แปลกดีนะ คนเจอกันไม่กี่นาทีทำให้รู้สึกเพ้อถึงขนาดนี้

เป็นประสบการณ์ครั้งแรกแล้วอาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่คงจะเจอในชีวิตนี้

    จขกท จะใช้รถไฟ MRT ในการเดินทางไปตอนทำงานช่วงเช้าเป็นประจำ ก็ปกติของคนกรุงเทพฯ จะใช้ตัวเลือกอย่างรถไฟฟ้า MRT ในการเดินทางที่แออัดไปด้วยจำนวนคนมหาศาลในช่วงเวลาเช้าและเย็น
    
    เหตุการณ์เกิดขึ้นในวันที่ 19 ตรงกับวันจันทร์ซึ่งคนจะเยอะเป็นพิเศษอยู่แล้ว จขกท ขึ้นจากสถานีเกือบๆต้นสาย  ได้ไปเจอผู้ชายคนหนึ่ง (น่าจะพวกหนุ่มออฟฟิศ) ไม่รู้ว่าเขาขึ้นจากสถานีสถานีพหลโยธินหรือสถานีลาดพร้าว (อันนี้ไม่จำไม่ค่อยได้สักเท่าไหร่ แน่ใจว่าไม่ใช่จากสถานีรัชดาแน่นอน) พอจอดถึงสถานีรัชดาคนทยอยออกจากตู้รถไฟไปไม่กี่คน ก็มีที่ว่างที่เราจะไปยืนให้มันมั่นคงจะได้ไม่เบียดเสียดกับคนในขบวน ก็มีผู้ชายคนนั้นมาเบียดเพื่อจะมาแย่งที่ยืน ตอนแรกก็โมโหเขาเหมือนกันที่คนมาแย่งที่ (เขาตัวสูงกว่าเรา ส่วนเราตัวเตี่ย) เราต้องยอมให้เขาเอาที่นั้นไปโดยอยู่ข้างๆเขานั่นแหละ (ท่องในใจว่าทำใจร่มๆ) พอรถไฟออกจากสถานีรัชดาก็ปกติของเราที่จะพยายามยืนให้มั่นคงโดยไร้ที่จับ โดยเอามือ 2 ข้างกุมกระเป๋าข้างหน้าให้มันมั่งคงมากสุด

    สิ่งที่ไม่เคยคิดไม่ฝันว่าชีวิตจะเจอมาก่อนผู้ชายคนที่แย่งที่แอบเอามือข้างซ้ายมาจับมือขวาเรา ตอนแรกก็ไม่รู้ว่าเขาเอามือของเขามาจับมือเราตอนไหน (แอร์ใน MRT มันหนาวมากจนมือเราไม่รู้สึก) จังหวะที่เราขยับมือพอดีถึงได้รู้ว่ามือของชายคนนั้นจับบริเวณนิ้วนางกับนิ้วก้อย ตอนแรกก็ไม่แน่ใจจนเราลองเอานิ้วที่เหลือไปจับถึงรู้ว่าเป็นมือของเขา ตกใจยิ่งกว่าอะไรว่า ทำไมเขากล้าที่จะจับมือเรา เพราะเราก็หน้าตาธรรมดาแต่งตัวมิดชิดมาก (แอร์ใน MRT เย็นมาก) แถมวันนั้นใส่หน้ากากอนามัย เห็นแค่ตากับคิ้ว ซึ่งเห็นแค่นั้นใครเขาจะมาพิศวาสในตัวเรา ได้แต่คิดในใจว่าเขาจับมือเราไปทำไม (บังเอิญอยู่ในที่คนแน่น ไม่รู้ว่าคนอื่นจะมองเห็นที่เขาจับมือเราหรือปล่าว)

    รถไฟแล่นต่อไป ในเมื่อยังไม่ถึงสถานทีปลายทางที่จะลง เลยลองกุมมือผู้ชายคนนั้นให้แน่น เขาคงรู้ตัวแหละ ว่าเราพยายามกุมมือเขา ในใจยิ่งคิดไปเรื่อย จนหัวใจเริ่มเต้นรัวๆขึ้นมา ไม่เคยมีความรู้สึกที่ดีอย่างนี้มาก่อน มันให้ความรู้สึกแปลกๆหลายอย่างทั้ง มีความสุข ทั้งอบอุ่น แทบไม่อยากปล่อยมือเขาคนนั้นไปอยากกุมมือเขาคนนั้นไปตลอด  แต่ความสุขมักผ่านไปเร็ว ถึงสถานีที่เราต้องออกจากขบวน สิ่งที่ยากคือต้องทำใจปล่อยมือเขาไป (ในใจไม่อยากปล่อยมือและแยกจากกัน) ด้วยความที่รีบออกจากขบวน ตอนเดินแทบยิ้มตลอดเวลา วันนั้นทั้งวันเป็นวันที่มีความสุขมากๆ ทำอะไรก็รู้สึกดีไปหมด

พอหลังวันนั้นเกิดมหากาพย์ตามหาตัวผู้ชายคนนั้น ครั้งนี้จะถามเหตุผลให้ได้ว่าเขาทำไปเพื่ออะไร แต่โชคชะตาไม่เข้าข้างเราอีกแล้ว ตามหาเขาคนนั้นในช่วงเวลาเดิม ตู้รถไฟเดิม กลับไม่เจอเขาคนนั้นอีก ตั้งแต่วันอังคาร - ถึงวันศุกร์ ก็ไม่เจอ แทบทั้งอาทิตย์เราได้แต่เสียใจ โมโห หงุดหงิดบ่อยขึ้น (ทั้งที่เราไม่ค่อยมีอารมณ์พวกนี้สักเท่าไหร่) เพื่อนทักว่าหน้าตาเหมือนไม่มีความสุข (ก็ใช่ไง เราปล่อยสิ่งที่ดีไป) จึงทำหน้าตาปกติเพื่อไม่ให้ใครรู้ว่าเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น จึงตัดสินใจหาเขาในวันจันทร์นี้อีกครั้ง แล้วคงเป็นครั้งสุดท้ายจริงที่อาจจะใช้ MRT ในการเดินทาง

    ช่วงเช้าของวันจันทร์ที่ 26 เต็มไปด้วยคนจำนวนมาก ตลอดเวลาที่เดินทางมาขึ้นขบวนรู้สึกหัวใจเต้นแรงหวังว่าจะพบเขาอีกครั้ง แต่มันคงเป็นแค่ความหวัง ปรากฏว่าเราไม่พบเขาคนนั้นเช่นเคย ทั้งช่วงเวลาดิม ทั้งตู้รถไฟเดิม คงต้องทำใจในเรื่องนี้ เขาคงเปลี่ยนทั้งเวลา ทั้งขบวนที่ขึ้นไป แล้วเขาคงหาคนใหม่ที่ทำเหมือนที่เคยทำกับเราต่อไปอีก (อันนี้คิดเผื่อเฉยๆ แต่ไม่รู้ว่าเขาจะทำกับคนอื่นจริงไม)

    ข้อความข้างต้นอาจจะดูว่าเป็นพวกมโนหรือพวกเปลืองตัว ความจริงอาจจะเป็นอย่างนี้ แต่ในใจลึกๆ เราแค่คนไม่เคยเจอความรู้สึกอย่างนี้มานานเลยไม่อยากที่จะปล่อยไป ปกติ จขกท เป็นคนระวังตัวตอนขึ้น MRT เพื่อไม่ให้ไปโดนใครง่ายๆ (เดี๋ยวเขาหาว่าเป็นพวกคุกคามทางเพศ) แต่มุมมองที่เราคิดอีกอย่าง สำหรับคนที่ไม่รู้จักกันจริง การถูกเนื้อต้องตัวในที่สาธารณะมันคงจะแปลกเกินไปแล้วมันก็อันตรายต่อใครหลายๆ คน ใช่ว่าทุกคนจะให้คนแปลกหน้ามาถูกเนื้อต้องตัวเสมอไป

    สำหรับเขา ถ้าเขาคนนั้นผ่านมาเห็นกระทู้นี้ เราอยากบอกว่า “ขอบคุณนะ” ถึงจะไม่เคยเห็นหน้าชัดๆหรือแม้กระทั้งคุยกัน

ช่วงเวลาที่พยายามหาตัวเขา คิดไว้ว่าชีวิตจริงจะเหมือนกับหนังเรื่องนี้ ได้แต่หวัง

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่