
Kaplan experience Brisbane 2017

Hello สวัสดีค่ะทุกคน ขอต้อนรับทุกคนที่เข้ามาอ่าน นี่เป็นกระทู้รีวิวแรกของเราเกี่ยวกับการไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์และการเรียนภาษาที่บริสเบน ณ ประเทศออสเตรเลีย ค่ะ *ปล.ผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะะ หรือมีคำถาม ถามได้เลยนะคะเรายินดีตอบค่ะ
ย้อนกลับไปเมื่อสามเดือนก่อนตอนที่เราหาข้อมูลที่จะไปเรียนภาษากับสถาบัน Kaplan มีข้อมูลอยู่ไม่น้อยเลยที่เราหาได้ทั้งในเว็บเด็กดี พันทิป หรือแม้แต่รีวิวของคนต่างประเทศที่ได้ไปเรียนกัน แต่ปรากฎว่าข้อมูลที่ได้มากลับไม่ตรงกับคำถามที่เราสงสัยอยู่หรืออยากถามเลยแต่ก็มีที่ตรงอยู่แต่ก็ได้ข้อมูลมาไม่มากพอเพื่อประกอบการตัดสินใจ ทั้งเรื่องเรียน การอยู่กิน การเดินทาง การใช้เงินค่าใช้จ่ายต่างๆ การใช้ชีวิตประจำวัน และอื่นๆอีกมากมาย เรายอมรับว่ากลัวเรื่องโฮสแฟมิลี่มาก บางคนนั้นบอกดีมากอีกคนบอกแย่อย่าไปเลย โรงเรียนนี้ไม่ดีนะครูแย่อีกคนบอกดีมากไปเรียนเถอะ เราต้องใช้วิชาแกทเชื่อมโยงที่ได้เรียนมานั้นเชื่อมโยงความคิดของแต่ละคนที่เราได้ข้อมูลมา ใช้เวลาอยู่นานกว่าเราจะตัดสินใจค่ะ สุดท้ายเราก็ปรึกษากับพ่อแม่และตัดสินใจทำเรื่องและหลังจากเราที่ได้ผ่านการเรียนรู้ทั้งหมดนั้นมาแล้ว เราเลยคิดว่าเราจะทำรีวิวนี้เพื่อให้คนที่กำลังลังเลใจหรือกำลังหาข้อมูลอยู่ได้รู้และได้เข้ามาหาคำตอบกันถึงข้อมูลเราอาจจะไม่แน่นนักแต่เราหวังว่าคนที่เข้ามาอ่านนั้นจะได้คำตอบกันไม่มากก็น้อยค่ะ

ตอนที่1 การทำเรื่อง
เราทำเรื่อง กับสถาบันโดยตรงไม่ได้ใช้เอเจ็นซี่ใดๆสถาบันเขาจะส่งข้อมูลต่างๆมาให้ ราคาคอร์สที่เราเลือกเรียน การขอวีซ่า ข้อมูลจำเป็นต่างๆ เป็นต้น สถาบันเขาจะจัดหาโฮสให้ จัดหาคนมารับที่สนามบิน ทำประกันและจองตั๋วเครื่องบินให้ แต่เราจองตั๋วเครื่องบินเองและทำประกันอีกหนึ่งประกันเผื่อไว้ด้วยเพื่อความปลอดภัยและความสบายใจของเราและครอบครัว หลังจากที่เราจ่ายเงินและทำเรื่องทุกอย่างเสร็จเราก็รออยู่ประมาณสองอาทิตย์ค่ะกว่าเราจะรู้ว่าโฮสคือใคร บอกก่อนเลยว่ากลัวไม่ทันมากเพราะอีกอาทิตย์เดียวจะเดินทางแล้วโฮสก็ยังไม่ได้เลย จะมีใครรับเราบ้าง หรือเราจ้องอยู่โรงแรมหรือต้องอยู่หอ เป็นสองอาทิตย์ที่กระวนกระว่ายมาก แต่ก็โชคดีมากที่ได้รู้ว่าโฮสคือใครก่อนหนึ่งอาทิตย์ หลังจากที่เรารู้ว่าโฮสคือใครแล้วเราก็ส่งเมล์ทักทายไปหาเขาค่ะ ปล.เรื่องค่าใช้จ่ายแต่ละคนจะไม่เท่ากันนะคะมันขึ้นอยู่กับเวลาที่เราจะไปเรียนนานเท่าไร อาศัยอยู่กับใคร โฮส หอพัก หรือหาแชร์เฮาท์อยู่เอง คอร์สที่เราจะเรียน หรือแม้แต่ประเทศที่จะไป อย่าลืมดูค่าครองชีพของประเทศที่จะไปด้วยนะคะว่าเราโอเคไหม จ่ายไหวรึเปล่า ข้อมูลนี้เพื่อนๆเข้าไปดูได้ที่เว็ปโดยตรงเลย www.kaplaninternational.com เข้าไปดูบ่อยๆนะคะเพราะบางช่วงจะมีโปรโมชั่นด้วย ส่วนของเรานั้นเราเลือกเรียนคอร์ส Intensive เป็นเวลา 4 weeks ค่ะ

ตอนที่2 การเดินทาง
พอพูดถึงการเดินทางหลายๆคนจะกลัวมากกับการเดินทางคนเดียว และเราเดินทางคนเดียว ไม่ได้ไปกับเพื่อน ไปเรียนเองทำเรื่องเองเดินทางเองคนเดียวหมดค่ะ และมันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่หลายๆคนคิดนะถ้าเราเตรียมตัวพร้อมทุกอย่างก็ไม่มีอะไรน่ากลัวอีกต่อไป เราเดินทางไปบริสเบนและกลับกรุงเทพโดยสายการบินไทยรักคุณเท่าฟ้า เป็นการบินตรงใช้เวลาแปดชั่วโมงกับอีกสามสิบนาทีโดยประมาณค่ะ เราอยากให้คนที่กำลังจะเดินทางไปไม่ว่าจะไปประเทศไหนก็ตามควรเตรียมเอกสารที่จำเป็นไปให้พร้อม ทำตามกฎหมายของประเทศนั้นๆ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องมีปัญหา เจ้าหน้าที่ถามอะไรก็ตอบไปตามตรงนะคะ เราโดนกักให้สุนัขมาดมๆด้วยตกใจนิดหน่อยเพราะคนอื่นไม่โดนกัน 55555 ถามว่ามาทำอะไร ประมาณนี้ค่ะ ส่วนการเดินทางในบริสเบนง่ายมากๆ เมื่อไปถึงเราก็ต้องซื้อ GoCard เสียค่าบัตร 10$ และเติมเงินเข้าไปกี่บาทก็ได้ เราเติมไป 50$ เลยเผื่อไว้ Gocard มันดีมากๆค่ะใช้ได้ทั้งรถไฟ รถบัส เรือ สะดวกมากๆ การใช้แค่ tap on และ tap out ทุกครั้งที่ขึ้นและลงนะคะถ้าสมมุติว่าเราลืม tap out จะโดนปรับนะคะ เราโดนปรับหนึ่งครั้งค่ะคือเราtap on แล้วแต่เครื่องมันไม่ขึ้นเราเลยคิดว่าเอ๊ะเครื่องเสียรึป่าวเราเลยเปลี่ยนเครื่องแต่ปรากฏว่าเครื่องมันดีค่ะไม่ได้เสียแต่อย่างใดเพียงแต่มันช้าเฉยๆ เราเลยโดนปรับไป 10$ แต่ไม่ต้องตกใจนะเราสามารถเอาคืนมาได้เพียงโทรไปตามเบอร์ หลังบัตรได้เลย เราโทรไปหลังจากโดนปรับเลยเราต้องได้ 10$คืนมา ก็บอกเขาไปว่าทำไหมถึงโดนปรับไปทำอะไรมาแค่นั้นเขาก็จะถามรหัสบัตรของเรา รอนิดหน่อยเป็นอันจบพิธีค่ะ แต่เราโดนดุนิดหน่อยว่าครั้งหน้าให้ระวังด้วย เราสามารถดูเงินคงเหลือในบัตรและค่าเดินทางได้ที่เครื่องเลยนะคะ ส่วนถ้าเงินในบัตรหมดมันจะมีเครื่องให้เติมเองหรือเราจะให้คนเติมให้ก็ได้ ถ้าจะให้คนเติมให้เราก็บอกเขาเลยว่า Add value __$ please พร้อมกับยื่นเงินและบัตรให้เขาไปง่ายและเร็วกว่าเครื่องอัตโนมัติมากค่ะ(ถ้าไม่มีคนนะ) แต่เครื่องก็ไม่ได้ยากเพียงกด Add value แตะบัตร เลือกว่าจะเติมเท่าไร จ่ายเงิน แตะบัตรอีกครั้ง แค่นี้เอง Gocard สามารถซื้อได้ที่ เซเว่น หรือไปซื้อที่สถานีได้เลยและขอบอกว่าเราไม่สามารถใช้บัตรนักเรียนของสถาบันลดราคาหรือซื้อเป็นGocard student ได้นะคะต้องซื้อราคาเต็ม เราแนะนำใช้บัตรของผู้ใหญ่ Gocard Adult

ตอนที่3 โฮสแฟมิลี่ ที่พักและการอยู่กิน
เราเลือกที่จะอยู่กับ host family เพื่อที่เราจะได้ฝึกภาษาได้ทั้งโรงเรียนและที่บ้านคูณสองกันเลยทีเดียว โฮสของเราอาศัยกันอยู่สี่คนเพิ่มเราเป็นห้าคน พ่อแม่ลูกชายและลูกสามและเรา อบอุ่นมาก บ้านน่ารักมาก เราอยู่ชั้นล่างคนเดียว มีความ alone ไปอีกแต่ก็มีความเป็นส่วนตัวสูงห้องเราก็น่ารักมากเช่นกัน ส่วนคนอื่นๆห้องนอนอยู่ชั้นบนหมด
เราโชคดีมากของมากที่สุดที่ได้โฮสที่ดีมากจริงๆ เขาดูแลราเหมือนเราเป็นลูกของเขาอีกคน โฮสเราพาไปเที่ยวทำ lunch box ให้เราด้วยพิเศษมากจริงๆเพราะบางครอบครัวนะที่จะทำข้าวกล่องให้ บางโฮสให้ใช้ครัวทำอาหารเพื่อเตรียมได้แต่ไม่ได้ทำให้ บางโฮสก็ให้จัดการเอง เรารู้สึกดีสุดๆประหยัดเงินไปอีกเยอะมาแล้วแต่ละวันอาหารไม่ซ้ำกันเลยทั้งข้าวกล่อง อาหารเย็น ยกเว้นข้าวเช้านะที่เราต้องหากินเองส่วนมากก็ซีเรียล ขนมปังทาแยม นมอุ่น สองสามอย่างนี้วนไปหนึ่งเดือน ส่วน wifi บางครอบครัวเช่นกันที่จะให้ใช้ฟรีและเราได้ใช้ฟรีค่า รู้สึกดีอีกแล้ว บางครอบครัวก็ให้ใช้นะแต่ต้องจ่าย 10$/Week ไม่จ่ายก็ใช้เน็ตตัวเอง มาถึงเรื่องการอาบน้ำโฮสเราไม่มีกฎ อาบนานเท่าไรตามใจเธอเลย แต่เราก็เกรงใจโฮสเรา เราอาบน้ำทุกวันไม่เกิน 10-15 นาทีนานสุด 16-20 นาที บางครอบครัวมีกฎอาบไม่เกิน 4 นาที หรือไม่ก็ไม่เกิน 10 นาทีเป็นต้น โหดมากกกกกกก ส่วนการซักผ้าก็ซักได้เลยไม่ต้องรอซักพร้อมโฮสหรือรอเสื้อผ้าเยอะๆนะ คือมันมีเรื่องนึ่งเราอยากเล่าคือวันนั้นก็ซักผ้าระหว่างนั้นก็ทำการบ้างมั่งไม่แน่ใจ โฮศออกไปซื้อของทำกับข้าวเราอยู่บ้านกับน้องๆ มันมีเสียงเพลงขึ้นมาเว้ยแบบเพลงอะไรอ่ะเราก็คิดเสียงเรียกเข้ารึป่าว อ่านไม่นิโฮสไม่อยู่ จนเราว่ารู้ทีหลังอ่ะว่ามันเป็นเสียงแจ้งเตือนว่าผ้าที่ซักอ่ะเสร็จแล้วนะ นี่เป็นไก่ตาแตกเลยก็ที่ไทยจะเป็นเสียง ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด นี่มาเป็นเพลงใครจะไปรู้ 555555 คนอื่นอาจจะรู้แต่เราประหลาดใจ เราจะขอเล่าเรื่องราวดีดีที่ได้จากครอบครัวนี้อีกสักนิด เขาพาเราไปเที่ยวโดยออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด น่ารักมาก เราถามว่าแพงไหมเราจะได้ออกให้บ้าง เขาก็ไม่ยอมบอกว่าไม่เป็นไรพวกเรายินดี เรารู้สึกขอบคุณมากๆ และมีวันหนึ่งเรากลับบ้านช้าดึกเลยก็ว่าได้ประมาณสามทุ่ม แล้วเราก็กลัวว่าต้องเดินกลับบ้านคนเดียวมืดๆ คือว่าเราเดินทางไปกลับบ้านโดยรถไฟซึ่งเราต้องเดินไปสถานีประมาณ 2-3 กิโลได้ แล้ววันนั้นเรากลับบ้านช้ามากดึกที่สุดตั้งแต่อยู่มาเราเลยโทรให้โฮสมารับ เขาก็บอกได้เลยฉันจะรีบไป น่ารักอีกแล้วว วันแรกของการไปโรงเรียนการขึ้นรถไฟ ฯลฯ โฮสก็สอนทุกอย่างเดินไปส่งถึงโรงเรียนด้วย มันมีอีกหลายเรื่องและเราคิดว่าคงเขียนไม่พอ ยกตัวอย่างประมาณนี้เนอะ
มาถึงเรื่องที่พักบ้านเราไกลจากสถานีประมาณ 2-3 กิโล เดินไปก็ 10-20 นาทีบางวันก็แล้วแต่อารมณ์ไปช้าไปเร็วบ้าง ที่จริงแถวนั้นมีป้ายรถบัสซึ่งรถบัสจะเร็วว่ารถไฟ แต่เราเลือกที่จะขึ้นรถไฟไปเพราะเราต้องเดินจากบ้านไปสถานีใช่ไหม คิดว่าการเดินนี้เหละคือการออกกำลังกาย ใช่ปวดขาทุกวันแต่ก็โอเค ถามว่าผอมลงไหม….ก็ไม่
ส่วนเรื่องการกิน ก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษมากมาย ที่โรงเรียนจะมีตู้เย็นกับไมโครเวฟให้เราสามารถเอาข้าวกล่องไปแช่ตู้เย็นแล้วเอามาเวฟตอนเที่ยงกินได้เลย หรือจะไปซื้อก็ได้มันจะมีตู้เราก็กดออกมาคิดว่าคงนึกกันออกแต่บอกเลยว่าแพงมาก ควรห่อข้าวมา ในห้องนั้นจะมีโต๊ะมีที่นั่งให้นะแต่มันก็ไม่เพียงพอสำหรับทุกคน มีอีกทีคือนอกระเบียงและชั้นแรก ส่วนมากที่นั้งในห้องจะเต็มเร็วมาก นอกระเบียงอากาศดีนะแต่หนาวและลมแรงไปหน่อย ข้าวกระเด็นกันเลยทีเดียวจะกินข้าวได้กินผมตัวเองเฉย ชั้นแรกก็โอเคเลยสงบดี ถ้าจะซื้อขนม เครื่องดื่มต่างๆ มันจะมีตู้กดและเครื่องทำกาแฟ ซื้อได้ที่ชั้นแรกเลย เครื่องกดอ่ะแพง แต่เครื่องทำกาแฟอ่ะถูก แก้วละ 1$

ตอนที่4 Kaplan จ๋าฉันมาแล้ว
โดยรวมแล้วเรื่องที่อย่างจะพูดในตอนนี้คือ ‘วันแรก’ ที่เราไปโรงเรียนนั้นเอง เริ่มเลยวันแรกที่ไปพยายามมาให้ถึงก่อนเวลา เตรียมเอกสารมาให้ครบ ถ้ามาถึงที่โรงเรียนแล้วให้ขึ้นมาชั้นสามเลย แล้วก็บอก staff ว่าเนี้ยวันนี้เป็นวันแรกของฉันน่า ประมาณนี้ เขาก็ถามชื่อขอดูวีซ่า passport อย่าลืมเอามาเด็ดขาดนะ!! หลังจากนั้นเขาก็จะถ่ายรูปให้เราเพื่อเอาไปทำบัตรนักเรียนซึ่งเป็นบัตรที่มีประโยชน์มาก ไว้จะเล่าให้ฟังตอนต่อไป จากนั้นเราก็นั่งรอไปและในขณะที่เรารอเนี่ยอาจจะมีเพื่อนนักเรียนที่มาเรียนวันแรกเหมือนกับเราด้วย ก็ทำความรู้จักกันไว้เนอะ หลังจากทุกอย่างเสร็จสิ้นเขาจะพาเราไปสอบวัดระดับความรู้ที่เรามี ทำข้อสอบในคอมที่โรงเรียนมีไว้ให้ และ writing นิดหน่อยหนึ่งหน้า เมื่อทำเสร็จระบบจะบอกเลยว่าได้คะแนนเท่าไรอยู่ระดับไหน จากนั้นจะมีการ Interview นิดหน่อยถามนู้นนี้ จากนั้นเขาก็จะพาเราเดินเที่ยวทั้งโรงเรียนว่ามีห้องอะไรบ้าง ทำความรู้จักกับครูและ staff อบรมนิดหน่อยไม่เชิงอบรมอ่ะแนะแนวมากกว่าว่าถ้ามาอยู่ที่ออสแล้วต้องทำตัวยังไง การสูบบุหรี่ เข้าบาร์ สำหรับคนที่อายุไม่ถึง18 อะไรประมาณนี้ และเราจะได้ตารางเรียนว่าเราเรียนระดับอะไรห้องไหน กี่โมง วันแรกจะสบายๆง่ายๆมาก เขาจะปล่อยเรากลับตอนเที่ยง เพราะวันแรกไม่มีการเรียนการสอนนะเริ่มวันถัดไป แค่นี้เอง

ตอนที่5 บัตรนักเรียน
บัตรนักเรียนมีประโยชน์ยังไง สามารถใช้ลดค่าเข้าชมนิทรรศการต่างๆ ลดค่าตั๋วหนัง ลดอาหาร(เป็นบางร้านเท่านั้น บางร้านจะมีป้ายบอกว่าใช้บัตรนักเรียนลดได้) ตอนเราอยู่นู้นเราจะถามตลอดตอนไปเที่ยวว่าใช้บัตรนักเรียนลดได้ไหมเพราะถ้ามันลดได้มันจะประหยัดเงินเรามาก พกติดตัวเลยนะคะทุกคน เพราะถ้าทำหายหรือลืมเอามาเนี่ยอาจจะพลาดการประหยัดเงินไปได้ 555555 และถ้าเรามีปัญหาที่จะถาม staff เราต้องโชว์บัตรทุกครั้งถ้าไม่มีถามไม่ได้นะคะ
[CR] Kaplan experience Brisbane 2017
Kaplan experience Brisbane 2017
Hello สวัสดีค่ะทุกคน ขอต้อนรับทุกคนที่เข้ามาอ่าน นี่เป็นกระทู้รีวิวแรกของเราเกี่ยวกับการไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์และการเรียนภาษาที่บริสเบน ณ ประเทศออสเตรเลีย ค่ะ *ปล.ผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะะ หรือมีคำถาม ถามได้เลยนะคะเรายินดีตอบค่ะ
ย้อนกลับไปเมื่อสามเดือนก่อนตอนที่เราหาข้อมูลที่จะไปเรียนภาษากับสถาบัน Kaplan มีข้อมูลอยู่ไม่น้อยเลยที่เราหาได้ทั้งในเว็บเด็กดี พันทิป หรือแม้แต่รีวิวของคนต่างประเทศที่ได้ไปเรียนกัน แต่ปรากฎว่าข้อมูลที่ได้มากลับไม่ตรงกับคำถามที่เราสงสัยอยู่หรืออยากถามเลยแต่ก็มีที่ตรงอยู่แต่ก็ได้ข้อมูลมาไม่มากพอเพื่อประกอบการตัดสินใจ ทั้งเรื่องเรียน การอยู่กิน การเดินทาง การใช้เงินค่าใช้จ่ายต่างๆ การใช้ชีวิตประจำวัน และอื่นๆอีกมากมาย เรายอมรับว่ากลัวเรื่องโฮสแฟมิลี่มาก บางคนนั้นบอกดีมากอีกคนบอกแย่อย่าไปเลย โรงเรียนนี้ไม่ดีนะครูแย่อีกคนบอกดีมากไปเรียนเถอะ เราต้องใช้วิชาแกทเชื่อมโยงที่ได้เรียนมานั้นเชื่อมโยงความคิดของแต่ละคนที่เราได้ข้อมูลมา ใช้เวลาอยู่นานกว่าเราจะตัดสินใจค่ะ สุดท้ายเราก็ปรึกษากับพ่อแม่และตัดสินใจทำเรื่องและหลังจากเราที่ได้ผ่านการเรียนรู้ทั้งหมดนั้นมาแล้ว เราเลยคิดว่าเราจะทำรีวิวนี้เพื่อให้คนที่กำลังลังเลใจหรือกำลังหาข้อมูลอยู่ได้รู้และได้เข้ามาหาคำตอบกันถึงข้อมูลเราอาจจะไม่แน่นนักแต่เราหวังว่าคนที่เข้ามาอ่านนั้นจะได้คำตอบกันไม่มากก็น้อยค่ะ
เราทำเรื่อง กับสถาบันโดยตรงไม่ได้ใช้เอเจ็นซี่ใดๆสถาบันเขาจะส่งข้อมูลต่างๆมาให้ ราคาคอร์สที่เราเลือกเรียน การขอวีซ่า ข้อมูลจำเป็นต่างๆ เป็นต้น สถาบันเขาจะจัดหาโฮสให้ จัดหาคนมารับที่สนามบิน ทำประกันและจองตั๋วเครื่องบินให้ แต่เราจองตั๋วเครื่องบินเองและทำประกันอีกหนึ่งประกันเผื่อไว้ด้วยเพื่อความปลอดภัยและความสบายใจของเราและครอบครัว หลังจากที่เราจ่ายเงินและทำเรื่องทุกอย่างเสร็จเราก็รออยู่ประมาณสองอาทิตย์ค่ะกว่าเราจะรู้ว่าโฮสคือใคร บอกก่อนเลยว่ากลัวไม่ทันมากเพราะอีกอาทิตย์เดียวจะเดินทางแล้วโฮสก็ยังไม่ได้เลย จะมีใครรับเราบ้าง หรือเราจ้องอยู่โรงแรมหรือต้องอยู่หอ เป็นสองอาทิตย์ที่กระวนกระว่ายมาก แต่ก็โชคดีมากที่ได้รู้ว่าโฮสคือใครก่อนหนึ่งอาทิตย์ หลังจากที่เรารู้ว่าโฮสคือใครแล้วเราก็ส่งเมล์ทักทายไปหาเขาค่ะ ปล.เรื่องค่าใช้จ่ายแต่ละคนจะไม่เท่ากันนะคะมันขึ้นอยู่กับเวลาที่เราจะไปเรียนนานเท่าไร อาศัยอยู่กับใคร โฮส หอพัก หรือหาแชร์เฮาท์อยู่เอง คอร์สที่เราจะเรียน หรือแม้แต่ประเทศที่จะไป อย่าลืมดูค่าครองชีพของประเทศที่จะไปด้วยนะคะว่าเราโอเคไหม จ่ายไหวรึเปล่า ข้อมูลนี้เพื่อนๆเข้าไปดูได้ที่เว็ปโดยตรงเลย www.kaplaninternational.com เข้าไปดูบ่อยๆนะคะเพราะบางช่วงจะมีโปรโมชั่นด้วย ส่วนของเรานั้นเราเลือกเรียนคอร์ส Intensive เป็นเวลา 4 weeks ค่ะ
พอพูดถึงการเดินทางหลายๆคนจะกลัวมากกับการเดินทางคนเดียว และเราเดินทางคนเดียว ไม่ได้ไปกับเพื่อน ไปเรียนเองทำเรื่องเองเดินทางเองคนเดียวหมดค่ะ และมันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่หลายๆคนคิดนะถ้าเราเตรียมตัวพร้อมทุกอย่างก็ไม่มีอะไรน่ากลัวอีกต่อไป เราเดินทางไปบริสเบนและกลับกรุงเทพโดยสายการบินไทยรักคุณเท่าฟ้า เป็นการบินตรงใช้เวลาแปดชั่วโมงกับอีกสามสิบนาทีโดยประมาณค่ะ เราอยากให้คนที่กำลังจะเดินทางไปไม่ว่าจะไปประเทศไหนก็ตามควรเตรียมเอกสารที่จำเป็นไปให้พร้อม ทำตามกฎหมายของประเทศนั้นๆ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องมีปัญหา เจ้าหน้าที่ถามอะไรก็ตอบไปตามตรงนะคะ เราโดนกักให้สุนัขมาดมๆด้วยตกใจนิดหน่อยเพราะคนอื่นไม่โดนกัน 55555 ถามว่ามาทำอะไร ประมาณนี้ค่ะ ส่วนการเดินทางในบริสเบนง่ายมากๆ เมื่อไปถึงเราก็ต้องซื้อ GoCard เสียค่าบัตร 10$ และเติมเงินเข้าไปกี่บาทก็ได้ เราเติมไป 50$ เลยเผื่อไว้ Gocard มันดีมากๆค่ะใช้ได้ทั้งรถไฟ รถบัส เรือ สะดวกมากๆ การใช้แค่ tap on และ tap out ทุกครั้งที่ขึ้นและลงนะคะถ้าสมมุติว่าเราลืม tap out จะโดนปรับนะคะ เราโดนปรับหนึ่งครั้งค่ะคือเราtap on แล้วแต่เครื่องมันไม่ขึ้นเราเลยคิดว่าเอ๊ะเครื่องเสียรึป่าวเราเลยเปลี่ยนเครื่องแต่ปรากฏว่าเครื่องมันดีค่ะไม่ได้เสียแต่อย่างใดเพียงแต่มันช้าเฉยๆ เราเลยโดนปรับไป 10$ แต่ไม่ต้องตกใจนะเราสามารถเอาคืนมาได้เพียงโทรไปตามเบอร์ หลังบัตรได้เลย เราโทรไปหลังจากโดนปรับเลยเราต้องได้ 10$คืนมา ก็บอกเขาไปว่าทำไหมถึงโดนปรับไปทำอะไรมาแค่นั้นเขาก็จะถามรหัสบัตรของเรา รอนิดหน่อยเป็นอันจบพิธีค่ะ แต่เราโดนดุนิดหน่อยว่าครั้งหน้าให้ระวังด้วย เราสามารถดูเงินคงเหลือในบัตรและค่าเดินทางได้ที่เครื่องเลยนะคะ ส่วนถ้าเงินในบัตรหมดมันจะมีเครื่องให้เติมเองหรือเราจะให้คนเติมให้ก็ได้ ถ้าจะให้คนเติมให้เราก็บอกเขาเลยว่า Add value __$ please พร้อมกับยื่นเงินและบัตรให้เขาไปง่ายและเร็วกว่าเครื่องอัตโนมัติมากค่ะ(ถ้าไม่มีคนนะ) แต่เครื่องก็ไม่ได้ยากเพียงกด Add value แตะบัตร เลือกว่าจะเติมเท่าไร จ่ายเงิน แตะบัตรอีกครั้ง แค่นี้เอง Gocard สามารถซื้อได้ที่ เซเว่น หรือไปซื้อที่สถานีได้เลยและขอบอกว่าเราไม่สามารถใช้บัตรนักเรียนของสถาบันลดราคาหรือซื้อเป็นGocard student ได้นะคะต้องซื้อราคาเต็ม เราแนะนำใช้บัตรของผู้ใหญ่ Gocard Adult
เราเลือกที่จะอยู่กับ host family เพื่อที่เราจะได้ฝึกภาษาได้ทั้งโรงเรียนและที่บ้านคูณสองกันเลยทีเดียว โฮสของเราอาศัยกันอยู่สี่คนเพิ่มเราเป็นห้าคน พ่อแม่ลูกชายและลูกสามและเรา อบอุ่นมาก บ้านน่ารักมาก เราอยู่ชั้นล่างคนเดียว มีความ alone ไปอีกแต่ก็มีความเป็นส่วนตัวสูงห้องเราก็น่ารักมากเช่นกัน ส่วนคนอื่นๆห้องนอนอยู่ชั้นบนหมด
เราโชคดีมากของมากที่สุดที่ได้โฮสที่ดีมากจริงๆ เขาดูแลราเหมือนเราเป็นลูกของเขาอีกคน โฮสเราพาไปเที่ยวทำ lunch box ให้เราด้วยพิเศษมากจริงๆเพราะบางครอบครัวนะที่จะทำข้าวกล่องให้ บางโฮสให้ใช้ครัวทำอาหารเพื่อเตรียมได้แต่ไม่ได้ทำให้ บางโฮสก็ให้จัดการเอง เรารู้สึกดีสุดๆประหยัดเงินไปอีกเยอะมาแล้วแต่ละวันอาหารไม่ซ้ำกันเลยทั้งข้าวกล่อง อาหารเย็น ยกเว้นข้าวเช้านะที่เราต้องหากินเองส่วนมากก็ซีเรียล ขนมปังทาแยม นมอุ่น สองสามอย่างนี้วนไปหนึ่งเดือน ส่วน wifi บางครอบครัวเช่นกันที่จะให้ใช้ฟรีและเราได้ใช้ฟรีค่า รู้สึกดีอีกแล้ว บางครอบครัวก็ให้ใช้นะแต่ต้องจ่าย 10$/Week ไม่จ่ายก็ใช้เน็ตตัวเอง มาถึงเรื่องการอาบน้ำโฮสเราไม่มีกฎ อาบนานเท่าไรตามใจเธอเลย แต่เราก็เกรงใจโฮสเรา เราอาบน้ำทุกวันไม่เกิน 10-15 นาทีนานสุด 16-20 นาที บางครอบครัวมีกฎอาบไม่เกิน 4 นาที หรือไม่ก็ไม่เกิน 10 นาทีเป็นต้น โหดมากกกกกกก ส่วนการซักผ้าก็ซักได้เลยไม่ต้องรอซักพร้อมโฮสหรือรอเสื้อผ้าเยอะๆนะ คือมันมีเรื่องนึ่งเราอยากเล่าคือวันนั้นก็ซักผ้าระหว่างนั้นก็ทำการบ้างมั่งไม่แน่ใจ โฮศออกไปซื้อของทำกับข้าวเราอยู่บ้านกับน้องๆ มันมีเสียงเพลงขึ้นมาเว้ยแบบเพลงอะไรอ่ะเราก็คิดเสียงเรียกเข้ารึป่าว อ่านไม่นิโฮสไม่อยู่ จนเราว่ารู้ทีหลังอ่ะว่ามันเป็นเสียงแจ้งเตือนว่าผ้าที่ซักอ่ะเสร็จแล้วนะ นี่เป็นไก่ตาแตกเลยก็ที่ไทยจะเป็นเสียง ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด นี่มาเป็นเพลงใครจะไปรู้ 555555 คนอื่นอาจจะรู้แต่เราประหลาดใจ เราจะขอเล่าเรื่องราวดีดีที่ได้จากครอบครัวนี้อีกสักนิด เขาพาเราไปเที่ยวโดยออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด น่ารักมาก เราถามว่าแพงไหมเราจะได้ออกให้บ้าง เขาก็ไม่ยอมบอกว่าไม่เป็นไรพวกเรายินดี เรารู้สึกขอบคุณมากๆ และมีวันหนึ่งเรากลับบ้านช้าดึกเลยก็ว่าได้ประมาณสามทุ่ม แล้วเราก็กลัวว่าต้องเดินกลับบ้านคนเดียวมืดๆ คือว่าเราเดินทางไปกลับบ้านโดยรถไฟซึ่งเราต้องเดินไปสถานีประมาณ 2-3 กิโลได้ แล้ววันนั้นเรากลับบ้านช้ามากดึกที่สุดตั้งแต่อยู่มาเราเลยโทรให้โฮสมารับ เขาก็บอกได้เลยฉันจะรีบไป น่ารักอีกแล้วว วันแรกของการไปโรงเรียนการขึ้นรถไฟ ฯลฯ โฮสก็สอนทุกอย่างเดินไปส่งถึงโรงเรียนด้วย มันมีอีกหลายเรื่องและเราคิดว่าคงเขียนไม่พอ ยกตัวอย่างประมาณนี้เนอะ
มาถึงเรื่องที่พักบ้านเราไกลจากสถานีประมาณ 2-3 กิโล เดินไปก็ 10-20 นาทีบางวันก็แล้วแต่อารมณ์ไปช้าไปเร็วบ้าง ที่จริงแถวนั้นมีป้ายรถบัสซึ่งรถบัสจะเร็วว่ารถไฟ แต่เราเลือกที่จะขึ้นรถไฟไปเพราะเราต้องเดินจากบ้านไปสถานีใช่ไหม คิดว่าการเดินนี้เหละคือการออกกำลังกาย ใช่ปวดขาทุกวันแต่ก็โอเค ถามว่าผอมลงไหม….ก็ไม่
ส่วนเรื่องการกิน ก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษมากมาย ที่โรงเรียนจะมีตู้เย็นกับไมโครเวฟให้เราสามารถเอาข้าวกล่องไปแช่ตู้เย็นแล้วเอามาเวฟตอนเที่ยงกินได้เลย หรือจะไปซื้อก็ได้มันจะมีตู้เราก็กดออกมาคิดว่าคงนึกกันออกแต่บอกเลยว่าแพงมาก ควรห่อข้าวมา ในห้องนั้นจะมีโต๊ะมีที่นั่งให้นะแต่มันก็ไม่เพียงพอสำหรับทุกคน มีอีกทีคือนอกระเบียงและชั้นแรก ส่วนมากที่นั้งในห้องจะเต็มเร็วมาก นอกระเบียงอากาศดีนะแต่หนาวและลมแรงไปหน่อย ข้าวกระเด็นกันเลยทีเดียวจะกินข้าวได้กินผมตัวเองเฉย ชั้นแรกก็โอเคเลยสงบดี ถ้าจะซื้อขนม เครื่องดื่มต่างๆ มันจะมีตู้กดและเครื่องทำกาแฟ ซื้อได้ที่ชั้นแรกเลย เครื่องกดอ่ะแพง แต่เครื่องทำกาแฟอ่ะถูก แก้วละ 1$
โดยรวมแล้วเรื่องที่อย่างจะพูดในตอนนี้คือ ‘วันแรก’ ที่เราไปโรงเรียนนั้นเอง เริ่มเลยวันแรกที่ไปพยายามมาให้ถึงก่อนเวลา เตรียมเอกสารมาให้ครบ ถ้ามาถึงที่โรงเรียนแล้วให้ขึ้นมาชั้นสามเลย แล้วก็บอก staff ว่าเนี้ยวันนี้เป็นวันแรกของฉันน่า ประมาณนี้ เขาก็ถามชื่อขอดูวีซ่า passport อย่าลืมเอามาเด็ดขาดนะ!! หลังจากนั้นเขาก็จะถ่ายรูปให้เราเพื่อเอาไปทำบัตรนักเรียนซึ่งเป็นบัตรที่มีประโยชน์มาก ไว้จะเล่าให้ฟังตอนต่อไป จากนั้นเราก็นั่งรอไปและในขณะที่เรารอเนี่ยอาจจะมีเพื่อนนักเรียนที่มาเรียนวันแรกเหมือนกับเราด้วย ก็ทำความรู้จักกันไว้เนอะ หลังจากทุกอย่างเสร็จสิ้นเขาจะพาเราไปสอบวัดระดับความรู้ที่เรามี ทำข้อสอบในคอมที่โรงเรียนมีไว้ให้ และ writing นิดหน่อยหนึ่งหน้า เมื่อทำเสร็จระบบจะบอกเลยว่าได้คะแนนเท่าไรอยู่ระดับไหน จากนั้นจะมีการ Interview นิดหน่อยถามนู้นนี้ จากนั้นเขาก็จะพาเราเดินเที่ยวทั้งโรงเรียนว่ามีห้องอะไรบ้าง ทำความรู้จักกับครูและ staff อบรมนิดหน่อยไม่เชิงอบรมอ่ะแนะแนวมากกว่าว่าถ้ามาอยู่ที่ออสแล้วต้องทำตัวยังไง การสูบบุหรี่ เข้าบาร์ สำหรับคนที่อายุไม่ถึง18 อะไรประมาณนี้ และเราจะได้ตารางเรียนว่าเราเรียนระดับอะไรห้องไหน กี่โมง วันแรกจะสบายๆง่ายๆมาก เขาจะปล่อยเรากลับตอนเที่ยง เพราะวันแรกไม่มีการเรียนการสอนนะเริ่มวันถัดไป แค่นี้เอง
บัตรนักเรียนมีประโยชน์ยังไง สามารถใช้ลดค่าเข้าชมนิทรรศการต่างๆ ลดค่าตั๋วหนัง ลดอาหาร(เป็นบางร้านเท่านั้น บางร้านจะมีป้ายบอกว่าใช้บัตรนักเรียนลดได้) ตอนเราอยู่นู้นเราจะถามตลอดตอนไปเที่ยวว่าใช้บัตรนักเรียนลดได้ไหมเพราะถ้ามันลดได้มันจะประหยัดเงินเรามาก พกติดตัวเลยนะคะทุกคน เพราะถ้าทำหายหรือลืมเอามาเนี่ยอาจจะพลาดการประหยัดเงินไปได้ 555555 และถ้าเรามีปัญหาที่จะถาม staff เราต้องโชว์บัตรทุกครั้งถ้าไม่มีถามไม่ได้นะคะ