สวัสดีชาวพันทิพย์ครับ
เรื่องทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง ผมขอเล่าให้เป็นบทเรียน เพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้กับผู้อ่านทุกคน ที่มีผู้ป่วยพักอยู่ที่บ้านครับ ผู้ป่วยของผมคือคุณแม่ครับ ท้าวความเล็กน้อยว่าเดือนที่แล้วคุณแม่ยกของหนัก แล้วยกผิดท่า ทำให้เกิดอาการปวดที่บริเวณสะโพกซีกขวา และคุณหมอได้วินิจฉัยคือหมอนรองกระดูกเคลื่อน จึงให้คุณแม่พักอยู่ที่บ้าน ซึ่งตอนนี้ยังรักษาตัวอยู่ครับ และทำกายภาพ และรักษาอย่างต่อเนื่องที่โรงพยาบาลศิริราช และศูนย์แพทย์กาญจนาภิเษก
———-
แต่เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ 25 มิถุนายน 2560 บ้านของผมอยู่เส้นพระราม 5 ในอำเภอบางกรวย จ.นนทบุรี ครับ
เย็นวันนั้นตอน 5 โมงครึ่ง คุณแม่ได้พยายามกดกริ่งเรียกที่บ้านคุณป้า (พี่สาวของพ่อ) เพื่อขอความช่วยเหลือเพราะมีอาการหน้ามืด (บ้านของป้าผมอยู่ห่างจากบ้านประมาณ 300 เมตร) คุณป้าปฐมพยาบาลเบื้องต้นและเรียกให้คุณพ่อที่อยู่ในบ้านมารับ หลังจากคุณแม่มีอาการดีขึ้นระยะหนึ่ง จึงรับคุณแม่กลับมาและให้นอนพักที่บ้าน
แต่ได้เพียงครู่หนึ่ง คุณแม่เริ่มมีอาการปวดบริเวณสะโพกเล็กน้อย คุณแม่ลุกขึ้นนั่งไม่ได้ เริ่มปวดบริเวณสะโพก และรู้สึกร้าว ระหว่างที่นอน คุณแม่เริ่มมีอาการหายใจไม่สะดวก พะอืดพะอม และสูดหายใจได้ไม่เต็มปอด ทุกคนในบ้าน และญาติๆ ณ ตอนนั้นจึงช่วยกันปฐมพยาบาลด้วยการเปิดพัดลม เปิดประตูหน้าต่างในบ้านทุกบาน กดนวด กดจุด ตามแผนไทย-จีนที่หมอเคยสอนอยู่ (ณ ตอนนั้นทุกคนลงความเห็นและตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ขับรถไปโรงพยาบาล เพราะแม่มีภาวะเสี่ยง)
สลับกับตอนนั้นผมจึงตัดสินใจโทรเรียก 1669 สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ ( สพฉ.) ตอนประมาณเกือบ 2 ทุ่ม ซึ่งพื้นที่ของผมทราบทีหลังว่าขึ้นตรงกับ รพ.พระนั่งเกล้า เพราะบ้านผมอยู่ในเขตนนทบุรี ผู้รับสายเป็นผู้หญิง เขาบอกว่าเป็นเพียงเจ้าหน้าที่ประสานงานเท่านั้น ผมจึงขอให้เขาช่วยเรียกรถพยาบาล นำส่งคุณแม่ส่งโรงพยาบาลศิริราช ผมเล่าอาการของคุณแม่ ให้เจ้าหน้าที่ฟัง เค้าตอบผมว่า "ให้นำคนไข้ส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด ไม่ต้องเรียกรถค่ะ” ผมบอกว่าคนไข้ลุกขึ้นเองไม่ได้ และหายใจไม่สะดวก และเค้ายังคงยืนยันว่า "เราไม่ไปรับค่ะ” ณ ตอนนั้นท่าไม่ดี ผมจึงให้คุณน้าโทรไปอีกครั้ง และยังยืนยันว่าให้ขอรถพยาบาลมาส่งที่ศิริราช (เหตุผลที่ต้องไปศิริราช เพราะใกล้ที่สุด มีประวัติเอกสารครบทุอย่าง ถ้าโรงพยาบาลอื่นคือเหมือนเราเริ่มต้นซักประวัติกันใหม่) สุดท้ายแล้วเค้าไม่ยอม เค้าบอกว่าเคสของแม่ผมปกติดี ส่งโรงพยาบาลใกล้เคียงได้
คุณป้าจึงเรียกขอความช่วยเหลือที่เบอร์ 1418 เป็นเบอร์กู้ภัย หลังจากนั้น 15 นาทีทางกู้ภัยมาถึง กู้ภัยนำทีมได้วัดชีพจรของแม่ และสังเกตุอาการคุณแม่เป็นระยะ ผมรู้สึกมีความหวังมากขึ้น ระหว่างนี้คุณแม่เริ่มมีอาการชาบริเวณซีกขวาของร่างกาย สลับกับ มีอาการชาครึ่งท่อนบน ไปทั้งแขนทั้งสองข้างและใบหน้า รู้สึกเหมือนเข็มทิ่มไปที่ใบหน้า ปาก ลำคอ และลามมาจนถึงแขน
ทางหน่วยแพทย์กู้ชีพได้โทรไปที่ 1669 อีกครั้งเพื่อให้นำส่งรพ. เพราะภาวะของแม่เริ่มมีอัตราการเต้นหัวใจต่ำ และขยับร่างกายไม่ได้ ต้องนำออกในท่าราบ แต่ทาง สพฉ. ยืนยันว่าจะไม่ส่งรถไปแน่นอน ทางกู้ภัยจึงประสานและแจ้งเหตุการณ์ไปที่ศูนย์ใหญ่ของกรุงเทพฯ ให้รถพยาบาลมารับ ตอนนั้นคุณแม่อาเจียน ผมกอดแม่ และลูบหลังเพื่อให้แม่อาเจียนออกมา ผมบีบมือ และนวดที่ขาข้างขวาตรงที่แม่รู้สึกชา โชคดีที่ญาติๆทุกคนช่วยกันประคองนวดสลับกับทายาดมไม่ให้แม่หลับ เราใช้เวลายืดเยื้อกับการรอรถพยาบาล จนถึงโรงพยาบาลประมาณ 3 ทุ่ม 40 (สรุปใช้เวลาประมาณเกือบ 2 ชม) คุณแม่โชคดีที่อยู่ในมือคุณหมอ และได้พี่ๆ ทีมกู้ภัยที่เรียกนำรถพยาบาลมาส่งถึงศิริราช ต้องขอขอบคุณพี่ทุกคนมากๆ ครับ
xxx ทางพี่กู้ภัยแจ้งว่าช่วงก่อนที่จะนำรถพยาบาลมารับได้นั้น ทางกู้ภัยเตรียมรถพยาบาลมาด้วยแล้ว แต่ถูกทางศูนย์โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า สั่งไม่ให้มารับ และไม่ให้ก้าวก่ายพื้นที่ของเขตนนทบุรี xxx
พนักงานไม่กะตือรือร้น เพิกเฉย แค่รับโทรศัพท์และวาง ผมถามจริงๆ ถ้าเหตุการณ์มันเป็นกับพ่อแม่ หรือคนที่คุณรัก คุณจะเพิกเฉยเหมือนที่คุณทำกับผมมั้ย?
1669 ของจังหวัดนนทบุรี มีไว้ทำอะไร? ปิดไปดีกว่าไหมครับ? อันนี้คือคำถามที่ต้องการคำตอบครับ ว่าเพราะอะไรถึงไม่รับ แต่ทำไมฝั่งกรุงเทพให้มารับครับ?
อุทาหรณ์สอนใจเรียกรถ 1669 สถาบันการแพทย์(ไม่)ฉุกเฉินแห่งชาติจังหวัดนนทบุรี มีไว้ทำเพื่ออะไร?
เรื่องทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง ผมขอเล่าให้เป็นบทเรียน เพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้กับผู้อ่านทุกคน ที่มีผู้ป่วยพักอยู่ที่บ้านครับ ผู้ป่วยของผมคือคุณแม่ครับ ท้าวความเล็กน้อยว่าเดือนที่แล้วคุณแม่ยกของหนัก แล้วยกผิดท่า ทำให้เกิดอาการปวดที่บริเวณสะโพกซีกขวา และคุณหมอได้วินิจฉัยคือหมอนรองกระดูกเคลื่อน จึงให้คุณแม่พักอยู่ที่บ้าน ซึ่งตอนนี้ยังรักษาตัวอยู่ครับ และทำกายภาพ และรักษาอย่างต่อเนื่องที่โรงพยาบาลศิริราช และศูนย์แพทย์กาญจนาภิเษก
———-
แต่เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ 25 มิถุนายน 2560 บ้านของผมอยู่เส้นพระราม 5 ในอำเภอบางกรวย จ.นนทบุรี ครับ
เย็นวันนั้นตอน 5 โมงครึ่ง คุณแม่ได้พยายามกดกริ่งเรียกที่บ้านคุณป้า (พี่สาวของพ่อ) เพื่อขอความช่วยเหลือเพราะมีอาการหน้ามืด (บ้านของป้าผมอยู่ห่างจากบ้านประมาณ 300 เมตร) คุณป้าปฐมพยาบาลเบื้องต้นและเรียกให้คุณพ่อที่อยู่ในบ้านมารับ หลังจากคุณแม่มีอาการดีขึ้นระยะหนึ่ง จึงรับคุณแม่กลับมาและให้นอนพักที่บ้าน
แต่ได้เพียงครู่หนึ่ง คุณแม่เริ่มมีอาการปวดบริเวณสะโพกเล็กน้อย คุณแม่ลุกขึ้นนั่งไม่ได้ เริ่มปวดบริเวณสะโพก และรู้สึกร้าว ระหว่างที่นอน คุณแม่เริ่มมีอาการหายใจไม่สะดวก พะอืดพะอม และสูดหายใจได้ไม่เต็มปอด ทุกคนในบ้าน และญาติๆ ณ ตอนนั้นจึงช่วยกันปฐมพยาบาลด้วยการเปิดพัดลม เปิดประตูหน้าต่างในบ้านทุกบาน กดนวด กดจุด ตามแผนไทย-จีนที่หมอเคยสอนอยู่ (ณ ตอนนั้นทุกคนลงความเห็นและตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ขับรถไปโรงพยาบาล เพราะแม่มีภาวะเสี่ยง)
สลับกับตอนนั้นผมจึงตัดสินใจโทรเรียก 1669 สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ ( สพฉ.) ตอนประมาณเกือบ 2 ทุ่ม ซึ่งพื้นที่ของผมทราบทีหลังว่าขึ้นตรงกับ รพ.พระนั่งเกล้า เพราะบ้านผมอยู่ในเขตนนทบุรี ผู้รับสายเป็นผู้หญิง เขาบอกว่าเป็นเพียงเจ้าหน้าที่ประสานงานเท่านั้น ผมจึงขอให้เขาช่วยเรียกรถพยาบาล นำส่งคุณแม่ส่งโรงพยาบาลศิริราช ผมเล่าอาการของคุณแม่ ให้เจ้าหน้าที่ฟัง เค้าตอบผมว่า "ให้นำคนไข้ส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด ไม่ต้องเรียกรถค่ะ” ผมบอกว่าคนไข้ลุกขึ้นเองไม่ได้ และหายใจไม่สะดวก และเค้ายังคงยืนยันว่า "เราไม่ไปรับค่ะ” ณ ตอนนั้นท่าไม่ดี ผมจึงให้คุณน้าโทรไปอีกครั้ง และยังยืนยันว่าให้ขอรถพยาบาลมาส่งที่ศิริราช (เหตุผลที่ต้องไปศิริราช เพราะใกล้ที่สุด มีประวัติเอกสารครบทุอย่าง ถ้าโรงพยาบาลอื่นคือเหมือนเราเริ่มต้นซักประวัติกันใหม่) สุดท้ายแล้วเค้าไม่ยอม เค้าบอกว่าเคสของแม่ผมปกติดี ส่งโรงพยาบาลใกล้เคียงได้
คุณป้าจึงเรียกขอความช่วยเหลือที่เบอร์ 1418 เป็นเบอร์กู้ภัย หลังจากนั้น 15 นาทีทางกู้ภัยมาถึง กู้ภัยนำทีมได้วัดชีพจรของแม่ และสังเกตุอาการคุณแม่เป็นระยะ ผมรู้สึกมีความหวังมากขึ้น ระหว่างนี้คุณแม่เริ่มมีอาการชาบริเวณซีกขวาของร่างกาย สลับกับ มีอาการชาครึ่งท่อนบน ไปทั้งแขนทั้งสองข้างและใบหน้า รู้สึกเหมือนเข็มทิ่มไปที่ใบหน้า ปาก ลำคอ และลามมาจนถึงแขน
ทางหน่วยแพทย์กู้ชีพได้โทรไปที่ 1669 อีกครั้งเพื่อให้นำส่งรพ. เพราะภาวะของแม่เริ่มมีอัตราการเต้นหัวใจต่ำ และขยับร่างกายไม่ได้ ต้องนำออกในท่าราบ แต่ทาง สพฉ. ยืนยันว่าจะไม่ส่งรถไปแน่นอน ทางกู้ภัยจึงประสานและแจ้งเหตุการณ์ไปที่ศูนย์ใหญ่ของกรุงเทพฯ ให้รถพยาบาลมารับ ตอนนั้นคุณแม่อาเจียน ผมกอดแม่ และลูบหลังเพื่อให้แม่อาเจียนออกมา ผมบีบมือ และนวดที่ขาข้างขวาตรงที่แม่รู้สึกชา โชคดีที่ญาติๆทุกคนช่วยกันประคองนวดสลับกับทายาดมไม่ให้แม่หลับ เราใช้เวลายืดเยื้อกับการรอรถพยาบาล จนถึงโรงพยาบาลประมาณ 3 ทุ่ม 40 (สรุปใช้เวลาประมาณเกือบ 2 ชม) คุณแม่โชคดีที่อยู่ในมือคุณหมอ และได้พี่ๆ ทีมกู้ภัยที่เรียกนำรถพยาบาลมาส่งถึงศิริราช ต้องขอขอบคุณพี่ทุกคนมากๆ ครับ
xxx ทางพี่กู้ภัยแจ้งว่าช่วงก่อนที่จะนำรถพยาบาลมารับได้นั้น ทางกู้ภัยเตรียมรถพยาบาลมาด้วยแล้ว แต่ถูกทางศูนย์โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า สั่งไม่ให้มารับ และไม่ให้ก้าวก่ายพื้นที่ของเขตนนทบุรี xxx
พนักงานไม่กะตือรือร้น เพิกเฉย แค่รับโทรศัพท์และวาง ผมถามจริงๆ ถ้าเหตุการณ์มันเป็นกับพ่อแม่ หรือคนที่คุณรัก คุณจะเพิกเฉยเหมือนที่คุณทำกับผมมั้ย?
1669 ของจังหวัดนนทบุรี มีไว้ทำอะไร? ปิดไปดีกว่าไหมครับ? อันนี้คือคำถามที่ต้องการคำตอบครับ ว่าเพราะอะไรถึงไม่รับ แต่ทำไมฝั่งกรุงเทพให้มารับครับ?