สิ่งที่ค้นพบเกี่ยวกับความตายระหว่างเดินทางมาถึงอายุ 20

จริงๆคือปีนี้เราจะอายุ 20 ปีบริบูรณ์แล้วในอีกสิบเก้าวันต่อจากนี้
มีหลายสิ่งที่ได้ทำไปแล้ว มีหลายสิ่งที่ไม่ได้ทำ
ได้มา สูญเสียไป
ครอบครองบางสิ่ง ปลดปล่อยบางอย่าง
ก้าวไปสู่ในสิ่งที่ดีกว่า ถอยอออกมาจากสิ่งที่แย่กว่า
ชีวิตเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆตามวันและเวลา
มีผู้คนเดินเข้ามาและเดินจากไป
ไม่ว่าคนที่ออกไป และดูแลคนที่ยังอยู่กับเราต่อ
.
หลายครั้งหลายหนที่ได้ค้นพบว่า ความตาย มันมาไวไปไว...และเงียบมากๆ
รู้ตัวอีกที่ก็จากกันไปไกลแสนไกล
เหลือไว้แต่สิ่งที่ตัวเองเคยกระทำ
ทิ้งไว้แค่ภาพความทรงจำที่คนอื่นจดจำเราเอาไว้
บางคนก็เศร้าโศกกับการจากไปของเรา
และบางคนคงยินดีกับการจากไปของเราเช่นกัน
.
เป็นการเดินทางที่ไม่มีวันย้อนกลับ
คนที่เดินจากไปในเส้นทางนี้บางคนก็ไม่ได้พูดอะไร
บางคนก็ยังมีเรื่องติดค้างคาใจ
บางคนก็เดินจากไปอย่างหมดห่วง
แต่มันจะมีสักกี่คนที่จากไปและไม่มีใครเสียใจ
มันจะมีจริงๆเหรอกับการจากไปอย่างหมดห่วง
.
เราเป็นอีกคนที่กลัวความตาย
เรากลัวความเจ็บปวด
เรากลัวจะตายอย่างทรมาน
หัวสมองของเราจินตนาการถึงความตายหลายร้อยหลายพันรูปแบบ
โดนรถชน โดนยิง โดนแทง ไปจนถึงกระทั้งกระโดดตึกตาย
ล้วนเป็นความตายที่ไม่น่าอภิรมณ์
จริงๆใดๆในโลกถ้าเลือกได้ก็อยากจะนอนตายแบบสบายๆ
อยากไหลตายไปเลย
ช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต
ไม่อยากทรมานพะงาบๆก่อนตาย
กลัวความเจ็บปวดทรมารสุดท้ายก่อนชีวิตจะดับสูญ
.
เพราะเรากลัวตาย
เพราะมนุษย์กลัวในสิ่งที่ไม่รู้
เพราะผู้คนไม่รู้วันตายของตัวเอง
เราจึงหวาดกลัวและหวนคิดว่ามันคือสิ่งที่เลวร้ายในชีวิต
แต่สุดท้ายแล้วไม่ว่าผม คุณ หรือใคร
เราล้วนต้องตาย
.
แต่มันก็ไม่ใช่ว่าเราจะสามารถปลดปลงอะไรได้ง่ายๆสักหน่อย
ตราบเท่าที่เรายังมีกิเลศและความอยาก
การจะทำใจยอมรับสภาพของปุถุชน เป็นสิ่งที่ไม่ใช่เรื่องง่าย
ไม่ว่าคุณ ผม หรือใคร
เราทุกคนล้วนมีนาฬิกาหนึ่งเรือนที่กำลังเดินถอยหลัง
เมื่อสิ้นสุดแล้ว...ถึงเวลาก็ต้องเดินจากไป
ต่อให้กรีดร้องอีกสักพันหน
เวลา...ไม่สามารถเพิ่มได้อีกแม้เพียงเสี้ยววินาที
.
กระนั้นเอง แม้บท 'คนจะตาย มันก็ต้องตาย' จะเป็นความจริง
แต่การรับรู้ว่าเราควรใช้ชีวิตแบบไหน กับ การใช้ชีวิตแบบไม่ระมัดระวัง ...แตกต่างกัน
เราทุกคนล้วนต้องตาย
แต่การใช้ชีวิตโดยไม่เดินทางบนความประมาท
น่าจะเป็นชีวิตที่เวิร์กกว่าการปล่อยให้มันไปตามยถากรรม
จนตัวเองตายแบบโง่ๆ
.
เคยนั่งคิดว่า ถ้าตายแล้วไปไหน
หลังจากไม่นับถือพุทธศาสนา เราจะไปอยู่ตรงส่วนไหน
หรือตายแล้วก็ดับสูญไปเฉยๆ
เงียบ สงบ ว่างเปล่า สูญหายไปสารบบของโลกที่เคยมีเรา
และถ้าพรุ่งนี้ต้องตาย เราจะสามารถยอมรับมันได้ไหม?
ไม่หรอก มันยากเกินไปสำหรับคนอายุหลักสองตอนต้น
ยังมีหลายๆสิ่งที่อยากจะทำ
.
จึงพยายามใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาท
พยายามอย่างมากที่จะเข้มแข็งต่อทุกสิ่ง
เรียนรู้ กระทำ เข้าใจ ก้าวเดินต่อไปกับสิ่งที่เลือก
ทำในสิ่งที่อยากจะทำ
เป็นในสิ่งที่อยากจะเป็น
สุดท้ายแม้จะไม่รู้ว่าเข็มของนาฬิกาจะสิ้นสุดหรือหยุดเดินที่ตรงไหน
แต่สุดท้ายก็ได้แต่ภาวนา ว่าเราจะไม่ตายไปอย่างโง่ๆและกลายเป็นผีน้อยที่โอดครวญถึงบางสิ่งที่อยากจะทำ
...แต่ไม่ได้ทำ
.
มานั่งนึกๆดูแล้ว หลังจากเราตายไปแล้วมันไม่ใช่หน้าที่เรา
จริงๆก็เตรียมพร้อมไว้ระดับหนึ่ง
เราบริจาคร่างกายตัวเองตั้งแต่อายุ 18 ปีให้กับโรงพยาบาลหลวงที่นึง
ก็ได้แต่หวังว่าตอนตายจะเข้าเงื่อนไขที่ทางโรงพยาบาลจะรับไป
อย่างน้อยๆกระทั้งตายแล้วยังเป็นประโยชน์กับผู้อื่น
ก็ดี
.
สิ่งที่หลงเหลือจากการจากไป
มีทั้งความอาลัย
ความโหยหา
ความรู้สึกว่าบางสิ่งมันไวเกินไป
ความรัก
ความฝัน
มิตรภาพระหว่างความสัมพันธ์
....มันจะเป็นแบบนั้นเสมอๆเมื่อมนุษย์พบเจอกับสิ่งที่ไม่ได้คาดฝัน
และทุกอย่างล้วนไม่สามารถกำหนดเอาไว้ได้
.
หลงทิ้งไว้แต่การกระทำในอดีต
เหลือทิ้งไว้แด่อารมณ์อันผุพัง
ผู้คนสาปแช่งหรือสรรเสริญเยินยอล้วนอนิจัง
สุดท้ายเราก็ต่างไม่สามารถกำหนดอะไรได้อยู่ดี
.
ทำดีร้อยครั้งไม่ได้แปลว่ามันจะดีทั้งร้อยครั้ง
ทำเลวร้อยครั้งไม่ได้แปลว่าคนจะมองแค่ร้อยครั้ง
สุดท้ายการกระทำในอดีตจะเป็นตัวกำหนดว่าคนจะกล่าวถึงเรายังไงเมื่อเราจากไป
แต่ไม่ได้บ่งบอกไว้ว่าทุกอย่างจะเป็นเรื่องจริง
.
เพราะงั้นแล้ว แค่พรุ่งนี้ยังตื่นขึ้นมาแล้วยังมีลมหายใจ
ได้ทำในสิ่งที่อยากจะทำ
ได้อ่านหนังสือที่ชอบ
ได้อ่านบทความหลายๆบทความ
ได้เขียนถ้อยคำบางอย่าง
ล้วนแล้วแต่เป็นความสุขและกำไรชีวิต
.
ทั้งหมดนั้นล้วนคือความสุขเท่าที่เราจะสัมผัสได้จากมัน
.
แด่วันเสาร์ต้นเดือนเกิด
แด่การเดินทางผ่านอายุยี่สิบปี
คงไม่มีชีวิตใดที่มีแต่ความสุข
แต่อย่างน้อยที่สุด...ขอทุกข์ให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
สวัสดีอีกครั้งในวันเสาร์วันนี้ครับ.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่