>>>ตะลุยเดี่ยวเที่ยวสวิส แบบชีวิตไร้คู่ by เพจแพนด้าตาบวม<<< Day 1-2

สวัสดีจ้า เราเป็นแอดมินเพจ "แพนด้าตาบวม" ปกติไม่ค่อยได้เล่นพันธุ์ทิพย์ ไปเที่ยวไหนก็จะรีวิวลงเพจตัวเอง
งวดนี้เลยอยากลองมาเขียนรีวิวในนี้ดู เป็นครั้งแรก ยังไงฝากเนื้อฝากตัวด้วยเน้อออออ

เริ่มเลยละกัน ขอเรียกตัวเองว่า ด้า นะจ๊ะ
ทริปสวิสทริปนี้ จริงๆ จะต้องได้มาตั้งแต่ปลายปีที่แล้วกับใครบางคน แต่เกิดเรื่องไม่คาดฝัน ทำให้ต้องเลื่อนและมาคนเดียว T_T
คนรอบตัวทักเต็มไปหมดว่าด้าบ้าหรือเปล่า จะเที่ยวสวิสคนเดียว ทำไงได้ ตั๋วเป็นตั๋วแลกไมล์การบินไทย เปลี่ยนไฟลท์ก็ไม่ได้ เก็บได้แค่ปีเดียวก็เลยต้องมา
เลยต้องตัดใจ จัดของใส่กระเป๋ามาคนเดียว

วันที่  1 : เดินเปลี่ยวๆ เที่ยว Zurich
แน่นอนออกจากประเทศเดินทางด้วยเครื่องบินจ้า นั่งการบินไทยเพราะกลัวอาหารสายการบินอื่นกินไม่ได้ (เรื่องกินเรื่องใหญ่) บินตรงลงซูริค (Zurich) ใช้เวลาอยู่บนเครื่อง 10 ชั่วโมงครึ่ง ตูดด้านกันไป เวลาที่นี่ช้ากว่าเมืองไทย 5 ชั่วโมง ก็ถ้าที่ไทย 6 โมงเช้า ที่นี่พึ่งตี 1 จ้า

ถึงสนามบินปุ๊ป ก็นั่งรถไฟฟ้าเข้าเมืองไปสถานี Zurich HB อย่าถามว่า HB คือไร บอกเลยไม่รู้ ถ้าให้เดาน่าจะอารมณ์สถานีหัวลำโพงของซูริคเค้า
เดินงงๆ อยู่ในสถานี เจอญาติทางกายภาพ "รูปปั้นนางฟ้าอ้วน" ลอยอยู่ใต้หลังคาจ้าาาาา คิดในใจถ้ามีรูปปั้นแพนด้าลอยใต้หลังคาหัวลำโพงบ้างน่าจะดี

เดินงงๆ ออกมานอกสถานี โอ๊ะ เจออนุเสาวรีย์หน้าตาคล้ายอนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ รูปปั้นเหล่านี้มีที่มายังไงนั้น....ก็ไม่รู้อีกนะแหละ แต่ดูๆแล้วน่าจะเกี่ยวกับการต่อสู้นะ

ถ่ายรูปเสร็จก็เดินตรงมาเรื่อยๆ เจอถนนเส้นนี้ชื่อว่า ถนนบานโฮฟซตราสเซอ (Bahnhofstrasse) นี่ก็อปกูเกิ้ลมา อย่าถามว่าออกเสียงยังไง คำไทยอ่านยังงงๆ อยู่เลย กูเกิ้ลบอกว่าเป็นถนนเส้นช้อปปิ้งขึ้นชื่อของซูริค ก็น่าจะจริงๆ ด้าเดินๆ ดูแล้วมีแต่ร้านขายของ เสื้อผ้า นาฬิกา แบรนด์เนมเพียบ ถามว่าได้อะไรมาบ้าง หึๆ ไม่ได้กินด้าหรอก ไม่มีตัง!!

ที่นี่ดีอย่าง ตรงที่ตึกบางตึกเค้ายังคงไว้สถาปัตยกรรมแบบเดิมๆ อย่างในรูปนี่ก็เดินมั่วๆ เห็นตึกสวยดี ลองขึ้นบันไดมาก็เจอรูปวาดอย่างที่เห็น แต่เอาจริงๆ แอบคิดในใจ กลางคืนน่าจะหลอนพิกล

เอ้าเดินตรงไปอีก มาเจอทะเลสาป ก็อย่างที่คิดไว้จริงๆ มันเป็นประเทศที่คนเค้ามาเป็นคู่ มองไปทางไหนก็มีแต่คู่รัก ดูอย่างในรูป ยืนอยู่บนสะพานข้ามทะเลสาป จะถ่ายรูปลงมายังเจอคู่นี้นั่งอยู่ ไล่ก็ไม่ได้ ฮืออออออออออ
ขนาดห่านยังมาเป็นคู่

ก็เดินหลงๆ ข้ามสะพานไปมา เข้าโบสถ์ดูนู่นนี่นั่น แต่เค้าไม่ให้ถ่ายรูป เลยไม่มีให้ดู แต่จังหวะเดินออกจากโบสถ์เหลือบไปเห็นกรุ๊ปทัวร์สะบัดธงอยู่ เลยแอบเนียนเดินตามห้าง อาศัยเค้านำทางไป เลยได้มาเจอป้อมปราการ ลินเดนฮอฟ (Lindenhof) กูเกิ้ลอีกนะแหละ เดินเหนื่อยมากกก มันเป็นขึ้นเนิน ขึ้นมาได้ปุ๊ปก็จะเป็นลานกว้างๆ มีมุมจุดชมวิว คนเค้าก็ถ่ายรูปกันหนุงหนิงๆ ส่วนด้าเหรอ ถ่ายวิวรัวๆ แล้วก็นั่งเหม่อมองไปไกลๆ อยู่พักใหญ่ แล้วก็เหนื่อยละเลิกกลับที่พัก ปวดขามากกกกกกกก

จบวันแรกที่ Zurich ด้วยความที่ต้องเดินทางต่อไปที่พักเลยไม่ได้มีเวลาเยอะ ต่อวันที่ 2 เลยละกัน

วันที่ 2 : แบกความเหงา ไปหนาวตายบนเขากันไปเลยยยย

เมื่อวานด้าพักที่ Bern ด้วยความที่ยังปรับเวลาไม่ได้ และที่นี่มืดช้ามาก สามทุ่มฟ้ายังสว่างอยู่เลย
เลยได้เริ่มวันที่ 2 ด้วยการตื่นตี 4 ครึ่งออกมาวิ่ง ก็วิ่งเรื่อยเปื่อยไปเลย เลี้ยวไปเลี้ยวมา เข้าป่ามาเจอลำธาร ก็เลยนั่งถอนหายใจอยู่พักใหญ่ ใหญ่จริงๆ เพราะตอนวิ่งออกจากป่ารู้สึกได้มีใยแมงมุมติดตามตัว ต่างจากวันที่เธอเดินจากไปแบบไม่เหลือเยื่อใย ซิกๆ

หลังจากวิ่งเสร็จก็กลับมาอาบน้ำแต่งตัว ออกเดินทางไปสถานีรถไฟ Zweilütschinen ..... แค่เห็นชื่อก็ไม่คิดจะพยายามอ่านบอกตรง ก็ขึ้นรถไฟจากสถานีนี้ เพื่อที่จะไป Jungfrau ซึ่งกว่าจะไปถึงต้องเปลี่ยนขบวนวุ่นวายเหมือนกัน ให้ไปอีกทีก็จะไม่ได้ว่าเปลี่ยนอะไรยังไง เพราะฉะนั้นข้ามไปละกัน

ตัดมาตอนขึ้นรถไฟขบวนที่จะไป Jungfrau เลย ระหว่างทางจะแบบเห็นความสวยงามของทิวทัศน์เป็นระยะ ภูเขาสีขาวโพลน ต้องบอกว่าตื่นเต้นมากๆ ช่วงแรกๆ พอสักพักเท่านั้นแหละ.....เริ่มแบบเอิ่มมมม มันก็มีแต่ไอขาวๆ นี่ละ
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
อ่อลืมบอก ตอนขึ้นรถไฟ เค้าจะให้ Jungfrau passport มาเล่มนึง เป็นเหมือนคู่มือในการเที่ยวบนนั้นพร้อมแผนที่อธิบายสถานีรถไฟบนเขา กับ จุดสำหรับนักท่องเที่ยว แล้วก็จะมีหน้านึงไว้สำหรับประทับตาว่าเราพิชิต Jungfrau ได้แล้ว (ตามรูป) ซึ่ง ด้าแวะไม่ครบ อันไหนข้ามได้ข้าม

จุดแรกด้าไป Sphinx เป็นจุดชมวิว ขาวไปหมด คือ Jungfrau ความแปลกของมันคือ อากาศมันติดลบ ลบแบบจริงจัง -20 องศา แต่อากาศมันไม่ได้หนาวแบบแข็งตาย บางจุดร้อนด้วยซ้ำ ด้วยความที่มันใกล้ดวงอาทิตย์ (อยู่บนหัวเราเลย) จริงๆ จังหวะที่หนาวตอนอยู่บนนั้นมีอยู่ 2 จังหวะ
1. จังหวะที่เดินในถ้ำทางเดินจากจุดนึงไปอีกจุดนึง ด้วยความที่ไม่โดนแดด เลยได้ไอเย็นเต็มๆ
2. จังหวะหิมะเข้าไปในรองเท้า....อันนี้แบบทรมานเล็กน้อยจะหยิบออกมันก็ละลายไปแล้วนึกออกมะ
Sphinx ก็ไม่มีไรมาก เป็นพื้นที่สงครามแย่งชิงมุมการถ่ายรูปกับทัวร์จีน อย่าคาดหวังจะได้รูปportrait สงบๆ ยากมาก
จุดที่ 2 ที่ไป คือ Aletsch Glacier (Snow fun) เป็นพื้นที่กิจกรรม มีให้เลือกหลายอย่างจะสกี สโนว์บอร์ด โหนสลิง รถเลื่อน และ ห่วงยาง ไม่ต้องสืบว่าด้าเล่นอันไหน แน่นอนมันก็ต้องอันที่ปลอดภัยที่สุด ชีวิตแพนด้าใกล้สูญพันธุ์แบบเรา มันก็ต้องแบบนี้แหละ
จุดที่ 3 ที่แวะคือ Ice Palace เป็นถ้ำน้ำแข็ง มีการสลักน้ำแข็งเป็นรูปต่างๆ โซนนี้จะหนาวๆ หน่อย แต่ไม่ได้สาหัสมาก ฟิวลิ่งเหมือนเวลาไปยืนหน้าตู้แช่ในsupermarket นานๆ แล้วก็เช่นเดิม การแย่งชิงพื้นที่ถ่ายรูป แต่อันนี้หนักกว่าเพราะมันเป็นพื้นที่ปิด รูปก็อยากได้ หนาวก็หนาว คนอื่นเค้ากอดกันโครมๆ มีเกาหลีคู่นึง โพสแบบหันหน้าเข้าหากัน กอดคอกันไว้นิ่งๆ แล้วให้เพื่อนถ่ายให้ อารมณ์โปสเตอร์หนังเกาหลี ด้านี่แทบจะวิ่งกลับไปจุดเมื่อกี้ ปั้นหิมะมาปาหน้า หมั่นไส้!!!!

จุดสุดท้าย ได้แก่ Plateau เป็นจุดสูงที่สุดสำหรับนักท่องเที่ยว มีธงชาติสวิสปักอยู่ให้ถ่ายรูป อันนี้เรียกได้ว่า เป็นสงครามโลกอย่างแท้จริง นอกจากแย่งมุมถ่ายไม่พอ.....พี่ๆ หลายคนแกรอให้ลมพัดธงสะบัดแล้วค่อยถ่ายกับธงอันใหญ่ (มี 2 อัน อันเล็กไม่ค่อยป๊อปเท่าไหร่)
จบวันที่ 2 จากการมาเยี่ยมเยือน Jungfrau ครั้งนี้ ด้าขอแนะนำคนที่คิดจะมา 2-3 อย่าง

1. ถ้าไม่ได้เป็นคนขี้หนาวมาก ไม่ต้องเอาเสื้อหนาวแบบใส่แล้วเป็นมาสคอตยางมิชลินมา มันไม่ได้ขนาดนั้น
2. อย่าตื่นเต้นกับการถ่ายรูประหว่างนั่งรถไฟขึ้นเขา เดี๋ยวขึ้นไปได้เห็นสมใจอยาก ใช้เวลาในการซึมซับด้วยตาตัวเองดีกว่า
3. ไม่มีเค้าบ้ามาคนเดียว อย่าทำแบบด้า ไม่ดี ตอนเล่นห่วงยางแล้วต้องลากกลับมาคืนเค้าดูแบบเหงาจุงเบยมาก
ไว้มาต่อวันที่ 3 อีกทีน้าาา
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่