ผมเข้าใจการลงทุนหุ้น สาย VI และสาย Technical ถูกต้องหรือป่าวครับ??? (มือใหม่)

ผมสงสัยกับตัวเองว่า สิ่งที่ผมเข้าใจนั้นถูกต้องหรือไม่จึงมาตั้งกระทู้ถามพี่ๆนักลงทุนครับ เข้าเรื่องเลยละกันครับ
   Technical
        เป็นการลงทุนแบบเก็งกำไร ผมไม่มองว่าเป็นการพนัน เพราะ เท่าที่ผมศึกษาคนที่เขาลงทุนสายนี้จนประสสบความสำเร็จ เขามีการคาดการธุรกิจ เหมือนกับสาย VI ถ้าต้องการเล่นยาว แต่ถ้าเล่นสั้น พวกเขาจะใช้กราฟเทคนิคเข้าตัดสินใจ ทำกำไร สามารถทำกำไรจากการซื้อขายโดยเอาส่วนต่างราคา โดยหุ้นตัวที่เขาลงทุนซื้อขาย จะเป็นหุ้น circle ที่มีการขึ้นๆลงๆ และหุ้นตัวนั้นมีมีปัจจัยพื้นฐานรองรับที่ดีพอ จากที่ผมลองคำณวนเล่นๆ จากกราฟย้อนหลังหุ้น เหล่านี้ ผมลองคำณวน ของ TPIPL ในหนึ่งปี สามารถได้ผลตอบแทนประมาณ 110% หักลบค่าคอมมิชชั่นแล้ว แต่ความเสี่ยงของการลงทุนแบบ Technical จะค่อนข้างสูงกว่า VI แต่ค่อนข้างเติบโตทำกำไรได้เร็ว
         และ ที่สำคัญ การลงทุนในหุ้นแบบนี้ มักจะถูกนักลงทุน คนอื่นมองว่าพวกเขาไม่ใช่นักลงทุน เป็นเพียงแค่ นักเล่นพนัน และนักเก็งกำไร ถ้าอย่างงั้น แม่ค้าพ่อค้าที่เขารับของมาขายต่อเพื่อเอาส่วนต่างทำกำไร ก็คือ นักพนัน และนักเก็งกำไร หน่ะสิ!! ถ้าไม่อย่างนั้นเขาจะเรียก
ตลาดหุ้นเหรอ ครับนักลงทุนสาย Technical มองหุ้นเป็นเหมือนสิ่งของซื้อขาย ที่ราคาสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามเวลา ขึ้นกับกฎอุปสงค์อุปทานเพราะมันคือของขายในตลาด คาดการณ์ถูก ก็กำไร ผิด ก็ขาดทุน จะหมดตัวหรือใหม่ขึ้นกับ จิตใจและแนวคิดของนักลงทุนแต่ละคน

  VI
        เป็นนักลงทุนอย่างแท้จริง นักลงทุนสายนี้ จะไม่มองไปที่ราคาหุ้น แต่จะมองที่ผลประกอบการ เงินปันผล การเติบโตของธุรกิจ ผมเข้าใจว่านักลงทุนสายนี้เขาน่าจะได้ผลตอบแทนจาก ผลประกอบการของบริษัทนั้นๆ ที่เขาถือหุ้นอยู่ ยกตัวอย่างเช่น บริษัท A เงินปันผลเฉลี่ย 5% ต่อไตรมาส ปีหนึ่งมี 4 ไตรมาสได้ปันผลทุกไตรมาส(ผมเข้าใจถูกหรือป่าวครับ??เพราะดูจากงบการเงินในแต่ละไตรมาสมันมีเลขปันผล) คิดแบบทบต้น จะได้ผลตอบแทบ ประมาณ 20% ต่อปีจากเงินปันผล และผมเข้าใจถูกไหมว่า ส่วนแบ่งจากผลประกอบการ ก็อีกส่วน ไม่ใช่อันเดียวกันกับเงินปันผลที่ได้ การลงทุนในสาย VI นั้นค่อนข้างที่จะถือยาวๆ  เห็นผลช้าเลยไม่ค่อยถูกใจใครหลายคน แต่ความเสี่ยงน้อยกว่า การลงทุนแบบเก็งกำไรเยอะเลย แต่ก็ยังมีความเสี่ยงอยู่ นักลงทุนสายนี้มักดูดีมากเวลา สอนคนอื่นๆ ลงทุนในหุ้น ประมาณว่า ตูคือเทพแห่งการลงทุนตัวจริง อะไรทำนองนั้น 5555

ทีนี้ผมจะอธิบายให้เห็นภาพผลตอบแทนของแต่ละสายกัน  ผมแบ่งนักลงทุนสองประเภท คือ นายบรูชเวนย์ เงินเยอะ (2ล้านขึ้น) นายสก๊อต เงินน้อย (500 บาท - 2 ล้าน) อิอิอยู่บนพื้นฐาน ว่าทั้งสองคนมีความรู้การลงทุนค่อนข้างมากพอตัวแล้ว
หุ้น A เป็นหุ้น Sideways มีรอบขึ้นลง ได้ผลตอบแทนตลอดปี 50%-120%
หุ้น B เป็นหุ้นสาย VI มีการเติบโตสูง ผลตอบแทนปีละ 20% - 50%
สาย Technical  
           - บรูชเวนย์ เงินเยอะ (คนบ้านรวย หรือมีทุนสนับสนุนอยู่แล้ว)  ลงทุนหุ้น A 2 ล้าน จะได้ ผลตอบแทน 1 ล้าน - 2.4 ล้าน ในหนึ่งปี
           - สก๊อต เงินน้อย(เด็กจบใหม่ คนทั่วๆไป) ลงทุนหุ้น A 1 แสนละกันมีตังแค่เนี่ย จะได้กำไร 50,000 - 120,000 ในหนึ่งปี น้อยแถะเมื่อเทียบกับ
             บรูชเวนย์
สาย VI
           - บรูชเวนย์ เงินเยอะ ลงทุนหุ้น B 2ล้าน ได้กำไร 400,000 - 1,000,000 บาท/ปี ยังเยอะอยู่ดี เพราะคนทั่วไปหลายคนหาเงิน 1 ปี ยังไม่
             ถึงสี่แสนเลยคับ
           - สก๊อต เงินน้อย ลงทุนหุ้น B 1 แสน ได้กำไร 20,000 - 50,000 บาท/ปี ถามว่าเยอะไหม มันก็พอดีๆ

แต่เมื่อนายสก๊อต คิดว่าการลงทุน แบบ Technical ได้ผลตอบแทนสูงกว่า แต่จะทำให้มีเงินลงทุนในปีต่อไปสูงขึ้น นั่นจึงเป็นเหตุผลส่วนที่ทำให้นักลงทุนหลายคนในตลาด  มักจะชอบลงทุน สาย Technical เพราะเร็ว และผลตอบแทนสูง   แต่ความเสี่ยงก็สูงตามเพราะมีคนคิดแบบเดียวกันเยอะเหมือนกัน  แต่นายสก๊อตก็มีความคิดว่าถ้าวันใด เทรดแบบ Technical จนมีเงินสองล้านเท่านายบรูชเวนย์ ฉันก็จะลงทุน VI เช่นกัน

    สวนทางกับนายบรูชเวนย์ ที่ดูเหมือนว่าจะ VI หรือ Technical กำไรก็ไม่ต่างกันมากมาย  ดังนั้น นักลงทุนที่มีเงินเยอะๆ จึงนิยมลงทุนแบบ VI ความเสี่ยงต่ำกว่า อีกอย่างไม่ต้องไปนั่งวิเคราะห์กราฟให้ปวดหัวบ่อยๆ

   ถ้าสมมุติว่า บรูชเวนย์มีเงิน 10 สิบล้าน เขาขอแค่ ได้ผลตอบแทน 10% ต่อปี เขาก็มีชีวิตอยู่ได้สบายโดยไม่ต้องทำงานประจำตลอดปีละครับ
แต่สก๊อต มีเงิน 1 ล้าน ถ้าเขาหวังแค่ 10% ต่อปี แสนเดียว มันไม่ได้บอกว่าเขาจะมีชีวิตที่มีอิสรภาพทางการเงินเลยครับ ใหนจะเงินแต่งเมีย ซื้อรถซื้อบ้าน เลี้ยงลูก บลาๆ อิอิ อีกทั้งเขาต้องทำให้พอร์ตโตด้วย ไม่ใช่เอาเงินออกมาใช้ฟุ่มเฟือย


     นี่เป็นสิ่งที่ผมมีความคิดเกี่ยวกับการลงทุนในหุ้น ผมไม่รู้ว่าทั้งผมที่ว่ามา มันถูกต้องหรือป่าว ถ้าไม่ถูกต้องในส่วนใหน รบกวนช่วยให้คำแนะนำ ผมจะได้เปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับการลงทุนในหุ้น  และถ้าหากทั้งหมดที่ผมกล่าวมาถูกต้องผมอยากให้กระทู้นี้ ทำให้ นักลงทุนมือใหม่ ได้เข้าใจภาพการลงทุนในหุ้นจริงๆ ก่อนจะลงทุน ครับ  

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
หลักการพื้นฐานของบัฟเฟตต์และโซรอสเหมือนกันนะ คือ พวกเค้าขอแต้มต่อในทุกเกมส์ที่ลงสนามไปเสมอ

บัฟเฟตต์ทุกครั้งที่เข้าซื้อหุ้น มักพยายามเข้าซื้อในราคาส่วนลด และพยายามขอผลประโยชน์ในรูปออปชั่นด้วย มันก็ไม่ต่างจากซื้อหักคอนักหรอก

โซรอสแต่ละครั้งที่ลงมือเข้าถล่มราคา มักเลือกเหยื่อที่อ่อนแอแล้วเสมอ เหมือนกรณีไทย 2540 เรากำลังจะม่องแล้ว เค้าแค่มาหักคอตอนจบ

หลักการที่แท้จริงของทุกศาสตร์ คือ คุณรู้จริง คุณได้เปรียบ คุณถึงมีโอกาสชนะเยอะ

ไม่ใช่ว่าเล่น VI แล้วจะรอด เล่นเทคนิเคิลแล้วจะรุ่ง ไม่เกี่ยวเลย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่