ฤกษ์งามยามดี ได้เดินทางไปตามหาความสงบเสียที หยุดสองสามวัน
ก็หาเส้นทางไปพักสารร่างที่ตรากตรำทำงานแบบควงกะมาหลายเดือน
เหตุผลในการเดินทางบางครั้งบางคราวก็ไม่มีอะไรนอกจากแค่อยากออกไปแตะขอบฟ้า
ดูไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไหร่เนอะ 555
เอาไงกันดี ก็ซื้อซิม แลกตังจากบ้านเราเลยแล้วกัน ถึงสนามบินที่ย่างกุ้งจะได้เดินตัวปลิวๆ เข้าเมืองกันไป
ซิมบ้านเราก็มีมากมายหลายโปรโมรชั่นโรมมิ่งก็ไม้ได้แพงเหมือนสมัยก่อนแล้วเด้ เราก็เลือกเอาอันนี้ละกัน แอบนอกใจ ไปถึงที่ย่างกุ้ง พอดี ooredoo อ่านว่าอย่างไรมิทราบ เค้าเป็น 4g สดๆ เราก็ได้เลยสิ
เดินทางกันเช้าตรู่ ไฟล์เช้ามากมายออกจากบ้านก็ตีห้า ถึงสนามบินก็เดินตัวปลิวๆ ไปขอใบตม. ที่เค้าเตอร์ กรอกเสร็จก็ผ่านเครื่องขาออกฉลุย นั่งรอขึ้นเครื่องกันที่เกต 1 อันอื้ออึงไปด้วยเสียงนักท่องเที่ยวชาวจีน
ถึงสนามบินนานาชาติย่างกุ้งเราอยู่กันที่อาคารหลังใหม่ ด้วยความพร้อมทุกอย่างก็ยังเดินปลิวๆ ไปขอแผนที่ ณ เคาเตอร์ประชาสัมพันธ์ ติดกันก็ติดต่อเคาเตอร์แท๊กซี่เข้าเมือง อันนี้ปผมว่าโอ เขียนใบเสร็จ พร้อมราคา แล้วไปจ่ายกับคนขับรถไม่ต้องเสียเวลาไปต่อรอง จ่ายไปเถอ 8000 จ๊าด แล้วเข้าเมืองด้วยสภาพอากาศที่ดีมาก พายุเข้าสิเธอ 555
เป็นวันที่เปียกๆ แฉะๆ ฝนตกทุกชั่วโมง ตกๆ หยุดๆ แต่คนก็เดินเป็นเพื่อนกันบนถนน ไม่เหงาแม้จะมาคนเดียวก็ตาม
วันแรกเราก็ขอจิบชาพม่าอันเลื่องชื่อ กับอาหารท้องถิ่น ที่ร้าน Rangoon Tea House
มาถึงบ้านท่านอย่านิ่งดูดายต้องลองให้รู้ กับยำใบชา ออกเสียงมั่วๆ ซั่วๆ ว่า ลาพ๊ะโต๊ะ ผิดถูกประการใดขออภัย ณ ที่นี้
เป็นยำใบชาที่กรุบกรอบ ด้วยถั่วสารพัด และผักสดต่างๆ ที่จัดวางเป็นชั้นสวยงาม อย่าสั่งแบบสไปซี่นะถ้าไม่แน่จริง มันเผ็ด


และอาหารยอดนิยมของชาวพม่า โมหิงกา ก็น้ำยาปลาคือๆ บ้านเรานั้นเอง แต่ผมชอบนะ ทานเสร็จก็จิบชาต่อไปเพลินๆ ที่ร้านมีเสริฟมันฝรั่งทอดให้กินแกล้มชาด้วยนะครับ


อิ่มท้องแล้วก็เดินๆ ชมเมืองท่ามกลางสายฝน กล้องใหญ่เก็บเข้ากระเป๋าโล๊ด เอาออกมาคงไม่เหลือ สุดท้ายวันนี้เราจึงได้ชื่นชมพายุอย่างใกล้ชิดตลอดทั้งวัน เอาเป็นว่าชมวิวเมืองจากหน้าต่างไปก่อนละกันนะ

ห้องพักของผมต้องจัดการผึ่งผ้าให้แห้ง โรงแรมที่พักราคาคุ้มค่า กลางใจเมือง ไม่มีตู้เย็น แต่น้ำหยิบกินฟรีชอบตรงนี้ ใครจะมาพัก East Hotel เชิญเลยครับผม วันนี้เราขอนอนพัก แล้วหวังว่าพรุ่งพายุสงบแล้วเราจะไปไหว้เจดีย์ชเวดากองกันนะครับผม



เช้าวันที่สอง ดูพยากรณ์อากาศแล้วก็วางแผนการเดินทางกันใหม่
ผมก็ชิวๆ เดินชมนกชมไม้ ไปที่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติ เรียกว่าคนพม่าเดินกันสบายมาก แต่ผมหอบ จากโรงแรมผ่านตลาดสก็อต ผ่านโรงพยาบาล จนมาถึงได้ในที่สุด
ในส่วนของพิพิธภัณฑ์เปิดให้เข้าชม 9.00 น. มีเครื่องช่วยนำชมเป็นภาษาต่างๆ ให้ใช้ได้นะครับ ภาษาไทยบ่มี
คนที่ชอบประวัติศาสตร์ของชาติพม่าแนะนำเลยต้องมาชมครับ มันเป็นคอลเลคชั่นที่ใหญ่มาก นึกถึงเรื่องเพลิงพระนางไว้ครับ
หมดไปครึ่งวันเต็มๆ สิครับผม ใครอยากเห็นชุดเครื่องทองพม่าต้องมาเลยครับ ค่อนข้างครบสมบูรณ์
แม้อังกฤษจะขนไปมากก็ตาม 555 เค้าไม่ให้ถ่ายนะ ต้องมาดูเองครับผม
ช่วงกลางวันขอกลับมาตั้งหลักพักเติมพลังกันที่ย่านดาวทาวน์ พูดสะเหมือนอยู่นิงยอร์ค กินไรดีละ เอาข้าวหมกไก่ละกันนะครับผม ย่านอินเดียทาวน์ เค้าก็มีร้านข้าวหมกไก่มากมาย แต่ร้านนี้คนเยอะดี เลยเข้าไปชิม ชื่อร้านว่า Nilar Biryani ออกเสียงกันเองนะครับผม
สั่งอาหารที่เค้าเตอร์ จ่ายตัง รับหมายเลขโต๊ะแล้วขึ้นไปนั่งรอ แอร์เย็นฉ่ำที่ชั้นสอง
ข้าวหมกไก่อร่อย ชอบที่สุด กับเครื่องเคียงพวกผักดองต่างๆ

ของหวานครับเห็นรูปสวยๆ เลยสั่ง ใส่ไอติม และสารพัดผลไม้รวมมิตร

อิ่มท้องแล้วก็โบกแท๊กซี่ให้พาไปวัดพระนอนตาหวาน และเดินข้ามฝั่งมาที่วัดงาทัตจี อยู่ใกล้ๆ กัน ไม่ต้องเสียตังค่าเข้านะครับ ถ่ายรูปได้ไม่เก็บตังเช่นเดียวกัน
และข้ามฝั่งไปนั่งพัก และชมความงดงามของพระพุทธรูปทรงเครื่อง ที่วัดงาทัตจี
ไม่มีคำบรรยายใดๆ คงมีความรู้สึกเดียวกับทุกๆ คนที่ได้เดินทางมาที่นี่ มารู้ตัวอีกทีก็สามทุ่มได้แล้ว
สมควรแก่เวลาก็ต้องเดินทางกลับไปพักผ่อน

เช้าวันสุดท้ายก่อนกลับบ้าน

เป็นเช้าที่สดชื่น แดดเปรี้ยง ร้อนขึ้นมาทันที ผมตื่นแต่เช้า ทานอาหารที่โรงแรมนิดหน่อย แล้วออกไปเดินชมบ้านเมืองไปเพลินๆ
อิ่มท้องแล้วก็ควรแก่เวลากลับไปอาบน้ำที่โรงแรมก่อนจะเช็คเอ้าแล้วไปนั่งรถไปที่เค้าบอกว่าไม่ควรพลาด ก่อนกลับไปสนามบินครับผม
ใจไม่เซ ไม่มีใครเท แลกตังแล้วไปเปที่ย่างกุ้ง
ก็หาเส้นทางไปพักสารร่างที่ตรากตรำทำงานแบบควงกะมาหลายเดือน
เหตุผลในการเดินทางบางครั้งบางคราวก็ไม่มีอะไรนอกจากแค่อยากออกไปแตะขอบฟ้า
ดูไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไหร่เนอะ 555
เป็นวันที่เปียกๆ แฉะๆ ฝนตกทุกชั่วโมง ตกๆ หยุดๆ แต่คนก็เดินเป็นเพื่อนกันบนถนน ไม่เหงาแม้จะมาคนเดียวก็ตาม
วันแรกเราก็ขอจิบชาพม่าอันเลื่องชื่อ กับอาหารท้องถิ่น ที่ร้าน Rangoon Tea House
เป็นยำใบชาที่กรุบกรอบ ด้วยถั่วสารพัด และผักสดต่างๆ ที่จัดวางเป็นชั้นสวยงาม อย่าสั่งแบบสไปซี่นะถ้าไม่แน่จริง มันเผ็ด
อิ่มท้องแล้วก็เดินๆ ชมเมืองท่ามกลางสายฝน กล้องใหญ่เก็บเข้ากระเป๋าโล๊ด เอาออกมาคงไม่เหลือ สุดท้ายวันนี้เราจึงได้ชื่นชมพายุอย่างใกล้ชิดตลอดทั้งวัน เอาเป็นว่าชมวิวเมืองจากหน้าต่างไปก่อนละกันนะ
ในส่วนของพิพิธภัณฑ์เปิดให้เข้าชม 9.00 น. มีเครื่องช่วยนำชมเป็นภาษาต่างๆ ให้ใช้ได้นะครับ ภาษาไทยบ่มี
คนที่ชอบประวัติศาสตร์ของชาติพม่าแนะนำเลยต้องมาชมครับ มันเป็นคอลเลคชั่นที่ใหญ่มาก นึกถึงเรื่องเพลิงพระนางไว้ครับ
แม้อังกฤษจะขนไปมากก็ตาม 555 เค้าไม่ให้ถ่ายนะ ต้องมาดูเองครับผม
สั่งอาหารที่เค้าเตอร์ จ่ายตัง รับหมายเลขโต๊ะแล้วขึ้นไปนั่งรอ แอร์เย็นฉ่ำที่ชั้นสอง
ของหวานครับเห็นรูปสวยๆ เลยสั่ง ใส่ไอติม และสารพัดผลไม้รวมมิตร
รีบเดินทางไปที่ความตั้งใจอันสูงสุดในการเดินทางมาที่ประเทศพม่า คือการไปสักการะพระเจดีย์ชเวดากอง
สมควรแก่เวลาก็ต้องเดินทางกลับไปพักผ่อน