
ผมได้อ่านวิทยานิพนธ์ของคุณธนา คุณารักษ์วงศ์(ขออภัยที่เอ่ยนาม) ที่ศึกษาเกี่ยวกับการลงทุนโดยหลักการ DSM ก็มีความสนใจจึงอ่านต่อใน blog ของคุณหมากเขียว แล้วลองทำตารางลงบัญชี DSM แบบ basic โดยสมมุติฐานตามเกณฑ์ด้านล่าง ทำถึงตอนนี้ก็มีความเข้าใจว่าการทำ DSM อาศัยความผันผวนของราคาเพื่อสร้างกระแสเงินสดแฝง โดยทะยอยขายหุ้นออกไปเมื่อหุ้นมีราคาลดลง และซื้อกลับในราคาที่ต่ำกว่าที่ขายไป
ข้อสงสัยผมคือ :- เมื่อราคาลงไปถึงจุดต่ำสุดของรอบแล้ว เสมือนเราต้องปล่อย 2 ไม้ด้านล่างไว้ และถ้าราคายิ่งห่างจากจุดซื้อมาก การที่จะพอร์ทโตหรือกำไรในรูป NAV จริงนั้น..จำเป็นต้องทำรอบการซื้อขายบ่อยๆเพื่อชดเชยผลขาดทุนจาก 2 ไม้ด้านล่างที่เราซื้อแพงขายถูก อันนี้ผมเข้าใจถูกต้องไหมครับ???

เพราะตามตารางที่ผมทำมา แม้ราคาหุ้นจะตีกลับไปที่ราคาตั้งต้น(150บาท) เราจะยังขาดทุนอยู่นิดหน่อย
หมายเหตุ เงื่อนไขการซื้อขายหุ้นตามตารางแนบ:
1.ซื้อหุ้นในครั้งแรก 1,000 หุ้นที่ราคา 150 บาท
2.ถ้าราคาลง 2 ช่อง ให้ขายหุ้น 10%
3. ราคาปรับขึ้น3ช่องให้ซื้อหุ้นคือทั้งหมดที่ราคาถูกกว่าที่เราขายไป
กำลังจะเดินตาม DSM แล้วแต่มีข้อสงสัยนิดนึงครับ
ผมได้อ่านวิทยานิพนธ์ของคุณธนา คุณารักษ์วงศ์(ขออภัยที่เอ่ยนาม) ที่ศึกษาเกี่ยวกับการลงทุนโดยหลักการ DSM ก็มีความสนใจจึงอ่านต่อใน blog ของคุณหมากเขียว แล้วลองทำตารางลงบัญชี DSM แบบ basic โดยสมมุติฐานตามเกณฑ์ด้านล่าง ทำถึงตอนนี้ก็มีความเข้าใจว่าการทำ DSM อาศัยความผันผวนของราคาเพื่อสร้างกระแสเงินสดแฝง โดยทะยอยขายหุ้นออกไปเมื่อหุ้นมีราคาลดลง และซื้อกลับในราคาที่ต่ำกว่าที่ขายไป
ข้อสงสัยผมคือ :- เมื่อราคาลงไปถึงจุดต่ำสุดของรอบแล้ว เสมือนเราต้องปล่อย 2 ไม้ด้านล่างไว้ และถ้าราคายิ่งห่างจากจุดซื้อมาก การที่จะพอร์ทโตหรือกำไรในรูป NAV จริงนั้น..จำเป็นต้องทำรอบการซื้อขายบ่อยๆเพื่อชดเชยผลขาดทุนจาก 2 ไม้ด้านล่างที่เราซื้อแพงขายถูก อันนี้ผมเข้าใจถูกต้องไหมครับ???
เพราะตามตารางที่ผมทำมา แม้ราคาหุ้นจะตีกลับไปที่ราคาตั้งต้น(150บาท) เราจะยังขาดทุนอยู่นิดหน่อย
หมายเหตุ เงื่อนไขการซื้อขายหุ้นตามตารางแนบ:
1.ซื้อหุ้นในครั้งแรก 1,000 หุ้นที่ราคา 150 บาท
2.ถ้าราคาลง 2 ช่อง ให้ขายหุ้น 10%
3. ราคาปรับขึ้น3ช่องให้ซื้อหุ้นคือทั้งหมดที่ราคาถูกกว่าที่เราขายไป