สวัสดีค่า ต้องขอแนะนำนำนิดนึงนะค้า ตอนแรกไม่ได้คิดว่าจะมารีวิวอะไร
แต่เห็นคนที่ไปหลายๆคน ต้องเสียค่าใช้จ่ายมาก โดนโขกสับ เพราะเป็นคนต่างถิ่น
พวกเราจึงอยากทำกระทู้นี้ขึ้นมาเผื่อจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่กำลังหาแนวทางการเดินทางไปค่า


จุดเริ่มต้นการเดินทางของพวกเราคือ ความศรัทธา คือพวกเราอยากไปไหว้พ่อปู่กันหลายรอบ
แต่ไม่มีโอกาสได้ไป พอช่วงปิดเทอม มีช่วงจังหวะที่ว่างตรงกันพอดีพวกเราจึงชวนกันไปค่ะ
โดยการเดินทางครั้งนี้ เราเป็นนักศึกษา 4 คน มีแม่เพื่อนที่อยากไปเที่ยวด้วย 1 คน
(พอดีเพื่อนเราเป็นคนหาเลี้ยงครอบครัว จึงต้องพาแม่ไปทุกที่ค่ะ)


โดยพวกเราจะจองตั๋วของตอนเช้าในวันนั้นค่ะ เพื่อให้ได้ตั๋วนั่ง แน่นอนว่าเป็นรถไฟฟรี ~
โดยพวกเราเดินทางวันที่ 21 มิ.ย 60 ซึ่งเป็นวันพุธค่ะ


รถไฟเริ่มออกเดินทางตามเวลา 20.45 น. ซึ่งคนบนรถไฟค่อนข้างที่จะเยอะมากๆ
มีขายของกินบนรถไฟประปราย แต่พอดีพวกเราทานมาเรียบร้อยแล้ว จากที่สถานีเลยไม่ได้ซื้ออะไรเพิ่มค่า


และแล้วก็ถึงตัวจังหวัดอุดรธานี โดยถึงประมาณ 9 โมงกว่า ของวันที่ 22 มิ.ย.60 (แต่ในกำหนดระบุว่าจะถึงช่วง 7.33 น. ) เลทนิดหน่อย ซึ่งพวกเราเตรียมใจเรื่องนี้ไว้แล้ว


พอเราลงจากรถไฟจะมีคนมาคอยเสนอราคาค่ารถโน่นนี่นะคะ เดินวนไปค่ะ ราคาโหดเกิ๊นนนนร~
ถ้ามาคนเดียวหรือคนน้อย แนะนำไป บขส.ค่ะ อันนี้ออกมาเรียกใช้บริการรถด้านนอกเลยค่ะ
ซึ่งตกลงราคาเหมาคือ 1,300 บาท ไปคำชะโนด และแถมรอรับกลับมายังในเมือง ซึ่งคำนวณดูแล้ว
ถูกกว่าที่จะต้องไปต่อรถหรือเหมารถจากหน้าสถานีครึ่งต่อครึ่งเลยค่ะ แถมไม่ต้องเสียเวลาค่า
ซึ่งตกคนละ260 บาท หรือคนละ130/รอบ ซึ่งคุ้มเลยค่ะ แถมไม่ต้องกระเตงของเข้าไปที่วัด สามารถวางไว้ที่รถได้ค่ะ
และไม่ต้องรีบเลย เพราะสามารถกลับเวลาไหนก็ได้ค่ะ (ปล.การเรียกรถแชทมาถามได้นะคะ)


มาถึงคำชะโนด ก็ 12.00 น. พอดี ทัองเริ่มร้องกันแล้ว
เลยรีบจัดการร้านภายในวัด ซึ่งเรทราคาก็เหมือนๆ ที่เราอยู่ กทม.ค่ะ ไม่แพงเกินไปค่ะ


บริเวณวัดก็จะมีรถรับจ้างบริการ มีร้านค้าต่างๆมากมาย พ่อค้าแม่ค้าส่วนใหญ่ใจดีค่ะ
มีแม่ค้าเค้าคอยแจกถุงให้เราใส่รองเท้าด้วยนะคะ
(ทางวัดมีบริการเช่าผ่าซิ่นด้วยนะคะในกรณีที่เราใส่ขาสั้นมา ตัวละ 20 บาท)


เราสามารถซื้อบายศรีเพื่อเข้าไปไหว้ข้างในได้จากของที่วัดได้เลยค่ะ พี่ที่เป็นเจ้าหน้าที่ก็แนะนำข้อต่างๆดีมากๆ
ราคาพวงมาลัยชุดละ 20.- บาท หรือแล้วแต่ศรัทธาค่ะ
ของพวกเราไปหลายคน จึงซื้อชุดใหญ่มาค่ะ (499 บาท)
วันที่เราไปคือวันพฤหัสบดีคนไม่ค่อยเยอะ ไม่ต้องรอเข้าคิว เดินได้สบายๆค่า


ทางเข้าก็เดินจับเกล็ดไปตามเสต็บที่มีคนแนะนำมาว่าเป็นสิ่งมงคล
หรือเอากระเป๋าสตางค์ถูไปก็ได้นะคะ แล้วแต่ความเชื่อคน


บรรยากาศวัดร่มรื่นมากค่ะ แม้จะเป็นเวลาบ่ายแบบนี้ แต่พอเดินเข้ามาอากาศเย็นขึ้นมาทันที
ไม่ต้องกังวลเรื่องสภาพอากาศเลยค่ะ


พอเดินเข้ามาคนจะเริ่มเยอะนิดนึงค่ะ มีการต่อคิวสวดคาถาต่างๆ ตามความเชื่อ
เพื่อเหมือนเรากล่าวคำขอที่จะขอถวายของบูชา ซึ่งก็จะรวมกันสวดเป็นกลุ่มๆไปค่ะ
คนก็จะทยอยเดินเข้า เดินออกกันไปค่ะ


แล้วพวกเราก็ต่อคิวเพื่อนำบายศรีมาถวาย และได้เข้ามาในศาลาพ่อปู่ศรีสุทโธ ย่าศรีปทุมมา แล้วก็กราบขอพรกัน
บายศรีสามารถนำกลับได้นะคะ แต่พวกเราไม่ได้นำกลับ เพราะตั้งใจจะมาถวายท่านเลยค่ะ
แต่ที่สำคัญที่สุดคือใจที่ตั้งมั่น และศรัทธาค่ะ สุดท้ายเมื่อได้รับพร ก็ขอให้ตั้งมั่นอยู่ในศีลธรรม
และตั้งใจสิ่งที่เราตั้งใจไว้ให้ดีที่สุดค่ะ

บริเวณต่างๆ ภายในเกาะนะคะ
ปล.ไม่ได้เข้าไปถ่ายในตรงที่ตักน้ำมนต์ กลัวน้ำโดนกล้องค่ะ แฮะๆ คนสาดน้ำกันเยอะเลยทีเดียว
ข้อแนะนำจากทางวัดนะคะ ไม่ควรโยนเหรียญไปในสระน้ำ ม่เอามือจ้วงล้วง หรือทำให้สกปรกนะคะ
เพราะหลายคนมาขอน้ำมนต์ไปรับประทาน เค้าก็อยากได้น้ำที่สะอาดๆนะคะ ทางวัดเลยขอความร่วมมือตรงนี้ด้วยค่ะ


พอกลับจาก เกาะคำชะโนด เราก็ตรงดิ่งมาที่พักทันที
(ความจริงพี่คนขับรถจะพาแสะอีกหลายที่เลย แค่พวกเราแต่ละคนเหนื่อยกันแล้วเลยเข้าที่พักเลยค่ะ)
โรงแรมที่พวกเราคือ B2 hotel เพราะไม่ไกลจากสถานีรถไฟ ห้องสวยมากค่ะ
เนื่องจากพวกเรามีมากัน 5 คน
แบ่งเป็น 3 คน 1 ห้อง ห้องละ 550.-/คืน ตกคนละ 185 บาท
และแบ่งเป็น 2 คน 1 ห้อง ห้องละ 490.-/คืน ตกคนละ 245 บาท

มีบริการน้ำสิงห์ฟรี 3 ขวด กาแฟฟรี 2 ชุด นำ้ร้อนฟรี wifi

ห้องน้ำมีเครื่องทำน้ำอุ่น สบู่ ยาสระผม

อัตราค่าบริการรถรับส่ง
สนามบิน ในเวลา ฟรีค่ะ
สถานีรถไฟ,UD town 60 บาท
หนองประจักษ์ ,สวนน้ำplayport 100 บาท


ที่ชอบมากๆ คือวิวห้อง สวยมว๊ากกกกกกก เปิดผ้าม่านอออกมาคือแทบกร๊ด 55
คือถ่ายรูปกันเพลินนน 55555 ไม่นึกว่าจะได้ห้องบรรยากาศแบบนี้ในราคาเท่านี้เลย


พอพักผ่อนเสร็จแล้ว พวกเราก็มาเที่ยวต่อกันเลย โดยเรานั่งรถจากโรงแรมมาที่หนองประจักษ์
ซึ่งเเป็นที่สวนสาธารณะ แต่มีแลนด์มาร์กคิอเป็ดตัวหย๊ายหย่ายยยย น่ารักก ตะมุตะมิ
ไม่รอช้า ต้องถ่ายรูปกันไป อากาศดี บรรยากาศดีค่ะ ไม่วุ่นวายดี


สักพักนึงหิวอีกแย้วว ของกินแถวนั้นเยอะค่ะ ร้านน่านั่งเยอะเลย
มีบางร้านที่จะเข้าร่วมพวก Dtac reward สามารถกดแลกมารับประทานได้ค่ะ คุ้มแน่นอน


วันต่อมาพวกเรา Check out จากโรงแรมตอน 12.00 น. ออกมาจองตั๋วขากลับไว้ก่อนเลย
ตั๋วฟรีอีกเช่นเคย 555

แล้วก็แวะทานอาหารร้านใน UD town ซึ่งอยู่บริเวณหน้าสถานีรถไฟอุดรธานีเลยค่ะ


ถ่ายรูปชิคๆ ที่ UD Town ได้เลย มุมสวยๆเยอะ


อยากจะถ่ายเดี่ยวถ่ายคู่ก็ได้หมด พอดีใน UD มีเสื้อคู่น่ารักๆ ขายด้วย
เลยจัดกันมาคนละตัว ตัวละ 125 บาท


ud Town มีหลายมุมหลายโซน ของขายเยอะมากกกกก ที่กว้างมาก เดินวนไปจนเมื่อย
โดยเฉพาะช่วงเย็น มีศูนย์อาหารหลากหลายเลย


ด้วยความที่เวลาเหลือ เพราะต้องขึ้นรถไฟตั้งทุ่มนึง
พวกเราเลยกะมาเดินเล่นที่ ศาลเจ้า ปู่ย่าอุดร ซึ่งพอเข้ามา เป็นสถานที่ที่ร่มเย็นมากๆ

มีจุดไหว้ ถึง 6 จุด ซึ่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวอุดรธานีนับถือ
เจ้าหน้าที่ในศาลก็ต้อนรับ และแนะนำเป็นอย่างดี ในการไหว้ต่างๆ

ที่สำคัญ วิวสวยอีกเช่นกันนนค่าาา~ มีเรือเป็ดให้ถีบ มีสวนให้เดิน พร้อมวิวแม่น้ำ
โปรดมองที่วิวนะ อิอิ


เจ้าหน้าที่ที่ศาลเจ้าแนะนำให้ลองไปเดินพิพิธภัณฑ์ข้างใน
พวกเราตอนแรกนึกว่าแบบที่เล็กๆ กะไปเดินฆ่าเวลา
พอเดินไปถึง คือสวยมากก งานดีมากก รายละเอียดดีมากๆค่ะ


พอเดินมาข้างในเห็นมีซุ้มชุด ให้เช่าถ่ายรูปต่างๆ
พอถามราคา คือราคาน่ารักมาก เลยลองดู เพราะไหนๆก็มาแล้ว พี่ที่บริการก็น่ารักมากค่ะ
ราคาชุดเริ่มต้นตั้งแต่ 50 - 500 บาทค่ะ
ชุดในภาพชุดละ 50 บาทค่ะ


ตัวอย่าง บริเวณรอบๆ พิพิธภัณฑ์ค่ะ สวยมากๆ มีให้ให้อาหารปลาคาร์ฟด้วย


บริเวณภายใน พิพิธภัณฑ์มีการจัดแสดงต่างๆ บอกเล่าเรื่องราวมากมาย
มีเป็นโรงภาพยนต์3 มิติด้วย คล้ายกับนิทรรศน์รัตนโกสินทร์


เราสามารถมีส่วนร่วมกับภายใน พิพิธภัณฑ์ได้หมดเลยค่า


ตอนท้ายมีบริการถ่ายรูปฟรีด้วย สามารถเก็บเป็นที่ระลึกด้วยการส่งเข้าที่ E-mail
หรือจะให้เจ้าหน้าที่ปริ๊นให้กฌได้ค่ะ น่ารักมากกๆ


เดินไปเดินมาทุ่มนึงซะแล้ว รีบวิ่งมาขึ้นรถไฟ 555 แต่รถไฟเลทไป ชม.นึง ทำให้พวกเรามาขึ้นทันเวลา
แถมเหลือเวลาในการหาของรับประทาน เราเดินทางกลับจากอุดรธานี วันที่ 23 มิย 60 เวลา 19.19
(แต่รถไฟมา 20.30 น.) ถึงสถานีรถไฟ กทม เวลา 8.00 น. (เวลาในตั๋ว 05.45 น.)


นี่เป็นการรีวิวของพวกเราครั้งแรก ยังไงหากมีสิ่งใดผิดพลาดพวกเราขออภัยด้วยค่า
น้อมรับคำแนะนำติชมค่ะ 🙏🏻