สวัสดีครับเพื่อนๆชาวพันทิพ นี่เป็นกระทู้ที่สองที่เกี่ยวกับเรื่องสยองขวัญของผมนะครับ
ทีเเรกก็คิดอยู่ว่าจะเล่าดีมั้ย เเต่ก็ตัดสินใจเล่าดีกว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี่เอง
เรื่องที่ผมจะเล่าต่อไปนี้เกิดขึ้นประมาณตอนต้นปี 2557 ครับ หอพักที่ผมจะกล่าวถึงนี้อยู่ที่ซอยลาดพร้าว 71 ชื่อซอยจะเป็นเลขคู่ทั้งสอง
หอพักนี้อยู้ต้นซอยข้างหลังซุปเปอร์มาเก็ตเจ้าใหญ่ ฝั่งตรงข้ามจะเป็นร้านเกมส์
เริ่มเรื่องเลยก็เเล้วกัน ผมทำงานอยู่ในซอยนี้เลยต้องมาหอพักที่ใกล้ที่ทำงานที่สุด โดยในวันที่หาหอพักนั้นพี่ๆที่ทำงานเป็นคนพาไปหาหอพัก
ตอนเจอหอนี้พี่ๆบอกว่าน่าอยู่ดูใหม่เหมือนเพิ่งสร้างมาไม่นานก็เลยตัดสินใจที่จะเช่าหอนี้อยู่ ห้องที่ผมเลือกนั้นจะอยู่ชั้น 4 ตึกนี้มีทั้งหมด 5 ชั้น
ผมอยู่ตึกนี้จนกระทั่งเข้าปีที่สอง อยู่มาก็ไม่เคยเจออะไรนะครับ ไม่มีวี่เเววว่าจะมีผีหรือสิ่งที่ลี้ลับอะไรเลย ห้องก็เต็มทุกห้อง มีเเค่ชั้นสองที่เขาเปิดเป็นโรงเเรมรายวัน ตัวผมเองก็กลับดึกทุกวัน เพราะช่วงนั้นบ้าตีแบตกลับตีหนึ่งตีสอง
เเต่เเล้วอยู่ๆมันก็มาเกิดเหตุการณ์ที่มันจะไม่ปกติอีกต่อไปเเล้วสำหรับการใช้ชีวิตที่หอนี้
วันนั้นผมจำความได้ผมเลิกงานเเล้วกลับห้องตั้งเเต่ห้าโมงเย็นเเล้ว เเต่ปรากฎว่าที่ลิฟของตึกใช้ไม่ได้ ผมเลยถามน้องที่เฝ้าตึกข้างล่าง (ค่อนข้างจะสนิทกับผมพอสมควร) สมมุติว่าน้องมันชื่อไอ้เอส ก็เเล้วกันนะครับ น้องมันบอกว่าลิฟมันขัดข้องเดี๋ยวมันจะตามช่างมาทำให้เดินขึ้นบันไดไปก่อน ผมก็ไม่ได้เอ๊ะใจอะไร ช่วงที่กำลังเดินขึ้นห้องทำไมผมได้กลิ่นเหม็นกุยๆ เหมือนกลิ่นเนื้อที่ย่างเเล้วมันไหม้หนะครับลองนึกภาพเอา (กลิ่นนี้ผมมาคุ้นทีหลังว่าผมเคยได้กลิ่นตอนทำงานเป็นไกด์อยู่ที่สนามบินสมุยก่อนเครื่องบินจะไถลรันเวย์ใส่หอบังคับการณ์ในวันเดียวกัน) ผมขึ้นไปถึงห้องผมก็ทิ้งตัวหลับไปเลยครับ
เพราะสามทุ่มผมต้องออกไปตีแบตกับก๊วน(ช่วงนั้นบ้าตีแบตมาก) ไม่รู้ผมหลับไปนานเเค่ไหนเเต่........
ผมก็ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาเเบบงัวเงียๆ ได้ยินเสียงรถหวอ เสียงคนวิ่ง เสียงเหมือนคนทุบอะไรบางอย่างแบบอลหม่านไปทั้งตึก
ทีเเรกผมนึกว่าไฟไหม้ เเต่ไม่สิถ้าไฟไหม้สัญญานต้องดัง เเต่คิดว่าต้องมีอะไรไม่ดีเกิดขึ้นเเน่ๆ
เสียงคนวิ่งขึ้นวิ่งลงดังระงมไปทั้งตึก ผมเลยคิดว่าออกไปดูน่าจะดีกว่าเผื่อมีอะไรจะได้หนีทัน
พอเปิดประตูออกไปเท่านั้นเเหละ ผมได้ยินชัดเต็มสองรูหูว่า "มีคนโดนลิฟท์หนีบช่วยกันงัดออกมาก่อน"
ณ ตอนนั้นผมอึ้งไปนิดนึง ผมเดินขึ้นไปดู คนทั้งตึกไปมุงดูกันเเทบทกห้อง ช่วงที่เขางัดเอาออกมานั้นเป็นจังหวะที่ผมเดินไปถึงพอดี
คือสภาพนี่ผมไม่กล้ามองดูมากนัก เเต่อาสากำลังช่วยกันปั้มหัวใจเต็มที่ พร้อมกับไอ้เอสที่ยืนตัวสั่นเป็นเจ้าเข้าอยู่ข้างๆ
ปั้มกันไปปั้มกันมาสรุปก็คือไม่รอดครับ คาที่ ตรงที่เขาเอาศพออกมาวางคือหน้าลิฟชั้น 5 นะครับ
ผมก็สอบถามจากไอ้เอสได้ความว่า พอลิฟเสียมันก็ไปตามพี่คนนี้ที่เพิ่งเลิกงานเนี่ยมาซ่อมให้ เพราะบริษัทลิฟท์คงไม่เข้ามาง่าย พี่คนนี้เขาน่าจะทำงาน
บริษัทที่เกี่ยวกับการซ่อมลิฟท์เหมือนกัน ตอนซ่อมก็เข้าไปสองคน ยืนบนหัวลิฟท์ พอนึกภาพออกกันนะครับ ซ่อมจนเสร็จ เเต่เหมือนไม่ได้ติดกระดาษว่าลิฟท์ซ่อมอยู่ประมาณนี้ครับ อยู่ดีดีลิฟท์ก็วิ่งขึ้นชั้น5เเล้วข้างบนนั้นมันไม่มีที่หลบพี่เเกเลยอัดไปกับคานลิฟท์ นึกภาพเเรงอัดของลิฟท์กับคานพี่เเกน่าจะทรมาณมากๆเลยครับก่อนตาย ไอ้เอสบอกผมว่าเสียงพี่เขาค่อยๆแผ่ว แผ่ว เเล้วก็เงียบไป ไอ้เอสนี่ทั้งกลัว ทั้งตกใจ มันก็เรียกให้คนมาช่วยอยู่อย่างนั้นเป็นยี่สิบนาทีกว่าจะมีคนมาเจอ กว่าจะมางัดกันออกมา พองัดออกมาก็ตาสภาพที่ผมเล่าไปในตอนเเรกเลยครับว่าไม่รอด พี่เขาตายคาที่
พอเขาเอาศพไปเเล้ว ตำรวจมาตรวจเเล้ว ผมก็กลับมาอาบน้ำทั้งๆที่ยังหลอนๆ มึนๆ งงๆ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เเล้วออกไปตีแบตตามปกติครับ
ขากลับจากตีเเบต ไม่มีใครเฝ้าอยู่ใต้ตึก ไฟสว่าง ลิฟท์ใช้ได้เเล้ว เชื่อมั้ยครับผมตัดสินใจขึ้นลิฟท์ จนมาถึงชั้น4 ที่ผมพัก ระหว่างที่ผมอยู่ในลิฟท์ผมก็รู้สึกแปลกๆ ตื่นๆ เเต่ก็ข่มใจไว้ จนออกจากลิฟท์มา ก็เดินเข้าห้องปกติ ตอนนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นครับ ทุกอย่างปกติ
เเต่ที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ไปแหละครับ คือเรื่องที่ผมเจอ ไปพักเที่ยงแปบนะครับ เดี๋ยวมาเล่าต่อให้จบในตอนบ่ายครับ
หอพักสยองขวัญ
ทีเเรกก็คิดอยู่ว่าจะเล่าดีมั้ย เเต่ก็ตัดสินใจเล่าดีกว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี่เอง
เรื่องที่ผมจะเล่าต่อไปนี้เกิดขึ้นประมาณตอนต้นปี 2557 ครับ หอพักที่ผมจะกล่าวถึงนี้อยู่ที่ซอยลาดพร้าว 71 ชื่อซอยจะเป็นเลขคู่ทั้งสอง
หอพักนี้อยู้ต้นซอยข้างหลังซุปเปอร์มาเก็ตเจ้าใหญ่ ฝั่งตรงข้ามจะเป็นร้านเกมส์
เริ่มเรื่องเลยก็เเล้วกัน ผมทำงานอยู่ในซอยนี้เลยต้องมาหอพักที่ใกล้ที่ทำงานที่สุด โดยในวันที่หาหอพักนั้นพี่ๆที่ทำงานเป็นคนพาไปหาหอพัก
ตอนเจอหอนี้พี่ๆบอกว่าน่าอยู่ดูใหม่เหมือนเพิ่งสร้างมาไม่นานก็เลยตัดสินใจที่จะเช่าหอนี้อยู่ ห้องที่ผมเลือกนั้นจะอยู่ชั้น 4 ตึกนี้มีทั้งหมด 5 ชั้น
ผมอยู่ตึกนี้จนกระทั่งเข้าปีที่สอง อยู่มาก็ไม่เคยเจออะไรนะครับ ไม่มีวี่เเววว่าจะมีผีหรือสิ่งที่ลี้ลับอะไรเลย ห้องก็เต็มทุกห้อง มีเเค่ชั้นสองที่เขาเปิดเป็นโรงเเรมรายวัน ตัวผมเองก็กลับดึกทุกวัน เพราะช่วงนั้นบ้าตีแบตกลับตีหนึ่งตีสอง
เเต่เเล้วอยู่ๆมันก็มาเกิดเหตุการณ์ที่มันจะไม่ปกติอีกต่อไปเเล้วสำหรับการใช้ชีวิตที่หอนี้
วันนั้นผมจำความได้ผมเลิกงานเเล้วกลับห้องตั้งเเต่ห้าโมงเย็นเเล้ว เเต่ปรากฎว่าที่ลิฟของตึกใช้ไม่ได้ ผมเลยถามน้องที่เฝ้าตึกข้างล่าง (ค่อนข้างจะสนิทกับผมพอสมควร) สมมุติว่าน้องมันชื่อไอ้เอส ก็เเล้วกันนะครับ น้องมันบอกว่าลิฟมันขัดข้องเดี๋ยวมันจะตามช่างมาทำให้เดินขึ้นบันไดไปก่อน ผมก็ไม่ได้เอ๊ะใจอะไร ช่วงที่กำลังเดินขึ้นห้องทำไมผมได้กลิ่นเหม็นกุยๆ เหมือนกลิ่นเนื้อที่ย่างเเล้วมันไหม้หนะครับลองนึกภาพเอา (กลิ่นนี้ผมมาคุ้นทีหลังว่าผมเคยได้กลิ่นตอนทำงานเป็นไกด์อยู่ที่สนามบินสมุยก่อนเครื่องบินจะไถลรันเวย์ใส่หอบังคับการณ์ในวันเดียวกัน) ผมขึ้นไปถึงห้องผมก็ทิ้งตัวหลับไปเลยครับ
เพราะสามทุ่มผมต้องออกไปตีแบตกับก๊วน(ช่วงนั้นบ้าตีแบตมาก) ไม่รู้ผมหลับไปนานเเค่ไหนเเต่........
ผมก็ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาเเบบงัวเงียๆ ได้ยินเสียงรถหวอ เสียงคนวิ่ง เสียงเหมือนคนทุบอะไรบางอย่างแบบอลหม่านไปทั้งตึก
ทีเเรกผมนึกว่าไฟไหม้ เเต่ไม่สิถ้าไฟไหม้สัญญานต้องดัง เเต่คิดว่าต้องมีอะไรไม่ดีเกิดขึ้นเเน่ๆ
เสียงคนวิ่งขึ้นวิ่งลงดังระงมไปทั้งตึก ผมเลยคิดว่าออกไปดูน่าจะดีกว่าเผื่อมีอะไรจะได้หนีทัน
พอเปิดประตูออกไปเท่านั้นเเหละ ผมได้ยินชัดเต็มสองรูหูว่า "มีคนโดนลิฟท์หนีบช่วยกันงัดออกมาก่อน"
ณ ตอนนั้นผมอึ้งไปนิดนึง ผมเดินขึ้นไปดู คนทั้งตึกไปมุงดูกันเเทบทกห้อง ช่วงที่เขางัดเอาออกมานั้นเป็นจังหวะที่ผมเดินไปถึงพอดี
คือสภาพนี่ผมไม่กล้ามองดูมากนัก เเต่อาสากำลังช่วยกันปั้มหัวใจเต็มที่ พร้อมกับไอ้เอสที่ยืนตัวสั่นเป็นเจ้าเข้าอยู่ข้างๆ
ปั้มกันไปปั้มกันมาสรุปก็คือไม่รอดครับ คาที่ ตรงที่เขาเอาศพออกมาวางคือหน้าลิฟชั้น 5 นะครับ
ผมก็สอบถามจากไอ้เอสได้ความว่า พอลิฟเสียมันก็ไปตามพี่คนนี้ที่เพิ่งเลิกงานเนี่ยมาซ่อมให้ เพราะบริษัทลิฟท์คงไม่เข้ามาง่าย พี่คนนี้เขาน่าจะทำงาน
บริษัทที่เกี่ยวกับการซ่อมลิฟท์เหมือนกัน ตอนซ่อมก็เข้าไปสองคน ยืนบนหัวลิฟท์ พอนึกภาพออกกันนะครับ ซ่อมจนเสร็จ เเต่เหมือนไม่ได้ติดกระดาษว่าลิฟท์ซ่อมอยู่ประมาณนี้ครับ อยู่ดีดีลิฟท์ก็วิ่งขึ้นชั้น5เเล้วข้างบนนั้นมันไม่มีที่หลบพี่เเกเลยอัดไปกับคานลิฟท์ นึกภาพเเรงอัดของลิฟท์กับคานพี่เเกน่าจะทรมาณมากๆเลยครับก่อนตาย ไอ้เอสบอกผมว่าเสียงพี่เขาค่อยๆแผ่ว แผ่ว เเล้วก็เงียบไป ไอ้เอสนี่ทั้งกลัว ทั้งตกใจ มันก็เรียกให้คนมาช่วยอยู่อย่างนั้นเป็นยี่สิบนาทีกว่าจะมีคนมาเจอ กว่าจะมางัดกันออกมา พองัดออกมาก็ตาสภาพที่ผมเล่าไปในตอนเเรกเลยครับว่าไม่รอด พี่เขาตายคาที่
พอเขาเอาศพไปเเล้ว ตำรวจมาตรวจเเล้ว ผมก็กลับมาอาบน้ำทั้งๆที่ยังหลอนๆ มึนๆ งงๆ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เเล้วออกไปตีแบตตามปกติครับ
ขากลับจากตีเเบต ไม่มีใครเฝ้าอยู่ใต้ตึก ไฟสว่าง ลิฟท์ใช้ได้เเล้ว เชื่อมั้ยครับผมตัดสินใจขึ้นลิฟท์ จนมาถึงชั้น4 ที่ผมพัก ระหว่างที่ผมอยู่ในลิฟท์ผมก็รู้สึกแปลกๆ ตื่นๆ เเต่ก็ข่มใจไว้ จนออกจากลิฟท์มา ก็เดินเข้าห้องปกติ ตอนนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นครับ ทุกอย่างปกติ
เเต่ที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ไปแหละครับ คือเรื่องที่ผมเจอ ไปพักเที่ยงแปบนะครับ เดี๋ยวมาเล่าต่อให้จบในตอนบ่ายครับ