สวัสดีค่ะ ห่างหายไปนานมากกับการรีวิวห้อง Blue Planet ขอเกริ่นแนะนำตัวก่อนนะคะ ตอนนี้แอนมีลูกสาว 2 คน คนโตเกือบ 5 ขวบ คนเล็ก 3ขวบครึ่ง ครอบครัวเราชอบเที่ยวค่ะ ไปเที่ยวกันมาหลายที่แต่ไม่มีโอกาสได้เข้ามารีวิว ส่วนมากแอนไปกันเองไม่ใช้ทัวร์ค่ะ ทริปนี้ตั้งใจเก็บข้อมูลมารีวิวเท่าที่จะสามารถ เพราะการไปเที่ยวกับลูกเล็กก็วุ่นวายใช้ได้เลย แต่ที่อยากมารีวิวทริปนี้เพราะว่าก่อนไปมัลดีฟ แอนพยายามหาข้อมูลเกี่ยวกับการไปเที่ยวที่นี่แบบมีเด็กเล็กไป เจอน้อยมาก หรือมีก็นานแล้ว เลยอยากเอาข้อมูลมาฝากเพื่อนๆที่หาข้อมูลเที่ยวที่นี่อยู่เหมือนกัน แบบอัพเดทปี 2017 นี้นะค้า เพื่อแชร์ประสบการณ์พาลูกเล็กเที่ยว ข้อมูลรูปภาพอาจไม่ได้แน่นมากมาย รูปก็อาจจะไม่สวยมาก ถ่ายกดๆไป แต่หวังว่ารีวิวนี้จะช่วยได้บ้างไม่มากก็น้อย ผิดพลาดอย่างไรต้องขออภัยด้วยค่า
เข้าเรื่องเลยละกัน
หลังจากที่ไปเดินงานท่องเที่ยวมาหลายครั้ง ผ่านบู้ทที่ขายแพคเกจมัลดีฟ เดินเข้าไปกี่ที่ๆก็ตอบแค่ว่าเด็กไม่สามารถพักบ้านกลางน้ำได้ เราก็เดินกันออกมา ถ้าลูกไปไม่ได้ เราก็ไม่ไปดีกว่า ทิ้งลูกไว้แล้วไปเที่ยวกันเอง คงจะไม่สนุกแน่ๆ
จนมาวันนึง เพื่อนมาจุดประกายว่า เด็กพักบ้านกลางน้ำได้นะ เห็นมีคนลงรูปในเฟส ตัวเล็กๆเท่าลูกเรานี่ล่ะ เราก็ห๊ะ จริงเหรอ แล้วรีบกดหาข้อมูลใหม่ ที่พักที่ไหนบ้างในมัลดีฟที่ให้เด็กพักกลางน้ำได้ เท่าที่แอนพอหามาได้ก็จะมี
* Centara Grand Maldives
* Safari Island Resort & Spa Maldives
* Constance Halaveli Maldives
* Constance Moofushi
* Niyama Per Aqum
หาข้อมูลไปมา ปรึกษากับเพื่อน มาจบที่นี่ Centara Grand Island Resort & Spa Maldives เพราะเห็นว่ามี Kids Club มีกิจกรรมทางน้ำหลากหลาย มีพนักงานคนไทย และมีร้านอาหารไทย (ลูกเป็นคนค่อนข้างทานยาก อาหารแปลกๆจะไม่ยอมลองเลยค่ะ) ดูราคาก็พอสู้ไหวไม่แพงจนเกินไป
พอดีมีงานเที่ยวทั่วไทยไปทั่วโลกช่วงนั้นพอดี เลยชวนกันไปเดินหาที่จองแพคเกจ เดินไปบู้ท Centara เลย แต่ดูราคาแล้วก็แอบเงิบเล็กๆ เลยลองเดินเทียบดูอีกแป๊ป มาเจออีกบู้ท ราคาถูกลงนิดหน่อย พนักงานให้รายละเอียดดีค่ะ บู้ทนี้เป็น Agent จองที่พักที่มัลดีฟ มีให้เลือกหลายรีสอร์ท แต่เราเลือกที่ Centara Grand Maldives ค่ะ
แพคเกจที่เค้าเสนอมาทีแรก การเดินทางไปรีสอร์ทจากสนามบินมาเล่ (Maldives) จะเป็นนั่งเครื่องบินใบพัด (ไม่ใช่ Seaplane นะคะ) จากมาเล่ แอร์พอร์ต ไปลงอีกสนามบินภายในประเทศ และ ไปต่อเรือสปีดโบ๊ทไปยังรีสอร์ทอีกที เราเลยขอเพิ่มเงินเปลี่ยนเป็นนั่ง Seaplane แทน ไหนๆไปแล้วถ้าไม่ขึ้น Seaplane ก็เหมือนไปไม่ถึง และคิดว่าเรามีเด็กเล็ก นั่ง Seaplane น่าจะเร็วและสะดวกกว่า หลังจากสอบถามข้อมูล ได้ใบเสนอราคาครบ ก็จองกันเลย เราจองกันไป 3 คืนนะคะ ที่นี่ขั้นต่ำจะให้พัก 3 คืนค่ะ เป็นแบบ All Inclusive รวมค่าอาหารและกิจกรรมบนเกาะพร้อมทัวร์ชมรอบเกาะ จะเล่ารายละเอียดอีกทีนะคะ
ราคาที่พักของผู้ใหญ่จะคิดราคาเป็นคน เด็กก็บวกเพิ่มมานิดหน่อย ราคาไม่เท่าผู้ใหญ่ค่ะ ลูกคนแรกบวกเพิ่ม 800 ลูกคนที่สองพิ่ม 9,900
ใครมีลูกคนเดียวสบายหน่อยค่ะ แล้วก็มีเพิ่มค่าเปลี่ยนเป็น Seaplane
เสร็จแล้วเราก็เดินไปจองตั๋วที่บู๊ท Bangkok Airways ตอนนั้นโปรฯ มัลดีฟอยู่ที่ประมาณคนละ 15,xxx บาท
ตัดมาที่การเลือกห้องพัก ทริปนี้ไปด้วยกัน 3 ครอบครัว มีลูกอายุไล่ๆกัน
1. ครอบครัวแอน ผู้ใหญ่ 2 เด็ก 2 (3/4 ขวบ)
2. ครอบครัวที่สอง ผู้ใหญ่ 2 เด็ก 3 (3/5/9 ขวบ)
3. ครอบครัวที่สาม ผู้ใหญ่ 2 เด็ก 1 (3 ขวบ)
ที่ต้องเกริ่น เพราะจำนวนคนพักและเด็กมีผลต่อการจองห้องด้วยเหมือนกัน
ที่นี่จะมีห้องพักกลางน้ำอยู่ 3 โซน (ขอข้ามห้องโซนชายหาดไปนะคะ)
1. Sunset Ocean Pool Villa
2. Deluxe Water Villa

** สองแบบนี้ทางเอเจ้นท์บอกว่าพักได้แค่ ผู้ใหญ่ 2 เด็ก 1 เกินกว่านั้นต้องพักแบบที่ 3 ค่ะ
บ้านเพื่อนที่มีลูกคนเดียว ใจจริงแอนอยากได้ห้องนี้เหมือนกันค่ะ แต่เค้าบอกว่าเด็ก 2 ต้องอีกห้องนึง ห้องแบบ 2 และ 3 ราคาเท่าๆกันนะคะ ไม่ต่างกันมาก แบบ Sunset Pool Villa ราคาจะค่อนข้างสูงนิดนึงค่ะ
3. Deluxe Family Water Villa
ห้องนี้จะเป็นแบบ 2 ห้องนอน มีเตียงสองชั้นสำหรับเด็กค่ะ บ้านแอนและบ้านเพื่อนที่มีเด็ก 3คน จึงต้องเลือกห้องนี้ค่ะ
ห้องแบบนี้จะมีรั้วกั้นระหว่างทางเดินไปห้องพักและภายในห้องพัก อาจจะเพื่อความปลอดภัยของเด็กๆด้วย ถ้าบ้านที่เด็กๆชอบวิ่งไปมาก็ดูปลอดภัยดี ตัดความกังวลเรื่องวิ่งตกน้ำออกไปได้ค่ะ แต่วิวตรงระเบียงห้องก็จะไม่ได้เปิดโล่งสวยงามเท่า 2 แบบแรกนะคะ รูปห้องจากเว็บประมาณนี้ค่ะ
แผนที่รีสอร์ทนะคะ วงกลมสีเหลืองๆเป็นห้องที่แอนและเพื่อนๆพักกันค่ะ
จะมีโซน Sunset Pool Villa ห้องที่วงกลมสีขาว เป็นห้องที่แอนอัพเกรดห้องพักในคืนสุดท้ายค่ะ จะเล่าให้ฟังอีกทีนะคะ
หลังจากจองแพคเกจที่พักและตั๋วเสร็จแล้วก็รอเวลาค่ะ แอนจองล่วงหน้าประมาณเดือนมีนาคม และไปเข้าพักปลายเดือนมิถุนายน ช่วงเด็กๆปิดเทอมพอดี ทีแรกก็ห่วงว่าจะเจอฝนมั้ย ไปกับเด็กเจอฝนอาจจะลำบาก ทะเลก็อาจจะไม่สวย แต่หาข้อมูลมาเค้าว่ามัลดีฟเที่ยวได้ทั้งปี ฝนจะตกแบบตกๆหยุดๆแป๊ปเดียว ก็เลยจองไป จริงๆช่วงไฮของที่นี่จะประมาณเดือน พฤศจิกายน - เมษายน
หลังงาน ทาง Agent ที่แอนจองไปก็จะมีส่ง Voucher และรายละเอียดแพคเกจที่พัก รายละเอียดโปรแกรม All Inclusive การเตรียมตัว รวมถึงใบผ่านเข้า ตม. ของมาเล่ให้ด้วยค่ะ ครบมาก ตรงนี้ประทับใจเลยค่ะ
ก่อนเดินทางก็มีคนโทรมาแจ้งให้เช็คว่าพาสปอร์ตไกล้หมดอายุหรือยังให้เช็คอีกที ถือว่าใส่ใจดีค่ะ หน้าตาประมาณนี้ที่เค้าส่งมาให้นะคะ รูปอาจไม่ชัดนะคะ ส่งให้ดูเป็นตัวอย่างคร่าวๆว่ารายละเอียดประมาณนี้ มีอธิบายเป็นภาษาไทยให้เลยค่ะ
จริงๆรายละเอียดพวกนี้ที่รีสอร์ทก็มีให้อยู่แล้วนะคะตอนที่ไปเข้าพัก แต่จะเป็นภาษาอังกฤษค่ะ แต่พักที่นี่ไม่ต้องกังวลเลยค่ะ พนักงานคนไทยเพียบ ลืมไปเลยค่ะว่าอยู่มัลดีฟ
[CR] Maldives กับแก๊งค์เด็ก 6 คน ใครว่ามัลดีฟพาลูกเล็กไปพักบ้านกลางน้ำไม่ได้ ไปแล้วเป็นยังไง มาชมรีวิวกันค่าา
สวัสดีค่ะ ห่างหายไปนานมากกับการรีวิวห้อง Blue Planet ขอเกริ่นแนะนำตัวก่อนนะคะ ตอนนี้แอนมีลูกสาว 2 คน คนโตเกือบ 5 ขวบ คนเล็ก 3ขวบครึ่ง ครอบครัวเราชอบเที่ยวค่ะ ไปเที่ยวกันมาหลายที่แต่ไม่มีโอกาสได้เข้ามารีวิว ส่วนมากแอนไปกันเองไม่ใช้ทัวร์ค่ะ ทริปนี้ตั้งใจเก็บข้อมูลมารีวิวเท่าที่จะสามารถ เพราะการไปเที่ยวกับลูกเล็กก็วุ่นวายใช้ได้เลย แต่ที่อยากมารีวิวทริปนี้เพราะว่าก่อนไปมัลดีฟ แอนพยายามหาข้อมูลเกี่ยวกับการไปเที่ยวที่นี่แบบมีเด็กเล็กไป เจอน้อยมาก หรือมีก็นานแล้ว เลยอยากเอาข้อมูลมาฝากเพื่อนๆที่หาข้อมูลเที่ยวที่นี่อยู่เหมือนกัน แบบอัพเดทปี 2017 นี้นะค้า เพื่อแชร์ประสบการณ์พาลูกเล็กเที่ยว ข้อมูลรูปภาพอาจไม่ได้แน่นมากมาย รูปก็อาจจะไม่สวยมาก ถ่ายกดๆไป แต่หวังว่ารีวิวนี้จะช่วยได้บ้างไม่มากก็น้อย ผิดพลาดอย่างไรต้องขออภัยด้วยค่า
เข้าเรื่องเลยละกัน
หลังจากที่ไปเดินงานท่องเที่ยวมาหลายครั้ง ผ่านบู้ทที่ขายแพคเกจมัลดีฟ เดินเข้าไปกี่ที่ๆก็ตอบแค่ว่าเด็กไม่สามารถพักบ้านกลางน้ำได้ เราก็เดินกันออกมา ถ้าลูกไปไม่ได้ เราก็ไม่ไปดีกว่า ทิ้งลูกไว้แล้วไปเที่ยวกันเอง คงจะไม่สนุกแน่ๆ
จนมาวันนึง เพื่อนมาจุดประกายว่า เด็กพักบ้านกลางน้ำได้นะ เห็นมีคนลงรูปในเฟส ตัวเล็กๆเท่าลูกเรานี่ล่ะ เราก็ห๊ะ จริงเหรอ แล้วรีบกดหาข้อมูลใหม่ ที่พักที่ไหนบ้างในมัลดีฟที่ให้เด็กพักกลางน้ำได้ เท่าที่แอนพอหามาได้ก็จะมี
* Centara Grand Maldives
* Safari Island Resort & Spa Maldives
* Constance Halaveli Maldives
* Constance Moofushi
* Niyama Per Aqum
หาข้อมูลไปมา ปรึกษากับเพื่อน มาจบที่นี่ Centara Grand Island Resort & Spa Maldives เพราะเห็นว่ามี Kids Club มีกิจกรรมทางน้ำหลากหลาย มีพนักงานคนไทย และมีร้านอาหารไทย (ลูกเป็นคนค่อนข้างทานยาก อาหารแปลกๆจะไม่ยอมลองเลยค่ะ) ดูราคาก็พอสู้ไหวไม่แพงจนเกินไป
พอดีมีงานเที่ยวทั่วไทยไปทั่วโลกช่วงนั้นพอดี เลยชวนกันไปเดินหาที่จองแพคเกจ เดินไปบู้ท Centara เลย แต่ดูราคาแล้วก็แอบเงิบเล็กๆ เลยลองเดินเทียบดูอีกแป๊ป มาเจออีกบู้ท ราคาถูกลงนิดหน่อย พนักงานให้รายละเอียดดีค่ะ บู้ทนี้เป็น Agent จองที่พักที่มัลดีฟ มีให้เลือกหลายรีสอร์ท แต่เราเลือกที่ Centara Grand Maldives ค่ะ
แพคเกจที่เค้าเสนอมาทีแรก การเดินทางไปรีสอร์ทจากสนามบินมาเล่ (Maldives) จะเป็นนั่งเครื่องบินใบพัด (ไม่ใช่ Seaplane นะคะ) จากมาเล่ แอร์พอร์ต ไปลงอีกสนามบินภายในประเทศ และ ไปต่อเรือสปีดโบ๊ทไปยังรีสอร์ทอีกที เราเลยขอเพิ่มเงินเปลี่ยนเป็นนั่ง Seaplane แทน ไหนๆไปแล้วถ้าไม่ขึ้น Seaplane ก็เหมือนไปไม่ถึง และคิดว่าเรามีเด็กเล็ก นั่ง Seaplane น่าจะเร็วและสะดวกกว่า หลังจากสอบถามข้อมูล ได้ใบเสนอราคาครบ ก็จองกันเลย เราจองกันไป 3 คืนนะคะ ที่นี่ขั้นต่ำจะให้พัก 3 คืนค่ะ เป็นแบบ All Inclusive รวมค่าอาหารและกิจกรรมบนเกาะพร้อมทัวร์ชมรอบเกาะ จะเล่ารายละเอียดอีกทีนะคะ
ราคาที่พักของผู้ใหญ่จะคิดราคาเป็นคน เด็กก็บวกเพิ่มมานิดหน่อย ราคาไม่เท่าผู้ใหญ่ค่ะ ลูกคนแรกบวกเพิ่ม 800 ลูกคนที่สองพิ่ม 9,900
ใครมีลูกคนเดียวสบายหน่อยค่ะ แล้วก็มีเพิ่มค่าเปลี่ยนเป็น Seaplane
เสร็จแล้วเราก็เดินไปจองตั๋วที่บู๊ท Bangkok Airways ตอนนั้นโปรฯ มัลดีฟอยู่ที่ประมาณคนละ 15,xxx บาท
ตัดมาที่การเลือกห้องพัก ทริปนี้ไปด้วยกัน 3 ครอบครัว มีลูกอายุไล่ๆกัน
1. ครอบครัวแอน ผู้ใหญ่ 2 เด็ก 2 (3/4 ขวบ)
2. ครอบครัวที่สอง ผู้ใหญ่ 2 เด็ก 3 (3/5/9 ขวบ)
3. ครอบครัวที่สาม ผู้ใหญ่ 2 เด็ก 1 (3 ขวบ)
ที่ต้องเกริ่น เพราะจำนวนคนพักและเด็กมีผลต่อการจองห้องด้วยเหมือนกัน
ที่นี่จะมีห้องพักกลางน้ำอยู่ 3 โซน (ขอข้ามห้องโซนชายหาดไปนะคะ)
1. Sunset Ocean Pool Villa
2. Deluxe Water Villa
** สองแบบนี้ทางเอเจ้นท์บอกว่าพักได้แค่ ผู้ใหญ่ 2 เด็ก 1 เกินกว่านั้นต้องพักแบบที่ 3 ค่ะ
บ้านเพื่อนที่มีลูกคนเดียว ใจจริงแอนอยากได้ห้องนี้เหมือนกันค่ะ แต่เค้าบอกว่าเด็ก 2 ต้องอีกห้องนึง ห้องแบบ 2 และ 3 ราคาเท่าๆกันนะคะ ไม่ต่างกันมาก แบบ Sunset Pool Villa ราคาจะค่อนข้างสูงนิดนึงค่ะ
3. Deluxe Family Water Villa
ห้องนี้จะเป็นแบบ 2 ห้องนอน มีเตียงสองชั้นสำหรับเด็กค่ะ บ้านแอนและบ้านเพื่อนที่มีเด็ก 3คน จึงต้องเลือกห้องนี้ค่ะ
ห้องแบบนี้จะมีรั้วกั้นระหว่างทางเดินไปห้องพักและภายในห้องพัก อาจจะเพื่อความปลอดภัยของเด็กๆด้วย ถ้าบ้านที่เด็กๆชอบวิ่งไปมาก็ดูปลอดภัยดี ตัดความกังวลเรื่องวิ่งตกน้ำออกไปได้ค่ะ แต่วิวตรงระเบียงห้องก็จะไม่ได้เปิดโล่งสวยงามเท่า 2 แบบแรกนะคะ รูปห้องจากเว็บประมาณนี้ค่ะ
จะมีโซน Sunset Pool Villa ห้องที่วงกลมสีขาว เป็นห้องที่แอนอัพเกรดห้องพักในคืนสุดท้ายค่ะ จะเล่าให้ฟังอีกทีนะคะ
หลังจากจองแพคเกจที่พักและตั๋วเสร็จแล้วก็รอเวลาค่ะ แอนจองล่วงหน้าประมาณเดือนมีนาคม และไปเข้าพักปลายเดือนมิถุนายน ช่วงเด็กๆปิดเทอมพอดี ทีแรกก็ห่วงว่าจะเจอฝนมั้ย ไปกับเด็กเจอฝนอาจจะลำบาก ทะเลก็อาจจะไม่สวย แต่หาข้อมูลมาเค้าว่ามัลดีฟเที่ยวได้ทั้งปี ฝนจะตกแบบตกๆหยุดๆแป๊ปเดียว ก็เลยจองไป จริงๆช่วงไฮของที่นี่จะประมาณเดือน พฤศจิกายน - เมษายน
หลังงาน ทาง Agent ที่แอนจองไปก็จะมีส่ง Voucher และรายละเอียดแพคเกจที่พัก รายละเอียดโปรแกรม All Inclusive การเตรียมตัว รวมถึงใบผ่านเข้า ตม. ของมาเล่ให้ด้วยค่ะ ครบมาก ตรงนี้ประทับใจเลยค่ะ
ก่อนเดินทางก็มีคนโทรมาแจ้งให้เช็คว่าพาสปอร์ตไกล้หมดอายุหรือยังให้เช็คอีกที ถือว่าใส่ใจดีค่ะ หน้าตาประมาณนี้ที่เค้าส่งมาให้นะคะ รูปอาจไม่ชัดนะคะ ส่งให้ดูเป็นตัวอย่างคร่าวๆว่ารายละเอียดประมาณนี้ มีอธิบายเป็นภาษาไทยให้เลยค่ะ
จริงๆรายละเอียดพวกนี้ที่รีสอร์ทก็มีให้อยู่แล้วนะคะตอนที่ไปเข้าพัก แต่จะเป็นภาษาอังกฤษค่ะ แต่พักที่นี่ไม่ต้องกังวลเลยค่ะ พนักงานคนไทยเพียบ ลืมไปเลยค่ะว่าอยู่มัลดีฟ