เรียนเป็นนักกายภาพบำบัดหรือจพง.เภสัชกรรมดี

ผมยังคงลังเลอยู่ตัดสินใจไม่ถูกว่าจะเรียนอะไรดี เมื่อมองหลายองค์ประกอบก็ยิ่งทำให้ตัดสินใจไม่ได้

ระหว่างปวส.เทคนิคเภสัชกรรม ของวิทยาลัยการสาธารณสุขสิรินธร เป็นวุฒิปวส. จบมาทำงานตำแหน่งจพง.เภสัชกรรมในโรงพยาบาล ซึ่งเรียนจบมามีงานรองรับแน่ๆ ไม่ต้องลำบากหางาน แต่ก็เป็นวุฒิที่ต่อยอดได้ไม่มาก ถ้าเรียนต่อก็เรียนได้แค่สาธารณสุขศาสตร์บัณฑิต หลักสูตรต่อเนื่อง 2 ปี หรือถ้าอยากเรียนเภสัชศาสตร์ก็ต้องสอบเข้าให้ได้ แล้วเรียน 6 ปีเหมือนจบม. 6 เลย จะดีก็ตรงจบมามีงานทำมีเงินเดือนกันไม่เดือดร้อน สามารถเลี้ยงตัวเองได้ระดับหนึ่ง ความก้าวหน้าในงานไม่มีแน่ๆ  เพราะขึ้นเป็นหัวหน้าก็ไม่ได้ ต้องเป็นระดับปฏิบัติการไปตลอด จะเบนสายไปทำอย่างอื่นก็ไม่ได้เพราะวุฒิไปสมัครงานตำแหน่งอื่นๆไม่ได้เลย เพราะเป็นวุฒิที่ทำขึ้นมาเพื่องานนี้โดยเฉพาะ

กับป.ตรี กายภาพบำบัด มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยก็ค่อนข้างมีชื่อเสียงทางด้านการแพทย์ แต่จบมาต้องหางานทำ ซึ่งไม่รู้ว่าจะมีงานรองรับแค่ไหน ต้องทำงานไกลบ้านไหม จะดีก็ตรงเป็นป.ตรี มีใบประกอบวิชาชีพ แต่ถ้าไม่มีใบประกอบก็ทำอะไรไม่ได้ ยกเว้นป.ตรีก็สามารถไปสมัครตำแหน่งงานอื่นๆได้ อาจจะเป็นที่ระบุว่ารับปริญญาตรีทุกสาขาวิชา หรืออะไร แต่ถ้าทำงานกายภาพบำบัด ก็ไม่มีความก้าวหน้าอีกแหละ เพราะต่อให้จบป.โท ถ้าไม่เบนสายไปเป็นอาจารย์ก็ต้องทำงานเป็นนักกายภาพเหมือนเดิม หน้างานก็เหมือนเดิม ในโรงพยาบาลต่อให้เป็นแผนกกายภาพจะขึ้นเป็นหัวหน้าก็ต้องเป็นแพทย์อยู่ดี จเทียบมันก็ระดับปฏิบัติการ เหมือนกัน เพราะการประกอบวิชาชีพเป็นการปฏิบัติล้วนๆ จะดีหน่อยก็ตรงเรียนต่อป.โทสายอื่นได้แล้วเบนสายไปทำสายนั้นเลย แล้วก็เกิดคำถามว่าจะเสียเวลาเรียนยากๆไปทำไมตั้ง 4 ปีถ้าจะไปทำงานด้านอื่น  

ถามว่าในมุมมองผมมองสองสาขาวิชาชีพนี้ไม่ต่างกันเท่าไรนัก ในแง่ของการทำงานเพราะทั้งสองถ้าทำงานตรงสายที่เรียนมาก็เป็นงานเดิมๆ ไม่ค่อยก้าวหน้า เงินเดือนน้อย เพราะฉนั้นต้องใช้ใจล้วนๆในการทำงาน แต่กายภาพจะดีกว่าที่ตรงเบนสายไปทำอย่างอื่นได้ และสามารถนำวิชาชีพมาประกอบกิจการส่วนตัวได้ แต่ก็ยากนะเพราะสายงานนี้มีบริษัทที่ทำด้านนี้โดยตรงอยู่หลายบริษัท ถ้าจะเปิดแข่งคงไม่ไหว ถ้าไม่ใช่ฝีมือดีจริง ถามว่าทำเคสโฮม ก็ต้องทำเหนื่อยอีกล่ะ เลิกงานแล้วยังต้องทำงานเดิมต่อ หน้างานเดิมๆ แทนที่จะได้พักผ่อน

ด้านเงินเดือนจพง.เภสัชกรรม เป็นลูกจ้างชั่วคราวได้เงินเดือนประมาณ 9000 บาท เป็นพนักงานกระทรวงสาธารณสุข ได้เงินเดือน 12000 บาท ที่กล่าวมายังไม่รวมค่าล่วงเวลา ค่าครองชีพอื่นๆ ไม่น้อยกว่า 3000 บาท เท่าที่ถามรุ่นพี่ดูยังคงบรรจุให้เป็นข้าราชการเรื่อยๆ
นักกายภาพบำบัด เงินเดือนลูกจ้างชั่วคราวประมาณ 12000 บาท หรือไม่แน่นอน เป็นพนักงานกระทรวงสาธารณสุขอาจได้เงินเดือนสูงถึง 19500 บาทรวมค่าใบประกอบวิชาชีพ ถ้าทำงานนอกที่ใช้วิชาชีพ ได้ชัวโมงละ 600-1200 บาท ก็ถือว่าเยอะพอสมควร แต่ยิ่งอยากได้เยอะก็ต้องเหนื่อยเยอะ

ในการหางานกายภาพบำบัดต้องหางานทำ ซึ่งไม่แน่ว่าจะได้ทำใกล้บ้านหรือเปล่า หรือที่แย่ที่สุดอาจจะไม่มีงานทำเลย แต่เทคนิคเภสัชกรรมมีงานรองรับ แค่เรียนจบแล้วไปขึ้นทะเบียน ที่สสจ. ก็จะได้ทำงานที่จังหวัดที่ตัวเองได้โควต้ามา อย่างผมเป็นโควต้าจังหวัดขอนแก่น ก็จะได้ทำงานที่ขอนแก่นแน่ๆ (ผมคนขอนแก่น) แต่ก็อาจจะอยู่ที่ไหนในขอนแก่นก็ได้ ซึ่งอาจจะไม่ใกล้บ้าน แต่ก็ยังอยู่ในขอนแก่น

แล้วตอนนี้ผมกำลังเรียนรัฐประศาสนศาสตร์ มสธ.อยู่ สอบไป 2 ชุดวิชา ผ่านทั้ง 2 ชุดวิชาเหลืออีกวิชาหนึ่งที่จะสอบวันที่ 30 ก.ค.นี้ ซึ่งถ้าผมเรียนจบผมก็จะได้วุฒิป.ตรีไปสมัครงานอย่างอื่นได้ ซึ่งรัฐประศาสนศาสตร์เป็นสาขาที่เรียนกว้างๆ สามารถทำงานได้หลากหลาย แต่ผมก็กังวลว่ามสธ.จะเป็นที่ยอมรับหรือไม่ จะหางานได้หรือเปล่า ผมควรมีปริญญาตรีติดตัวไว้อีกใบหนึ่งไหม หรือเรียนเทคนิคเภสัชกรรม รอเรียนจบป.ตรีแล้วไปสมัครงานอย่างอื่นดี ซึ่งส่วนนี้ก็ต้องนำมาคิดด้วย ทำให้ผมตัดสินใจยากลำบากมาก ผมกลัวจะเรียนได้เกรดน้อยแล้วต่อป.โทไม่ได้ด้วย นี่อีกส่วนหนึ่ง เพราะมสธ.ตัดเกรด S คิดเป็นเกรด 2.3 ควรมีป.ตรีอีกใบหรือไม่ แต่แม่ก็บอกว่าถ้าเรียนป.ตรีแล้วจะมีไปทำไม 2 อัน แต่ถ้าเป็นป.ตรีนิติ จะมีอีกอันก็ยอมรับได้เพราะกฏหมายสามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้ ก็คิดว่าจะย้ายไปสาขานิติศาสตร์ถ้าผมเรียนกายภาพบำบัด อย่างนี้ควรทำหรือไม่

ตอนนี้กำลังสับสนหาจุดของตัวเองไม่เจอครับ ถามว่าอยากเป็นอะไร ต้องตอบว่าไม่ได้อยากเป็นอะไรเลย แค่อยากมีงานทำมีเงินเดือนกิน เลี้ยงชีวิตตัวเองไปจนตายได้เท่านั้นครับ

สรุปแล้วผมควรเลือกเรียนอะไรดีครับ ถ้าเป็นคุณ คุณจะจัดการกับชีวิตอย่างไร และเลือกทางไหนครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่