(Review) แนะนำหนังสือชีวประวัติ I AM MALALA มันยอดมากกกกก!!!


I AM MALALA
The girl who stood up for Education and was shot by the Taliban
หนังสือที่เปิดโลกกทัศน์ และเปลี่ยนวิธีการมองโลกอย่างไม่น่าเชื่อ
ผมมีโอกาสได้หยิบหนังสือชื่อดังอย่าง I am Malala มาอ่านเมื่อไม่นานมานี้ ไม่รู้อะไรดลใจเหมือนกัน เพราะในความรู้สึกในช่วงก่อนหน้านี้คือเรื่องราวพวกนี้ ประเทศเหล่านี้ ช่างดูห่างไกล ทั้งแตกต่าง จนเรารู้สึกว่าเราเอื้อมไม่ถึง แต่ในขณะเดียวกันโลกของเราที่เกิดเหตุระเบิดไม่เว้นแต่ละวัน ทำให้ผมหันกลับมามองแถบประเทศนี้และศาสนานี้ให้มากขึ้น 0นรู้สึกถึงมลเสน่ห์อะไรบางอย่าง(ไม่ใช่ในด้านสงครามนะ) จริงๆ ผมก็พึ่งมีโอกาไสด้รู้จัก มาลาล่า ว่าเป็นใครก็เมื่อไม่นานมานี้
แต่หลังจากได้อ่าน ด้วยสำนวนการเขียน(ซึ่ง MALALA มีคนช่วยคือ Christina Lamb) หนังสือเล่มนี้ทำให้ผมวางไม่ลงเลย แถมเรายังรู้สึกอิน รู้สึกเหมือนเราได้เข้าไปอยู่ในแต่ละเหตุการณ์ในหนังสือ หลังจากอ่านจบต้องบอกเลยว่า หนังสือเล่มนี้เหนือความคาดหมายมากๆ จากตอนแรกที่ผมกะซื้อมาอ่านฆ่าเวลา แต่กลับกลายเป็นว่า เรื่องราวของเด็กผู้หญิงอย่าง Malala ได้ให้ความรู้ และข้อคิดชีวิตอันมากมาย


1.    มาลาล่า เป็นเด็กสาวที่ฉลาดเกินวัย ด้วยวัยเพียงเท่านี้แต่กลับยืนหยัดในสิ่งที่ตัวเองเชื่อ และสิทธิของสตรี ในขณะที่โรงเรียนทั่ว Swat Valley และ Pakistan เอง ถูกระเบิดเป็นว่าเล่น แต่มาลาล่าไม่กลัวที่จะเดินทางไปเรียนทุกวัน อะไรที่ทำให้เธอกล้าหาญได้ถึงเพียง มันทำให้ผมย้อนกลับมามอง ชีวิตของตัวเองและเด็กหลายๆคนที่ได้รับโอกาส ที่เรียนบ้างเล่นบ้าง ให้มันจบๆไปเอง เรา Take it for granted แต่สำหรับ มาลาล่าที่เกือบจะไม่มีโอกาสได้เรียน มันทำให้เรามองเห็นคุณค่าของการศึกษาต่างกัน
2.    วัฒนธรรมของชาว อาหรับ มุสลิม ในปากีสถาน ความไม่เท่าเทียมกันในสังคม ทั้งเรื่องของชายหญิง และอื่นๆ มันทำให้เรารู้ว่าเราโชคดีแค่ไหนแล้ว
3.    ในหนังสือ เล่าเรื่องชีวิตของครอบครัว มาลาล่า ตั้งแต่รุ่นพ่อแม่ จนกระทั่งมาลาล่าย้ายมาอยู่อังกฤษ ตลอดหนังสือเราจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ และเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในปากีสถานและทั่วโลก มีความรู้ด้านเหตุการณ์สำคัญแอบแฝงอยู่บ่อยๆ
4.    เราเสพข่าวโดยการรับสื่อจาก CNN และ BBC ซึ่งเป็นสื่อในมุมมองของคนนอก ในเล่มนี้เราจะได้รับรู้ความรู้สึกนึกคิดของคนใน Pakistan ต่อเหตุการณ์ต่างๆที่ได้เกิดขึ้น
5.    การเผชิญหน้าของ มาลาล่า เด็กผู้หญิงคนหนึ่ง และกลุ่มชายตาลีบันที่ยิงเธอ ทำให้เธอได้เจอกลับความเปลี่ยนผันของชีวิตครั้งใหญ่ สิ่งที่ผมรู้สึกประหลาดใจมากที่สุดคือ เธอบอกว่าเธอไม่โกรธและเกลียดชายคนนั้นที่ยิงเธอเลย มันทำให้ผมประทับใจโดยเฉพาะท่อนที่บอกว่า เธอเคยคิดกับตัวเองเล่นๆก่อนเธอจะโดนยิงว่า ถ้าเธอโดนชาวตาลีบันมาดักยิงจริงๆเธอจะทำอย่างไร เธอคิดกับตัวเองว่า เธอจะถอดรองเท้าและโยนใส่ชาวตาลีบัน แต่แล้ว นั่นหมายความว่า ถ้าเธอทำแบบนั้น เธอก็ไม่ต่างอะไรจากกลุ่มตาลีบันเลย สิ่งที่ดีที่สุดที่เธอควรทำคือ บอกกับชาวตาลีบันว่า ทำไมเธอถึงคิดว่าการศึกษาสำคัญ เธอขอแค่ได้บอกในสิ่งที่เธอคิด และถ้าหลังจากนั้นชาวตาลีบันยิงเธอ เธอก็จะไม่โกรธเลยสักนิด นี่เป็นสิ่งที่น่าทึ่งของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่สามารถคิดได้ขนาดนี้ในประเทศที่มีสงคราม เธอสามารถที่จะปล่อยวางได้ ถ้าคนสักครึ่งโลกเป็นแบบ มาลาล่า ก็คงจะไม่วุ่นวายถึงเพียงนี้
สุดท้ายแล้ว ผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไม Malala ถึงได้รับรางวัล โนเบลสันติภาพ เพราะเธอเป็นผู้กล้าที่แท้จริง เธอออกมาเรียกร้อง ต่อต้านกลุ่มตาลีบันเพราะกลุ่มตาลีบันพรากสิ่งที่เธอคิดว่าสำคัญสำหรับทุกคนไป นั่นก็คือ การศึกษา ถึงแม้ว่าจะมีเสียงค้านจากคนในประเทศของเธอเอง ว่าเธอไม่เหมาะสมที่จะได้รับรางวัลนี้ ไม่ว่าจะเป็นเพราะความเชื่อในด้านศาสนา หรือ มีอีกหลายคนที่ทนทุกข์มากกว่ามาลาล่า ที่ควรได้ แต่ผมกลับคิดว่า คนที่สมควรได้รับรางวัลมากที่สุด ไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่ Suffer ที่สุด แต่เป็นคนที่กล้าที่จะออกมาเรียกร้องสิทธิพื้นฐานเหล่านี้ให้ตัวเองและผู้อื่นในสังคม และมาลาล่าได้พิสูจน์แล้วว่าเธอสามารถทำเช่นนั้นได้







ป.ล เป็นหนังสือที่ดีจริงๆครับ คงได้เอากลับมาอ่านอีกรอบซะแล้ว เพราหลังจากอ่านจบ ผมยังตกอยู่ในภวังค์ไม่หาย จนต้องหา Documentary เรื่อง He named me Malala มาดู หนังสือเล่มนี้ทำให้ผมอ่านละติดยิ่งกว่านิยายบางเรื่องซะอีก
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่