ไม่ว่าในพันทิปหรือที่ไหน ก็มีกระทู้รีวิวการไปเที่ยวประเทศไอซ์แลนด์รวมกันแล้วสักแปดพันสี่ร้อยห้าสิบห้ากระทู้ ในจำนวนนี้ประมาณแปดพันสี่ร้อยห้าสิบกระทู้คือรีวิวการไปดูแสงเหนือ ทั้งไปกับทัวร์ ไปเองแบบหรูหราและไปเองแบบประหยัดสุดๆ ประเภทเช่ารถบ้านแล้วหอบข้าวสารอาหารแห้งไปยังกับจะออกค่ายพักแรม แต่ไม่ว่าจะไปแบบไหน สิ่งที่ต้องทำก็คือหาว่าวันนี้หรือคืนนี้คาดว่าจะมีแสงเหนือที่ไหนแล้วก็ไปดักดู เห็นบ้างไม่เห็นบ้าง อย่างน้อยก็ได้เที่ยวฟินๆ กันไป
อันแสงเหนือนี่ก็เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ เกิดขึ้นมาตั้งแต่พระเจ้าสร้างโลก และก็จะมีต่อไปจนโลกแตก เหมือนฟ้าแลบฟ้าร้องฟ้าผ่าและบั้งไฟพญานาค สักก่อนปีค.ศ. 2000 ก็ไม่มีอะไร แต่พอประเทศเมืองหนาวอย่างแคนาดา ไอซ์แลนด์ นอร์เวย์ ฟินแลนด์และรัสเซียรวมกันทำการตลาดโปรโมทแสงเหนือให้เป็นประมาณว่าแสงจากพระเจ้า ชาตินี้ต้องเห็นสักครั้ง ผู้คนทั่วโลกโดยเฉพาะคนไทยก็แห่กันไปจนบริษัททัวร์ในไอซ์แลนด์ต้องจ้างคนไทยไว้ติดต่อสื่อสาร ผมเองนั้นโชคดีได้มีโอกาสไปเรียนหนังสือและทำงานในประเทศแถบนั้นตั้งแต่ยี่สิบกว่าปีก่อน ได้เห็นแสงเหนือมานับครั้งไม่ถ้วน บางครั้งต้องปิดผ้าม่านเพราะมันสว่างมากแถมเต้นดุกดิกยังกะก้อนเจลลี่จนนอนไม่หลับ ก็ไม่ได้รู้สึกว่าจะได้พบพระเจ้าแต่อย่างไร แต่พอโดนพิษการตลาดเข้าไปบ่อยๆ ก็เริ่มรู้สึกว่าแสงเหนือนี้มันมหัศจรรย์พันลึกเสียจริงๆ ยังไงก็จะต้องกลับไปพบพระเจ้า เอ๊ย ไปเห็นแสงเหนืออีกครั้งให้ได้ ไม่งั้นจะตกเทรนด์
แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้เห็นแสงเหนืออีกเลย แถมล่าสุดก็ดันกล่อมเพื่อนไปเที่ยวไอซ์แลนด์หน้าร้อนอีกต่างหาก เพราะคิดว่าจะมีอะไรให้ดูมีอะไรให้ทำมากกว่าหน้าหนาวซึ่งนอกจากแสงเหนือแล้วก็จะมีแต่หิมะและทุ่งน้ำแข็งสุดลูกหูลูกตา วันนี้ผมเลยจะมาเล่าไอซ์แลนด์หน้าร้อนให้ฟังบ้าง เผื่อมีคนสนใจจะไปเที่ยวช่วงเดือนกรกฎาคมและสิงหาคมนี้จะเหมาะสุด
ประเทศไอซ์แลนด์เป็นเกาะอยู่ระหว่างมหาสมุทรแอตแลนติกกับอาร์คติก มีพื้นที่ประมาณหนึ่งแสนตารางกิโลเมตร มีประชากรประมาณสามแสนสามหมื่นคน เทียบแล้วมีพื้นที่ใหญ่กว่าภาคเหนือของเราเล็กน้อย และมีคนมากกว่าจังหวัดแม่ฮ่องสอนเล็กน้อยเช่นกัน
ไอซ์แลนด์เป็นประเทศที่สงบสุขที่สุดในโลกจากการจัดอันดับขององค์การสหประชาชาติ โดยวัดจากการที่ไม่มีความขัดแย้งทั้งภายในและภายนอกประเทศ และกองทัพไม่แทรกแซงการเมือง มีเศรษฐกิจดีระดับต้นๆ ของโลกทั้งๆ ที่ช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ไอซ์แลนด์ยังเป็นหนึ่งในประเทศที่ยากจนที่สุดในยุโรป ไปไอซ์แลนด์ใช้วีซ่าเชงเก้นได้ แต่ใช้เงินยูโรไม่ได้ ต้องใช้เงินไอซ์แลนดิกโครน (ISK) ไอซ์แลนด์ยังเป็นประเทศเขียวปี๋ที่สุดในโลกประเทศหนึ่งโดยพลังงานเกือบทั้งหมดในประเทศมาจากธรรมชาติคือน้ำและความร้อนใต้ดิน
อากาศที่ไอซ์แลนด์มีเย็น หนาวและหนาวมากกก หน้าร้อนของเขาอากาศประมาณหน้าหนาวทางภาคเหนือของเรา ภูมิประเทศของไอซ์แลนด์จะเป็นที่ราบทุ่งน้ำแข็งสลับกับภูเขาไฟ มีน้ำพุร้อนและหาดทรายสีดำเป็นเหมือนสปาธรรมชาติ มีน้ำตกสวยงามมากมาย ตามเส้นทางและถนนวงแหวนที่เราจะไปนั้น ก็จะเจอน้ำตกโน่นนี่นั่นทุกวัน จะหาไก่ย่างส้มตำบ้างก็ยากเต็มทน ไปคราวนี้เราจะวนรอบเกาะแบบทวนเข็มนาฬิกาโดยเริ่มที่กรุงเรยะวิค เมืองหลวงของไอซ์แลนด์นะครับ
มีรูปรัฐสภากับทำเนียบรัฐบาลของไอซ์แลนด์มาฝาก (รูปจากอินเทอร์เนต)
(ยังมีต่อ)
ปล. รูปทั้งหมดในกระทู้นี้ ถ่ายด้วย iPhone 6+ ยกเว้นที่บอกไว้เป็นอย่างอื่น
ไอซ์แลนด์ ไม่ได้มีแต่แสงเหนือ หน้าร้อนก็เที่ยวได้
ไม่ว่าในพันทิปหรือที่ไหน ก็มีกระทู้รีวิวการไปเที่ยวประเทศไอซ์แลนด์รวมกันแล้วสักแปดพันสี่ร้อยห้าสิบห้ากระทู้ ในจำนวนนี้ประมาณแปดพันสี่ร้อยห้าสิบกระทู้คือรีวิวการไปดูแสงเหนือ ทั้งไปกับทัวร์ ไปเองแบบหรูหราและไปเองแบบประหยัดสุดๆ ประเภทเช่ารถบ้านแล้วหอบข้าวสารอาหารแห้งไปยังกับจะออกค่ายพักแรม แต่ไม่ว่าจะไปแบบไหน สิ่งที่ต้องทำก็คือหาว่าวันนี้หรือคืนนี้คาดว่าจะมีแสงเหนือที่ไหนแล้วก็ไปดักดู เห็นบ้างไม่เห็นบ้าง อย่างน้อยก็ได้เที่ยวฟินๆ กันไป
อันแสงเหนือนี่ก็เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ เกิดขึ้นมาตั้งแต่พระเจ้าสร้างโลก และก็จะมีต่อไปจนโลกแตก เหมือนฟ้าแลบฟ้าร้องฟ้าผ่าและบั้งไฟพญานาค สักก่อนปีค.ศ. 2000 ก็ไม่มีอะไร แต่พอประเทศเมืองหนาวอย่างแคนาดา ไอซ์แลนด์ นอร์เวย์ ฟินแลนด์และรัสเซียรวมกันทำการตลาดโปรโมทแสงเหนือให้เป็นประมาณว่าแสงจากพระเจ้า ชาตินี้ต้องเห็นสักครั้ง ผู้คนทั่วโลกโดยเฉพาะคนไทยก็แห่กันไปจนบริษัททัวร์ในไอซ์แลนด์ต้องจ้างคนไทยไว้ติดต่อสื่อสาร ผมเองนั้นโชคดีได้มีโอกาสไปเรียนหนังสือและทำงานในประเทศแถบนั้นตั้งแต่ยี่สิบกว่าปีก่อน ได้เห็นแสงเหนือมานับครั้งไม่ถ้วน บางครั้งต้องปิดผ้าม่านเพราะมันสว่างมากแถมเต้นดุกดิกยังกะก้อนเจลลี่จนนอนไม่หลับ ก็ไม่ได้รู้สึกว่าจะได้พบพระเจ้าแต่อย่างไร แต่พอโดนพิษการตลาดเข้าไปบ่อยๆ ก็เริ่มรู้สึกว่าแสงเหนือนี้มันมหัศจรรย์พันลึกเสียจริงๆ ยังไงก็จะต้องกลับไปพบพระเจ้า เอ๊ย ไปเห็นแสงเหนืออีกครั้งให้ได้ ไม่งั้นจะตกเทรนด์
แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้เห็นแสงเหนืออีกเลย แถมล่าสุดก็ดันกล่อมเพื่อนไปเที่ยวไอซ์แลนด์หน้าร้อนอีกต่างหาก เพราะคิดว่าจะมีอะไรให้ดูมีอะไรให้ทำมากกว่าหน้าหนาวซึ่งนอกจากแสงเหนือแล้วก็จะมีแต่หิมะและทุ่งน้ำแข็งสุดลูกหูลูกตา วันนี้ผมเลยจะมาเล่าไอซ์แลนด์หน้าร้อนให้ฟังบ้าง เผื่อมีคนสนใจจะไปเที่ยวช่วงเดือนกรกฎาคมและสิงหาคมนี้จะเหมาะสุด
ประเทศไอซ์แลนด์เป็นเกาะอยู่ระหว่างมหาสมุทรแอตแลนติกกับอาร์คติก มีพื้นที่ประมาณหนึ่งแสนตารางกิโลเมตร มีประชากรประมาณสามแสนสามหมื่นคน เทียบแล้วมีพื้นที่ใหญ่กว่าภาคเหนือของเราเล็กน้อย และมีคนมากกว่าจังหวัดแม่ฮ่องสอนเล็กน้อยเช่นกัน
ไอซ์แลนด์เป็นประเทศที่สงบสุขที่สุดในโลกจากการจัดอันดับขององค์การสหประชาชาติ โดยวัดจากการที่ไม่มีความขัดแย้งทั้งภายในและภายนอกประเทศ และกองทัพไม่แทรกแซงการเมือง มีเศรษฐกิจดีระดับต้นๆ ของโลกทั้งๆ ที่ช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ไอซ์แลนด์ยังเป็นหนึ่งในประเทศที่ยากจนที่สุดในยุโรป ไปไอซ์แลนด์ใช้วีซ่าเชงเก้นได้ แต่ใช้เงินยูโรไม่ได้ ต้องใช้เงินไอซ์แลนดิกโครน (ISK) ไอซ์แลนด์ยังเป็นประเทศเขียวปี๋ที่สุดในโลกประเทศหนึ่งโดยพลังงานเกือบทั้งหมดในประเทศมาจากธรรมชาติคือน้ำและความร้อนใต้ดิน
อากาศที่ไอซ์แลนด์มีเย็น หนาวและหนาวมากกก หน้าร้อนของเขาอากาศประมาณหน้าหนาวทางภาคเหนือของเรา ภูมิประเทศของไอซ์แลนด์จะเป็นที่ราบทุ่งน้ำแข็งสลับกับภูเขาไฟ มีน้ำพุร้อนและหาดทรายสีดำเป็นเหมือนสปาธรรมชาติ มีน้ำตกสวยงามมากมาย ตามเส้นทางและถนนวงแหวนที่เราจะไปนั้น ก็จะเจอน้ำตกโน่นนี่นั่นทุกวัน จะหาไก่ย่างส้มตำบ้างก็ยากเต็มทน ไปคราวนี้เราจะวนรอบเกาะแบบทวนเข็มนาฬิกาโดยเริ่มที่กรุงเรยะวิค เมืองหลวงของไอซ์แลนด์นะครับ
มีรูปรัฐสภากับทำเนียบรัฐบาลของไอซ์แลนด์มาฝาก (รูปจากอินเทอร์เนต)
(ยังมีต่อ)
ปล. รูปทั้งหมดในกระทู้นี้ ถ่ายด้วย iPhone 6+ ยกเว้นที่บอกไว้เป็นอย่างอื่น