สวัสดีค่ะเพื่อนๆ

วันนี้เราจะพาไปตะลอนออนทัวร์ “ชุมชนริมน้ำคลองบางหลวง” กันค่ะ ชุมชนที่เรียกได้ว่าเป็น "เมืองสงบที่หลบอยู่ในกรุง" ไปกี่ครั้งก็ไม่เบื่อค่ะ
จะอยู่ที่ไหน มีความเป็นมายังไง น่าสนใจยังไง ไปลุยยยกันเลยยย (ก่อนอื่นเลยเราจะบอกว่านี่เป็นกระทู้แรกของเราติดตาม ติชม ได้นร้าาา ^^)
ก่อนอื่นเลยขอเล่าที่มาของชุมชนริมน้ำบางคลองหลวงก่อนนะค๊ะ เผื่อใครยังไม่ทราบ
" ชุมชนริมคลองบางหลวง " คือชุมชนเก่าแก่ริมน้ำ ที่มามาตั้งแต่สมัยอยุธยา คลองบางหลวงหรือคลองบางกอกใหญ่ เป็นชุมชนเก่าแก่โบราณที่สมัยนี้ยังคงกลิ่นอายความเป็นโบราณดั้งเดิมอยู่ เดิมเคยเป็นแม่น้ำเจ้าพระยาสายเดิมมาก่อน แต่เพราะเป็นแม่น้ำช่วงที่โค้งอ้อมกินบริเวณกว้าง เวลาแล่นเรือผ่านมาจึงทำให้เสียเวลาในการเดินทางไปมาก จึงทำให้ สมเด็จพระชัยราชาธิราชพระมหากษัตริย์ ในแผ่นดิน กรุงศรีอยุธยาจึงโปรดเกล้าฯให้มีการขุดคลองลัดขึ้น ในปี พ.ศ.2065 เพื่อร่นระยะทางและ ระยะเวลาสำหรับบรรดาพ่อค้าต่างชาติที่จะมาค้าขายเจริญ สัมพันธไมตรีกับอาณาจักรอยุธยา


ต่อมาภายหลังจากขุดคลองแล้ว คลองที่ขุดกลับมีขนาดใหญ่ขึ้นเพราะกระแสน้ำไหลมากัดเซาะชายฝั่งให้กว้างขึ้น ขณะที่แม่น้ำสายดั้งเดิมค่อยๆ เล็กลง กลายสภาพเป็นคลองสายหนึ่งในปัจจุบันเท่านั้น ส่วนเหตุที่เรียกคลองบางหลวงก็เนื่องจาก เมื่อคราวที่สมเด็จพระเจ้าตากสิน มาสร้างราชธานีใหม่ที่กรุงธนบุรี ข้าราชการขุนนางชั้นผู้ใหญ่หลายต่อหลายท่านมาจับจองสร้างบ้านกัน อยู่ริมคลองบางกอกใหญ่ เพราะเป็นบริเวณใกล้เคียงกับพระราชวังกรุงธนบุรี ชาวบ้านจึงเรียกคลองแถบนี้อีก ชื่อหนึ่งว่า "คลองบางข้าหลวง" และเหลือเพียง "คลองบางหลวง" ดังที่ทุกคนเห็นในปัจจุบันนี้ค่ะ
คลองบางหลวงทุกวันนี้เป็นที่ตั้งของชุมชนที่เรียกว่า “ชุมชนริมคลองบางหลวง” เราสามารถพบเห็นวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมของชาวบ้านแถบนี้ ไม่ว่าจะเป็นบ้านไม้ชั้นเดียวรูปทรงเก่าแก่ วัดวาอารามที่สงบร่มเย็น ปัจจุบันยังเต็มไปด้วยกลิ่น อายในอดีต และมีเรือหางยาวเรือท่องเที่ยวผ่านไปมาเกือบตลอดทั้งวัน และนี่ก็คือเสน่ห์และความน่าสนใจของที่นี่ สำหรับการเยี่ยมชม หรือจะมาพักผ่อนหย่อนใจ



]
ต่อไป เส้นทางการเดินทางมาเยี่ยมชมชุมชนริมน้ำคลองบางหลวงนะค๊ะ จะมีหลายช่องทางค่ะ ไม่ว่าจะเป็นทางรถทางเรือ
- หากขับรถมาเองให้จอดรถที่วัดคูหาสวรรค์ สุดซอยเพชรเกษม 28 จากวัดให้เดินเลียบคลองมาเรื่อยๆ จะพบกับบ้านเรือน ร้านค้าต่างๆ หรือจะจอดรถ ที่วัดกำแพง (วัดกำแพงบางจาก) อยู่สุดซอยเพชรเกษม 20 ก็ได้จากนั้นให้เลี้ยวซ้าย เดินเลียบคลอง เป็นทางเดินเล็กๆ ขึ้นสะพาน แล้วจะเจอตรอกทางขวามือ เพื่อเดินไปทางสะพานคลองบางหลวงน้อย
- ถ้าใช้เส้นทางเข้าทางซอยจรัญสนิทวงศ์ 3 เดินเข้าประมาณ100เมตรจะเจอจุดรอรถ (ที่มีร้านขายปลาท่องโก๋) จากนั้นใช้บริการนั่งรถสองแถวสีแดง(อาม่าขาซิ่งเป็นคนขับ) หรือนั่งมอเตอร์ไซค์เข้ามาจนสุดซอย จะเห็นซอยเล็กๆ ให้เดินเข้าไปจะเจอสะพานคลองบางหลวง
- หรือใครที่สนใจมาทางเรือก็สามารถเหมาเรือจากท่าช้างมายังคลองบางหลวงได้ ถือเป็นการเดินทางที่ได้อารมณ์ย้อนยุคอย่างมากเลยทีเดียวค่ะ
ทีนี้เราจะมาชมร้านค้าบ้านเรือนกันบ้างนะคะว่า มนเสน่ห์ของคลองบางหลวงมีอะไรบ้างแล้วน่าสนใจยังไง
มนเสน่ห์ของร้านค้าแต่ละร้านของตลาดน้ำคลองบางหลวงก็จะแตกต่างกันออกไปตามแบบของแต่ละร้าน ต่อไปเราจะพูดถึงร้านคากันเลยนะคะ ก่อนอื่นหากท่านที่จะเดินทางมาตลาดน้ำคลองบางหลวง สามารถมาได้หลายเส้นทาง
แต่ทางที่จะแนะนำหลักๆเลยนะคะ คือจรัญสนิทวงศ์ซอยสนิทวงศ์ 3 เข้าซอยมาจนสุดซอยก่อนขึ้นสะพานข้ามไปฝั่งตลาด ร้านที่เราจะเจอร้านแรกคือ “กวยจั๊บน้ำข้นสูตรโบราณ” รสชาติอร่อยที่บอกเลยว่าต้องลอง ราคาก็ไม่แพง แถมได้เยอะอีกด้วย มีของหวานด้วยนะจ๊ะข้าวเหนียวมะม่วงอร่อยเว่อร์
เราก็จัดการแวะชิมกันเลยจ้าาาา
น้ำกวยจั๊บเข้มข้น เครื่องแน่นๆ เต็มๆคำมากค่ะ
ถ้า10คะแนน เอาไปเลยค่ะ 9เต็ม 10 เด็ดจิงๆต้องลองค่ะ
ทานกวยจั๊บเสร็จแล้วเรามาดูสิ่งที่เรียกได้ว่า น่าตื่นเต้นจุดแรกของคลองบางหลวงกันค่ะ นั่นคือ “ สะพานวัดใจ” ที่เรียกสะพานวัดใจเพราะสะพานนี้มีความชันและสูง มอไซค์และจักรยานสามารถขึ้นลงได้ฝั่งเดียวเพราะอีกฝั่งคือบันไดให้เดิน
ทำไมถึงเรียกว่าน่าตื่นเต้นลองคิดดูสิ่คะ ถ้าสองฝั่งขึ้นมาพร้อมกันต้องมีผู้เสียสละหนึ่งฝั่งถอยลงความชันขนาดนี้ก็ต้องวัดใจกันล่ะค่ะ ใครอยากลองมาวัดใจก็ได้บอกเลยว่า มันจะเสียวหน่อยๆอ่ะ!!
เมื่อเราเดินลงสะพานเราจะเริ่มจากฝั่งเลี้ยวขวานะคะ จะเจอร้านกาแฟสไตล์ลอฟท์ ชื่อ “ ร้านสวัสดีบางหลวง ” เป็นร้านแรก ที่มีกลิ่นอายความโบราณ พร้อมที่นั่งจิบกาแฟอ่านหนังสือผ่อนคลายและชิวๆ เหมาะสำหรับคนที่ชอบใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์ (พี่เจ้าของร้านมี wifi free ให้เล่นด้วยค่ะขอได้จากพี่เจ้าของร้านเลย )
ถัดไปจะเป็นบ้านสอนทำผ้ามัดย้อมที่ลวดลายและสีสวยงามทั้งเสื้อ กระเป๋า เป็นของทีระลึกซื้อกลับได้ค่าหลับหรับคนที่ชอบงานแฮนด์เมค
ตลอดแนวจะมีร้านขายเสื้อผ้าของฝากน่ารัก น่ารัก เมื่อเดินไปอีกนะคะเราจะเจอร้าน “OK บางหลวง”
เป็นร้านขายโปสการ์ดที่มีภาพวาดสวยๆ สามารถเป็นของฝากหรือของที่ระลึกกลับบ้านไปเลยสำหรับหนุ่มๆสาวๆที่ชอบงานฝีมือหรือภาพศิลปะ
เมื่อเราเดินไปเรื่อยๆจะพบเห็นบ้านเรือนวิถีชีวิตของชาวที่อาศัยอยู่ริมคลองบางคลองบางหลวงที่ยังคงคุณค่าความเป็นดั้งเดิมสมัยก่อนแม้จะมีการปรับปรุงพัฒนาไปบ้างตลอดแนวทางเดินเลยค่ะ
นี่เลย นี่เลยยยยย เป็นอีกร้านนึงที่อยากแนะนำเลยค่ะ คือ ร้านขนมคุณยายที่ย้อนวัยเรามว๊ากกกกก เป็นขนมทีเราทานแล้วต้องนึกถึงสมัยเด็กๆเลยก็ว่าได้ มีทั้งวุ้น ตัวดูด ขนมขบเคี้ยวที่มาในแพ็คเกจน่ารักค่ะ
ร้านขนมคุณยายจะเป็นร้านสิ้นสุดทางฝั่งนี้นะคะ !! แต่อย่าเพิ่งเดินย้อนกลับค่ะ !! เรายังเดินต่อไปได้อีกค่ะ เมื่อเราเดินจนสุดฝั่งขวา จะเจอท่าเรือในบริเวณวัดค่ะ คือท่าเรือ “ วัดคูหาสวรรค์ ”
มาขนาดนี้แล้ว ก็แวะเข้าไปทำบุญไหว้พระกันหน่อยจ้าาาาาาา
ถึงแล้วค่า “ วัดคูหาสวรรค์ ” เราก็ถือโอกาสเข้าวัดทำบุญกันเลยจร้าาาา ...
ประวัติคร่าวๆของวัดคูหาสวรรค์ วัดคูหาสวรรค์วรวิหาร เดิมเรียกชื่อว่า “วัดศาลาสี่หน้า” เป็นวัดโบราณสร้างมาตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยายังเป็นราชธานีค่ะ ที่มีความสวยงาม เงียบสงบ (อย่าลืมแวะไปเข้าวัดกันนะคะ )
ไหว้พระเสร็จแล้ว ไปเยี่ยมชมชุมชนริมน้ำคลองบางหลวงกันต่อเลยค่ะ ยังมีอีกหลายร้านเลยรอเราอยู่
เมื่อเราเดินจนสุดวัดจนเจอแยกโรงเรียน เราก็เดินเข้าซอยเล็กๆทางด้านซ้ายมาค่ะ
ตรงมาเรื่อยๆเราจะเจอแยกอีกตรงหัวมุมเสา เราก็เดินไปถนนเส้นกลางเลยค่ะ จะเจอร้าน บ้านเรือน ที่น่าสนใจหลายหลังหลายร้านเลย
(ตากล้องของเราเก็บภาพละเอียดมาก แอบเม้าส์

)

เมื่อเราเข้าไปในซอยถนนเส้นกลางแล้วนะคะ จะเจอร้านขายของชำ ของเล่น ลูกโป่ง ลูกบอล บลาๆๆ ที่เราชอบเล่นในสมัยเด็กค่ะ เด็กสมัยนี้ยังเล่นรึเปล่าไม่รู้แต่เด็กๆในชุมชนนี้เล่นอยู่นะค๊ะ น่ารักเชียววว ^^
และร้าน ที่มีเอกลักษณ์ไม่น้อยเลยทีเดียว คือร้าน “ สิงละอันพันละน้อย “ ที่เราอยากจะนำเสนอว่าถ้าได้ไปเยี่ยมชม อย่าลืมเชียวค่ะที่จะแวะไป
เป็นร้านมีจุดเด่นมาก เพราะเป็นร้านที่รวมเอกลักษณ์ของแต่ละภาคไว้ด้วยกัน เช่นว่าวควายของทางภาคใต้
ผ้าไทยประดับทางภาคเหนือ
หมวกใบลาน ทางภาคกลาง และงานเก่าแก่โบราณที่หาชมได้ยากอีกมากมาย
และคงความเก่าแก่ดั้งเดิมของสิ่งของไว้ เช่นนี่เลยยยยย
สิ่งของในภาพ เพื่อนๆรู้ไหมคะคืออะไร ??
นี่คือพวงค่ะ สมัยก่อนคนเฒ่าคนแก่จะชอบไปทำบุญจะใช้ไว้ใส่ขวดใส่แก้วถือ เป็นการใช้ไม้สานต่อกันโดยไม่ใช้ตะปูตอกซักตัวเดียว สมัยนี้หรอหาแทบไม่ได้ละค่ะ นี่แค่บางชิ้นนะคะ เห็นไหมค๊ะว่าพลาดไม่ได้
[CR] ความลับ...แห่งคลองบางหลวง
จะอยู่ที่ไหน มีความเป็นมายังไง น่าสนใจยังไง ไปลุยยยกันเลยยย (ก่อนอื่นเลยเราจะบอกว่านี่เป็นกระทู้แรกของเราติดตาม ติชม ได้นร้าาา ^^)
ก่อนอื่นเลยขอเล่าที่มาของชุมชนริมน้ำบางคลองหลวงก่อนนะค๊ะ เผื่อใครยังไม่ทราบ
" ชุมชนริมคลองบางหลวง " คือชุมชนเก่าแก่ริมน้ำ ที่มามาตั้งแต่สมัยอยุธยา คลองบางหลวงหรือคลองบางกอกใหญ่ เป็นชุมชนเก่าแก่โบราณที่สมัยนี้ยังคงกลิ่นอายความเป็นโบราณดั้งเดิมอยู่ เดิมเคยเป็นแม่น้ำเจ้าพระยาสายเดิมมาก่อน แต่เพราะเป็นแม่น้ำช่วงที่โค้งอ้อมกินบริเวณกว้าง เวลาแล่นเรือผ่านมาจึงทำให้เสียเวลาในการเดินทางไปมาก จึงทำให้ สมเด็จพระชัยราชาธิราชพระมหากษัตริย์ ในแผ่นดิน กรุงศรีอยุธยาจึงโปรดเกล้าฯให้มีการขุดคลองลัดขึ้น ในปี พ.ศ.2065 เพื่อร่นระยะทางและ ระยะเวลาสำหรับบรรดาพ่อค้าต่างชาติที่จะมาค้าขายเจริญ สัมพันธไมตรีกับอาณาจักรอยุธยา
ต่อมาภายหลังจากขุดคลองแล้ว คลองที่ขุดกลับมีขนาดใหญ่ขึ้นเพราะกระแสน้ำไหลมากัดเซาะชายฝั่งให้กว้างขึ้น ขณะที่แม่น้ำสายดั้งเดิมค่อยๆ เล็กลง กลายสภาพเป็นคลองสายหนึ่งในปัจจุบันเท่านั้น ส่วนเหตุที่เรียกคลองบางหลวงก็เนื่องจาก เมื่อคราวที่สมเด็จพระเจ้าตากสิน มาสร้างราชธานีใหม่ที่กรุงธนบุรี ข้าราชการขุนนางชั้นผู้ใหญ่หลายต่อหลายท่านมาจับจองสร้างบ้านกัน อยู่ริมคลองบางกอกใหญ่ เพราะเป็นบริเวณใกล้เคียงกับพระราชวังกรุงธนบุรี ชาวบ้านจึงเรียกคลองแถบนี้อีก ชื่อหนึ่งว่า "คลองบางข้าหลวง" และเหลือเพียง "คลองบางหลวง" ดังที่ทุกคนเห็นในปัจจุบันนี้ค่ะ
คลองบางหลวงทุกวันนี้เป็นที่ตั้งของชุมชนที่เรียกว่า “ชุมชนริมคลองบางหลวง” เราสามารถพบเห็นวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมของชาวบ้านแถบนี้ ไม่ว่าจะเป็นบ้านไม้ชั้นเดียวรูปทรงเก่าแก่ วัดวาอารามที่สงบร่มเย็น ปัจจุบันยังเต็มไปด้วยกลิ่น อายในอดีต และมีเรือหางยาวเรือท่องเที่ยวผ่านไปมาเกือบตลอดทั้งวัน และนี่ก็คือเสน่ห์และความน่าสนใจของที่นี่ สำหรับการเยี่ยมชม หรือจะมาพักผ่อนหย่อนใจ
ต่อไป เส้นทางการเดินทางมาเยี่ยมชมชุมชนริมน้ำคลองบางหลวงนะค๊ะ จะมีหลายช่องทางค่ะ ไม่ว่าจะเป็นทางรถทางเรือ
- หากขับรถมาเองให้จอดรถที่วัดคูหาสวรรค์ สุดซอยเพชรเกษม 28 จากวัดให้เดินเลียบคลองมาเรื่อยๆ จะพบกับบ้านเรือน ร้านค้าต่างๆ หรือจะจอดรถ ที่วัดกำแพง (วัดกำแพงบางจาก) อยู่สุดซอยเพชรเกษม 20 ก็ได้จากนั้นให้เลี้ยวซ้าย เดินเลียบคลอง เป็นทางเดินเล็กๆ ขึ้นสะพาน แล้วจะเจอตรอกทางขวามือ เพื่อเดินไปทางสะพานคลองบางหลวงน้อย
- ถ้าใช้เส้นทางเข้าทางซอยจรัญสนิทวงศ์ 3 เดินเข้าประมาณ100เมตรจะเจอจุดรอรถ (ที่มีร้านขายปลาท่องโก๋) จากนั้นใช้บริการนั่งรถสองแถวสีแดง(อาม่าขาซิ่งเป็นคนขับ) หรือนั่งมอเตอร์ไซค์เข้ามาจนสุดซอย จะเห็นซอยเล็กๆ ให้เดินเข้าไปจะเจอสะพานคลองบางหลวง
- หรือใครที่สนใจมาทางเรือก็สามารถเหมาเรือจากท่าช้างมายังคลองบางหลวงได้ ถือเป็นการเดินทางที่ได้อารมณ์ย้อนยุคอย่างมากเลยทีเดียวค่ะ
ทีนี้เราจะมาชมร้านค้าบ้านเรือนกันบ้างนะคะว่า มนเสน่ห์ของคลองบางหลวงมีอะไรบ้างแล้วน่าสนใจยังไง
มนเสน่ห์ของร้านค้าแต่ละร้านของตลาดน้ำคลองบางหลวงก็จะแตกต่างกันออกไปตามแบบของแต่ละร้าน ต่อไปเราจะพูดถึงร้านคากันเลยนะคะ ก่อนอื่นหากท่านที่จะเดินทางมาตลาดน้ำคลองบางหลวง สามารถมาได้หลายเส้นทาง
แต่ทางที่จะแนะนำหลักๆเลยนะคะ คือจรัญสนิทวงศ์ซอยสนิทวงศ์ 3 เข้าซอยมาจนสุดซอยก่อนขึ้นสะพานข้ามไปฝั่งตลาด ร้านที่เราจะเจอร้านแรกคือ “กวยจั๊บน้ำข้นสูตรโบราณ” รสชาติอร่อยที่บอกเลยว่าต้องลอง ราคาก็ไม่แพง แถมได้เยอะอีกด้วย มีของหวานด้วยนะจ๊ะข้าวเหนียวมะม่วงอร่อยเว่อร์
เราก็จัดการแวะชิมกันเลยจ้าาาา
น้ำกวยจั๊บเข้มข้น เครื่องแน่นๆ เต็มๆคำมากค่ะ
ถ้า10คะแนน เอาไปเลยค่ะ 9เต็ม 10 เด็ดจิงๆต้องลองค่ะ
ทานกวยจั๊บเสร็จแล้วเรามาดูสิ่งที่เรียกได้ว่า น่าตื่นเต้นจุดแรกของคลองบางหลวงกันค่ะ นั่นคือ “ สะพานวัดใจ” ที่เรียกสะพานวัดใจเพราะสะพานนี้มีความชันและสูง มอไซค์และจักรยานสามารถขึ้นลงได้ฝั่งเดียวเพราะอีกฝั่งคือบันไดให้เดิน
ทำไมถึงเรียกว่าน่าตื่นเต้นลองคิดดูสิ่คะ ถ้าสองฝั่งขึ้นมาพร้อมกันต้องมีผู้เสียสละหนึ่งฝั่งถอยลงความชันขนาดนี้ก็ต้องวัดใจกันล่ะค่ะ ใครอยากลองมาวัดใจก็ได้บอกเลยว่า มันจะเสียวหน่อยๆอ่ะ!!
เมื่อเราเดินลงสะพานเราจะเริ่มจากฝั่งเลี้ยวขวานะคะ จะเจอร้านกาแฟสไตล์ลอฟท์ ชื่อ “ ร้านสวัสดีบางหลวง ” เป็นร้านแรก ที่มีกลิ่นอายความโบราณ พร้อมที่นั่งจิบกาแฟอ่านหนังสือผ่อนคลายและชิวๆ เหมาะสำหรับคนที่ชอบใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์ (พี่เจ้าของร้านมี wifi free ให้เล่นด้วยค่ะขอได้จากพี่เจ้าของร้านเลย )
ถัดไปจะเป็นบ้านสอนทำผ้ามัดย้อมที่ลวดลายและสีสวยงามทั้งเสื้อ กระเป๋า เป็นของทีระลึกซื้อกลับได้ค่าหลับหรับคนที่ชอบงานแฮนด์เมค
ตลอดแนวจะมีร้านขายเสื้อผ้าของฝากน่ารัก น่ารัก เมื่อเดินไปอีกนะคะเราจะเจอร้าน “OK บางหลวง”
เป็นร้านขายโปสการ์ดที่มีภาพวาดสวยๆ สามารถเป็นของฝากหรือของที่ระลึกกลับบ้านไปเลยสำหรับหนุ่มๆสาวๆที่ชอบงานฝีมือหรือภาพศิลปะ
เมื่อเราเดินไปเรื่อยๆจะพบเห็นบ้านเรือนวิถีชีวิตของชาวที่อาศัยอยู่ริมคลองบางคลองบางหลวงที่ยังคงคุณค่าความเป็นดั้งเดิมสมัยก่อนแม้จะมีการปรับปรุงพัฒนาไปบ้างตลอดแนวทางเดินเลยค่ะ
นี่เลย นี่เลยยยยย เป็นอีกร้านนึงที่อยากแนะนำเลยค่ะ คือ ร้านขนมคุณยายที่ย้อนวัยเรามว๊ากกกกก เป็นขนมทีเราทานแล้วต้องนึกถึงสมัยเด็กๆเลยก็ว่าได้ มีทั้งวุ้น ตัวดูด ขนมขบเคี้ยวที่มาในแพ็คเกจน่ารักค่ะ
ร้านขนมคุณยายจะเป็นร้านสิ้นสุดทางฝั่งนี้นะคะ !! แต่อย่าเพิ่งเดินย้อนกลับค่ะ !! เรายังเดินต่อไปได้อีกค่ะ เมื่อเราเดินจนสุดฝั่งขวา จะเจอท่าเรือในบริเวณวัดค่ะ คือท่าเรือ “ วัดคูหาสวรรค์ ”
มาขนาดนี้แล้ว ก็แวะเข้าไปทำบุญไหว้พระกันหน่อยจ้าาาาาาา
ถึงแล้วค่า “ วัดคูหาสวรรค์ ” เราก็ถือโอกาสเข้าวัดทำบุญกันเลยจร้าาาา ...
ประวัติคร่าวๆของวัดคูหาสวรรค์ วัดคูหาสวรรค์วรวิหาร เดิมเรียกชื่อว่า “วัดศาลาสี่หน้า” เป็นวัดโบราณสร้างมาตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยายังเป็นราชธานีค่ะ ที่มีความสวยงาม เงียบสงบ (อย่าลืมแวะไปเข้าวัดกันนะคะ )
ไหว้พระเสร็จแล้ว ไปเยี่ยมชมชุมชนริมน้ำคลองบางหลวงกันต่อเลยค่ะ ยังมีอีกหลายร้านเลยรอเราอยู่
เมื่อเราเดินจนสุดวัดจนเจอแยกโรงเรียน เราก็เดินเข้าซอยเล็กๆทางด้านซ้ายมาค่ะ
ตรงมาเรื่อยๆเราจะเจอแยกอีกตรงหัวมุมเสา เราก็เดินไปถนนเส้นกลางเลยค่ะ จะเจอร้าน บ้านเรือน ที่น่าสนใจหลายหลังหลายร้านเลย
(ตากล้องของเราเก็บภาพละเอียดมาก แอบเม้าส์
เมื่อเราเข้าไปในซอยถนนเส้นกลางแล้วนะคะ จะเจอร้านขายของชำ ของเล่น ลูกโป่ง ลูกบอล บลาๆๆ ที่เราชอบเล่นในสมัยเด็กค่ะ เด็กสมัยนี้ยังเล่นรึเปล่าไม่รู้แต่เด็กๆในชุมชนนี้เล่นอยู่นะค๊ะ น่ารักเชียววว ^^
และร้าน ที่มีเอกลักษณ์ไม่น้อยเลยทีเดียว คือร้าน “ สิงละอันพันละน้อย “ ที่เราอยากจะนำเสนอว่าถ้าได้ไปเยี่ยมชม อย่าลืมเชียวค่ะที่จะแวะไป
เป็นร้านมีจุดเด่นมาก เพราะเป็นร้านที่รวมเอกลักษณ์ของแต่ละภาคไว้ด้วยกัน เช่นว่าวควายของทางภาคใต้
ผ้าไทยประดับทางภาคเหนือ
หมวกใบลาน ทางภาคกลาง และงานเก่าแก่โบราณที่หาชมได้ยากอีกมากมาย
และคงความเก่าแก่ดั้งเดิมของสิ่งของไว้ เช่นนี่เลยยยยย
สิ่งของในภาพ เพื่อนๆรู้ไหมคะคืออะไร ??
นี่คือพวงค่ะ สมัยก่อนคนเฒ่าคนแก่จะชอบไปทำบุญจะใช้ไว้ใส่ขวดใส่แก้วถือ เป็นการใช้ไม้สานต่อกันโดยไม่ใช้ตะปูตอกซักตัวเดียว สมัยนี้หรอหาแทบไม่ได้ละค่ะ นี่แค่บางชิ้นนะคะ เห็นไหมค๊ะว่าพลาดไม่ได้