"ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ประกอบกับสถานการณ์ของโลกยุคปัจจุบัน การเป็นเจ้าภาพมหกรรมกีฬาระดับนานาชาติ โดยเฉพาะรายการสเกลใหญ่สุดอย่าง โอลิมปิกเกมส์ ไม่ใช่เรื่องของโอกาสและผลกำไรอีกต่อไปแล้ว
ด้วยเม็ดเงินลงทุนมหาศาลซึ่งบ่อยครั้งสวนทางกับรายรับทั้งระยะสั้นและระยะยาว จึงปรากฏว่า เจ้าภาพกีฬาหลายๆ ชาติในช่วง 10-15 ปีให้หลังต่างประสบปัญหาหนี้สินหรือภาวะได้ไม่คุ้มเสีย ซึ่งนับวันยิ่งมีข่าวปรากฏให้เห็นมากขึ้นเรื่อยๆ
เนื่องด้วยการเมื่อได้สิทธิการเป็นเจ้าภาพแล้ว ประเทศหรือเมืองนั้นๆ มักทุ่มเทงบประมาณเพื่อให้เนื้องานออกมาดีที่สุดเป็นการแสดงศักยภาพอวดชาวโลกจนบางครั้งไม่ได้คำนึงถึงผลกระทบต่อเนื่องในอนาคตทั้งในแง่การบริหารจัดการสนามและสาธารณูปโภคที่สร้างใหม่
กรณีล่าสุดคือ โซชิเกมส์ 2014 โอลิมปิกเกมส์ฤดูหนาวที่เมืองโซชิ ประเทศรัสเซีย เมื่อต้นปีที่แล้ว ซึ่งทำสถิติเป็นมหกรรมกีฬาที่ใช้งบประมาณการเป็นเจ้าภาพสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ถึง 51,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 1.632 ล้านล้านบาท!
ก่อนจะมาถึงจุดนี้ คณะกรรมการโอลิมปิกสากล (ไอโอซี) มิได้นิ่งนอนใจ และเร่งหาแนวทางแก้ไขมาตลอดระยะเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยเห็นเป็นรูปธรรมจากการระดมสมองในที่ประชุมไอโอซี ครั้งที่ 126 เมื่อปี 2013 โดยได้ไอเดียและข้อเสนอแนะต่างๆ มากกว่า 1,200 ข้อ
ไอโอซีนำข้อเสนอเหล่านี้มาพิจารณา กลั่นกรอง ปรับแก้ และจัดหมวดหมู่ ผ่านการพิจารณาของบอร์ดบริหาร ก่อนที่ โธมัส บาค ประธานไอโอซีชาวเยอรมันซึ่งเป็นตัวตั้งตัวตีในการนำเสนอแนวคิดเรื่องการปฏิรูปโอลิมปิกเกมส์ จะนำเสนอหลักปฏิบัติ 20+20 ข้อ ภายใต้ชื่อ “Agenda 2020” ให้สมาชิกไอโอซีรับรองในที่ประชุมไอโอซี ครั้งที่ 127 ที่ประเทศโมนาโก เมื่อวันที่ 8 ธันวาคมปีที่แล้ว
ปรากฏว่า สมาชิกทุกคนต่างยกมือสนับสนุนร่างอเจนด้า 2020 ดังกล่าวอย่างพร้อมเพรียงในเวลาไม่ถึง 1 นาที นับเป็นก้าวเล็กๆ ก้าวแรกสู่ประวัติศาสต์หน้าใหม่ของวงการกีฬาโลก
โดยหลักการพื้นฐาน อเจนด้า 2020 จะเน้นการเข้าไปมีบทบาทช่วยเหลือประเทศเจ้าภาพของไอโอซี โดยกำหนดเงื่อนไขต่างๆ ขึ้นมาเพื่อลดภาระค่าใช้จ่าย อีกทั้งยังสร้างโอกาสให้กับประเทศหรือเมืองเล็กๆ ได้ลุ้นเป็นเจ้าภาพมหกรรมกีฬาของมวลมนุษยชาติในอนาคต
กล่าวกันว่า โร้ดแม็ปกีฬาโลกครั้งนี้น่าจะเริ่มบังคับใช้แบบเป็นรูปเป็นร่างในการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ 2020 ซึ่งกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น จะเป็นเจ้าภาพในอีก 5 ปีข้างหน้า
เพื่อทำความเข้าใจในความเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้น เราจึงถือโอกาสนี้เปิดเนื้อหาอเจนด้า 2020 ว่าข้อเสนอทั้ง 40 ข้อที่ไอโอซีจะผลักดันให้สำเร็จลุล่วงนั้น มีอะไรบ้าง
1.ปรับปรุงขั้นตอนการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกเกมส์เป็นรูปแบบเทียบเชิญ : ไอโอซีให้คำปรึกษาเมืองที่สนใจถึงความเป็นไปได้ โดยเน้นให้นำเสนอแผนงานการบริหารจัดการด้านการกีฬา เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่ช่วงก่อนแข่ง ระหว่างแข่ง และหลังการแข่งขันในระยะยาว โดยไอโอซีจะเปิดโอกาสให้มีเจ้าภาพร่วมระหว่างเมืองในประเทศเดียวกัน หรือระหว่างประเทศเพื่อนบ้านกันก็ได้
2.ประเมินเมืองที่เสนอตัวจากโอกาสและความเสี่ยงต่างๆ : พิจารณาเลือกเจ้าภาพบนพื้นฐานของผลประโยชน์ในระยะยาวของแต่ละเมือง รวมทั้งประโยชน์ใช้สอยของสนามกีฬา สาธารณูปโภค และสิ่งปลูกสร้างต่างๆ หลังจบการแข่งขันไปแล้ว
3.ลดค่าใช้จ่ายในการเสนอตัว : ตัดทอนบางขั้นตอนออกไปเพื่อลดงบประมาณในการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพของเมืองที่สนใจ
4.เน้นย้ำเรื่องความยั่งยืนในการทำแผนงานทุกขั้นตอน : ไอโอซีเข้าไปมีบทบาทเรื่องการวางยุทธศาสตร์การใช้งานและการบริหารจัดการสิ่งต่างๆ อย่างยั่งยืน โดยให้เมืองที่เสนอตัวจัดทำแผนงานทั้งด้านกีฬา เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม
5.ไอโอซีเป็นตัวอย่างของการปฏิบัติตามแผนงานเพื่อความยั่งยืนในทุกขั้นตอน : ไอโอซีนำแผนยุทธศาสตร์มาปรับใช้กับการบริหารจัดการองค์กรและระบบการทำงานที่สำนักงานใหญ่ในเมืองโลซานน์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เช่น ใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ลดการเดินทางให้น้อยลง
6.ให้ความร่วมมือกับเจ้าภาพกีฬารายการอื่นๆ อย่างใกล้ชิด : ไอโอซีต้องพัฒนาความร่วมมือกับสมาคมเวิลด์เกมส์นานาชาติ ผู้รับผิดชอบจัดมหกรรมกีฬาของชนิดกีฬานอกเหนือจากที่บรรจุในโอลิมปิกเกมส์
7.สานความสัมพันธ์กับองค์กรที่บริหารจัดการกีฬาในสายงานแขนงอื่น : เน้นความร่วมมือกันเพื่อการพัฒนาในด้านต่างๆ เช่น การสื่อสารและการประชาสัมพันธ์
8.สร้างสัมพันธ์กับลีกกีฬาอาชีพต่างๆ : ไอโอซีควรประสานงานกับลีกกีฬาอาชีพต่างๆ อยู่เป็นระยะๆ เพื่อกำหนดวันเวลาการแข่งขันไม่ให้ซ้อนทับกัน เปิดโอกาสให้นักกีฬาที่ดีที่สุดสามารถร่วมแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ได้
9.กำหนดขอบข่ายประเภทกีฬาและจำนวนผู้เข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ : ไอโอซีควรศึกษาความเป็นไปได้ในการลดและจำกัดจำนวนผู้เข้าร่วมเพื่อแบ่งเบาภาระของเจ้าภาพ โดยกำหนดไว้คร่าวๆ คือ โอลิมปิกเกมส์ฤดูร้อน แข่งขันกัน 310 ประเภทกีฬา, นักกีฬาไม่เกิน 10,500 คน, เจ้าหน้าที่และสต๊าฟโค้ชไม่เกิน 5,000 คน ส่วนโอลิมปิกเกมส์ฤดูหนาว แข่งขันกัน 100 ประเภทกีฬา, นักกีฬาไม่เกิน 2,900 คน, เจ้าหน้าที่และสต๊าฟโค้ชไม่เกิน 2,000 คน
10.การกำหนดจำนวนเหรียญทองที่จะชิงชัยเปลี่ยนจากยึดชนิดกีฬาเป็นยึดประเภทกีฬาเป็นหลัก : เพื่อจำกัดจำนวนนักกีฬาในโอลิมปิกเกมส์แต่ละครั้ง ไอโอซีควรประสานงานกับสหพันธ์กีฬาที่รับผิดชอบเพื่อพิจารณาอีเวนต์หรือประเภทกีฬาที่จะบรรจุชิงชัยเหรียญทอง
11.เน้นความเสมอภาคระหว่างเพศ : ไอโอซีตั้งเป้าให้นักกีฬาชายหญิงร่วมแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ในจำนวนเท่าๆ กันในอนาคต
12.ลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มความยืดหยุ่นในการบริหารจัดการโอลิมปิกเกมส์แต่ละครั้ง
13.เพิ่มมาตรการประสานงานและความร่วมมือกับองค์กรกีฬาอื่นๆ สู่ระดับสูงสุด : สร้างการมีส่วนร่วมของสหพันธ์กีฬานานาชาติโดยลดทอนบทบาทของไอโอซีลง
14.เน้นย้ำหลักการพื้นฐานข้อที่ 6 ในโอลิมปิกชาร์เตอร์ : ไอโอซีให้ความสำคัญกับความเสมอภาค ทั้งเชื้อชาติ สีผิว เพศ ศาสนา และการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องเพศที่มีความหลากหลายในสังคมปัจจุบัน
15.เปลี่ยนแปลงปรัชญาเพื่อให้ความสำคัญกับนักกีฬาที่ปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับอย่างเคร่งครัด
16.ใช้งบประมาณ 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (640 ล้านบาท) ตั้งกองทุนตอบสนองนโยบายสร้างนักกีฬาที่ใสสะอาด : ให้ความรู้และรณรงค์ต่อต้านการคอรัปชั่น ล็อคผลการแข่งขัน และการใช้สารต้องห้าม
17.เชิดชูเกียรตินักกีฬาที่ใสสะอาดและปฏิบัติตามกฎระเบียบ : กรณีที่มีนักกีฬาถูกริบเหรียญในการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์เนื่องจากใช้สารต้องห้าม ไอโอซีจะต้องจัดให้มีพิธีมอบเหรียญแก่นักกีฬาที่ได้รับเหรียญดังกล่าวแทนเป็นกรณีพิเศษ
18.เพิ่มการสนับสนุนนักกีฬา : ไอโอซีต้องให้ความสำคัญกับประสบการณ์ที่นักกีฬาจะได้รับจากโอลิมปิกเกมส์ รวมถึงสนับสนุนด้านต่างๆ สำหรับนักกีฬาทั้งในและนอกการแข่งขัน
19.เปิดสถานีโทรทัศน์ช่อง “โอลิมปิก แชนเนล”
20.ริเริ่มความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ : ไอโอซีควรให้ความสำคัญกับนโยบายความร่วมมือกับองค์กรระดับนานาชาติ หรือองค์กรอิสระต่างๆ เพื่อเพิ่มผลกระทบเชิงบวกจากการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์
21.สร้างเสริมความเข้มแข็งของไอโอซีในฐานะที่เป็นองค์กรหรือสถาบัน
22.สนับสนุนและเผยแพร่การศึกษาที่ยึดหลักปรัชญาแห่งโอลิมปิก : ไอโอซีขยายความร่วมมือกับองค์กรยูเนสโก้ โดยเฉพาะในด้านการศึกษา
23.มีส่วนร่วมกับสังคมมากขึ้น : จัดตั้งหน่วยงานหรือองค์กรเพื่อดูแลนักกีฬาและอาสาสมัคร รวมถึงเข้าไปมีบทบาทต่อสาธารณะมากขึ้น
24.ประเมินผลโครงการ “สปอร์ต ฟอร์ โฮป”
25.ประเมินรูปแบบและสัมฤทธิ์ผลของการแข่งขันยูธโอลิมปิกเกมส์อีกครั้ง : ไอโอซีร่วมกับคณะกรรมการโอลิมปิกของประเทศต่างๆ และสหพันธ์กีฬานานาชาติ ประเมินการแข่งขันมหกรรมกีฬาเยาวชน “ยูธโอลิมปิกเกมส์” ใหม่ ซึ่งอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงกำหนดการแข่งขันให้ไปจัดแข่งในปีที่ไม่มีการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ทั้งฤดูร้อนและฤดูหนาว
26.ผสมผสานกีฬากับวัฒนธรรมให้เข้มข้นยิ่งขึ้น
27.ปฏิบัติตามหลักธรรมาภิบาล
28.สนับสนุนการปกครองตนเอง : ไอโอซีกำหนดแผนแม่แบบการประสานงานระหว่างหน่วยงานรัฐกับองค์กรกีฬาในประเทศนั้นๆ
29.เพิ่มเติมเรื่องความโปร่งใส : ไอโอซีจะตีพิมพ์รายงานกิจกรรมประจำปี และรายงานบัญชีการเงิน รวมถึงรายละเอียดค่าใช้จ่ายและเบี้ยเลี้ยงของกรรมการไอโอซี
30.สนับสนุนอิสระในการทำงานของคณะกรรมการฝ่ายจริยธรรม : บอร์ดไอโอซีโหวตเลือกประธานและคณะกรรมการฝ่ายจริยธรรมในการประชุมของไอโอซี ไม่ใช่มาจากการแต่งตั้ง
31.กำกับดูแลมาตรฐาน : ตั้งเจ้าหน้าที่กำกับดูแลมาตรฐานด้านนโยบาย ข้อบังคับ และการปฏิบัติงาน มีหน้าที่ให้คำปรึกษาและแนะนำสมาชิกไอโอซี คณะกรรมการโอลิมปิกชาติต่างๆ สหพันธ์กีฬานานาชาติ และองค์กรอื่นๆ เพื่อความเข้าใจที่ตรงกันเรื่องมาตรฐานการปฏิบัติงาน
32.ย้ำเน้นเรื่องจริยธรรม : คณะกรรมการจริยธรรมของไอโอซีจะทบทวนเรื่องระเบียบด้านจริยธรรมและปรับปรุงข้อบังคับตามความเหมาะสม
33.เปิดโอกาสให้สปอนเซอร์เข้ามามีบทบาทในโครงการ “โอลิมปิกเชิงรุก” : โครงการ “โอลิมปิกเชิงรุก” มีเป้าหมายเพื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์กีฬาโอลิมปิกเกมส์และเนื้อหาที่เกี่ยวข้องเพื่อสร้างแบรนด์ “โอลิมปิก” ให้เข้มแข็ง และให้สปอนเซอร์เข้ามามีส่วนร่วมอย่างจริงจัง
34.พัฒนาโครงการอบรมใบอนุญาตต่างๆ : เน้นเรื่องการอบรมและพัฒนาบุคลากรทั่วโลกมากกว่าจะให้ความสำคัญเรื่องการหารายได้
35.ริเริ่มโครงการความร่วมมือระหว่างสปอนเซอร์กับคณะกรรมการโอลิมปิกชาติต่างๆ : ไอโอซีจะริเริ่มโครงการสานสัมพันธ์ระหว่างสปอนเซอร์หลักของโอลิมปิกกับคณะกรรมการโอลิมปิกแต่ละประเทศ โดยเน้นให้เกิดกิจกรรมระดับท้องถิ่นที่สปอนเซอร์เข้าไปมีส่วนร่วมมากขึ้น
36.เปิดโอกาสให้นำแบรนด์โอลิมปิกไปใช้แบบไม่หวังผลกำไรมากขึ้น
37.กำหนดเกณฑ์อายุของสมาชิกไอโอซี : จากปกติที่กำหนดว่าสมาชิกไอโอซีหรือไอโอซีเมมเบอร์ต้องมีอายุไม่เกิน 70 ปี จะเปิดโอกาสให้ต่ออายุงานได้ 1 วาระ วาระละไม่เกิน 4 ปี โดยต้องเสนอให้ที่ประชุมไอโอซีให้การรับรองก่อน
38.ใช้ระบบการสรรหาบุคลากร : เมื่อตำแหน่งไอโอซีเมมเบอร์ว่างลง จากเดิมที่เปิดให้ผู้สนใจเข้ามาสมัครหรือเสนอชื่อ คณะกรรมการแต่งตั้งบุคลากรจะต้องทำงานเชิงรุกมากขึ้น โดยใช้วิธีสรรหาผู้มีคุณสมบัติเหมาะสมเข้ามาดำรงตำแหน่ง
39.ส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือและการประสานงานระหว่างไอโอซีกับสังคมภายนอก และภายในองค์กรเอง : โครงการ “โอลิมปิกเชิกรุก” หรือ “โอลิมปิก อิน แอคชั่น” จะต้องสร้างปรากฏการณ์หรือความเคลื่อนไหวในสังคมทุกๆ 4 ปี โดยคณะกรรมการไอโอซีจะต้องประชุมหารือกันถึงบทบาทของกีฬาที่มีต่อสังคมในแต่ละพื้นที่ รวมถึงเปิดโอกาสให้ผู้เกี่ยวข้องในพื้นที่นั้นๆ หรือผู้เชี่ยวชาญจากองค์กรภายนอกได้ร่วมแสดงความคิดเห็น
40.ทบทวนขอบเขตและเนื้องานของคณะกรรมการแต่ละฝ่ายของไอโอซี : ประธานไอโอซีจะศึกษาและทบทวนการปฏิบัติงานและพันธกิจของคณะกรรมการแต่ละฝ่าย จากนั้นจึงปรับปรุงเนื้องานให้เข้ากับนโยบายในข้อเสนอ “Agenda 2020” นี้
เหล่านี้คือข้อเสนอแนะและแนวทางปฏิบัติที่บาคและทีมงานพยายามมองให้ครอบคลุมรอบด้านที่สุด
ถือเป็นการเดิมพันครั้งใหญ่ที่มีอนาคตของโอลิมปิกเกมส์เป็นเป้าหมาย ซึ่งหากสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ก็น่าจะขยายผลสู่องค์กรและมหกรรมกีฬาในระดับรองๆ ลงมา
เพื่อความอยู่รอดและก้าวต่อไปตามยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลานั่นเอง."
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
http://www.sportclassic.in.th/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%88%E0%B8%B3%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99/%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87agenda-2020-%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%94%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B9%87%E0%B8%9B%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B9%82/
มาดูกันว่า IOC ได้ดำเนินการตามแผน Agenda 2020 ไปถึงไหนแล้ว
ด้วยเม็ดเงินลงทุนมหาศาลซึ่งบ่อยครั้งสวนทางกับรายรับทั้งระยะสั้นและระยะยาว จึงปรากฏว่า เจ้าภาพกีฬาหลายๆ ชาติในช่วง 10-15 ปีให้หลังต่างประสบปัญหาหนี้สินหรือภาวะได้ไม่คุ้มเสีย ซึ่งนับวันยิ่งมีข่าวปรากฏให้เห็นมากขึ้นเรื่อยๆ
เนื่องด้วยการเมื่อได้สิทธิการเป็นเจ้าภาพแล้ว ประเทศหรือเมืองนั้นๆ มักทุ่มเทงบประมาณเพื่อให้เนื้องานออกมาดีที่สุดเป็นการแสดงศักยภาพอวดชาวโลกจนบางครั้งไม่ได้คำนึงถึงผลกระทบต่อเนื่องในอนาคตทั้งในแง่การบริหารจัดการสนามและสาธารณูปโภคที่สร้างใหม่
กรณีล่าสุดคือ โซชิเกมส์ 2014 โอลิมปิกเกมส์ฤดูหนาวที่เมืองโซชิ ประเทศรัสเซีย เมื่อต้นปีที่แล้ว ซึ่งทำสถิติเป็นมหกรรมกีฬาที่ใช้งบประมาณการเป็นเจ้าภาพสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ถึง 51,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 1.632 ล้านล้านบาท!
ก่อนจะมาถึงจุดนี้ คณะกรรมการโอลิมปิกสากล (ไอโอซี) มิได้นิ่งนอนใจ และเร่งหาแนวทางแก้ไขมาตลอดระยะเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยเห็นเป็นรูปธรรมจากการระดมสมองในที่ประชุมไอโอซี ครั้งที่ 126 เมื่อปี 2013 โดยได้ไอเดียและข้อเสนอแนะต่างๆ มากกว่า 1,200 ข้อ
ไอโอซีนำข้อเสนอเหล่านี้มาพิจารณา กลั่นกรอง ปรับแก้ และจัดหมวดหมู่ ผ่านการพิจารณาของบอร์ดบริหาร ก่อนที่ โธมัส บาค ประธานไอโอซีชาวเยอรมันซึ่งเป็นตัวตั้งตัวตีในการนำเสนอแนวคิดเรื่องการปฏิรูปโอลิมปิกเกมส์ จะนำเสนอหลักปฏิบัติ 20+20 ข้อ ภายใต้ชื่อ “Agenda 2020” ให้สมาชิกไอโอซีรับรองในที่ประชุมไอโอซี ครั้งที่ 127 ที่ประเทศโมนาโก เมื่อวันที่ 8 ธันวาคมปีที่แล้ว
ปรากฏว่า สมาชิกทุกคนต่างยกมือสนับสนุนร่างอเจนด้า 2020 ดังกล่าวอย่างพร้อมเพรียงในเวลาไม่ถึง 1 นาที นับเป็นก้าวเล็กๆ ก้าวแรกสู่ประวัติศาสต์หน้าใหม่ของวงการกีฬาโลก
โดยหลักการพื้นฐาน อเจนด้า 2020 จะเน้นการเข้าไปมีบทบาทช่วยเหลือประเทศเจ้าภาพของไอโอซี โดยกำหนดเงื่อนไขต่างๆ ขึ้นมาเพื่อลดภาระค่าใช้จ่าย อีกทั้งยังสร้างโอกาสให้กับประเทศหรือเมืองเล็กๆ ได้ลุ้นเป็นเจ้าภาพมหกรรมกีฬาของมวลมนุษยชาติในอนาคต
กล่าวกันว่า โร้ดแม็ปกีฬาโลกครั้งนี้น่าจะเริ่มบังคับใช้แบบเป็นรูปเป็นร่างในการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ 2020 ซึ่งกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น จะเป็นเจ้าภาพในอีก 5 ปีข้างหน้า
เพื่อทำความเข้าใจในความเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้น เราจึงถือโอกาสนี้เปิดเนื้อหาอเจนด้า 2020 ว่าข้อเสนอทั้ง 40 ข้อที่ไอโอซีจะผลักดันให้สำเร็จลุล่วงนั้น มีอะไรบ้าง
1.ปรับปรุงขั้นตอนการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกเกมส์เป็นรูปแบบเทียบเชิญ : ไอโอซีให้คำปรึกษาเมืองที่สนใจถึงความเป็นไปได้ โดยเน้นให้นำเสนอแผนงานการบริหารจัดการด้านการกีฬา เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่ช่วงก่อนแข่ง ระหว่างแข่ง และหลังการแข่งขันในระยะยาว โดยไอโอซีจะเปิดโอกาสให้มีเจ้าภาพร่วมระหว่างเมืองในประเทศเดียวกัน หรือระหว่างประเทศเพื่อนบ้านกันก็ได้
2.ประเมินเมืองที่เสนอตัวจากโอกาสและความเสี่ยงต่างๆ : พิจารณาเลือกเจ้าภาพบนพื้นฐานของผลประโยชน์ในระยะยาวของแต่ละเมือง รวมทั้งประโยชน์ใช้สอยของสนามกีฬา สาธารณูปโภค และสิ่งปลูกสร้างต่างๆ หลังจบการแข่งขันไปแล้ว
3.ลดค่าใช้จ่ายในการเสนอตัว : ตัดทอนบางขั้นตอนออกไปเพื่อลดงบประมาณในการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพของเมืองที่สนใจ
4.เน้นย้ำเรื่องความยั่งยืนในการทำแผนงานทุกขั้นตอน : ไอโอซีเข้าไปมีบทบาทเรื่องการวางยุทธศาสตร์การใช้งานและการบริหารจัดการสิ่งต่างๆ อย่างยั่งยืน โดยให้เมืองที่เสนอตัวจัดทำแผนงานทั้งด้านกีฬา เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม
5.ไอโอซีเป็นตัวอย่างของการปฏิบัติตามแผนงานเพื่อความยั่งยืนในทุกขั้นตอน : ไอโอซีนำแผนยุทธศาสตร์มาปรับใช้กับการบริหารจัดการองค์กรและระบบการทำงานที่สำนักงานใหญ่ในเมืองโลซานน์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เช่น ใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ลดการเดินทางให้น้อยลง
6.ให้ความร่วมมือกับเจ้าภาพกีฬารายการอื่นๆ อย่างใกล้ชิด : ไอโอซีต้องพัฒนาความร่วมมือกับสมาคมเวิลด์เกมส์นานาชาติ ผู้รับผิดชอบจัดมหกรรมกีฬาของชนิดกีฬานอกเหนือจากที่บรรจุในโอลิมปิกเกมส์
7.สานความสัมพันธ์กับองค์กรที่บริหารจัดการกีฬาในสายงานแขนงอื่น : เน้นความร่วมมือกันเพื่อการพัฒนาในด้านต่างๆ เช่น การสื่อสารและการประชาสัมพันธ์
8.สร้างสัมพันธ์กับลีกกีฬาอาชีพต่างๆ : ไอโอซีควรประสานงานกับลีกกีฬาอาชีพต่างๆ อยู่เป็นระยะๆ เพื่อกำหนดวันเวลาการแข่งขันไม่ให้ซ้อนทับกัน เปิดโอกาสให้นักกีฬาที่ดีที่สุดสามารถร่วมแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ได้
9.กำหนดขอบข่ายประเภทกีฬาและจำนวนผู้เข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ : ไอโอซีควรศึกษาความเป็นไปได้ในการลดและจำกัดจำนวนผู้เข้าร่วมเพื่อแบ่งเบาภาระของเจ้าภาพ โดยกำหนดไว้คร่าวๆ คือ โอลิมปิกเกมส์ฤดูร้อน แข่งขันกัน 310 ประเภทกีฬา, นักกีฬาไม่เกิน 10,500 คน, เจ้าหน้าที่และสต๊าฟโค้ชไม่เกิน 5,000 คน ส่วนโอลิมปิกเกมส์ฤดูหนาว แข่งขันกัน 100 ประเภทกีฬา, นักกีฬาไม่เกิน 2,900 คน, เจ้าหน้าที่และสต๊าฟโค้ชไม่เกิน 2,000 คน
10.การกำหนดจำนวนเหรียญทองที่จะชิงชัยเปลี่ยนจากยึดชนิดกีฬาเป็นยึดประเภทกีฬาเป็นหลัก : เพื่อจำกัดจำนวนนักกีฬาในโอลิมปิกเกมส์แต่ละครั้ง ไอโอซีควรประสานงานกับสหพันธ์กีฬาที่รับผิดชอบเพื่อพิจารณาอีเวนต์หรือประเภทกีฬาที่จะบรรจุชิงชัยเหรียญทอง
11.เน้นความเสมอภาคระหว่างเพศ : ไอโอซีตั้งเป้าให้นักกีฬาชายหญิงร่วมแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ในจำนวนเท่าๆ กันในอนาคต
12.ลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มความยืดหยุ่นในการบริหารจัดการโอลิมปิกเกมส์แต่ละครั้ง
13.เพิ่มมาตรการประสานงานและความร่วมมือกับองค์กรกีฬาอื่นๆ สู่ระดับสูงสุด : สร้างการมีส่วนร่วมของสหพันธ์กีฬานานาชาติโดยลดทอนบทบาทของไอโอซีลง
14.เน้นย้ำหลักการพื้นฐานข้อที่ 6 ในโอลิมปิกชาร์เตอร์ : ไอโอซีให้ความสำคัญกับความเสมอภาค ทั้งเชื้อชาติ สีผิว เพศ ศาสนา และการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องเพศที่มีความหลากหลายในสังคมปัจจุบัน
15.เปลี่ยนแปลงปรัชญาเพื่อให้ความสำคัญกับนักกีฬาที่ปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับอย่างเคร่งครัด
16.ใช้งบประมาณ 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (640 ล้านบาท) ตั้งกองทุนตอบสนองนโยบายสร้างนักกีฬาที่ใสสะอาด : ให้ความรู้และรณรงค์ต่อต้านการคอรัปชั่น ล็อคผลการแข่งขัน และการใช้สารต้องห้าม
17.เชิดชูเกียรตินักกีฬาที่ใสสะอาดและปฏิบัติตามกฎระเบียบ : กรณีที่มีนักกีฬาถูกริบเหรียญในการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์เนื่องจากใช้สารต้องห้าม ไอโอซีจะต้องจัดให้มีพิธีมอบเหรียญแก่นักกีฬาที่ได้รับเหรียญดังกล่าวแทนเป็นกรณีพิเศษ
18.เพิ่มการสนับสนุนนักกีฬา : ไอโอซีต้องให้ความสำคัญกับประสบการณ์ที่นักกีฬาจะได้รับจากโอลิมปิกเกมส์ รวมถึงสนับสนุนด้านต่างๆ สำหรับนักกีฬาทั้งในและนอกการแข่งขัน
19.เปิดสถานีโทรทัศน์ช่อง “โอลิมปิก แชนเนล”
20.ริเริ่มความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ : ไอโอซีควรให้ความสำคัญกับนโยบายความร่วมมือกับองค์กรระดับนานาชาติ หรือองค์กรอิสระต่างๆ เพื่อเพิ่มผลกระทบเชิงบวกจากการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์
21.สร้างเสริมความเข้มแข็งของไอโอซีในฐานะที่เป็นองค์กรหรือสถาบัน
22.สนับสนุนและเผยแพร่การศึกษาที่ยึดหลักปรัชญาแห่งโอลิมปิก : ไอโอซีขยายความร่วมมือกับองค์กรยูเนสโก้ โดยเฉพาะในด้านการศึกษา
23.มีส่วนร่วมกับสังคมมากขึ้น : จัดตั้งหน่วยงานหรือองค์กรเพื่อดูแลนักกีฬาและอาสาสมัคร รวมถึงเข้าไปมีบทบาทต่อสาธารณะมากขึ้น
24.ประเมินผลโครงการ “สปอร์ต ฟอร์ โฮป”
25.ประเมินรูปแบบและสัมฤทธิ์ผลของการแข่งขันยูธโอลิมปิกเกมส์อีกครั้ง : ไอโอซีร่วมกับคณะกรรมการโอลิมปิกของประเทศต่างๆ และสหพันธ์กีฬานานาชาติ ประเมินการแข่งขันมหกรรมกีฬาเยาวชน “ยูธโอลิมปิกเกมส์” ใหม่ ซึ่งอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงกำหนดการแข่งขันให้ไปจัดแข่งในปีที่ไม่มีการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ทั้งฤดูร้อนและฤดูหนาว
26.ผสมผสานกีฬากับวัฒนธรรมให้เข้มข้นยิ่งขึ้น
27.ปฏิบัติตามหลักธรรมาภิบาล
28.สนับสนุนการปกครองตนเอง : ไอโอซีกำหนดแผนแม่แบบการประสานงานระหว่างหน่วยงานรัฐกับองค์กรกีฬาในประเทศนั้นๆ
29.เพิ่มเติมเรื่องความโปร่งใส : ไอโอซีจะตีพิมพ์รายงานกิจกรรมประจำปี และรายงานบัญชีการเงิน รวมถึงรายละเอียดค่าใช้จ่ายและเบี้ยเลี้ยงของกรรมการไอโอซี
30.สนับสนุนอิสระในการทำงานของคณะกรรมการฝ่ายจริยธรรม : บอร์ดไอโอซีโหวตเลือกประธานและคณะกรรมการฝ่ายจริยธรรมในการประชุมของไอโอซี ไม่ใช่มาจากการแต่งตั้ง
31.กำกับดูแลมาตรฐาน : ตั้งเจ้าหน้าที่กำกับดูแลมาตรฐานด้านนโยบาย ข้อบังคับ และการปฏิบัติงาน มีหน้าที่ให้คำปรึกษาและแนะนำสมาชิกไอโอซี คณะกรรมการโอลิมปิกชาติต่างๆ สหพันธ์กีฬานานาชาติ และองค์กรอื่นๆ เพื่อความเข้าใจที่ตรงกันเรื่องมาตรฐานการปฏิบัติงาน
32.ย้ำเน้นเรื่องจริยธรรม : คณะกรรมการจริยธรรมของไอโอซีจะทบทวนเรื่องระเบียบด้านจริยธรรมและปรับปรุงข้อบังคับตามความเหมาะสม
33.เปิดโอกาสให้สปอนเซอร์เข้ามามีบทบาทในโครงการ “โอลิมปิกเชิงรุก” : โครงการ “โอลิมปิกเชิงรุก” มีเป้าหมายเพื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์กีฬาโอลิมปิกเกมส์และเนื้อหาที่เกี่ยวข้องเพื่อสร้างแบรนด์ “โอลิมปิก” ให้เข้มแข็ง และให้สปอนเซอร์เข้ามามีส่วนร่วมอย่างจริงจัง
34.พัฒนาโครงการอบรมใบอนุญาตต่างๆ : เน้นเรื่องการอบรมและพัฒนาบุคลากรทั่วโลกมากกว่าจะให้ความสำคัญเรื่องการหารายได้
35.ริเริ่มโครงการความร่วมมือระหว่างสปอนเซอร์กับคณะกรรมการโอลิมปิกชาติต่างๆ : ไอโอซีจะริเริ่มโครงการสานสัมพันธ์ระหว่างสปอนเซอร์หลักของโอลิมปิกกับคณะกรรมการโอลิมปิกแต่ละประเทศ โดยเน้นให้เกิดกิจกรรมระดับท้องถิ่นที่สปอนเซอร์เข้าไปมีส่วนร่วมมากขึ้น
36.เปิดโอกาสให้นำแบรนด์โอลิมปิกไปใช้แบบไม่หวังผลกำไรมากขึ้น
37.กำหนดเกณฑ์อายุของสมาชิกไอโอซี : จากปกติที่กำหนดว่าสมาชิกไอโอซีหรือไอโอซีเมมเบอร์ต้องมีอายุไม่เกิน 70 ปี จะเปิดโอกาสให้ต่ออายุงานได้ 1 วาระ วาระละไม่เกิน 4 ปี โดยต้องเสนอให้ที่ประชุมไอโอซีให้การรับรองก่อน
38.ใช้ระบบการสรรหาบุคลากร : เมื่อตำแหน่งไอโอซีเมมเบอร์ว่างลง จากเดิมที่เปิดให้ผู้สนใจเข้ามาสมัครหรือเสนอชื่อ คณะกรรมการแต่งตั้งบุคลากรจะต้องทำงานเชิงรุกมากขึ้น โดยใช้วิธีสรรหาผู้มีคุณสมบัติเหมาะสมเข้ามาดำรงตำแหน่ง
39.ส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือและการประสานงานระหว่างไอโอซีกับสังคมภายนอก และภายในองค์กรเอง : โครงการ “โอลิมปิกเชิกรุก” หรือ “โอลิมปิก อิน แอคชั่น” จะต้องสร้างปรากฏการณ์หรือความเคลื่อนไหวในสังคมทุกๆ 4 ปี โดยคณะกรรมการไอโอซีจะต้องประชุมหารือกันถึงบทบาทของกีฬาที่มีต่อสังคมในแต่ละพื้นที่ รวมถึงเปิดโอกาสให้ผู้เกี่ยวข้องในพื้นที่นั้นๆ หรือผู้เชี่ยวชาญจากองค์กรภายนอกได้ร่วมแสดงความคิดเห็น
40.ทบทวนขอบเขตและเนื้องานของคณะกรรมการแต่ละฝ่ายของไอโอซี : ประธานไอโอซีจะศึกษาและทบทวนการปฏิบัติงานและพันธกิจของคณะกรรมการแต่ละฝ่าย จากนั้นจึงปรับปรุงเนื้องานให้เข้ากับนโยบายในข้อเสนอ “Agenda 2020” นี้
เหล่านี้คือข้อเสนอแนะและแนวทางปฏิบัติที่บาคและทีมงานพยายามมองให้ครอบคลุมรอบด้านที่สุด
ถือเป็นการเดิมพันครั้งใหญ่ที่มีอนาคตของโอลิมปิกเกมส์เป็นเป้าหมาย ซึ่งหากสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ก็น่าจะขยายผลสู่องค์กรและมหกรรมกีฬาในระดับรองๆ ลงมา
เพื่อความอยู่รอดและก้าวต่อไปตามยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลานั่นเอง."
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้