เผื่อเป็นประโยชน์แก่คุณแม่อื่นๆ นะคะ
เริ่มเลย เราอายุ 33 ปี สมควรแก่การมีลูกนานละ แต่พอท้องจริงๆขึ้นมาก็ตกใจอยู่บ้างเหมือนกัน แรกๆต้องท้องได้ 2 -3 เดือน
ก็แอบมีอาการหดหู่ ซึมเศร้าเบาๆ แต่ไม่มาก ร้องไห้ไปก็หาย โชคดีมีแม่และสามีให้กำลังใจ
พอท้องได้ 5-6 เดือน เริ่มชั่ง นน.ลงแม่หมด แทบไม่ลงลูกเลย หมอก็กลัวลูกจะตัวเล็กเลยให้ดั้มอาหารเพิ่ม ทั้งไข่ ทั้งนม
ตอนแรกลดการทานนม ไข่ มาน้อยลงมากเพราะกลัวลูกแพ้ ส่วนอื่นๆก็ปกติ นน.เพิ่มจนถึงคลอดคือ 20 กิโล นน.ลูกผ่านเกณฑ์พอดี
เข้าเดือนสุดท้าย สัปดาห์ที่ 39 จะครบหนดอีกเพียง 1 วันเท่านั้น ตื่นมา พบว่า ตัวเองน้ำคร่ำแตก
น้ำใสๆ ไหลออกมาประมาณ ถ้วยนึง และคอยหยดเรื่อยๆ เริ่มกลัวเพราะอยู่คนเดียว เลยโทรเรียกสามีมารับไป รพ. ตอนนั้นไม่เจ็บอะไร
ใจก็ภาวนา ขอให้ลูกคลอดง่าย
เราตั้งใจคลอดธรรมชาติ ฝากท้องและคลอดที่ รพ.เอกชนแห่งนึงแถวโบ๊เบ๊ แพงเท่าไหร่ไม่ว่าขอให้ดูแลลูกเราให้ปลอดภัย
เราเช็คแล้วว่า รพ. นี้เน้นสนับสนุน นมแม่ ยิ่งไว้ใจ
ปัญหาเริ่มเกิดจากตรงนี้..
เราไปถึง รพ.ช้า เพราะเป็นช่วงเย็นๆ รถติดมาก จากตอนที่พบว่า น้ำคร่ำแตก จนไปถึง รพ. ใช้เวลา 2-3 ชม.
ไปถึง ก็โดนพยาบาลเวรด่าก่อนเลยว่า ทำไมมาช้า น้ำคร่ำแตกก็รีบให้มาสิ คืออันนี้โทษตัวเองที่ช้า แต่เรารีบที่สุดแล้วล่ะได้แค่นี้จริงๆ
พยาบาลไล่ไปอาบน้ำอีกครั้ง แต่จริงๆเราพึ่งอาบมา จับโกนขน จับนอนรอดูอาการ ตอนนั้นพยาบาลเลิกลั่กกันนิดนึง แถมบ่นว่า มาเย็นไป
หมอกลับไปหมดแล้ว เหลือแต่หมอเวร (คือ ลูกคลอดเรากำหนดเวลาได้หรอ)
เราก็ได้แต่นอนรอคลอดไปเรื่อยๆ จาก 4 โมงเย็น ไปจนถึงสองทุ่ม หมอให้พยาบาลใช้นิ้ววัดความกว้างของ ปากมดลูก ว่าเปิดรึยัง
เราเจ็บมากเวลาตรวจปากมดลูกทุกครั้ง แต่ก็ทนทุกครั้ง (จำได้ครั้งแรกตรวจตอนก่อนคลอด หมอเสียบมือพรวดเข้าไปเลย เราเดินออกมาจุก
ตัวงอ ไม่คิดว่าจะเจ็บจุกขนาดนี้ ลองถามคนอื่นมีแต่บอกก็เจ็บแต่พอทนได้ บางคนบอกไม่เจ็บเท่าไหร่ อันนี้เป็นจุดนึงที่ตอนแรกคิดว่า
ตัวเองอ่อนแอ แต่จริงๆน่าจะไม่ปกติ)
"ปากมดลูกไม่เปิดนะ นอนรอไปก่อน" เราก็ได้แต่นอนรอไป น้ำคร่ำไหลออกมาเรื่อยๆ พยาบาลเลยให้นอนราบ น้ำคร่ำจะได้ไม่ไหลออกหมด
จากนั้น พยาบาลก็แนะให้แฟนเรากลับไปนอนที่บ้าน เพราะห้องรอคลอดมันเล็ก ไม่สะดวกนอน (แต่ก็คิดเงินเท่าค่าห้องนอนนะตอนหลัง)
แฟนเรากลับไป พยาบาลก็แวะมาดูบ้าง เรานอนเฉยๆ ไม่เจ็บไม่ปวดอะไรเลย จนถึงตี 2
เห็นข่าวทารกสำลักน้ำคร่ำเสียชีวิต เลยอยากเล่าประสบการณ์คลอดลูกที่สะพรึงของเรา
เริ่มเลย เราอายุ 33 ปี สมควรแก่การมีลูกนานละ แต่พอท้องจริงๆขึ้นมาก็ตกใจอยู่บ้างเหมือนกัน แรกๆต้องท้องได้ 2 -3 เดือน
ก็แอบมีอาการหดหู่ ซึมเศร้าเบาๆ แต่ไม่มาก ร้องไห้ไปก็หาย โชคดีมีแม่และสามีให้กำลังใจ
พอท้องได้ 5-6 เดือน เริ่มชั่ง นน.ลงแม่หมด แทบไม่ลงลูกเลย หมอก็กลัวลูกจะตัวเล็กเลยให้ดั้มอาหารเพิ่ม ทั้งไข่ ทั้งนม
ตอนแรกลดการทานนม ไข่ มาน้อยลงมากเพราะกลัวลูกแพ้ ส่วนอื่นๆก็ปกติ นน.เพิ่มจนถึงคลอดคือ 20 กิโล นน.ลูกผ่านเกณฑ์พอดี
เข้าเดือนสุดท้าย สัปดาห์ที่ 39 จะครบหนดอีกเพียง 1 วันเท่านั้น ตื่นมา พบว่า ตัวเองน้ำคร่ำแตก
น้ำใสๆ ไหลออกมาประมาณ ถ้วยนึง และคอยหยดเรื่อยๆ เริ่มกลัวเพราะอยู่คนเดียว เลยโทรเรียกสามีมารับไป รพ. ตอนนั้นไม่เจ็บอะไร
ใจก็ภาวนา ขอให้ลูกคลอดง่าย
เราตั้งใจคลอดธรรมชาติ ฝากท้องและคลอดที่ รพ.เอกชนแห่งนึงแถวโบ๊เบ๊ แพงเท่าไหร่ไม่ว่าขอให้ดูแลลูกเราให้ปลอดภัย
เราเช็คแล้วว่า รพ. นี้เน้นสนับสนุน นมแม่ ยิ่งไว้ใจ
ปัญหาเริ่มเกิดจากตรงนี้..
เราไปถึง รพ.ช้า เพราะเป็นช่วงเย็นๆ รถติดมาก จากตอนที่พบว่า น้ำคร่ำแตก จนไปถึง รพ. ใช้เวลา 2-3 ชม.
ไปถึง ก็โดนพยาบาลเวรด่าก่อนเลยว่า ทำไมมาช้า น้ำคร่ำแตกก็รีบให้มาสิ คืออันนี้โทษตัวเองที่ช้า แต่เรารีบที่สุดแล้วล่ะได้แค่นี้จริงๆ
พยาบาลไล่ไปอาบน้ำอีกครั้ง แต่จริงๆเราพึ่งอาบมา จับโกนขน จับนอนรอดูอาการ ตอนนั้นพยาบาลเลิกลั่กกันนิดนึง แถมบ่นว่า มาเย็นไป
หมอกลับไปหมดแล้ว เหลือแต่หมอเวร (คือ ลูกคลอดเรากำหนดเวลาได้หรอ)
เราก็ได้แต่นอนรอคลอดไปเรื่อยๆ จาก 4 โมงเย็น ไปจนถึงสองทุ่ม หมอให้พยาบาลใช้นิ้ววัดความกว้างของ ปากมดลูก ว่าเปิดรึยัง
เราเจ็บมากเวลาตรวจปากมดลูกทุกครั้ง แต่ก็ทนทุกครั้ง (จำได้ครั้งแรกตรวจตอนก่อนคลอด หมอเสียบมือพรวดเข้าไปเลย เราเดินออกมาจุก
ตัวงอ ไม่คิดว่าจะเจ็บจุกขนาดนี้ ลองถามคนอื่นมีแต่บอกก็เจ็บแต่พอทนได้ บางคนบอกไม่เจ็บเท่าไหร่ อันนี้เป็นจุดนึงที่ตอนแรกคิดว่า
ตัวเองอ่อนแอ แต่จริงๆน่าจะไม่ปกติ)
"ปากมดลูกไม่เปิดนะ นอนรอไปก่อน" เราก็ได้แต่นอนรอไป น้ำคร่ำไหลออกมาเรื่อยๆ พยาบาลเลยให้นอนราบ น้ำคร่ำจะได้ไม่ไหลออกหมด
จากนั้น พยาบาลก็แนะให้แฟนเรากลับไปนอนที่บ้าน เพราะห้องรอคลอดมันเล็ก ไม่สะดวกนอน (แต่ก็คิดเงินเท่าค่าห้องนอนนะตอนหลัง)
แฟนเรากลับไป พยาบาลก็แวะมาดูบ้าง เรานอนเฉยๆ ไม่เจ็บไม่ปวดอะไรเลย จนถึงตี 2