บทเรียนความผิดพลาดของเสื้อแดง : เห็นด้วย และ เห็นแย้ง กับความคิดเห็นของ อ.พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์ โดย ตระกองขวัญ

กระทู้คำถาม
จากข่าว     
อ.พิชิต ชี้ แดงล่มสลาย เพราะไม่สรุปบทเรียน “แม้ว”      [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้



ขอบคุณ อ.พิชิต ครับ   ที่กรุณาชี้ "ขุมทรัพย์" ให้กับคนเสื้อแดง
กัลยาณมิตร นั้น  ย่อมกล้าที่จะติติงเพื่อนอย่างตรงไปตรงมา  ไม่ยึดติดกับวัฒนธรรมพวก

ผมเห็นด้วยกับ อ.พิชิต  ที่ว่า  คนเสื้อแดงต้อง "วิพากษ์" ทักษิณอย่างตรงไปตรงมา
ทักษิณไม่ใช่เทวดา  ไม่ใช่ความถูกต้อง   ทักษิณก็แค่ผลิตผลหนึ่งของสังคมวัฒนธรรม อำนาจ-ธุรกิจ-การเมือง ของประเทศนี้

ทักษิณมีทั้งด้านบวกและด้านลบ
คนเสื้อแดงจึงควร "ถอดบทเรียน" ความผิดพลาดของทักษิณ  เพื่อให้ขบวนการคนเสื้อแดงเดินต่อไปได้ โดยไม่ยึดติดตัวบุคคล

ผมเห็นด้วย  ที่ อ.พิชิต  มองว่าทักษิณมีวิธีคิดเกี่ยวกับคนเสื้อแดงแบบ่พ่อค้า  นั่นคือ กำไร-ขาดทุน
ยอมที่จะคลายสัมพันธ์กับคนเสื้อแดง  เมื่อมองเห็น "ดีล" ที่ทำกำไรให้กับตัวเอง

ผมยังมองอีกว่า  ทักษิณนั้น   คิดถึงตัวเองมากเกินไป
หากไม่เอาแต่คิดถึงตัวเอง   หลังเหตุการณ์ปี 53   ถ้าทักษิณคิดถึงคนตาย คนเจ็บ คนเดือดร้อน คนเสียสละ
ไม่มัวแต่หาช่องทางเกี๊ยะเซียะเจรจาต่อรอง  (ซึ่งสุดท้ายก็โดนหลอกหัวทิ่มหลายครั้งหลายหน)

ใช้ความผิดพลาดของฝ่ายนั้น  ที่รุนแรงเกินเหตุ  โหดเหี้ยมเกินไป
เดินหน้าเพื่อสร้างบรรทัดฐานทางโครงสร้างของประเทศใหม่   ประเทศไทยจะได้อะไรมากกว่านี้อีกเยอะ
เพราะจะทำให้โครงสร้างทางสังคมและอำนาจของประเทศเปลี่ยนแปลงไปในทาง "สากล" มากขึ้น
( เรื่องนี้  อยากแสดงความเห็นมาก ๆ  แต่คงไม่ได้   มีสิทธิ์แบนแต๋ดแต๋เอาง่าย ๆ  ขอละไว้ในฐานที่เข้าใจ )



แต่ในอีกด้าน
การกระทำของทักษิณ  ไม่ใช่ของใหม่ในสังคมการเมืองประเทศไทย

ทักษิณก็ใช้ "คนเสื้อแดง" เหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นและเป็นมาก่อน  นั่นแหละครับ  
คือการใช้ประชาชนเป็น "เครื่องมือ" เหมือน ๆ กัน   (ต่อด้วย กปปส. ซึ่งก็เหมือนกันอีกนั่นแหละ)

ตรงนี้  จะมองว่าทักษิณผิดก็คงยาก   ผมมองว่ามีสาเหตุสองปัจจัย  คือ
หนึ่ง  เป็นแนวทางที่ประเทศนี้เป็นมา  เรียกง่าย ๆ ได้ว่า  ใคร ๆ เขาก็ทำกัน
สอง  ทักษิณไม่มีทางเลือกอื่น   ต้องต่อรอง  ไม่ได้ผลหมด  ก็ได้ผลบ้าง  เพื่อสร้างที่ยืนให้ตัวเอง  เพราะโดนรุกไล่หนัก


ความผิดพลาดของทักษิณ  ผมไม่ได้มองเรื่องใช้มวลชนเป็นเครื่องต่อรอง
ผมเชื่อว่ามวลชน "รู้ดี" ในเรื่องนี้  และเต็มใจที่จะเป็นเครื่องมือในสิ่งที่เขา "เชื่อ"  และปกป้องสิ่งที่เขา "เลือก"

และอย่างที่ อ.พิชิต ว่านั่นแหละครับ
คือ ไม่คิด ไม่นึก คาดไม่ถึง  ว่าจะโหดเหี้ยมอำมหิตได้ขนาดนั้น   ดีที่ยอมยุติก่อน ไม่งั้นอาจสูญเสียกว่านี้หลายเท่า


ความผิดพลาดของทักษิณ  ผมมองเห็นสามอยาง
หนึ่ง  ใจร้อน  หุนหัน   ขาดข้อมูลที่รอบด้าน   ตัดสินใจพลาด
สอง  เชื่อคนง่าย  โดนทั้งพวกเดียวกันหลอก  โดนทั้งศัตรูหลอก
สาม  คิดถึงตัวเองมากเกินไป  อยากพิสูจน์บางเรื่องให้ผู้มีอำนาจได้รับรู้มากเกินไป


ตั้งแต่ปี 16  จนถึงปี 57   ประชาชนโดนใช้เป็นเครื่องมือตลอดมาครับ  
แตกต่างกันเพียงว่า  เวลาที่ประชาชนถูกผู้มีอำนาจใช้  ก็กลายเป็นวีรชนไป   แต่หากตรงกันข้าม  ก็กลายเป็นอีกด้านไป

ปี 16   ทั้งที่เหตุการณ์น่าจะไม่มีอะไรแล้ว  แต่ก็มีจนได้  เกิดความรุนแรงจนได้   
ก็ด้วยการใช้ประชาชน และนักศึกษาเป็นเหยื่อทางการเมืองเรื่องชิงและรักษาอำนาจ

ปี 19   เพื่อรักษาอำนาจ   ประชาชนก็เป็นเครื่องมือในการสร้าง "อุปาทาน" เรื่องลัทธิคอมมิวนิสต์
การล้อมฆ่าในธรรมศาสตร์  จึงกลายเป็นเรื่อง "ฉันทามติ" ของประชาชนไป    คนชั่วกลายเป็นคนดี  การฆ่าเป็นเรื่องถูกต้อง

สองเหตุการณ์นี้  จะเห็นนะครับ
ว่าเหตุการณ์หนึ่ง  คนถูกฆ่าเป็นวีรชน   แต่อีกเหตุการณ์   คนถูกฆ่าเป็นปีศาจ (เหมือนคนเสื้อแดงที่ถูกฆ่า)
นั่นเพราะ "อำนาจ"  เป็นผู้กำหนดเกม


ปี 35  ประชาชนก็เป็นเครื่องมืออีกครั้ง
กลุ่ม 0143  ในนาม รสช.  ที่เรืองอำนาจโดนกำจัดกวาดตกเวทีไป
ลงเอยที่ ปชป. ได้เข้าสู่อำนาจรัฐ   
(อ่านทู้นี้ประกอบครับ จะเห็นภาพ  http://topicstock.pantip.com/rajdumnern/topicstock/2012/11/P12866815/P12866815.html )


ปี 51  ก็ชัดว่าพันธมิตร (ซึ่งไม่ได้เก่งโดยลำพัง)  ใช้ประชาชนเป็นเครื่องอย่างไร
โดยเฉพาะเหตุการณ์หน้ารัฐสภา  7 ตุลาคม 2551  (หาข้อมูลได้ในวิกิลีกส์)  แต่กลับเป็นนายกฯสมชายที่ต้องเผชิญวิบากกรรม

นี่ก็เพราะ "อำนาจ"  กำหนดเกม


ปี 56-57   กปปส. นี่ไม่แค่ประชาชนครับที่เป็นเครื่องมือ  แต่เล่นถึงขนาดชีวิตเจ้าหน้าที่ด้วย


ฉะนั้น  ผมจึงเห็นว่า  การที่ทักษิณใช้มวลชนเป็นเครื่องต่อรอง  จึงไม่ใช่ความผิดพลาด
การเลิกใช้ต่างหาก  คือความผิดพลาด  ที่ทักษิณประกาศสละเรือขอเดินขึ้นเขาเพียงลำพัง



สิ่งที่มวลชนคนเสื้อแดงควรตระหนัก   คือเรื่อง "ข้อเท็จจริง"
เรื่องนี้  ควรถอดบทเรียนอย่ายอมให้เกิดขึ้นอีก   อย่าเป็นมวลชนที่หล่อเลี้ยงด้วยข้อมูลเท็จ  คำกล่าวหา
แต่ต้องอาศัยข้อเท็จจริง  ข้อมูลที่ชัดเจน   ยืนหยัดอย่างมีเหตุผล   นั่นแหละ  ความชอบธรรมจะเคียงข้าง

ที่ผ่านมา  เพราะยึดอารมณ์มากกว่าเหตุผล  หลายเรื่องจึงขาดความชอบธรรม
กลายเป็น "เหยื่อ" ทางการเมืองสำหรับนักการเมืองไปง่าย ๆ



หลังเหตุการณ์ปี 57    คนเสื้อแดงถอดบทเรียนในระดับหนึ่ง
นั่นคือ  ความนิ่ง  อดทน   ไม่แข็งกร้าวอย่างเคยเป็น  ซึ่งตรงนี้ผมมองว่าสร้างความอึดอัดให้อีกฝ่ายมาก

จะหาเรื่องก็ไม่ได้    จะเดาใจก็ไม่ถูก    ไม่รู้หลอกประชาชนสำเร็จ หรือรอวันโดนประชาชนหลอกคืน



ที่น่ากังวล  คือสังคมไทยนั้น   ไม่ใช่สังคมลุกขึ้นสู้ด้วยตัวเอง  เพราะโดนครอบมานานนับร้อยปี
ต้องมีผู้นำ  มีหัวหอก   เรียกร้องหาพระเอก หาวีรบุรุษอยู่ตลอด

การชูตัวบุคคล  การสร้างความรู้สึกยึดติดกับตัวบุคคล
จึงยังเป็นเรื่อง "จำเป็น" สำหรับสังคมไทย  ไม่แค่ทางการเมือง    เรื่องอื่น ๆ ก็มีรูปแบบเรื่องตัวบุคคลเหมือน ๆ กัน

มวลชนคนเสื้อแดงก็ไม่พ้นพันธะนี้
แต่ผมเชื่อว่า   มวลชนคนเสื้อแดงจำนวนมาก   ไม่สนใจเรื่องใครนำใครตามแล้ว   พร้อมลุกสู้ด้วยตัวเองแล้ว
เพียงแต่วิธีการเปลี่ยนปรับไปตามประสบการณ์  บทเรียน  และเทคโนโลยี (เขาก็รู้ทัน จึงพยายามออกกฎหมายคุมอยู่ตลอด)




การวิพากษ์ทักษิณอย่างตรงไปตรงมา   ไม่ใช่การตำหนิ   แต่คือการสรุปความผิดพลาด  ลดข้อบกพร่อง
ผู้นำที่ดี  ไม่ใช่ต้องเดินนำหน้าเสมอไป    เคียงข้าง และตามหลังบ้าง    ทั้งผู้นำและผู้ตามก็จะได้มุมมองรอบด้านร่วมกัน


อีกสิ่งที่ผมเห็นด้วยกับ อ.พิชิต   ก็คือเรื่อง "ความรับผิดชอบ"  ของทักษิณที่ต้องมีต่อมวลชน
คนเจ็บ  คนตาย  คนโดนคดี  คนติดคุก   ครอบครัวญาติพี่น้องเดือดร้อนมากมาย   ทั้งทางกายและทางใจ

ภาระนี้  ทักษิณจะปัดป่ายโยนให้ใครไม่ได้เลย
ผมเคยโพสต์ไว้หลายปีมาแล้วว่า  หากทักษิณสละเงินในเรื่องนี้สักสองพันล้านบาท  ขนหน้าแข้งไม่ร่วง
แต่ทักษิณจะได้กำไรมหาศาล   คิดเป็นตัวเงินไม่ได้

ทุกวันนี้  ยังมีอีกเยอะครับ   มวลชนคนเสื้อแดงที่ไม่มีใครเหลียวแล
หวังจากนักการเมืองน่ะเหรอ  อย่าหวังเลยครับ    สันดานนักการเมืองอย่างไร คงไม่ต้องเอ่ย

ทักษิณนั้น  เก่งในเรื่องการหาข้อมูล  
ผมจึงแปลกใจไม่น้อยที่ทักษิณพลาดในเรื่องข้อมูลมาตลอดในช่วงวิกฤตการเมืองปี 52-57

โครงการ และนโยบาย   ทักษิณจะเจาะลึกข้อมูล  จ้างทีมงานรวบรวมข้อมูล
แต่ในกรณีการต่อสู้หลังจากโดนรัฐประหาร  ทักษิณเหมือนคนเมาข้อมูล

เรื่องมวลชนเดือดร้อนก็เหมือนกัน  ผมว่าไม่ยากที่ทักษิณจะหาข้อมูลด้วยตัวเอง
แล้วพิจารณาถึงภาระความรับผิดชอบที่ต้องมีต่อคนเหล่านั้นอย่างทั่วถึงเพื่อบรรเท่าความเดือดร้อน




ผมนึกถึงความเห็นของ อ.วรเจตน์  ภาคีรัตน์  ที่บอกว่า   ต้องสู้ดวยศีลธรรม และความชอบธรรม  ไม่ใช่ด้วยกฎหมาย
เพราะกฎหมายโดนอำนาจคอนโทรลไว้แล้ว  


ผมนึกถึงคำพูดของ อ.นิธิ  เอียวศรีวงศ์  ที่บอกว่า   เมื่อประชาชน "ตื่น"  ประชาชนจะไม่เหมือนเดิม
ต่อให้มวลชนคนเสื้อแดงสงบราบคาบโดนปราบเหี้ยน  ก็ไม่มีทางเหมือนเดิม  
คือไม่มีทางสยบยอมกับความอยุติธรรม  ความเหลื่อมล้ำ  การถูกริดรอนสิทธิและเสรีภาพทั้งทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม

จะเป็นแค่การ "พัก"  หรือ "หลับตา" ชั่วคราว     ไม่ใช่หลับไม่รู้ นอนคู้ไม่เห็น




ไม่มีสิ่งใดไม่ล่มสลาย    มวลชนคนเสื้อแดงก็เช่นเดียวกัน   ไม่วันนี้  ก็สักวัน
แต่ความรู้สึก และมุมมองของประชาชนต่อประเทศนี้  เปลี่ยนไปแล้ว

ความชอบตัวบุคคล  กับ มุมมองและสำนึกทางการเมือง   คนละเรื่อง

การที่คนเสื้อแดงไม่พูดถึงความผิดพลาด  ไม่ใช่ไม่ถอดบทเรียน  ไม่ใช่ไม่เรียนรู้
ที่ไม่พูดเพราะมีความขัดแย้งฝังรากลึกอยู่  พูดออกไปก็โดนหยามซ้ำ  ความขัดแย้งก็ยิ่งมากขึ้น   สู้ไม่พูดดีกว่า

มุมมองของคนเสื้อแดงนั้น  ไม่ได้ยึดติดกับทักษิณจนขาดไม่ได้
แต่เพราะ  มองหาใครก็ไม่ได้เรื่อง     ก็ลองมีคนดีกว่าทักษิณสิ  ทำไมคนเสื้อแดงจะไม่เลือก

คนเสื้อแดงมองทักษิณในวันนี้   ยังต้องการทักษิณในวันนี้
ก็เพราะเห็นว่า  ทักษิณมี "พลัง"  ทั้งทางการเมือง  ทุน  ที่จะเป็นตัวเสริมให้คนเสื้อแดงต่อสู้ทางการเมืองได้

ไม่ใช่เพื่อให้ทักษิณกลับมามีอำนาจ  ไม่ใช่เพื่อเอาชนะโค่นล้มผู้ใด
แต่เพียงเพื่อความเป็นธรรม  ความยุติธรรม   ความเท่าทียมในประเทศนี้




คนเสื้อแดงสะสมบทเรียน  เรียนรู้   จดจำ   
กล้ายอมรับความผิดพลาด   กล้าแก้ไขในความผิดพลาด   กล้าขัดแย้งเห็นต่างซึ่งกันและกัน

เสื้อแดงถอดบทเรียนแล้ว

สลิ่มล่ะ ?



อ้าว  แวะหาสลิ่มจนได้
จบ
อมยิ้ม01
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่