารอยนิ้วมือใครล่ะ
             สิ่งที่หายไปมีเพียงแค่เงินทำบุญ ของมีค่าอย่างอื่นยังอยู่ครบ ตีวงให้แคบลงคือ หัวขโมยน่าจะอยู่ในโรงเรียน อาจเป็นเด็กนักเรียน เนื่องจากบ้านเราอยู่ใกล้โรงเรียน และเด็กโรงเรียนนี้มีคนเกเร เคยมีเคสออกมาขโมยของข้างนอก และวันนั้นเป็นวันงานกีฬาสีโรงเรียน คนพลุกพล่าน ระเบียบหละหลวม
             เราไม่รอช้ารีบเข้าโรงเรียนไปหาผู้ต้องสงสัยทันที โดยให้น้องชายไปเป็นเพื่อน  เราเดินเข้าไปที่ซุ้มซึ่งมีอาจารย์อยู่ เราก็ให้ข้อมูลไปว่า มีขโมยเข้าบ้านเรา และเราสงสัยว่าจะเป็นเด็กในโรงเรียนนี้ ข้อมูลที่เรามีก็มีเพียงแค่เสียงหล่อๆแบบแตกหนุ่มเท่านั้น เราก็ถามคนในซุ้มกับอาจารย์ว่าพอจะรู้มั้ยว่าผู้ชายในโรงเรียนนี้ใครเกเรและมีเสียงอย่างนี้บ้าง เขาก็ตอบกลับมาว่าผู้ชายโรงเรียนนี้ก็เกเรทุกคน ไม่ค่อยมีดีๆหรอก งั้นจะลองเรียกคนนึงมาให้ละกันที่คิดว่าเสียงน่าจะใช่ แล้วเขาก็เรียกมา และน้องคนนั้นเป็นเด็กที่เรารู้จัก เพราะเคยเล่นด้วยกัน
             เราก็ถามน้องเลยว่าช่วงเวลา 11 โมงครึ่งถึงเที่ยงน้องอยู่ที่ไหนอยู่กับใคร ซึ่งคำตอบของน้องกับเสียงของน้อง เรามั่นใจว่าน้องไม่ใช่หัวขโมยที่เข้าบ้านเรา เราเลยให้น้องช่วยตามหาคน โดยเราถามน้องว่า น้องพอจะรู้จักใครที่มีเสียงแตกหนุ่มหล่อๆบ้างมั้ย คนแรกที่น้องเรียกมาให้ เราฟังเสียงแล้วไม่ใช่ เลยปล่อยผ่านไป และน้องก็บอกว่างั้นอาจจะเป็นคนนี้ เพราะมีเสียงแตกหนุ่มหล่อๆตามที่พี่บอก แต่คนนี้เขาเตะบอลอยู่ ก็ต้องรอให้เกมจบก่อนถึงเรียกมาคุยได้
             พอเกมจบก็เรียกน้องคนนี้มาคุย เราก็ถามคำถามเดิมว่า ช่วงเวลา 11 โมงครึ่งถึงเที่ยงน้องอยู่ที่ไหน อยู่กับใคร มีพยานมั้ย พูดขึ้นคำแรกเสียงนี้ใช่เลย และพยานที่อยู่ก็ไม่มีใครนอกจากเพื่อนสองคน นอกนั้นไม่มีใครพบเห็นพวกเขาในช่วงเวลานี้เลย เราก็ให้เรียกคนที่อยู่ด้วยกันมาอยู่ตรงนี้ด้วย ซึ่งก็มาถึงแล้วคนนึง แต่อีกคนนึงยังหาไม่พบ แต่เราก็ยังไม่มั่นใจเพราะมันต้องมีข้อมูลอย่างอื่นประกอบด้วย เราเลยให้กักตัวน้องไว้ก่อน
             แล้วน้องที่เรารู้จักก็ถามเราว่าบ้านพี่หลังไหน เราก็บอกน้องไป และก็เล่าเหตุการณ์กับสถานที่ให้ฟัง แล้วน้องก็ฉุกคิดขึ้นได้ว่ามีรุ่นน้องคนนึงเคยเล่าให้เขาฟังว่าเคยได้เข้าไปบ้านหลังนี้ห้องนี้ ไปเอาเงินมา เงินอยู่ตรงนี้ โห... เหมือนแสงสว่างอ่ะ ใกล้ความจริงเข้าไปทุกที เรารีบให้น้องเรียกเด็กคนนี้มาคุยโดยเร็ว
             พอเด็กคนนี้มาถึงก็ถึงกับหน้าซีดตกใจ และก็เป็นอีกคนที่อยู่กับสองคนก่อนหน้านี้ เราได้ทีก็รีบเค้นความจริง น้องก็เผยพิรุธมาเรื่อยๆ จนสุดท้ายก็ยอมรับ แต่อีกสองคนยังไม่ยอมรับ น้องให้เราพาไปคุยอีกที่นึง เพราะตรงที่คุยนั้นคนเยอะ น้องคงอายอ่ะ เราเลยพาไปคุยอีกที่นึง เราก็เค้นความจริงไปเรื่อยๆ เด็กสองคนนี้ยอมรับยากมาก
             จนเราบอก งั้นพี่คงต้องขอลายนิ้วมือน้องไปเปรียบเทียบนะ ตอนนี้ตำรวจเก็บลายนิ้วมือไปแล้ว น้องจะให้เรื่องนี้ถึงตำรวจมั้ย เพราะถ้าน้องผิดจริง พี่ก็ช่วยอะไรไม่ได้นะ แต่ถ้าน้องยอมรับกับพี่ตอนนี้พี่อาจจะให้อภัย เพราะแม่พี่ก็เป็นคนใจดี อาจไม่เอาเรื่อง แม่บอกว่า เงินนั้นคิดจะทำบุญอยู่แล้ว งั้นก็ถือว่าทำบุญไป ไม่คิดจะเอาคืนหรอก แต่ที่ต้องตามจับให้ได้ เพราะน้องไม่หยุดนี่สิ เข้าบ้านขโมยเงินทำบุญมา 3 วันติดแล้ว พี่เองก็เป็นห่วงพ่อกับแม่ เลยต้องจับให้ได้ ต้องรู้ให้ได้ว่าขโมยเป็นใคร น้องก็คิดกันอยู่พักนึง แล้วก็ยอมรับ
             เราก็ยังไม่มั่นใจอีก กลัวว่าน้องยอมรับเพราะตัดจบเรื่องรึเปล่า กลัวจะไม่ใช่ขโมยตัวจริงน่ะสิ เราก็เค้นถามจนแน่ใจและมั่นใจว่าเราจับไม่ผิดตัวจริงๆ เสร็จแล้วก็ปิดจ๊อบเช็คเวลา โอ้ววว ชั้นจับขโมยผู้บุรุกได้ภายในเวลาไม่ถึง 1 ชม.หลังจากเกิดเหตุ และก็โทรหาพ่อแม่เลย ให้ท่านมาคุยว่าจะเอายังไงกับน้อง น้องก็ถามอย่างกังวลว่า "พ่อกับแม่พี่ใจดีจริงๆนะ?" เราก็บอกน้องว่า "แม่อ่ะใจดี แต่พ่ออ่ะใจดีน้อยกว่าแม่นะ"
             ก็นั่งรอจนพ่อกับแม่มาถึงและได้คุยกับน้อง และปัญหาทุกอย่างก็เคลียร์กันได้ ก็โทรไปบอกตำรวจว่าจับขโมยได้แล้ว ไม่เอาความ ให้โอกาสเขา แต่พ่อบอกว่าถึงยังไงก็ต้องบอกครู เพราะน้องทำผิด จะปล่อยผ่านเฉยๆไม่ได้ พ่อจึงบอกครู และวันนั้นน้องก็โดนครูตีจนตัวลาย แต่น้องก็รู้ตัวว่าผิด และไม่ได้คิดโกรธเคืองอะไรเรา เพราะนอกจากเราจะจับน้องได้แล้ว เราก็ยังสอนน้องอีกด้วยว่าอะไรถูกอะไรผิด อะไรควรอะไรไม่ควร คุณธรรม มโนธรรม งัดมาสอนหมด ตอนนั้นเราสอนด้วยใจอารีและความเมตตาจริงๆ น้องก็ขอบคุณที่เราให้โอกาส และรับปากว่าจะปรับปรุงตัว และจะไม่ทำอีก น้องบอกว่านี่เป็นครั้งแรก
             น้องอีกคนนึงร้องไห้ บอกว่า "จริงๆผมก็ไม่อยากทำ ผมก็ห้ามพวกเขาแล้ว พวกเขาก็ไม่ฟัง ผมบอกว่าเดี๋ยวพี่เขาก็ตามมาเอาคืน แล้วพี่ก็ตามมาเอาคืนจริงๆ ฮือๆ" น้องพูดไปร้องไห้ไป เราฟังน้องแล้วเราถึงกับต้องกลั้นหัวเราะ ฮ่าๆ "แล้วพี่ก็ตามมาเอาคืนจริงๆ" เด็กหนอเด็ก นี่แหละ เวลาทำอะไรผิด มันก็ต้องระแวง กลัวความผิด เฮ้อ~ ทีหลังไม่ทำแล้วนะลูก~ ครั้งนี้ให้อภัย คงไม่กล้าทำอีกแน่ เพราะถ้ามันเกิดขึ้นอีกก็ต้องสงสัยน้องเป็นกลุ่มแรก เราก็บอกน้องไปงี้ ชัดเจน น้องก็ไม่กล้าอีกแล้วหละ
             นี่ถ้าเราเป็นตำรวจ คงเป็นตำรวจที่ปิดจ๊อบไวมากๆ และยังเป็นตำรวจที่มีน้ำใจมากๆด้วย เนี่ย!!! ทำได้ขนาดเนี๊ยะ เพราะดู NCIS หรอกนะ สืบสวนสอบสวน ลงพื้นที่หาผู้ต้องสงสัย พยานที่อยู่ จับพิรุธ บลาๆ

              บอกเลยว่าดูหนังดูการ์ตูนก็ฉลาดได้ แค่รู้จักคิด และนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ ไม่ว่าจะหนังหรือการ์ตูน นอกจากความบันเทิงแล้ว มันก็ให้ความรู้ให้แนวคิดเรา แล้วแต่มุมมองที่เราจะมอง แล้วเราจะได้อะไรมากกว่าความบันเทิง

             แถมอีกเรื่องนึง เรื่องเกม เมื่อก่อนเราเล่นเกมฟาห์โร ทำให้ได้รู้อะไรหลายอย่างเกี่ยวกับอียิปต์ พอสอบสังคมประวัติศาสตร์อียิปต์ เราทำได้หมดอ่ะ ถูกด้วย ทำให้รู้ว่า เกมก็มีประโยชน์

            ใครเคยมีประสบการณ์อะไรบ้างมั้ยคะ ที่นำความรู้จากหนังหรือการ์ตูนที่ดูมาใช้ในชีวิตจริง แชร์ประสบการณ์กันหน่อยค่ะ เกมด้วยก็ได้นะคะ มองให้เป็น บางอย่างก็มีประโยชน์
แก้ไขข้อความเมื่อ

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 10
แล้วที่ในการ์ตูนเกี่ยวกับนักกีฬาบ้างอ่ะ เช่น นักบาส นักบอล ในการ์ตูนพวกนี้จะมีแผนนู่นแผนนี่ในเกมกีฬาเยอะแยะไปหมด มีนักกีฬาคนไหนเคยเอามาใช้จริง แล้วได้ผลบ้างป่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่