รักกำมะลอ....ไม่รู้จักฉันไม่รู้จักเธอ
ลายลิขิต
ฉันแหงนหน้ามองตัวหนังสือที่วิ่งอยู่บนป้ายไฟหน้าโรงภาพยนต์ที่กำลังฉายหนังรักโรแมนติกเรื่องดัง
"กฏสำหรับผู้เข้ามาชมภาพยนต์...ภาพยนต์เรื่องนี้ไม่เหมาะกับคนโสด ไม่ควรมาชมภาพยนต์ตามลำพัง ควรมาชมกับคนรัก"
ฉันยิ้มให้ตัวเองขณะอ่านข้อความซึ่งเคยเห็นมาแล้วจากสื่อโฆษณา ใครหนอช่างคิดค้นบัญญัติกฏการเข้าชมภาพยนต์แบบนี้ขึ้นมา อยากจะรู้เสียจริงเจียว
ฉันนึกในใจ ขณะหันมองข้างกายซึ่งว่างเปล่า
ก้าวเข้าไปซื้อตั๋วหนังเลือกที่นั่งด้วยฝีเท้าที่มั่นคง ฉันมาดูหนังเรื่องนี้เพื่อประชดกฏดูหนังบ้าๆ ที่ทิ่มแทงใจดำประโยคดังกล่าวนั่น
ได้ตั๋วหนังแล้วก็ถอยมาหาที่นั่งรอเวลาฉาย เห็นเบาะนวมน่านั่งว่างอยู่ที่หนึ่งตรงมุมหน้าร้านกาแฟชื่อดัง ก็เลยเดินไปทรุดตัวลงนั่งรอ
"มาดูหนังคนเดียวเหรอครับ"
สะดุ้งนิดหนึ่งเมื่อโดนทักจากผู้ชายคนที่นั่งอยู่ถัดไป เหลือบมองดูก็เห็นใบหน้ารกไปด้วยหนวดเครา ล้อมกรอบด้วยผมยาวระต้นคอ หยักศกและดูยุ่งๆ อย่างไม่ค่อยได้รับการเอาใจใส่จากคนเป็นเจ้าของนักเป็นอันดับแรก
ยังไม่ตอบเขาทันที แต่เลื่อนสายตาลงไปมองเรือนร่างสูงที่พอมีมัดกล้ามอยู่บ้าง เขาสวมเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงยีนส์ คีบรองเท้าแตะฟองน้ำเก่าๆ ท่าทางเป็นหนุ่มมาดเซอร์ที่ค่อนข้างจะดูรุงรังอยู่สักหน่อย
แต่พอเหลือบขึ้นมองหน้าเขาอีกทีก็สบเข้ากับสายตาคมซึ้ง...ผู้ชายคนนี้มีจุดเด่นอยู่ตรงนี้นี่เอง ใบหน้านิ่งๆ รกๆ แต่มีดวงตาที่เหมือนจะพูดได้ มันสวยมีเสน่ห์มากทีเดียว
เป็นเพราะดวงตาคู่นั้นแท้ๆ จึงทำให้ฉันตอบคำถามของเขา เริ่มด้วยการพยักหน้ารับแต่โดยดี
"ใช่ค่ะ...คุณล่ะคะ" แล้วย้อนถามเมื่อสังเกตเห็นว่าเขาเองก็นั่งอยู่ตามลำพัง ถามแล้วชำเลืองมองไปข้างๆ ก็พบว่าปราศจากวี่แววผู้ซึ่งอาจจะเป็นคนที่เขาพามาด้วย
"ผมมาเดี่ยว" เขาตอบ แล้วผงกศีรษะไปทางตัวหนังสือที่ยังคงวิ่งผ่านป้ายไฟด้านหน้าโรงหนังอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
"ประชดกฏดูหนังนั่น"
ฉันคลี่ยิ้มให้เขาทันที นึกชอบใจที่เขาก็คิดเหมือนกัน...มาดูหนังเพราะเจ้าข้อความที่แสนบังอาจนั้น
"งั้นเราสองคนก็เป็นกบถ" คิ้วเป็นสันหนาเลิกขึ้นสูงอย่างมีคำถาม
"เพราะเราเป็นคนต้องห้ามของหนังเรื่องนี้ไงคะ"
คราวนี้มีรอยยิ้มใต้เรียวหนวดครึ้ม สังเกตเห็นอีกว่าเวลาเขายิ้มแล้วน่าดูมาก เป็นยิ้มที่ทำให้หน้านิ่งๆ นั้นดูสดใสเหมือนรอยยิ้มของเด็กๆ
"ไม่ยักรู้ว่าแค่มาดูหนังเพราะโสดก็ถึงกับได้เป็นกบถ"
"มีกฏก็ย่อมต้องมีคนแหกกฏค่ะ ธรรมชาติกำหนดให้เป็นแบบนั้นอยู่แล้ว"
"จริงของคุณ ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ"เขาเออออ
"ผมมีข้อเสนอ" ตาคู่คมเริ่มมีแววพราวแพรว
"เรามาเป็นคู่รักวันเดียวกันดีไหม รักกันเพื่อไม่ให้เป็นกบถ เราควรทำตัวเป็นคนว่าง่ายสักวัน เพื่อให้สมประสงค์ของคนทำหนังเรื่องนี้"
"เพื่อทำบุญ"
"ใช่ เพื่อทำบุญ ทำให้คนสบายใจก็ถือว่าได้ทำบุญ"
แล้วเราสองคนก็หัวเราะขึ้นพร้อมกัน....
"ก็ได้ค่ะ" ฉันหยุดหัวเราะแล้วพูดอย่างเป็นงานเป็นการ
"แต่ขอคำสัญญาสักสามสี่ข้อนะคะ" คิ้วหนาเลิกขึ้นอีก
"ข้อที่หนึ่ง ห้ามถามเรื่องส่วนตัวของกันและกัน ไม่ถามแม้แต่ชื่อ ให้แทนตัวเองว่า เค้า แล้วเรียกอีกฝ่ายว่า ตัวเอง...โอเคนะ"
ศีรษะที่มีผมยาวยุ่งๆ ผงกรับ
"ข้อที่สอง ระหว่างดูหนังทำสวีทได้แค่คำพูด ห้ามแตะเนื้อต้องตัว จับได้เฉพาะมือเค้าเท่านั้น"
นัยน์ตาสีเข้มคู่นั้นพราวระยับขึ้นอีก พร้อมรอยยิ้มกว้างขวางกว่าเดิมมากมาย
"ด้วยเกียรติของผู้ชายแฟนทิ้งครับผม"
ประกาศตัวให้รู้ว่าทำไมถึงโสด ฉันเหล่มองเขานิดหนึ่งอย่างรู้ทัน
"ข้อที่สาม ห้ามมีความสัมพันธ์กันอีก เราจะไม่ติดต่อกัน ไม่ทำความรู้จักกัน เมื่อหนังจบเรื่อง คู่รักกำมะลอของเราก็ต้องจบตาม"
คราวนี้ยิ้มของเขาค่อยๆ หุบลง เขามองสบตาฉันครู่หนึ่ง นัยน์ตาพูดได้ของเขามีคำถามอยู่ข้างในนั้น
"ข้อสุดท้าย อย่าถามอะไรเค้าอีก ตัวเองทำได้ไหม"
นานนับนาทีเลยทีเดียว ใบหน้าเข้มจึงพยักรับ....
(เดี๋ยวมาต่อค่ะ ลิเขียนสดๆ ขอคิดพล็อตแป๊บ อิอิ)
รักกำมะลอ....ไม่รู้จักฉันไม่รู้จักเธอ
ลายลิขิต
ฉันแหงนหน้ามองตัวหนังสือที่วิ่งอยู่บนป้ายไฟหน้าโรงภาพยนต์ที่กำลังฉายหนังรักโรแมนติกเรื่องดัง
"กฏสำหรับผู้เข้ามาชมภาพยนต์...ภาพยนต์เรื่องนี้ไม่เหมาะกับคนโสด ไม่ควรมาชมภาพยนต์ตามลำพัง ควรมาชมกับคนรัก"
ฉันยิ้มให้ตัวเองขณะอ่านข้อความซึ่งเคยเห็นมาแล้วจากสื่อโฆษณา ใครหนอช่างคิดค้นบัญญัติกฏการเข้าชมภาพยนต์แบบนี้ขึ้นมา อยากจะรู้เสียจริงเจียว
ฉันนึกในใจ ขณะหันมองข้างกายซึ่งว่างเปล่า
ก้าวเข้าไปซื้อตั๋วหนังเลือกที่นั่งด้วยฝีเท้าที่มั่นคง ฉันมาดูหนังเรื่องนี้เพื่อประชดกฏดูหนังบ้าๆ ที่ทิ่มแทงใจดำประโยคดังกล่าวนั่น
ได้ตั๋วหนังแล้วก็ถอยมาหาที่นั่งรอเวลาฉาย เห็นเบาะนวมน่านั่งว่างอยู่ที่หนึ่งตรงมุมหน้าร้านกาแฟชื่อดัง ก็เลยเดินไปทรุดตัวลงนั่งรอ
"มาดูหนังคนเดียวเหรอครับ"
สะดุ้งนิดหนึ่งเมื่อโดนทักจากผู้ชายคนที่นั่งอยู่ถัดไป เหลือบมองดูก็เห็นใบหน้ารกไปด้วยหนวดเครา ล้อมกรอบด้วยผมยาวระต้นคอ หยักศกและดูยุ่งๆ อย่างไม่ค่อยได้รับการเอาใจใส่จากคนเป็นเจ้าของนักเป็นอันดับแรก
ยังไม่ตอบเขาทันที แต่เลื่อนสายตาลงไปมองเรือนร่างสูงที่พอมีมัดกล้ามอยู่บ้าง เขาสวมเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงยีนส์ คีบรองเท้าแตะฟองน้ำเก่าๆ ท่าทางเป็นหนุ่มมาดเซอร์ที่ค่อนข้างจะดูรุงรังอยู่สักหน่อย
แต่พอเหลือบขึ้นมองหน้าเขาอีกทีก็สบเข้ากับสายตาคมซึ้ง...ผู้ชายคนนี้มีจุดเด่นอยู่ตรงนี้นี่เอง ใบหน้านิ่งๆ รกๆ แต่มีดวงตาที่เหมือนจะพูดได้ มันสวยมีเสน่ห์มากทีเดียว
เป็นเพราะดวงตาคู่นั้นแท้ๆ จึงทำให้ฉันตอบคำถามของเขา เริ่มด้วยการพยักหน้ารับแต่โดยดี
"ใช่ค่ะ...คุณล่ะคะ" แล้วย้อนถามเมื่อสังเกตเห็นว่าเขาเองก็นั่งอยู่ตามลำพัง ถามแล้วชำเลืองมองไปข้างๆ ก็พบว่าปราศจากวี่แววผู้ซึ่งอาจจะเป็นคนที่เขาพามาด้วย
"ผมมาเดี่ยว" เขาตอบ แล้วผงกศีรษะไปทางตัวหนังสือที่ยังคงวิ่งผ่านป้ายไฟด้านหน้าโรงหนังอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
"ประชดกฏดูหนังนั่น"
ฉันคลี่ยิ้มให้เขาทันที นึกชอบใจที่เขาก็คิดเหมือนกัน...มาดูหนังเพราะเจ้าข้อความที่แสนบังอาจนั้น
"งั้นเราสองคนก็เป็นกบถ" คิ้วเป็นสันหนาเลิกขึ้นสูงอย่างมีคำถาม
"เพราะเราเป็นคนต้องห้ามของหนังเรื่องนี้ไงคะ"
คราวนี้มีรอยยิ้มใต้เรียวหนวดครึ้ม สังเกตเห็นอีกว่าเวลาเขายิ้มแล้วน่าดูมาก เป็นยิ้มที่ทำให้หน้านิ่งๆ นั้นดูสดใสเหมือนรอยยิ้มของเด็กๆ
"ไม่ยักรู้ว่าแค่มาดูหนังเพราะโสดก็ถึงกับได้เป็นกบถ"
"มีกฏก็ย่อมต้องมีคนแหกกฏค่ะ ธรรมชาติกำหนดให้เป็นแบบนั้นอยู่แล้ว"
"จริงของคุณ ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ"เขาเออออ
"ผมมีข้อเสนอ" ตาคู่คมเริ่มมีแววพราวแพรว
"เรามาเป็นคู่รักวันเดียวกันดีไหม รักกันเพื่อไม่ให้เป็นกบถ เราควรทำตัวเป็นคนว่าง่ายสักวัน เพื่อให้สมประสงค์ของคนทำหนังเรื่องนี้"
"เพื่อทำบุญ"
"ใช่ เพื่อทำบุญ ทำให้คนสบายใจก็ถือว่าได้ทำบุญ"
แล้วเราสองคนก็หัวเราะขึ้นพร้อมกัน....
"ก็ได้ค่ะ" ฉันหยุดหัวเราะแล้วพูดอย่างเป็นงานเป็นการ
"แต่ขอคำสัญญาสักสามสี่ข้อนะคะ" คิ้วหนาเลิกขึ้นอีก
"ข้อที่หนึ่ง ห้ามถามเรื่องส่วนตัวของกันและกัน ไม่ถามแม้แต่ชื่อ ให้แทนตัวเองว่า เค้า แล้วเรียกอีกฝ่ายว่า ตัวเอง...โอเคนะ"
ศีรษะที่มีผมยาวยุ่งๆ ผงกรับ
"ข้อที่สอง ระหว่างดูหนังทำสวีทได้แค่คำพูด ห้ามแตะเนื้อต้องตัว จับได้เฉพาะมือเค้าเท่านั้น"
นัยน์ตาสีเข้มคู่นั้นพราวระยับขึ้นอีก พร้อมรอยยิ้มกว้างขวางกว่าเดิมมากมาย
"ด้วยเกียรติของผู้ชายแฟนทิ้งครับผม"
ประกาศตัวให้รู้ว่าทำไมถึงโสด ฉันเหล่มองเขานิดหนึ่งอย่างรู้ทัน
"ข้อที่สาม ห้ามมีความสัมพันธ์กันอีก เราจะไม่ติดต่อกัน ไม่ทำความรู้จักกัน เมื่อหนังจบเรื่อง คู่รักกำมะลอของเราก็ต้องจบตาม"
คราวนี้ยิ้มของเขาค่อยๆ หุบลง เขามองสบตาฉันครู่หนึ่ง นัยน์ตาพูดได้ของเขามีคำถามอยู่ข้างในนั้น
"ข้อสุดท้าย อย่าถามอะไรเค้าอีก ตัวเองทำได้ไหม"
นานนับนาทีเลยทีเดียว ใบหน้าเข้มจึงพยักรับ....
(เดี๋ยวมาต่อค่ะ ลิเขียนสดๆ ขอคิดพล็อตแป๊บ อิอิ)