เราไม่ใช่ลูกทีดีหรือน่าภูมิใจสักเท่าไหร่แต่เราก็ไม่ใช่ลูกทีแย่มากอะไร ไม่ได้ ติดเหล้า เมายา หรือเที่ยวเตร่ หรือต้องหาเรื่องให้ให้เสียเงินเสียทอง
แน่นอนเราไม่ใช่ลูกทีดีมากอะไร ช่วงอายุ15 เรามีแฟน มีอะไรกับแฟนคนแรกตอนอายุ15 พอทีบ้านรู้ ก็ไปร้องเรียนเรียกเงินกับบ้านฝ่ายชาย เราไม่เข้าใจ
ทำไมต้องเรียก เราเสียใจมาก เราไม่เข้าใจความคิดท่าน แต่ทีเข้าใจตอนนั่น ท่านบอก เรามีค่าสำหรับท่าน มีค่าสำหรับพ่อแม่ ถ้าไม่เรียกร้อง
ทำแบบนี้ เราก็เสียตัวฟรี
พอตอนอายุ20 เรามีอะไรกับแฟนคนที2 พอแม่รู้ แม่พูดกับเรา แม่จะไม่บอกพ่อ แต่บังคับให้เราบอกฝ่ายชาย เอาผู้ใหญ่มาคุย ตอนนั่นเราทะเลาะ
กับแม่หนักมากก เราเข้าใจแม่ เสียใจ ทีเรามีอะไรกับผู้ชาย โดยทียังไม่แต่งงาน แกก็จะพูดซ้ำเติมเรา แม่ไม่ใช่คนแบบนี้ ไม่ได้ทำตัวแบบนี้
คบใครก็ให้เค้าเอา เราคงเป็นลูกทีท่านรักและมีค่ามากแน่ๆ ใครทีมีอะไรกับเราต้องเรียกร้องทุกคน แต่สุดท้ายเราก็เลิกกับแฟนคนนี้นะ เราแต่งงาน
อีกทีตอนอายุ23 สามีคนปัจจุบัน สินสอดเรียก 5แสนทอง10 บาท แต่เราแต่งจริงๆ คือ4แสนทอง2บาท จัดงานใหญ่มาก เลี้ยงทั้งเช้า-เย็น
เราบอกท่าน เลี้ยงเช้าพอ เราเสียดายเงิน แต่ท่านก็ไม่ยอม จัดทั้งเช้า-เย็น คืนวันทีแต่งเสร็จ ส่วนใหญ่ เจ้าบ่าว-สาว ก็จะมาช่วยกันนับซอง
แต่คงไม่ใช่คู่เรา พ่อแม่น้องชายและแฟนน้องชาย เค้าช่วยกันนับ4คนคะ โดยทีไม่มีเราคู่บ่าวสาว ยังดีทีท่านคืนให้เรา 1แสนกับทอง10บาท
แต่ทีท่านคืนก็เพราะเราบอกท่านเรายืมคนอื่นมา1แสน ทองเราก็ยืมเค้ามา 8บาท ส่วนซองเราถามจากน้องชายตอนเช้า ได้ประมาณ290K
ค่าจัดงานหมดประมาณ2-3แสน หักกับสินสอด400Kกับซอง290K พ่อแม่เราก็เหลือ
กำไรอยู่ดี300Kกว่า (จริงๆค่าจัดงานหมดเยอะกว่านั แต่ถ่ายพรี ของชำร่วย ของจุกจิกเราเอาเงินส่วนตัวของเราออกเอง) ฝ่ายเจ้าสาวเป็นคนจัดงาน
แต่คุณรู้ไหมถึงฝ่ายเจ้าสาวจัดงาน ก็ไม่ได้เอาเงินตัวเองออกก่อนหรอกนะ สิ่งทีพ่อแม่เราทำคือจ่ายเงินค่าจัดต่างๆหลังจากได้รับเงินสินสอดคะ
ตลกดีเนาะ เราเป็นลูกทีพ่อแม่รักและมีค่ามากก แต่วันแต่งท่านไม่ได้ให้อะไรเราเลย เพราะทีให้มามันก็เป็นของทีเจ้าบ่าวเอามาแต่งเรา
หลังแต่งเรากับสามีติดลบๆสุดๆ เงินครึ่งล้านหายไปกับตา มีทองอยู่2บาท เราจำใจขายทองก่อน1บาท เผื่อเป็นค้าใช้จ่ายสำหรับจนถึงสินเดือน และ
ค่าเดินทาง สิ้นเดือนเงินเดือนถึงจะออก พอสิ้นเดือนแล้วเงินเดือนออก คล่องขึ้น แต่คนมันจะซวย รถก็ดันเสีย เปลี่ยนทั้งแม็กและยาง
คอมทีใช้งานก็พัง ก็เลยขายอีก1บาท เราสะเพร่าเอง ไม่เช็คคอมให้ดี สุดท้ายคอมทีเราซื้อมา วินโด กับงานทีเราทำ มันใช้ด้วยกันไม่ได้ มันลงได้แต่วิน10
เราก็ได้รูดบัตรเครดิตต้องซิ้ออีกเครื่อง คราวนี้เอาคอมประกอบจะได้เชฟค่าใช้จ่าย แต่ก็ยังแพงอยู่ เพราะงานทีเราทำต้องใช้สเปคสูงๆ แต่งได้เดือนเศษๆ พ่อแม่ก็อยากมาหาเรา จริงๆเราไม่อยากให้ท่านมาหา เพราะเรายังไม่มีเงิน แต่สุดท้ายท่านก็ขึ้นมาหา
ท่านอยู่ประมาณ2คืน3วัน ท่านมากัน4คนแฟนน้องชาย น้องชาย พ่อแม่ ตอนนั่นเราหมดไปเกือบ2หมื่น เราเลี้ยงทั้ง
4คน ตรงทีเราอยู่เป็น จ.ทีติดทะเล พ่อแม่แกก็อยากเที่ยวด้วย ค่าใช้จ่ายอาหารการกินทีพักก็เลยค่อนข้างสูง เงินก็ไม่ใช่จากไหนก็กดเงินบัตรเครดิตมาเลี้ยงนี้แหละ ชีวิตดีเนาะแต่งงานอย่างใหญ่โต แต่งเสร็จได้เดือนกว่าเป็นหนี้บัตรเครดิตร่วมแสน
บ้านก็ยังไม่มีอยู่ ยังเช่าอพาทเม้นกัน ตอนนี้ผ่านมาจะ2ปีแล้ว ใช้หนี้หมดตั้งแต่4-เดือนแรกมีเงินเก็บ
ต่างกับน้องชายเราเหลือเกิน น้องชายยังไม่แต่งงานนะ พึ่งเรียนจบ บ้างทีเราก็น้อยใจ แม่พ่อรักน้องมากกว่าเรา อวยน้องภูมิใจ น้องอยากได้อะไรก็หาให้
แกจะอวยน้องชายตลอด น้องชายเป็นคนเก่งหาเงินได้ ตั้งแต่เรียนยังไม่จบ
ได้เดือน2-4หมื่น แต่ไม่เคยซื้อของอะไรให้แม่เลย เห็นซื้อแต่ทองให้แฟนตัวเอง กลับบ้านก็ไม่เคยมีของกินของอะไรมาฝาก ต่างจากเรา เรากลับ
บ้านทีไหร่ เราซื้ออาหารทะเลไซส์ใหญ่ๆ ผลไม้ดีๆ ให้ท่านตลอด น้องเราเวลากลับบ้าน พาแฟนกลับมาด้วยตลอด อยู่ในห้องเดียวกัน
ยังไม่ได้แต่งงาน พ่อแม่เราก็ไม่เคยว่า บอกว่าผู้ชายไม่เป็นไรหรอก ต่างกับเราเหลือเกิน เราคบใคร ถ้าเรามีอะไรกับใคร แล้วท่านเค้นถามจับได้
ต้องไปเรียกร้องกับฝ่ายชายเสมอ ขนาดน้องยังไม่แต่งงาน แต่แม่เราเอ่ยปากแล้ว พูดทุกครั้ง
ถ้าน้องชายแต่งงานจะช่วยออกให้มัน 1-2แสนบาททอง10บาท ต่างกับเราบาทเดียวก็ไม่ได้ช่วยเหลือ เรากับสามีเก็บเงินแต่งเอง
เราคงเป็นลูกทีมีค่าสำหรับท่านมาก
เอาจริงๆตอนแรกตัวเราไม่ได้คิดอะไรเรื่องสินสอดเลย ไม่ได้คิดว่าท่านจะต้องคืนให้เราหมดหรืออะไร ถือว่าให้ท่าน
แต่ตัวพ่อแม่เองชอบทำให้ลูกตัวเองคิดว่ารักลูกไม่เท่ากัน จะพูดไปมา ถ้าน้องชายแต่งงานจะให้มันเท่านี้ๆเลย จนท่านพูดบ่อยวันนั่นเรา รู้สึกน้อยใจ
เพราะมันไม่ใช่แค่เรื่องนี้เรื่องเดียว หลายเรื่องมาก
เราเลยพูดขึ้นดีเนาะ เอาเงินให้ลูกสาวบ้านอื่น แต่กลับลูกสาวตัวเองบาทเดียวก็ไม่ได้ให้ เพราะทีให้มา ก็เป็นเงินทีเค้าเอามาแต่ง
แม่เรากลับพูดมา ก็ทำไงได้ผู้ชาย แต่เราก็ไม่ได้เถียงต่ออะไร แค่คิดในใจแล้วลูกสาวล่ะ
ใครว่าพ่อแม่รักลูกเท่ากัน เมื่อไหร่ระบบเรียกร้องเงินจากฝ่ายชายจะหมดไปในสังคมไทย
แน่นอนเราไม่ใช่ลูกทีดีมากอะไร ช่วงอายุ15 เรามีแฟน มีอะไรกับแฟนคนแรกตอนอายุ15 พอทีบ้านรู้ ก็ไปร้องเรียนเรียกเงินกับบ้านฝ่ายชาย เราไม่เข้าใจ
ทำไมต้องเรียก เราเสียใจมาก เราไม่เข้าใจความคิดท่าน แต่ทีเข้าใจตอนนั่น ท่านบอก เรามีค่าสำหรับท่าน มีค่าสำหรับพ่อแม่ ถ้าไม่เรียกร้อง
ทำแบบนี้ เราก็เสียตัวฟรี
พอตอนอายุ20 เรามีอะไรกับแฟนคนที2 พอแม่รู้ แม่พูดกับเรา แม่จะไม่บอกพ่อ แต่บังคับให้เราบอกฝ่ายชาย เอาผู้ใหญ่มาคุย ตอนนั่นเราทะเลาะ
กับแม่หนักมากก เราเข้าใจแม่ เสียใจ ทีเรามีอะไรกับผู้ชาย โดยทียังไม่แต่งงาน แกก็จะพูดซ้ำเติมเรา แม่ไม่ใช่คนแบบนี้ ไม่ได้ทำตัวแบบนี้
คบใครก็ให้เค้าเอา เราคงเป็นลูกทีท่านรักและมีค่ามากแน่ๆ ใครทีมีอะไรกับเราต้องเรียกร้องทุกคน แต่สุดท้ายเราก็เลิกกับแฟนคนนี้นะ เราแต่งงาน
อีกทีตอนอายุ23 สามีคนปัจจุบัน สินสอดเรียก 5แสนทอง10 บาท แต่เราแต่งจริงๆ คือ4แสนทอง2บาท จัดงานใหญ่มาก เลี้ยงทั้งเช้า-เย็น
เราบอกท่าน เลี้ยงเช้าพอ เราเสียดายเงิน แต่ท่านก็ไม่ยอม จัดทั้งเช้า-เย็น คืนวันทีแต่งเสร็จ ส่วนใหญ่ เจ้าบ่าว-สาว ก็จะมาช่วยกันนับซอง
แต่คงไม่ใช่คู่เรา พ่อแม่น้องชายและแฟนน้องชาย เค้าช่วยกันนับ4คนคะ โดยทีไม่มีเราคู่บ่าวสาว ยังดีทีท่านคืนให้เรา 1แสนกับทอง10บาท
แต่ทีท่านคืนก็เพราะเราบอกท่านเรายืมคนอื่นมา1แสน ทองเราก็ยืมเค้ามา 8บาท ส่วนซองเราถามจากน้องชายตอนเช้า ได้ประมาณ290K
ค่าจัดงานหมดประมาณ2-3แสน หักกับสินสอด400Kกับซอง290K พ่อแม่เราก็เหลือ
กำไรอยู่ดี300Kกว่า (จริงๆค่าจัดงานหมดเยอะกว่านั แต่ถ่ายพรี ของชำร่วย ของจุกจิกเราเอาเงินส่วนตัวของเราออกเอง) ฝ่ายเจ้าสาวเป็นคนจัดงาน
แต่คุณรู้ไหมถึงฝ่ายเจ้าสาวจัดงาน ก็ไม่ได้เอาเงินตัวเองออกก่อนหรอกนะ สิ่งทีพ่อแม่เราทำคือจ่ายเงินค่าจัดต่างๆหลังจากได้รับเงินสินสอดคะ
ตลกดีเนาะ เราเป็นลูกทีพ่อแม่รักและมีค่ามากก แต่วันแต่งท่านไม่ได้ให้อะไรเราเลย เพราะทีให้มามันก็เป็นของทีเจ้าบ่าวเอามาแต่งเรา
หลังแต่งเรากับสามีติดลบๆสุดๆ เงินครึ่งล้านหายไปกับตา มีทองอยู่2บาท เราจำใจขายทองก่อน1บาท เผื่อเป็นค้าใช้จ่ายสำหรับจนถึงสินเดือน และ
ค่าเดินทาง สิ้นเดือนเงินเดือนถึงจะออก พอสิ้นเดือนแล้วเงินเดือนออก คล่องขึ้น แต่คนมันจะซวย รถก็ดันเสีย เปลี่ยนทั้งแม็กและยาง
คอมทีใช้งานก็พัง ก็เลยขายอีก1บาท เราสะเพร่าเอง ไม่เช็คคอมให้ดี สุดท้ายคอมทีเราซื้อมา วินโด กับงานทีเราทำ มันใช้ด้วยกันไม่ได้ มันลงได้แต่วิน10
เราก็ได้รูดบัตรเครดิตต้องซิ้ออีกเครื่อง คราวนี้เอาคอมประกอบจะได้เชฟค่าใช้จ่าย แต่ก็ยังแพงอยู่ เพราะงานทีเราทำต้องใช้สเปคสูงๆ แต่งได้เดือนเศษๆ พ่อแม่ก็อยากมาหาเรา จริงๆเราไม่อยากให้ท่านมาหา เพราะเรายังไม่มีเงิน แต่สุดท้ายท่านก็ขึ้นมาหา
ท่านอยู่ประมาณ2คืน3วัน ท่านมากัน4คนแฟนน้องชาย น้องชาย พ่อแม่ ตอนนั่นเราหมดไปเกือบ2หมื่น เราเลี้ยงทั้ง
4คน ตรงทีเราอยู่เป็น จ.ทีติดทะเล พ่อแม่แกก็อยากเที่ยวด้วย ค่าใช้จ่ายอาหารการกินทีพักก็เลยค่อนข้างสูง เงินก็ไม่ใช่จากไหนก็กดเงินบัตรเครดิตมาเลี้ยงนี้แหละ ชีวิตดีเนาะแต่งงานอย่างใหญ่โต แต่งเสร็จได้เดือนกว่าเป็นหนี้บัตรเครดิตร่วมแสน
บ้านก็ยังไม่มีอยู่ ยังเช่าอพาทเม้นกัน ตอนนี้ผ่านมาจะ2ปีแล้ว ใช้หนี้หมดตั้งแต่4-เดือนแรกมีเงินเก็บ
ต่างกับน้องชายเราเหลือเกิน น้องชายยังไม่แต่งงานนะ พึ่งเรียนจบ บ้างทีเราก็น้อยใจ แม่พ่อรักน้องมากกว่าเรา อวยน้องภูมิใจ น้องอยากได้อะไรก็หาให้
แกจะอวยน้องชายตลอด น้องชายเป็นคนเก่งหาเงินได้ ตั้งแต่เรียนยังไม่จบ
ได้เดือน2-4หมื่น แต่ไม่เคยซื้อของอะไรให้แม่เลย เห็นซื้อแต่ทองให้แฟนตัวเอง กลับบ้านก็ไม่เคยมีของกินของอะไรมาฝาก ต่างจากเรา เรากลับ
บ้านทีไหร่ เราซื้ออาหารทะเลไซส์ใหญ่ๆ ผลไม้ดีๆ ให้ท่านตลอด น้องเราเวลากลับบ้าน พาแฟนกลับมาด้วยตลอด อยู่ในห้องเดียวกัน
ยังไม่ได้แต่งงาน พ่อแม่เราก็ไม่เคยว่า บอกว่าผู้ชายไม่เป็นไรหรอก ต่างกับเราเหลือเกิน เราคบใคร ถ้าเรามีอะไรกับใคร แล้วท่านเค้นถามจับได้
ต้องไปเรียกร้องกับฝ่ายชายเสมอ ขนาดน้องยังไม่แต่งงาน แต่แม่เราเอ่ยปากแล้ว พูดทุกครั้ง
ถ้าน้องชายแต่งงานจะช่วยออกให้มัน 1-2แสนบาททอง10บาท ต่างกับเราบาทเดียวก็ไม่ได้ช่วยเหลือ เรากับสามีเก็บเงินแต่งเอง
เราคงเป็นลูกทีมีค่าสำหรับท่านมาก
เอาจริงๆตอนแรกตัวเราไม่ได้คิดอะไรเรื่องสินสอดเลย ไม่ได้คิดว่าท่านจะต้องคืนให้เราหมดหรืออะไร ถือว่าให้ท่าน
แต่ตัวพ่อแม่เองชอบทำให้ลูกตัวเองคิดว่ารักลูกไม่เท่ากัน จะพูดไปมา ถ้าน้องชายแต่งงานจะให้มันเท่านี้ๆเลย จนท่านพูดบ่อยวันนั่นเรา รู้สึกน้อยใจ
เพราะมันไม่ใช่แค่เรื่องนี้เรื่องเดียว หลายเรื่องมาก
เราเลยพูดขึ้นดีเนาะ เอาเงินให้ลูกสาวบ้านอื่น แต่กลับลูกสาวตัวเองบาทเดียวก็ไม่ได้ให้ เพราะทีให้มา ก็เป็นเงินทีเค้าเอามาแต่ง
แม่เรากลับพูดมา ก็ทำไงได้ผู้ชาย แต่เราก็ไม่ได้เถียงต่ออะไร แค่คิดในใจแล้วลูกสาวล่ะ