1 ก.ค.วันหยุดธนาคารของทุกปี แต่เมื่อ 1 กค.2540 ก็หยุดจริงแต่ในวันต่อมาความพินาศทางการเงินของไทยได้เริ่มขึ้น 2 ก.ค.40

1 ก.ค.วันหยุดธนาคารของทุกปี  แต่เมื่อ 1 กค.2540 ก็หยุดจริงแต่ในวันต่อมาความพินาศทางการเงินของไทยได้เริ่มขึ้น 2 ก.ค.40

สมัยนั้น ปี 2540   แบงค์ที่เปิดในห้างยังไม่ค่อยมี    ส่วนมากก็ปิด 15.30  

แต่ตลาดหุ้นไทย  มีการเปิดซื้อขาย ในภาคบ่ายด้วย    



จากเดิมสมัยก่อน  เอาว่าช่วง น้าชาติจนถึง สมัย พฤษภาทมิฬ   ที่มีการซื้อขายแค่ภาคเช้าของวัน  พอจบวัน ก็จะเคลียร์ริ่งกัน

เอามอไซด์ ขนใบหุ้นไปส่งตามโบรก ต่างๆ  บางทีซวยใบหุ้นเทกระจาด กลางถนนอีก  

ใครยังจำได้บ้าง   มีคนวิ่งเคาะกระดาน   เขียนกระดาน คนวิ่งไปมาเต็มห้องเลย


"""""""
ช่วงปี 2528 -  2535  ดอกเบี้ย  ผ่อนบ้าน  10 %    บ้านทาวเฮ้าท  หลังละ 300000 บาท  แถวสำโรง   สมัยนั้นผ่อนกัน 4000 บาท

ดอกเบี้ยกินไปเกินครึ่ง    พ่อแม่ เราผ่อนบ้าน


....


ช่วงปี   2531  ผมก็เรียน ป 5 นิละ    สมัยนั้น นาชาติเป็นนายก    ก็ได้ยินแต่ข่าวราคาที่ดิน   กับ คนโดนยิงตายเพราะเรื่องที่ดิน

อย่างเช่น นายหน้าค้าที่


ช่วงที่เรียน ประถม  ผมก็ถามครูว่า  

ทำไมธนาคาร ไม่เปิดถึง 5 โมง หรือ เปิดเสาร์ อาทิตย์ละครับครู   ครูจะได้ไม่ต้องไปธนาคารช่วงเวลาทำงาน ไม่ต้องรีบ

หรืออย่าง เมื่อก่อนข้าราชการบางหน่วยไป ธนาครทีนึง กลับมาก็ตอนเย็น เซ็นต์ชื่อกลับบ้านเลย


ช่วง ป 5 :  ผมยังมีความคิด แปลกๆ อีก  คือ


อยากให้มีการตั้ง กระทรวงใหม่ เพิ่มขึ้นมา

1 .  กระทรวง แรงานและ สวัสดิการ   เพราะสมัยนั้น คนทำงานเอกชนไม่มี บำนาญเหมือน ข้าราชการ

  คนน่าจะมีการหักเงินเดือน มาสมทบเข้ากองทุน  เพือ่เอาไว้ใช้ตอนแก่ๆ จะได้ไม่ลำบาก  เพราะดูอย่างพอผม ทำงานเอกชน แม้จะเป็น บ.ใหญ่

แต่ไม่รู้ ออกมา จะมีเงินสะสมเท่าไหร่     แต่ที่เห็นคือยังมี คนแก่  คนลำบาก มาออกรายการ เพื่อได้รถก๋วยเตี๋ยวไปขายของ  ยังมีรายการนี้

  ให้เราเห็นอยู่  

2 .   กระทรวง คมนาคมสื่อสาร    สมัยนั้นไม่รู้จะใช้คำว่าอะไร   กระทรวงนี้ ดูแลเรื่องสัญญาณต่างๆ ที่ รัฐควรจะเก็บรายได้  มาใช้ได้ในแต่ละปี


3  กระทรวง หรือ ทบวงรถไฟ

        ต้องการให้มี รถไฟ  ลากไป สี่ทิศ เพือ่ลดความแออัดของกรุงเทพ และ ขยายชุมชน ความเจริญไปยังรอบๆ

แล้วให้นั่งรถไฟเข้ามาทำงานในเมือง  โดยไม่ต้องเจอรถติด  และไม่เสียเวลาอยู่บนรถนาน

พอมีรางรถไฟ ไป  เดี่ยวคนที่ทำบ้านขายก็ ไปสร้างต่อกันเองละ    แต่ราคาที่ดินสมัย น้าชาติก็พุ่งกระฉูดจริงๆ

ใครติดดอยที่ดินไปก็ลากยาวเลย  


รถไฟ ลาก 4 ทิศ  ไป รังสิต      ไป บางประกง ช่วงที่ห่างๆ ถนนบางนา ตราด  ซักหน่อย จะได้กระจายๆไม่กระจุกตัวเกินไป

ทางทิศใต้ ลากไป ถึง มหาชัย นั้นละ  แล้ว

ส่วนตะวันตก ไปที่นครปฐม   และย้ายหน่วยทหารไป 1  ค่าย หากมี ปัญหาชายแดนฝั่ง พม่า

ก็เอารถถังขึ้น รถไฟ ไปส่งได้ใน 3 ชม.


4 "   กระทรวงการท่องเที่ยว  .. คือจะเน้นท่องเที่ยวใน อาเซียน  แลละให้ ข้าราชการแลกเปลี่ยนดูงานกัน

5  กระทรวง ศิลปะวัฒนธรรม โบราณสถาณ


กระทรวง กีฬา  อยากให้ไทยไปบอลโลก


กระทรวง พัฒนากิจการอวกาศ    ต้องการหารายได้จากอวกาศ มาใช้เป็นงบประมาณประเทศ


พอ อยู่ ป 6   ใช้  atm ละ กดสัปดาห์ ละ 100 บาท   กดต่างธนาคารก็ได้ atm  pool

ใครจำตู้ atm แบงค์กรุงเทพได้บ้าง  ตู้ใหญ่ๆ  ข้างๆเห็นว่าเป็นที่ใส่เงินฝากเงินได้ แต่ผมไม่เคยใช้เลย


ผมใช้ atm ของ สหธนาคาร    สหธนาคาร  กลุ่ม LH ก็เคยอยากจะได้ ธนาคารนี้   แต่สุดท้ายพลาดไม่ได้

แต่ วันนี้  ก็ มี  LH แบงค์เป็นของตัวเองละ      


ส่วน สหธนาคารก็ล้มไป ในช่วงหลังตัมยำกุ้ง


___________________



แต่  รัฐบาลของพลเอกชาติชาย ถูกรัฐประหาร  ด้วยข้อหา บุฟเฟห์ คาบิเนต


จากนั้นผมก็มาอยู่มอปลาย ละ  พ ศ. 2538   สมัย นายกชวนหลีกภัย

และมีวันหนึ่ง ครูสั่งงานเรื่องอนาคตของฉัน    ให้เขียนลงสมุด

ผมเขียนว่า รัฐบาลชวน คงอยู่ไม่ครบเทอมแน่นอน  เพราะปัญหาพรรคร่วมรัฐบาล

และคงยุบสภา   แต่ พอหลังจากนั้นแล้ว ก็จะเป็นรัฐบาลมาอีกหลายชุด

แต่ในปี 2548  คาดว่าคงมีการรัฐบประหาร   ผมกะให้ สิบปีหลังจากนี้


ครูฝ่ายแนะแนวเรียกผมไปสอบเลยละ


ช่วง มอ. ปลาย  

ไอเียใหม่ ของผม คือ   การสร้างสกุลอาเซียน   เพราะมองว่า ถ้าเราถูกโจมตี ค่าเงินบาท

เงินดอลลาร์หมดคลัง   จะทำไง   ถ้ามีสกุลเงินอาเซียนใช้ร่วมกัน มันก็ถือเป็นทุนสำรองได้

พ่วงกับแผน  สร้างฐานทัพเรือ กลางทะเล  เพือ่เอากองทัพ มาค้ำประกันค่าเงินสกุลอาเซียน

รวมไปถึง การจัดเป็นกองทัพอาเซียนด้วยซะเลย   เพื่อความเข้มแข็งของภูมิภาค


แล้วม  อ. คนหนึ่งไปเที่ยว สหรัฐ  ผมคุยกับ อ. ว่า  อ ไป ต่างประเทศ ถ้าวันหนึ่งเงินดอลลาร์หมดคลัง

อ. จะเสียดายมั้ยครับ  อ. บอกว่า มีเงินก็ควรจะเที่ยว  จะเก็บไว้ทำไม    

ปีนั้น วิชา สังคมที่ผมเคยเรียนได้ 4  ตลอด    ปีนั้น เหลือ เกรด  3  เลยละ


____________________


สุดท้าย   จาก สมัย นายกบรรหาร เปลี่ยน รัฐมณตร คลัง บ่อยมาก น่าจะ 4 คน

บางคน กำลังจะบินไปประชุมต่างประเทศอยู่        ก็ โดนปลดกลางอากาศ ของแท้เลย


มาจนถึง นายก จิ๋ว ของเรานิละ    ถมดินสนามบินสุวรรณภูมิ หนองงูเห่า    ถมเท่าไหร่ ไม่เสร็จซักที


จนมาถึงช่วงที่เราถูกโจมตีค่าเงิน    เงินทุนสำรองจาก  20000 ล้าน us   กดลดลงเรื่อยๆ

และ มีปัญหา เรื่อง ธนาคาร ฺ BBc  อีก  







_______________




จนถึง ช่วง  ปลายเดือน  มิถุนายน  2540  


หลัง ธปท.ต่อสู้กับการโจมตีค่าเงินครั้งใหญ่-ครั้งสุดท้ายในเดือน พ.ค. 2540 นายธนาคารทุกคนได้รับเชิญให้ไปรับประทานอาหารร่วมกับนายอำนวย วีรวรรณ รมว.คลัง (ขณะนั้น) และนายเริงชัย มะระกานนท์ ผู้ว่าการ ธปท. ณ โรงแรมแห่งหนึ่ง ฟังคำประกาศจากนายอำนวยที่ว่า "ตอนนี้เราป้องกันค่าเงินบาทได้สำเร็จแล้ว สามารถเอาชนะการโจมตีค่าเงินบาทจากต่างชาติได้แล้ว"

แต่ในมุมของนายทนง นั่นคือการผลักต่างชาติกับไทยเข้าสู่ภาวะ "เงื่อนตาย" (dead lock) และตอกย้ำว่าเศรษฐกิจไทยถึง "ทางตัน" เมื่อเขามีโอกาสเห็น "ตัวเลขจริง" หลังเข้ารับหน้าที่ขุนคลัง เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. 2540


ในวงประชุม "ลับสุดยอด" วันพฤหัสบดีที่ 26 มิ.ย. 2540 ร่วมกับนายเริงชัย, นายชัยวัฒน์ วิบูลย์สวัสดิ์ รองผู้ว่าการฯ และนายศิริ การเจริญดี ผู้ช่วยผู้ว่าการฯ ทราบว่ามีการออกคำสั่งนำเงินทุนสำรองไปปกป้องค่าเงินบาท (สวอป) และค้างอยู่ประมาณ 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เหลือเงินสำรอง 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในจำนวนนี้เป็นเงินสำรองพิมพ์ธนบัตร 2.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นั่นหมายความว่าเหลือเงินที่ใช้ได้จริงแค่ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

รมว.คลังจึงโยนโจทย์กลับไปที่ ธปท. ว่าจะใช้มาตรการใดจัดการ ระหว่างลอยตัวค่าเงิน กับลอยตัวแบบมีเพดาน ครั้งละ 5-10 เปอร์เซ็นต์ โดยให้เวลาคิด 2-3 วัน

"วันนั้นผมคิดว่าวิธีที่ดีที่สุดคือลอยตัว เพราะไม่เชื่อว่า ธปท.จะมีเงินสำรอง หรือจะไปขอเครดิตจากที่ไหนได้ แต่ก็ต้องให้เกียรติแบงก์ชาติเขา" นายทนงกล่าว

วันเสาร์ที่ 28 มิ.ย. 2540 นายเริงชัยโทรแจ้งคำตอบ "จะเปลี่ยนระบบอัตราแลกเปลี่ยนเป็นลอยตัว" ก่อนนัดหมายรุดไปรายงาน พล.อ.ชวลิตที่บ้านพักในวันอาทิตย์ที่ 29 มิ.ย. โดยนายกฯ "ไม่แปลกใจ" กับการตัดสินใจนี้

"ผมยังไม่ได้บอกชัดเจนว่าจะลอยตัวอย่างไรเมื่อไร พูดเพียงแต่ว่าคงจะหนีไม่พ้นและก็กำลังเตรียมตัวกับ ธปท." นายทนงบอก


       จาก       http://www.bbc.com/thai/thailand-40446319


ตัวเลขที่เปลี่ยนไปก่อน-หลัง "ลอยตัวบาท" 2 ก.ค. 2540
    ก่อนลอยตัวบาท     หลังลอยตัวบาท
อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาท     25 บ./ดอลลาร์     56 บ./ดอลลาร์ (สูงสุด ม.ค. 2541)

จีดีพีโต     10.1% (ปี 2539) และ 2.6% (ปี 2540)     -2.2% (ปี 2541)


ดัชนีตลาดหุ้น     1,410.33 จุด (สูงสุด ม.ค. 2539)     207 จุด (ต่ำสุด ก.ย. 2541)

หนี้เสียธนาคารพาณิชย์     2.5 ล้านล้านบาท     

สถาบันการเงิน 58 แห่งถูกระงับชั่วคราว สร้างความเสียหาย     5.33 แสนล้านบาท     


จากนั้นขุนคลัง-ผู้ว่าแบงก์ชาติได้จับเข่าคุยกันถึง วัน ว. เวลา น. ในการประกาศลอยตัวค่าเงินบาทได้เร็วที่สุด ข้อเสนอของนายทนงคือวันจันทร์ที่ 30 มิ.ย. แต่นายเริงชัยโต้แย้ง

"ท่าน (นายเริงชัย) ก็บอกว่ามันจะมีปัญหากับธนาคารพาณิชย์ เพราะอัตราการแลกเปลี่ยนจะขยับไปทันที เสร็จแล้วธนาคารจะปิดบัญชีแบบขาดทุน ก็ต้องเกิดปัญหาตามมาอีกเยอะ จะทำให้ระบบธนาคารพาณิชย์ไม่น่าเชื่อถือ เพราะฉะนั้นท่านอยากให้มีการปิดบัญชีให้เรียบร้อยก่อน ก็คือปิดบัญชีวันที่ 30 มิ.ย. แล้ววันที่ 1 ก.ค. เป็นวันหยุดธนาคารซึ่งเราทำอะไรไม่ได้ เราเลยวางแผนเลือกวันที่ 2 ซึ่งเป็นวันอังคาร แล้วทุกคนก็ไปอยู่ฮ่องกง (มีพิธีส่งมอบเกาะฮ่องกงคืนให้แก่จีน วันที่ 1 ก.ค.)" นายทนงเผย

บ่ายวันอังคารที่ 1 ก.ค. หลังการประชุม ครม. นายทนงเชิญ พล.อ.ชวลิตมาที่ห้องเล็กๆ ข้างห้องประชุมครม. เพื่อ "จับมือเซ็น" คำสั่งลอยตัวค่าเงินบาท โดยมีนายศิริ ตัวแทนแบงก์ชาติที่ถือแฟ้มเอกสารประวัติศาสตร์มาที่ทำเนียบฯ ร่วมเป็นสักขีพยานในนาทีสำคัญ

นายทนง: ท่านครับ กรุณาเซ็น

พล.อ.ชวลิต: จะเอาจริงหรือน้อง

นายทนง: มันอยู่แบบนี้ไม่ได้แล้วครับ

ว่าแล้ว พล.อ.ชวลิตก็จับปากกาเซ็นเอกสาร ส่วนความรู้สึกของนายทนงก่อนวันที่ 2 ก.ค. 2540 คือ "ผมไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับชีวิตและครอบครัวเรา" เขาบอกภรรยา เพราะรู้ว่างานนี้ทำให้มีคนได้-คนเสีย

ต่อมามีการพูดกันมากว่านักการเมือง-นักการเงินบางคนรวยเพราะ "อินไซด์" ข้อมูลก่อนถึงวันลอยตัวค่าเงินบาท แต่นายทนงตั้งคำถามกลับว่า "ใครจะยอมโง่ที่จะไปเสียค่าโง่ ทุกคนรู้ว่าเงินบาทจะอยู่ไม่ได้ ใครจะไปสู้" พร้อมย้ำว่าระหว่างวันอาทิตย์-พุธ "ตลาดมันวายไปหมดแล้ว"




...............

หลังจากลอยตัวค่าเงิน 2 สัปดาห์ นายทนงอ้างว่าได้ตรวจสอบกลับย้อนหลังไปยังทุกธนาคาร ว่ามีการถอนเงินเป็นกรณีพิเศษเพื่อไปเล่นค่าเงินหรือไม่ ซึ่งพบว่าไม่มี

"ถึงแม้นักการเงินจะรู้ ก็ไม่มีตลาดให้คุณเล่นแล้ว ใครจะมายอมขาดทุน คิดว่าต่างชาติเขาโง่กว่าเราหรือ คิดว่าคนไทยมีปัญญาเอาเงินเป็นพันๆ ล้านภายใน 3-4 วัน แล้วก็มีคนมารับแทงเพื่อยอมขาดทุนหรือ ผมนึกไม่ออก ใครที่ขาดทุนคนนั้นควรจะมายิงผมทิ้งใช่ไหม ไม่มีหรอกครับในแง่ปฏิบัตินะครับ"

แม้ผ่านมา 20 ปี แต่ "หน้าทนง" ยังคงเป็นสัญลักษณ์ลอยตัวค่าเงินบาท เขาเคยเอ่ยคำขอโทษคนไทยผ่านบทสัมภาษณ์เมื่อ 5 ปีก่อน

"ผมก็ต้องขออภัยที่บางคนต้องเจ็บปวด แต่ผมคิดว่าเป็นความเจ็บปวดซึ่งในที่สุดทำให้เราได้เรียนรู้ แล้วทำให้เราประสบความสำเร็จในเวลาต่อมา" นายทนงกล่าว

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่