จริงอยู่นี่เป็นรายการของท่านผลิตเอง
ท่านจะกำหนดแนวทางผู้ผ่านเข้ารอบอย่างไรก็ได้ ก็ในเมื่อมันเป็นรายการของท่านเอง
จะบอกว่าเป็นผู้ชมมีหน้าที่ชมก็ชมไป อย่าบ่น
เห็นท่าทางจะคิดผิดซะแล้วครับ
คือที่ผ่านมามันก็มีผลการตัดสินมีทั้งถูกใจบ้างและไม่ถูกใจบ้าง
ยกตัวอย่างเฉพาะในซีซั่นที่สอง ที่มีคนบ่นๆ บ้างพอเป็นพิธีเช่น หน้ากากกระเพรา หน้ากากเข็มทิศ หน้ากากชายแก่
ถามว่าเพราะอะไรถึงไม่ลากยาว เหตุผลก็เพราะว่า คุณภาพคู่แข่งอาจจะดีกว่า หรือด้อยกว่า
มีค้านสายตาบ้าง แต่มันรู้สึกได้ว่ามาตรฐานไม่ห่างกันมากไง บ่นไปไม่นานเรื่องก็เงียบครับ
มีดราม่าก็เพียงเล็กน้อย เต็มที่ไม่เกิน 4-5 กระทู้ แล้วก็เรื่องเงียบไปในเวลาไม่เกิน 12 ชั่วโมง
แต่จากเทปล่าสุด พฤหัสบดี 29 มิย 2560 คงได้กลายเป็นเทปในตำนานที่ดราม่ามากที่สุดตั้งแต่มีรายการมา
มันสื่อถึงว่า ในกลุ่มผู้ชมกลุ่มต่างๆ ของรายการ The Mask Singer ที่หลากหลาย
ทั้งกลุ่มดูเอาสนุก เฮฮา คลายเครียด อยากแค่เห็นคนแต่งชุดหน้ากากต่างๆ ออกมาร้องเพลง
มันก็ยังมีกลุ่มผู้ชมที่เป็น กลุ่มที่สนใจด้านคุณภาพการร้องเพลง
ซึ่งอย่างหนึ่งที่รายการมันดังได้น่ะก็เพราะ คุณภาพการร้องเพลงครับ
เอานักร้อง หรือดารา นักแสดงมาใส่ชุด สวมหน้ากาก แล้วร้องเพลงให้ทายกัน และได้เห็นความสามารถของคนนั้นๆ โดยไม่เห็นหน้า
มันทำให้ผู้ชมนั้นสนใจที่เรื่องความสามารถร้องเพลงจริงๆ ไม่เกี่ยวกับหน้าตา บางคนถอดหน้ากากมาถึงกับอ้าปากค้างว่าเขาร้องได้ขนาดนี้เลยหรือเนี่ย
เช่น พาที สารสินท์ , จั๊กบุ๋ม , แตงโม , ก้อย รัชวิน , บุ๋ม ปนัดดา , เอมมี่ มรกต , ดาว ขำมิน ฯลฯ
และที่รายการในซีซั่น 1 ดังมาได้ ไม่ใช่เพราะรูปแบบรายการอย่างเดียวครับ
แต่ยังมีผู้เข้าแข่งขันที่มีความสามารถในการร้องเพลงสูงซะด้วย ที่เห้นชัดๆ เลยก็ แชมป์จากทั้งสี่กลุ่ม นั่นแหละ ครับ
ฉะนั้นแล้วคงจะเป็นเรื่องยากแหละครับกับแถลงการณ์ล่าสุดของรายการที่บอกให้ดูสนุกอย่าซีเรียส
ในเมื่อมันมีกลุ่มแฟนรายการที่เป็นกลุ่มที่สนใจในด้านคุณภาพการร้องเพลง
ที่มันดราม่าหนักที่สุดตั้งแต่มีรายการมา นั่นน่าจะพอสันนิษฐานได้แล้วแหละครับว่ากลุ่มแฟนรายการที่เป็นกลุ่มใหญ่ที่สุดของ The Mask Singer
คือ กลุ่มผู้ชมที่สนใจเรื่องคุณภาพการร้องเพลงครับและมีปริมาณมากกว่าที่พวกคุณประเมินเอาไว้
และโดยส่วนใหญ่ลงความเห้นกันแล้วจากเทปล่าสุดนี้ หน้ากากดอกไม้ คุณภาพการร้องเพลงสมควรได้เข้ารอบต่อไป และอยากเห็นเธอเป็นคนสุดท้าย
ไม่งั้นคงจะเหมือน ดราม่า ที่ผ่านมา จบไปภายใน 12 ชั่วโมง และไม่ลากยาวขนาดนี้มาก่อนแน่ๆ
ฉะนั้นแล้วคงถึงเวลาคิดทบทวนให้ดีๆ เกี่ยวกับเรื่องคุณภาพการร้องเพลง
ถ้าคิดในเรื่องที่ว่าดราม่าแบบนี้จะทำให้พูดถึงแล้วรายการจะดังกว่าเดิมท่าทางจะคิดผิดนะครับ
มาถึงตรงนี้น่าจะพิสูจน์ได้แล้วว่า มันเป็นผลเสียแก่ตัวผู้ผ่านเข้ารอบไปด้วยซ้ำ
อยากจะฝากไว้เรื่องหนึ่งให้คิดคำนึงให้ดี
รายการประกวดร้องเพลงหลายรายการที่เสื่อมความนิยมไปแล้ว หลายรายการมักมีลักษณะที่เหมือนๆ กันจุดหนึ่ง
คือ กลุ่มผู้ชมหมดสิ้นศรัทธาในผลการตัดสินครับ
หากมีเหตุการณ์แบบเดียวกันนี้เกิดขึ้นอีก 4-5 ครั้ง คงไม่นานหรอกครับ
คุณคงเสียกลุ่มผู้ชมกลุ่มนี้และมีปริมาณมากกว่าที่คุณคิดไปแน่ๆ เจริญรอยตามแน่ๆ และเร็วกว่าที่คิดไว้ด้วย
ฝากไว้เท่านี้แหละครับ สิ่งที่ผมอยากระบายจากความรู้สึกที่ผมรู้สึกต่อเทปล่าสุด
ผมไม่ได้เป็นแฟนเพลง ปุยฝ้าย เอเอฟ ใดๆ ทั้งสิ้น
แค่แฟนรายการคนหนึ่งที่ติดตามตั้งแต่เทปแรกที่ฉายจนมาถึงเทปนี้ไม่ขาดซักเทปเดียว
และหวังจะเห็นการตัดสินที่มันยุติธรรมมากกว่านี้
ถึงเวลาที่ Workpoint ต้องทบทวนแนวทางรายการ The Mask Singer
ท่านจะกำหนดแนวทางผู้ผ่านเข้ารอบอย่างไรก็ได้ ก็ในเมื่อมันเป็นรายการของท่านเอง
จะบอกว่าเป็นผู้ชมมีหน้าที่ชมก็ชมไป อย่าบ่น
เห็นท่าทางจะคิดผิดซะแล้วครับ
คือที่ผ่านมามันก็มีผลการตัดสินมีทั้งถูกใจบ้างและไม่ถูกใจบ้าง
ยกตัวอย่างเฉพาะในซีซั่นที่สอง ที่มีคนบ่นๆ บ้างพอเป็นพิธีเช่น หน้ากากกระเพรา หน้ากากเข็มทิศ หน้ากากชายแก่
ถามว่าเพราะอะไรถึงไม่ลากยาว เหตุผลก็เพราะว่า คุณภาพคู่แข่งอาจจะดีกว่า หรือด้อยกว่า
มีค้านสายตาบ้าง แต่มันรู้สึกได้ว่ามาตรฐานไม่ห่างกันมากไง บ่นไปไม่นานเรื่องก็เงียบครับ
มีดราม่าก็เพียงเล็กน้อย เต็มที่ไม่เกิน 4-5 กระทู้ แล้วก็เรื่องเงียบไปในเวลาไม่เกิน 12 ชั่วโมง
แต่จากเทปล่าสุด พฤหัสบดี 29 มิย 2560 คงได้กลายเป็นเทปในตำนานที่ดราม่ามากที่สุดตั้งแต่มีรายการมา
มันสื่อถึงว่า ในกลุ่มผู้ชมกลุ่มต่างๆ ของรายการ The Mask Singer ที่หลากหลาย
ทั้งกลุ่มดูเอาสนุก เฮฮา คลายเครียด อยากแค่เห็นคนแต่งชุดหน้ากากต่างๆ ออกมาร้องเพลง
มันก็ยังมีกลุ่มผู้ชมที่เป็น กลุ่มที่สนใจด้านคุณภาพการร้องเพลง
ซึ่งอย่างหนึ่งที่รายการมันดังได้น่ะก็เพราะ คุณภาพการร้องเพลงครับ
เอานักร้อง หรือดารา นักแสดงมาใส่ชุด สวมหน้ากาก แล้วร้องเพลงให้ทายกัน และได้เห็นความสามารถของคนนั้นๆ โดยไม่เห็นหน้า
มันทำให้ผู้ชมนั้นสนใจที่เรื่องความสามารถร้องเพลงจริงๆ ไม่เกี่ยวกับหน้าตา บางคนถอดหน้ากากมาถึงกับอ้าปากค้างว่าเขาร้องได้ขนาดนี้เลยหรือเนี่ย
เช่น พาที สารสินท์ , จั๊กบุ๋ม , แตงโม , ก้อย รัชวิน , บุ๋ม ปนัดดา , เอมมี่ มรกต , ดาว ขำมิน ฯลฯ
และที่รายการในซีซั่น 1 ดังมาได้ ไม่ใช่เพราะรูปแบบรายการอย่างเดียวครับ
แต่ยังมีผู้เข้าแข่งขันที่มีความสามารถในการร้องเพลงสูงซะด้วย ที่เห้นชัดๆ เลยก็ แชมป์จากทั้งสี่กลุ่ม นั่นแหละ ครับ
ฉะนั้นแล้วคงจะเป็นเรื่องยากแหละครับกับแถลงการณ์ล่าสุดของรายการที่บอกให้ดูสนุกอย่าซีเรียส
ในเมื่อมันมีกลุ่มแฟนรายการที่เป็นกลุ่มที่สนใจในด้านคุณภาพการร้องเพลง
ที่มันดราม่าหนักที่สุดตั้งแต่มีรายการมา นั่นน่าจะพอสันนิษฐานได้แล้วแหละครับว่ากลุ่มแฟนรายการที่เป็นกลุ่มใหญ่ที่สุดของ The Mask Singer
คือ กลุ่มผู้ชมที่สนใจเรื่องคุณภาพการร้องเพลงครับและมีปริมาณมากกว่าที่พวกคุณประเมินเอาไว้
และโดยส่วนใหญ่ลงความเห้นกันแล้วจากเทปล่าสุดนี้ หน้ากากดอกไม้ คุณภาพการร้องเพลงสมควรได้เข้ารอบต่อไป และอยากเห็นเธอเป็นคนสุดท้าย
ไม่งั้นคงจะเหมือน ดราม่า ที่ผ่านมา จบไปภายใน 12 ชั่วโมง และไม่ลากยาวขนาดนี้มาก่อนแน่ๆ
ฉะนั้นแล้วคงถึงเวลาคิดทบทวนให้ดีๆ เกี่ยวกับเรื่องคุณภาพการร้องเพลง
ถ้าคิดในเรื่องที่ว่าดราม่าแบบนี้จะทำให้พูดถึงแล้วรายการจะดังกว่าเดิมท่าทางจะคิดผิดนะครับ
มาถึงตรงนี้น่าจะพิสูจน์ได้แล้วว่า มันเป็นผลเสียแก่ตัวผู้ผ่านเข้ารอบไปด้วยซ้ำ
อยากจะฝากไว้เรื่องหนึ่งให้คิดคำนึงให้ดี
รายการประกวดร้องเพลงหลายรายการที่เสื่อมความนิยมไปแล้ว หลายรายการมักมีลักษณะที่เหมือนๆ กันจุดหนึ่ง
คือ กลุ่มผู้ชมหมดสิ้นศรัทธาในผลการตัดสินครับ
หากมีเหตุการณ์แบบเดียวกันนี้เกิดขึ้นอีก 4-5 ครั้ง คงไม่นานหรอกครับ
คุณคงเสียกลุ่มผู้ชมกลุ่มนี้และมีปริมาณมากกว่าที่คุณคิดไปแน่ๆ เจริญรอยตามแน่ๆ และเร็วกว่าที่คิดไว้ด้วย
ฝากไว้เท่านี้แหละครับ สิ่งที่ผมอยากระบายจากความรู้สึกที่ผมรู้สึกต่อเทปล่าสุด
ผมไม่ได้เป็นแฟนเพลง ปุยฝ้าย เอเอฟ ใดๆ ทั้งสิ้น
แค่แฟนรายการคนหนึ่งที่ติดตามตั้งแต่เทปแรกที่ฉายจนมาถึงเทปนี้ไม่ขาดซักเทปเดียว
และหวังจะเห็นการตัดสินที่มันยุติธรรมมากกว่านี้